ชวนไปรู้จักกับ 7 เมือง (ประเทศ) ทั่วโลก ที่เป็นที่สุดในด้านต่างๆ ตั้งแต่เมืองน่าอยู่ เมืองที่ประชาชนได้เงินเดือนเยอะจนน่าอิจฉา หรือประเทศที่ทุกคนเข้าถึงระบบการศึกษาและระบบสุขภาพอย่างเท่าเทียม ตลอดจนเมืองที่มีขนส่งสาธารณะดีไม่เป็นสองรองใคร รวมถึงเมืองที่ปลอดภัยที่สุดในโลกมาฝากกัน
01 | ‘เวียนนา’ ประเทศออสเตรีย เมืองที่น่าอยู่ที่สุด
“เมืองแห่งดนตรี ศิลปะ และวัฒนธรรม”
‘กรุงเวียนนา’ ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีมาก เพราะไม่ว่าหน่วยงานไหนจัดอันดับก็ต้องมีกรุงเวียนนาติดรั้งอันดับต้นๆ มาตลอด ตั้งแต่การสำรวจนครโลกปี ค.ศ. 2005 ของหน่วยอินเทลลิเจนซ์ของนักเศรษฐศาสตร์ ได้จัดอันดับให้เวียนนาเป็นนครที่น่าอยู่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ Mercer บริษัทที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคลระดับโลก ก็ยังได้จัดอันดับให้เวียนนาได้อันดับ 1 ในด้าน ‘คุณภาพความเป็นอยู่’ จากการสำรวจนครรอบโลกกว่า 100 แห่ง ทั้งยังถูกขนานนามว่าเป็นมหานครแห่งดนตรี ศิลปะ และวัฒนธรรมด้วย
ล่าสุด The Economist Intelligence Unit (EIU) หน่วยงานที่วิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจ ของนิตยสาร The Economist ได้จัดอันดับเมืองน่าอยู่ประจำปี ค.ศ. 2019 โดยสำรวจและเก็บข้อมูลด้านความมั่นคง วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม การเข้าถึงระบบสาธารณสุข ไปจนถึงระบบโครงสร้างขั้นพื้นฐาน รวมถึงด้านการศึกษากว่า 140 เมืองจากทุกทวีปทั่วโลก พบว่า กรุงเวียนนาแซงหน้าแชมป์เก่าอย่างเมลเบิร์น และคว้าอันดับ 1 มาครองได้สำเร็จ ด้วยคะแนนรวมเฉลี่ยสูงถึง 99.1 คะแนน
02 | ‘โตเกียว’ ประเทศญี่ปุ่น เมืองที่ปลอดภัยที่สุดในโลก
“มีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัย”
ไม่ว่าจะอยู่เองหรือไปเที่ยว เมืองที่ปลอดภัยใครๆ ก็ต้องการ เช่น ‘กรุงโตเกียว’ ด้วยความที่คนญี่ปุ่นถือความมีระเบียบวินัยเป็นสำคัญ อีกทั้งกฎหมายของที่นี่มีการบังคับใช้อย่างเคร่งครัดทำให้อัตราการเกิดอาชญากรรมต่ำมากๆ เช่น การขับขี่จักรยานตอนกลางคืนโดยไม่มีไฟถือว่าผิดกฎหมายและอาจโดนปรับสูงสุด 1 ล้านเยน หรือจำคุกสูงสุด 5 ปี และหากไม่หยุดตามสัญญาณไฟจราจรจะโดนปรับถึง 5 แสนเยน หรือติดคุกเป็นเวลา 3 เดือน เป็นต้น
โดยเมื่อปีที่ผ่านมา จากรายงานการอันดับเมืองที่ปลอดภัยที่สุดในโลกของ EIU ได้พิจารณาใน 4 ประเด็น คือ ความปลอดภัยด้านโครงสร้างพื้นฐาน ความปลอดภัยส่วนบุคคล ความปลอดภัยทางสุขภาพ และความปลอดภัยทางดิจิทัล ซึ่งผลออกมาปรากฏว่า ‘โตเกียว’ ได้เป็นเมืองปลอดภัยที่สุดในโลก ด้วยคะแนนรวม 92.0 ห่างจากสิงคโปร์เพียง 0.5 คะแนนเท่านั้น
03 | ’โคเปนเฮเกน’ ประเทศเดนมาร์ก เมืองที่คนใช้จักรยานมากที่สุด
“68% ของชาวโคเปนเฮเกน เดินทางด้วยจักรยาน”
