เราเป็นคนหนึ่งที่ติดยาดมจนเหมือนเป็นเพื่อนคู่ใจ แม้ในวันที่เหนื่อยล้าก็ยังมียาดมข้างกายซึ่งพอลองมานั่งสังเกตดูดีๆ หลายคนอาจเจอปัญหาเรื่องแพ็กเกจไม่สวยงาม พกพายาก จนต้องแอบหยิบขึ้นมาใช้ คอลัมน์ Redesire เลยขอพาเพื่อนๆ เข้าสู่โลกของ Apaul Product แบรนด์ยาดมที่จะทวิสต์มุมมองที่มีต่อยาดมแบบเดิม จนกลายเป็นไอเท็มสุดปังที่ไม่ว่าจะหยิบ จับ พกพา ไปที่ไหนก็มีแต่คนทัก แถมยังสร้างประสบการณ์และความเชื่อใหม่ที่ว่า การใช้ยาดมกลิ่นสมุนไพรไม่จำเป็นต้องแก่เสมอไป
เปิดประสบการณ์การรับรู้กับโลกใบใหม่ของยาดม
หลังจากนัดแนะกับ ‘พี่อาร์ต-ภุชงค์ คำพิมาน’ เจ้าของแบรนด์ Apaul Product ไว้เรียบร้อย Urban Creature ก็ไม่รอช้าออกเดินทางไปยังย่านปิ่นเกล้าอันเป็นที่ตั้งของสตูดิโอ Apaul Product ตั้งแต่ก้าวแรกที่เราไปถึงพี่อาร์ตก็เตรียมจัดแจงตัวอย่างยาดม และสมุนไพรที่ใช้ทำไส้เอาไว้รอแล้ว เราทักทายพูดคุยกันไปสักพักพี่อาร์ตก็เริ่มเล่าถึงจุดเริ่มต้นของ Apaul Product
“จริงๆ ผมเริ่มจากการเป็นนักออกแบบเฟอร์นิเจอร์มาก่อนมีประสบการณ์มาสิบกว่าปี แล้วโปรเจกต์ส่วนใหญ่จะเป็นสไตล์สแกนดิเนเวียน หรือที่ในวงการนักออกแบบเขาจะเรียกกันว่า Nordic มันคือการเอารูปทรง เส้นสาย ลวดลาย ของธรรมชาติมาใช้งาน ซึ่งเมื่อก่อนยังไม่ค่อยมีคนสนใจทำแนวนี้เท่าไหร่ แล้วพอทำมาเรื่อยๆ ก็เริ่มได้รางวัลมาบ้างนิดๆ หน่อยๆ
“พอปี 2020 ที่ผ่านมาก็เลยลองเอาคอนเซปต์ที่เคยใช้ทำเฟอร์นิเจอร์มาคิดต่อยอดดีไซน์ จนกลายเป็นยาดม Apaul แต่นี่ไม่ใช่การทำยาดมขึ้นมาเฉยๆ นะ เพราะเราใช้ทักษะของดีไซเนอร์ที่มีอยู่ในตัวเรา ออกแบบให้ยาดมมีขนาดกะทัดรัดเหมาะกับคนใช้ ที่สำคัญ ต้องเป็นรูปทรงที่ไม่น่ากลัว เป็นมิตรกับผู้คน ใครเห็นก็ต้องสะดุดตา
“เท่านั้นยังไม่พอผมยังตั้งใจออกแบบประสบการณ์ให้กับผู้ใช้งานด้วย มันคือการกระตุ้นให้คนเรามีความรู้สึกไม่ว่าจะเป็น ความรู้สึกประทับใจ รู้สึกดีที่ได้รับ รู้สึกดีที่ได้สัมผัส รู้สึกผ่อนคลายที่ได้กลิ่น ซึ่งถ้าการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกและการออกแบบประสบการณ์กลายเป็นเรื่องเดียวกันได้ มิติของการดีไซน์ก็จะเปลี่ยนไปอีกแบบหนึ่งเลย”
พอพี่อาร์ตเริ่มพูดในมุมของการหยิบสไตล์สแกนดิเนเวียนมาใช้ในการออกแบบยาดม เราถึงกับร้องอ๋อทันที เพราะถ้าลองสังเกตดูดีๆ รูปร่างของยาดมที่เราเห็นจะเน้นความโค้งมนคล้ายคลึงกับรูปแบบของเฟอร์นิเจอร์สไตล์สแกนดิเนเวียน ซึ่งจุดเด่นของการออกแบบสไตล์นี้คือความเรียบง่าย ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่เก่า มองกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ หรือจะเรียกว่าไร้กาลเวลาก็ไม่ผิด
