
WHAT’S UP
‘สัปดาห์ร้านหนังสืออิสระแห่งชาติ ครั้งที่ 8’ งานสำหรับชุมชนนักอ่านและคนรักร้านหนังสืออิสระ ฟันเฟืองสำคัญขับเคลื่อนวงการสิ่งพิมพ์
‘ร้านหนังสืออิสระ’ ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ขับเคลื่อนวงการหนังสือและเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ขาย ผู้อ่าน และผู้สร้างสรรค์เข้าด้วยกัน อีกทั้งยังเป็นสถานที่รวบรวมสื่อสิ่งพิมพ์ประเภทต่างๆ เพิ่มโอกาสในการกระจายหนังสือสู่มือนักอ่าน และบางครั้งบางคราร้านหนังสืออิสระเหล่านี้ยังเป็นศูนย์รวมคนในย่าน ดึงดูดให้คนเข้ามามีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน เป็นพื้นที่แบ่งปันความชอบเรื่องหนังสือ และเป็นเส้นเลือดฝอยสำคัญที่หยั่งรากวัฒนธรรมการอ่านไปทั่วประเทศ น่าเสียดายที่ปัจจุบันนี้จำนวนหนังสืออิสระมีแนวโน้มน้อยลง หลายร้านปิดตัวไปเนื่องด้วยหลายสาเหตุ ทั้งขาดการสนับสนุนจากภาครัฐ ราคาหนังสือที่สูงขึ้น ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และพฤติกรรมของคนซื้อหนังสือเปลี่ยนไป แม้แต่สัปดาห์งานหนังสืออิสระแห่งชาติก็ห่างหายไปหลายปี แต่วันที่ 21 – 29 มิถุนายน พ.ศ. 2568 นี้ จะเป็นการกลับมาอีกครั้งของงานนี้ในรอบ 6 ปี แม้ว่าจะมีประเด็นคำถามชวนแสดงความเห็นว่า วงการหนังสือตายไปแล้วหรือยัง คำตอบนั้นย่อมแตกต่างไปตามประสบการณ์ของแต่ละคน แต่สำหรับนักอ่าน ผู้ชื่นชอบกลิ่นกระดาษ หรือชุมชนคนรักหนังสือแล้ว หนังสือยังคงเป็นสื่อที่มีชีวิต ชุบชูหัวใจ และเปิดโลกใบใหม่ให้พวกเขาเสมอ นำมาสู่การรื้อฟื้นงานสัปดาห์ร้านหนังสืออิสระแห่งชาติในปีนี้ จัดโดยเครือข่ายร้านหนังสืออิสระ เป็นการเชิญชวนร้านหนังสืออิสระทั่วประเทศมาร่วมจัดงานในพื้นที่ร้านของตัวเองตามสไตล์ที่แต่ละร้านต้องการ โดยผู้ที่สนใจดูรายชื่อร้านหนังสืออิสระที่เข้าร่วมได้ที่ www.facebook.com/IndieBookstoreClub “เพราะเรารู้ว่าหนังสือดีจะงอกงามได้ต้องมีพื้นที่ดีให้วางขาย และร้านหนังสืออิสระคือพื้นที่ที่หนังสือกับผู้อ่านได้พบกันอย่างตั้งใจ” ข้อความบางส่วนจากเพจสโมสรคนรักร้านหนังสืออิสระ
‘Book & Host’ โครงการการออกแบบเพื่อสังคม สนับสนุนการเรียนรู้และการปรับตัวสำหรับแรงงานต่างชาติ พร้อมอยู่เคียงข้างตลอดการใช้ชีวิตต่างแดน
แน่นอนว่าเหล่าผู้ใช้ชีวิตไกลบ้านในต่างแดนนั้นมีหลายเรื่องที่ต้องเรียนรู้ รับมือ และปรับตัว ทั้งกำแพงของภาษา วัฒนธรรม วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป ปัญหาในที่ทำงาน หรือประเด็นการเลือกปฏิบัติในสังคม ปัจจุบันหลากหลายประเทศต้องนำเข้าแรงงานต่างชาติจำนวนมาก เนื่องจากปัญหาอัตราการเกิดที่ลดลง และการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ไต้หวันเองก็ประสบปัญหานี้เช่นกัน จึงเกิดเป็นโครงการ ‘Book & Host’ ที่ ‘One-Forty’ องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรตั้งใจออกแบบสื่อเพื่อเพิ่มโอกาสการเรียนรู้ และลดปัญหาที่แรงงานข้ามชาติต้องเผชิญ Book & Host