คนเดนมาร์กนิยมเดินทางไปไหนมาไหนด้วยจักรยาน เนื่องจากรัฐบาลเดนมาร์กส่งเสริมให้ประชาชนใช้จักรยานเป็นพาหนะ ด้วยการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกที่เอื้อต่อผู้ปั่น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเลนให้จักรยาน มีสัญญาณไฟจราจรสำหรับนักปั่นโดยเฉพาะ แถมยังจัดสรรพื้นที่สำหรับจอดจักรยานไว้รอบเมืองด้วย
ซึ่งสอดคล้องกับดัชนีของ Bicycle Cities Index 2019 พบว่า ‘โคเปนเฮเกน’ ถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองจักรยานอันดับ 1 ของโลก ด้วยคะแนนรวม 90.2% ขณะเดียวกันรัฐบาลก็จัดสรรงบกว่า 7.53 ร้อยล้านบาท สร้าง 8 เส้นทางใหม่ที่เอื้อต่อคนใช้จักรยานรวมระยะทางแล้วกว่า 167 กิโลเมตรเลยทีเดียว
04 | ‘ฟินแลนด์’ ประเทศที่มีระบบการศึกษาดีที่สุด
“ประชาชนอ่านหนังสือได้ 100%”
‘ฟินแลนด์’ นอกจากถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีความสุขมากที่สุดในโลกประจำปี ค.ศ. 2020 แล้ว ฟินแลนด์ยังได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาดีที่สุดในโลกอีกประเทศหนึ่งด้วย เพราะมีระบบการศึกษาที่เน้นผู้เรียนเป็นหลัก อีกทั้งโครงสร้างพื้นฐานทางภาครัฐก็ให้โอกาสแก่เด็กทุกคนได้เรียน หรือมีความเสมอภาคในการเข้าถึงระบบการศึกษาที่ดีนั่นเอง
เมื่อไหร่ที่มีการจัดอันดับหรือประเมินเกี่ยวกับการศึกษา ฟินแลนด์มักถูกจัดให้อยู่ในระดับที่สูงมาตลอด อย่างปี ค.ศ. 2012 ประเทศฟินแลนด์ครองอันดับ 6 ในการอ่าน, อันดับ 12 ในวิชาคณิตศาสตร์ และอันดับที่ 5 ในวิชาวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้การศึกษาระดับอุดมศึกษาของฟินแลนด์ยังได้รับการจัดอันดับจากสภาเศรษฐกิจโลก (WEF) ว่าให้เป็นที่สุดในโลกอีกด้วย
ล่าสุด ‘ฟินแลนด์’ ได้ทำการสำรวจการรู้หนังสือของประชาชน ว่ามีความสามารถที่เข้าใจภาษาในระดับที่เหมาะกับการติดต่อสื่อสารได้เป็นอย่างดี ซึ่งปรากฏว่าประชาชนทุกคนสามารถอ่านหนังสือได้ 100 %
05 | ‘ไต้หวัน’ ประเทศที่มีระบบสุขภาพดีที่สุด
“ประชาชนทุกคนเข้าถึงการรักษา”
รู้หรือไม่ ? แม้ ’ไต้หวัน’ จะไม่ได้เป็นสมาชิก WHO แต่ก็เป็นประเทศที่มีระบบประกันสุขภาพแห่งชาติที่เข้มแข็งและดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เห็นได้จากที่นิตยสารและสำนักข่าวระดับโลก อย่าง The Economist และ Bloomberg ต่างเคยจัดอันดับดัชนีการเข้าถึงและประสิทธิภาพทางสาธารณสุขของไต้หวันนั้นอยู่เป็นอันดับต้นๆ ทั้งทั้งที่ไม่ได้เป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก หรือ (WHO) ด้วยซ้ำ
รวมถึงเมื่อปี ค.ศ. 2019 ‘Ceoworld’ นิตยสารด้านธุรกิจของสหรัฐอเมริกา ก็ได้จัดอันดับของประเทศที่มีระบบสุขภาพดีที่สุดในโลก จากทั้งหมด 89 ประเทศ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ อันได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุข ประสิทธิภาพของบุคลากรด้านสาธารณสุข ค่าใช้จ่ายในระบบ การเข้าถึงยาคุณภาพ ความพร้อมของรัฐบาลในการจัดการระบบ โดยอันดับที่ 1 ก็คือ ‘ไต้หวัน’ ได้คะแนนทั้งหมด 78.72