Apaul ยาดมที่แอบซ่อนความหมายที่มากกว่าการสูดดม
นอกจากการตีโจทย์เรื่องการออกแบบแล้ว พี่อาร์ตยังลงลึกถึงรายละเอียดของชื่อแบรนด์อย่างน่าสนใจ
“หลายคนเขาถามถึงชื่อแบรนด์นะ (หัวเราะ) อารมณ์แบบ เอ๊ะ แปลว่าอะไร อ่านว่าอะไร Apaul อ่านว่า ‘เอพอล’ อาจจะเป็นคำที่แปลกไม่คุ้นหูสักเท่าไหร่ แต่มันมีความหมายแฝงอยู่ในนั้นด้วย อย่าง A แปลว่า ‘หนึ่ง’ PAL อ่านว่า ‘แพล’ แปลว่า ‘เพื่อน’ U คือสัญลักษณ์ของรอยยิ้ม
“พอเอาทั้งหมดมารวมกัน มันกลายเป็นแนวคิดหลักของแบรนด์ที่เรานิยามไว้ว่า Apaul คือเพื่อนที่ให้ความสุขกับเราทุกที่ สมมติว่าอยู่เหงาๆ คนเดียว เราอยากให้นึกว่า Apaul เป็นเพื่อนอีกหนึ่งคน ซึ่งในอนาคตมันอาจจะเป็นโปรดักต์อะไรก็ได้ แต่มันต้องให้ความสุขกับเราได้ทุกที่”
พอได้ยินความหมายของชื่อแบรนด์แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า ความสุขมันอยู่ใกล้เราแค่นี้เอง ใครจะคิดล่ะว่ายาดมจะพาให้เราคิดถึงความสุขได้ ซึ่งพี่อาร์ตก็เล่าเสริมอีกว่า “ต้องบอกก่อนว่าเราไม่ได้อยากสร้างยาดม Apaul ออกมาเพื่อแข่งกับใคร แต่เราพยายามค้นหาสิ่งที่พางานของเราออกไปหาผู้คนได้ สร้างความสุขให้กับเขาได้ด้วย และการทำยาดมก็ตอบโจทย์ที่เราตั้งใจไว้ แถมยิ่งทำก็ยิ่งทำให้แนวคิดของเราชัดขึ้น คือมันก็มีอยู่สามแกนหลักๆ
“อย่างแนวคิดแรกเรานึกถึงคุณค่าจากธรรมชาติ มองว่ายุคนี้เป็นยุคสร้างสรรค์ ดีไซน์มันสร้างมูลค่าให้ของได้จริงๆ เช่นเราเลือกใช้ไม้ยางพาราเหลือทิ้งที่คนไทยปลูกเพื่อกรีดเอาน้ำยาง พอหมดประโยชน์แล้วเขาก็โค่นทิ้งแล้วปลูกต้นใหม่
“มันคือวงจรชีวิตของชาวสวนยางที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ก็เลยเป็นจุดที่ตัดสินใจเลือกไม้ยางมาใช้เป็นวัสดุหลัก อีกอย่างก็อยากช่วยเพิ่มมูลค่าให้ทรัพยากรเหลือทิ้งพวกนี้ ชาวสวนยางจะมีรายได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
“สอง คือการรักษาภูมิปัญญาไทย เราเลยเลือกใช้กลิ่นจากสมุนไพรไทยกับยาดมของเรา โดยยังคงรักษาวิธีการทำแบบดั้งเดิมเอาไว้ แล้วก็ไม่มีทั้งสารเคมี หรือสารเร่งกลิ่นในยาดมเลย เพราะผมเชื่อว่าวิธีนี้มันจะดีกับผู้บริโภคจริงๆ