เป็นสื่อการเรียนรู้ที่ออกแบบเนื้อหาด้วยแนวคิด ‘ผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง’ จากประสบการณ์ตรงของแรงงานต่างชาติ โดยเลือกใช้ภาษาอินโดนีเซียเป็นภาษาหลัก เนื่องจากมีอัตราการใช้มากที่สุดในกลุ่มแรงงานต่างชาติที่อาศัยอยู่ในไต้หวัน วัตถุประสงค์ของ Book & Host คือ ต้องการให้กลุ่มคนเหล่านี้ได้มีโอกาสในการเรียนรู้ สามารถปรับตัวและสร้างความคุ้นชินกับการใช้ชีวิตไกลถิ่นได้ โดยเริ่มจากการเรียนรู้ภาษาจีน เพราะภาษาไม่ได้เป็นเครื่องมือการสื่อสารเพียงเท่านั้น แต่ยังแฝงไปด้วยวัฒนธรรม วิถีชีวิตทางสังคม และธรรมชาติของเจ้าของภาษานั้นๆ ด้วย เนื้อหาภายในเล่มประกอบด้วย 35 หน่วยการเรียนรู้ เช่น การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ การซื้ออาหารที่ร้านของชำ การพบแพทย์ และสถานการณ์อื่นๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานเรียนรู้คำศัพท์และบทสนทนาที่นำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงส่งเสริมให้รู้จักกับวัฒนธรรมไต้หวัน พร้อมด้วยความพิเศษอย่างแพ็กเกจที่มีโปสต์การ์ดข้าวห่อขมิ้น ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ที่แสดงถึงการอวยพรในวัฒนธรรมอินโดนีเซีย และใช้กระดาษสีขมิ้นทำเป็นที่คั่นหนังสือ ทำให้ผู้อ่านรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของบ้านเกิด […]
Pai Pai เว็บไซต์ของไต้หวันที่รวมทุกฮาวทูการไหว้เจ้าไว้แบบง่ายที่สุด ด้วยการใช้ดีไซน์และอินเทอร์แอ็กทีฟสนุกๆ
หลายคนคงเคยโดนอาม่าดุ หม่าม้าบ่น หรืออากู๋เครียดที่ไม่เข้าใจว่าการไหว้นับสิบวันของคนจีนคืออะไร ไหว้วันไหน ใช้ผลไม้กี่ลูก เป็ดกี่ตัว แล้วไก่ด้วยไหม จนเกือบจะเป็นปัญหาร่วมของคนยุคสมัยนี้ ต้องบอกว่าไม่ใช่เพียงคนไทยเชื้อสายจีนเท่านั้นที่ประสบ แต่คนรุ่นใหม่ในไต้หวันก็ปวดหัวไม่ต่างกัน โดยในช่วงเทศกาลสารทจีนของปี 2017 ผู้ก่อตั้ง Block Studio ได้เล่าถึงปัญหาของเหล่านักไหว้ไว้ “ผมรู้ว่าจะต้องมีการไหว้บูชาผีไร้ญาติ แต่ไม่รู้เลยว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง รู้เพียงว่าต้องซื้อกระดาษเงินกระดาษทอง แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มไหว้อะไรก่อน” นั่นจึงเป็นจุดกำเนิดของ ‘Pai Pai’ หรือโปรเจกต์ของ Block Studio ที่ออกแบบเว็บไซต์รวมวิธีการไหว้บูชาในบ้าน และเปลี่ยนเรื่องยากๆ เหล่านั้นให้กลายเป็นเรื่องสนุก เข้าใจง่าย อีกทั้งยังเป็นโปรเจกต์ที่ได้รับรางวัล Golden Pin Design Award อีกด้วย ตัวเว็บไซต์นำเสนอข้อมูลในรูปแบบอินโฟกราฟิกแบบเข้าใจง่ายว่า แต่ละเทศกาลหรือพิธีกรรมควรไหว้บูชาเทพองค์ไหน ควรไหว้ตอนเวลากี่โมง สิ่งที่ต้องเตรียมมีอะไรบ้าง รวมไปถึงขั้นตอนการไหว้และคำอธิษฐาน หลังจาก Pai Pai ได้เป็นตัวช่วยสำคัญของคนรุ่นใหม่ให้ไหว้เจ้าและเข้าใจพิธีกรรมต่างๆ ได้ง่ายขึ้นแล้ว ในปี 2023 Block Studio ก็ต่อยอดปล่อย ‘Pai Pai 2.0’ ออกมา […]
The Recycling Center ศูนย์รีไซเคิลในโรงเรียนประถมกวางอู่ ปรับภูมิทัศน์ใหม่ เชิญชวนให้เด็กๆ เรียนรู้การแยกขยะ
หนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้การแยกขยะในสถานที่ต่างๆ เป็นไปอย่างยากลำบากคือ ข้อจำกัดด้านสถานที่แยกขยะที่มักอยู่ในมุมอับ ไม่ค่อยระบายอากาศ รวมถึงไม่มีพื้นที่จัดเก็บขยะที่เหมาะสม เพื่อทำให้การแยกขยะเป็นเรื่องน่าสนุก โรงเรียนประถมศึกษากวางอู่ (Guang Wu Primary School) ที่เมืองเกาสง ไต้หวัน ได้ปรับปรุงศูนย์รีไซเคิลขยะของโรงเรียนให้น่าใช้งานมากขึ้น เริ่มด้วยการใช้ตาข่ายเหล็กโปร่งใสเป็นตัวแบ่งสัดส่วนพื้นที่เก็บขยะรีไซเคิลแต่ละประเภทอย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีอุปกรณ์ทำความสะอาด และคัดแยกขยะ รวมถึงก๊อกน้ำคอยให้บริการ เพื่อสร้างความสะดวกในการทำความสะอาดอุปกรณ์และทำให้การรีไซเคิลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งพื้นที่โดยรอบของศูนย์รีไซเคิลยังรายล้อมไปด้วยต้นไม้ที่ให้ความรู้สึกกลมกลืนไปกับทิวทัศน์ในโรงเรียน เพิ่มความโปร่งโล่ง สบายตา ทำให้ศูนย์รีไซเคิลดูมีชีวิตชีวามากขึ้น The Recycling Center เป็นหนึ่งในโครงการ ‘การพัฒนาการออกแบบในสถานศึกษา (Design Movement on Campus)’ ที่กระทรวงศึกษาธิการไต้หวันร่วมมือกับสถาบันวิจัยการออกแบบไต้หวัน (Taiwan Design Research Institute) และโรงเรียนต่างๆ โดยเชิญบริษัทออกแบบ ‘Meta House (暁房子創意設計)’ มาช่วยนำร่องออกแบบโรงเก็บขยะแบบปิดของโรงเรียนกวางอู่ให้กลายเป็นสถานที่แบบเปิดโล่ง เพื่อเชิญชวนเด็กๆ ให้เข้ามาแยกขยะ ปลูกฝังพฤติกรรมการรีไซเคิลให้ประชาชนตั้งแต่เนิ่นๆ Source : Golden Pin Design Award | goldenpin.org.tw/goldenpin/en/winners/1281
เงินภาษีของฉันถูกใช้ไปอย่างไรบ้าง ชวนสำรวจทุกสตางค์ของภาษีที่เสียไปกับเว็บไซต์ สำรวจงบประมาณปี 69
ต้อนรับเทศกาลการจัดทำงบประมาณประจำปี ที่จะเกิดการแบ่งสันกันว่า แต่ละจังหวัด แต่ละกระทรวงนั้นจะได้งบเป็นจำนวนเท่าไหร่ เพื่อนำไปพัฒนาพื้นที่และความเป็นอยู่ของประชาชน Urban Creature อยากชวนทุกคนมาลองเช็กงบประมาณ ที่สามารถแยกดูตามหน่วยงานว่า แต่ละกระทรวงจะได้รับงบเท่าไหร่ และภายในกระทรวงนั้นๆ มีการจัดการงบให้แต่ละภาคส่วนงานอย่างไร รวมถึงดูแยกเป็นรายจังหวัด เพื่อเช็กต่อไปว่าจังหวัดนั้นๆ นำงบไปบริหารหรือแก้ปัญหาส่วนใด เพราะทุกบาทของภาษีที่จ่ายไปนั้นมีค่า อย่าลืมติดตามและสำรวจการใช้งบประมาณของภาครัฐ (แบบเข้าใจง่าย) ได้ที่ wevis.info/thbudget69
เกม ‘Night Drive : คืนหลอน ซ่อนทาง’ ช่วยเป็นเสียงสู่ความหวังของการรอคอย ผ่านการติดป้ายตามหาคนหายของมูลนิธิกระจกเงาในเกม