ทั้งยังมี ’ระบบประกันสุขภาพแห่งชาติ’ หรือ National Health Insurance (NHI) ที่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ 1995 ภายใต้การบริหารงานของกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ NHI เป็นระบบประกันสุขภาพกองทุนเดียว และผู้ได้รับสิทธิประโยชน์ต้องสมทบเงินเข้ากองทุนประกันสุขภาพร่วมกับรัฐบาล อัตราเงินสมทบอยู่ที่ประมาณ 4.69% ของรายได้ ปัจจุบันการเข้าถึงการรักษาพยาบาลครอบคลุมจำนวนประชากรได้ถึง 99%
06 | ‘เบอร์ลิน’ ประเทศเยอรมนี มีระบบขนส่งสาธารณะที่ดีที่สุด
“มีขนส่งที่ครอบคลุมรอบเมือง”
ลองนึกภาพชั่วโมงเร่งด่วนบ้านเราดูว่า กว่าจะได้ขึ้นรถไฟแต่ละขบวนหรือรถเมล์แต่ละคันต้องใช้เวลารอนานเท่าไหร่ แต่รู้หรือไม่ ? ใน ‘เบอร์ลิน’ เมื่อถึงช่วงชั่วโมงเร่งด่วนรถไฟจะวิ่งห่างกันไม่เกิน 5 นาที และทุกขบวนหรือทุกคันจะเข้าตรงเวลาไม่มีเลท
ไม่ว่าจะอยู่ประเทศไหน ใครๆ ก็อยากได้ขนส่งสาธารณะที่ดีทั้งนั้น เช่น ‘กรุงเบอร์ลิน’ ประเทศเยอรมนี ซึ่งนอกจากเป็นเมืองแห่งศูนย์กลางที่มีอิทธิพลมากที่สุดในยุโรปแล้ว ยังเป็นเมืองแห่งวิศวกรรม ตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักร ยานยนต์ จนเมืองปี ค.ศ. 2018 เบอร์ลินได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ระบบขนส่งสาธารณะที่ครอบคลุมและน่าเชื่อถืออันดับ1 ของโลก มีทั้งรถไฟใต้ดินเบอร์ลิน (U-Bahn) รถไฟเร็วเขตเมืองเบอร์ลิน (S-Bahn) รถเมล์ และรถราง ที่คอยให้บริการประชาชนกว่า 1.5 ล้านคนในแต่ละวัน
และยิ่งไปกว่านั้น เบอร์ลินยังทุ่มงบประมาณกว่า 7 หมื่นล้านบาทพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทั้งหมด โดยการเชื่อมต่อขยายเส้นทางการวิ่ง ทั้งรถราง รถไฟเร็ว ผลักดันรถบัสไฟฟ้า พัฒนาระบบจัดการวิ่งของรถบัส ซึ่งนอกจากจะสร้างเส้นทางใหม่แล้วยังจะเน้นพัฒนาต่อเติมเส้นทางเดิมด้วย
07 | ‘ซานฟรานซิสโก’ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมืองที่คนได้เงินเดือนเฉลี่ยเยอะที่สุด
“เงินเดือนเฉลี่ยประมาณ 204,342 บาทต่อเดือน”
ต้องยอมรับว่าสหรัฐอเมริกา ถือเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการไปทำงานต่างประเทศ ล่าสุด ‘ซานฟรานซิสโก’ เมืองแห่งสายหมอกแห่งนี้ครองตำแหน่งเมืองที่มีการจ่ายเงินเดือนสูงสุดในโลก จากการวิจัยของ Deutsche Bank ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนี
โดยเงินเดือนเฉลี่ยของชาวซานฟรานซิสโกเพิ่มขึ้น 31% ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2018 โดยในปี ค.ศ. 2019 คนในซานฟรานซิสโกได้รับรายได้เฉลี่ย 2.04 แสนบาทต่อเดือน ซึ่งมากกว่ารายได้เฉลี่ยของชาวนิวยอร์กถึง 42%
Sources :
Wikipedia | https://bit.ly/2Cf5xzT
Mercer | https://bit.ly/30JOVJS
The Economist | https://bit.ly/3fIFH51
Copenhagenize | https://bit.ly/3irD611
Wikipedia | https://bit.ly/3kFlWz8
BBC | https://bbc.in/3acOrPV
Ceoworld | https://bit.ly/2Fa9QxD
Wikipedia | https://bit.ly/3ij6ExY
Sanook | https://bit.ly/2XKVo5A
Worldatlas | https://bit.ly/3gKAVoT
BEC-Tero | https://bit.ly/3fRnbaV
CNBC International | https://cnb.cx/3ijrSvz