“ข้อสุดท้าย คือความคราฟต์ ทุกกระบวนการเราทำด้วยมือเกือบทั้งหมดเลย ตั้งแต่เริ่มขัด กลึง ขึ้นรูป หรือแม้กระทั่งการเคลือบอะลูมิเนียมด้านใน ก็เคยตั้งคำถามกับตัวเองเหมือนกันว่าถ้าเรากลายเป็นระบบโรงงาน มีเครื่องจักรมาทุ่นแรงเยอะขึ้น มันก็คงไม่ใช่เรา เสน่ห์และมูลค่าของงานคราฟต์ของเราก็จะหายไปด้วย เลยเลือกที่จะยืนหยัดทำตรงนี้ต่อไป”
เมื่อสมุนไพรไทยเจอกับไม้ยางพาราเหลือทิ้งกลายเป็นยาดมสุดชิก
จากใจคนคลั่งรักยาดม เรารับรู้ได้ว่า Apaul ไม่ใช่แบรนด์ที่คิดจะทำยาดมเล่นๆ แล้วล่ะ เราสัมผัสได้ถึงความตั้งใจอันแรงกล้านี้ ยิ่งชักชวนให้เราอยากคุยต่อถึงแนวคิดที่พาให้แบรนด์ที่เพิ่งเกิดใหม่โลดแล่นไปในโลกกว้าง แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะพาวัตถุดิบอย่างสมุนไพรไทยออกไปอวดโฉมด้วย
“ทำไมเลือกใช้กลิ่นจากสมุนไพรไทยเหรอ เพราะนอกจากกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ที่ให้ความสดชื่น ผ่อนคลายแล้วมันยังมีสรรพคุณทางยาด้วย เราเลยพยายามคัดสรรกลิ่นที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นกลิ่นเพียงหนึ่งเดียวของแบรนด์ Apaul เพราะเชื่อว่าการมีกลิ่นเยอะมันอาจไม่ใช่ข้อดีสำหรับแบรนด์เรา
“บางทีวัตถุดิบมาจากภาคเหนือ ภาคใต้ สายพันธุ์แตกต่างกัน ความอ่อนแก่ ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้กลิ่นของยาดมเปลี่ยน เราควบคุมความเหมือนของกลิ่นให้อยู่ในระดับเดียวกันค่อนข้างยาก แต่สิ่งสำคัญคือเราจะไม่มีการปรุงแต่งกลิ่นเลย เพราะเราตั้งใจมอบประสบการณ์ขณะดมกลิ่น ที่ทุกคนจะได้ดื่มด่ำกับสมุนไพรแท้ๆ และด้วยกลไกของสมุนไพรที่ไม่ได้ปรุงแต่ง
“ถ้าเราใช้ยาดมเป็นเวลานาน หรือเปิดใช้บ่อยๆ กลิ่นมันก็จะอ่อนลงไปตามธรรมชาติ เราเลยทำน้ำยาสำหรับเติมยาดมขึ้นมา พอใช้แล้วกลิ่นมันก็จะกลับมาอีกครั้ง ตัวน้ำยาส่วนผสมหลักง่ายๆ ก็จะมีเมนทอล การบูร พิมเสน และน้ำมันยูคาลิปตัส มันก็จะยิ่งยืดระยะเวลาใช้งานยาดมให้มากขึ้นไปอีก”
สำหรับเราแล้วยาดมกลิ่นสมุนไพรเป็นกลิ่นที่เราชอบก็เพราะความสดชื่นนี่แหละ แต่เรื่องบรรจุภัณฑ์ที่เห็นแบรนด์ส่วนใหญ่เลือกใช้จะเป็นพลาสติกมากกว่า แต่แบรนด์ Apaul กลับเลือกใช้ไม้ เราจึงถามด้วยความอยากรู้ว่าการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นไม้มันมีข้อดีหรือข้อเสียอย่างไรบ้าง
“เราเชื่อว่าสัมผัสจากธรรมชาติบำบัดจิตใจคนได้ดีที่สุด สีน้ำตาลของไม้อีกสักห้าถึงสิบปี ผ่านไปมันก็ยังเท่อยู่ มองยังไงก็ไม่รู้สึกเบื่อ เพราะว่าเทรนด์นี้มันไม่มีวันตาย
“แต่ถ้าถามว่าเราเจอปัญหาจากการใช้ไม้ยางพาราไหม ตอบตรงๆ เลยว่ามี แล้วเป็นเรื่องที่พาเอาปวดหัวอยู่เป็นเดือนเลย เพราะธรรมชาติของไม้มันมีรูพรุนอยู่แล้ว พอเราลองใส่ไส้ยาดมเข้าไปไม่นานกลิ่นหายหมด ไปซื้อน้ำยาเคลือบก็แล้วแต่เอาไม่อยู่ จนวันหนึ่งเราเห็นแฟนเราห่อปลาด้วยฟอยล์อะลูมิเนียม เราก็เลยปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่าลองเอามาใช้กับตัวยาดมดูดีกว่า สุดท้ายก็แก้โจทย์นี้สำเร็จ”
เติมดีไซน์ให้ปัง สร้างมูลค่าให้สินค้าไทย
เมื่อการออกจากกรอบของการทำยาดมแบบเดิมๆ สามารถสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ยาดม พี่อาร์ตเล่าให้ฟังว่า Apaul เพิ่งเปิดตัวในงาน Bangkok Design Week 2020 การตอบรับของลูกค้าเรียกว่าเกินความคาดหมาย ซึ่งในมุมของเราคิดว่าดีไซน์เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ Apaul ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“จากวันแรกจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบหนึ่งปีแล้ว เราได้กลุ่มลูกค้าจำนวนหนึ่งที่ชื่นชอบดีไซน์ของ Apaul แล้วซื้อยาดมจนกลายเป็นไลฟ์สไตล์ของตัวเองไปแล้ว หรืออีกกลุ่มลูกค้าที่น่าสนใจคือเลือกซื้อเพื่อนำไปเป็นของขวัญ ซึ่งเราเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน
“หลังจากปล่อยยาดมตัวแรกไป เราเริ่มเก็บข้อมูลและให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์มากขึ้น เช่นเวลาลูกค้าซื้อยาดมที่มีกล่องใส่ไปให้สุดท้ายก็ถูกทิ้งเป็นขยะ พอมาลองนั่งคิดดูเราไม่อยากให้คนทิ้งกล่อง ก็เลยเอาปมนี้มาเป็นโจทย์หลักในการพัฒนากล่องใส่ยาดมที่เปลี่ยนฟังก์ชันมาเป็นกล่องใส่กระดาษทิชชูได้ด้วย สุดท้ายก็ไม่ต้องทิ้งกล่องเลย
“ถ้ามองไปถึงสินค้าของบ้านเรา จริงๆ เจ๋งมากเลยนะ แต่กลับติดอยู่ตรงที่หลายแบรนด์ไม่ค่อยสนใจเรื่องการดีไซน์แพ็กเกจ เพราะดีไซน์มันเป็นตัวขับเคลื่อนให้สินค้าไปต่อได้แล้วก็เพิ่มมูลค่าได้ด้วย ทุกอย่างมันเชื่อมโยงถึงกันหมด ถ้าแบรนด์พัฒนาครบทุกด้านมันก็จะสื่อสารได้อย่างแข็งแรงแล้วสินค้ามันจะไปได้ไกล”
บทสนทนาพาเราเข้าไปในโลกของยาดม Apaul โลกที่เราแทบจะไม่รู้จัก จนได้รู้ว่ากว่าจะก้าวมาเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับทั้งในแวดวงการออกแบบและบรรดาลูกค้ายุคใหม่ได้นั้น ต้องมีการออกแบบที่ผ่านการคิดมาอย่างรอบด้าน อย่างการออกแบบของ Apaul ที่ไม่ได้เน้นแค่รูปลักษณ์ภายนอก แต่ยังเน้นประสบการณ์ที่ผู้ใช้จะได้รับกลับไปด้วย