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตัวเลขสถิติคนสูญหายยังคงมีอยู่เรื่อยๆ และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี มีหลายครอบครัวที่กำลังรอใครสักคนกลับบ้าน และอีกหลายหน่วยงานที่ร่วมกันประชาสัมพันธ์เพื่อช่วยพาคนกลุ่มนั้นกลับคืนสู่ครอบครัวอย่างปลอดภัย นอกจากความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐหรือองค์กรพัฒนาเอกชนที่ดำเนินการติดตามคนหายแล้ว ยังต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของภาคประชาชนในการช่วยกันสอดส่องเพื่อนร่วมสังคม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการจุดประกายแสงแห่งความหวังนี้ได้ ‘Night Drive : คืนหลอน ซ่อนทาง’ เกมขับรถยามค่ำคืนที่มาพร้อมภารกิจอันท้าทาย ได้ขอเป็นหนึ่งในการประชาสัมพันธ์ติดตามคนหายเช่นกัน โดยทาง ‘Zebraman555’ ผู้สร้างเกมนี้ชี้แจงว่า หนึ่งในป้ายริมทางที่ผู้เล่นเห็นระหว่างขับรถนั้นคือป้ายตามหาคนหายจริงจากมูลนิธิกระจกเงา ไม่ใช่ป้ายที่ออกแบบจำลองสำหรับเกมเพียงเท่านั้น Zebraman555 เห็นว่าเกมนี้เป็นเกมที่เข้าถึงกลุ่มคนได้มาก และมูลนิธิกระจกเงาเองก็มีเคสคนหายจำนวนมากเช่นกัน เขาจึงใช้ช่องทางนี้เป็นส่วนหนึ่งในการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ และหวังว่าจะมีคนพบเห็นผู้สูญหายในป้ายแล้วแจ้งเบาะแสสำคัญแก่ครอบครัวผู้สูญหายได้ ระหว่างที่กำลังหาทางออกให้ตัวเอง คุณอาจเป็นคนช่วยพาใครกลับบ้านและกลับถูกทางได้ในเวลาเดียวกัน สัมผัสประสบการณ์ขับรถตอนกลางคืนสุดลุ้นระทึกใน Night Drive : คืนหลอน ซ่อนทาง ได้ที่เว็บไซต์ Steam tinyurl.com/an4pz7 Source : Facebook : Zebraman555 | tinyurl.com/2zc3yfp2
‘Loopme’ เทคโนโลยีจากกลุ่มบริษัทนันยางเท็กซ์ไทล์กรุ๊ป ที่นำเศษฝ้ายจากการผลิตมารีไซเคิล ช่วยลดขยะ ส่งเสริมความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
การผลิตเส้นด้ายแต่ละครั้ง นอกจากจะได้วัตถุดิบหลักนำไปถักทอเสื้อผ้าแล้ว ระหว่างทางยังเกิดขยะจากเศษด้ายขึ้นอีกด้วย ซึ่งขยะที่ได้มานั้นสามารถนำไปสร้างมูลค่า รวมถึงนำกลับไปทำเสื้อผ้าได้อีกครั้งจากการรีไซเคิล ผ่านกระบวนการย้อนกลับจากการนำเศษด้ายมาเปลี่ยนให้เป็นเส้นใยฝ้ายแทน ทีม Urban Creature ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมกระบวนการผลิตเส้นด้ายของ ‘กลุ่มบริษัทนันยางเท็กซ์ไทล์’ และทำความรู้จักเทคโนโลยี ‘Loopme’ ที่เป็นการนำเศษผ้าฝ้ายที่เหลือจากกระบวนการผลิตมารีไซเคิล เพื่อนำกลับมาใช้ผลิตเป็นผ้าใหม่อีกครั้ง นับเป็นวิธีการลดขยะจากอุตสาหกรรมสิ่งทอที่เป็นส่วนหนึ่งในการทำให้เกิดภาวะโลกร้อนด้วย เปลี่ยนขยะให้กลับมาเป็นเส้นใย Loopme เริ่มต้นจากโครงการที่ทางบริษัทสนับสนุนให้พนักงานสร้างสรรค์นวัตกรรมของตนเอง โดย ‘อี๋-พิชัย สุวรรณทอง’ Technical Center Division Manager ‘หนึ่ง-ภัคพงศ์ ท้าวเพชร’ Technical Center Department Manager และทีม Technical Center ได้ร่วมกันคิดค้นเทคโนโลยีนี้ขึ้นมาจากการเห็น Yarn Waste หรือเศษด้ายที่เกิดจากการผลิตเส้นด้าย ทำให้เกิดการตั้งคำถามว่า จะทำอย่างไรให้ของเหลือทิ้งเหล่านี้กลับมาเป็นเส้นใยฝ้ายเพื่อนำไปใช้ใหม่ได้ ในเส้นทางการผลิตเส้นด้าย วัตถุดิบที่ใช้คือฝ้ายดิบที่จะผ่านกระบวนการปั่นด้ายประมาณ 8 – 13 ขั้นตอน กว่าจะได้เป็นเส้นด้ายที่ส่งต่อไปยังกระบวนการทอผ้าต่อไป ซึ่งในกระบวนการทำเส้นด้ายที่มีความซับซ้อนแบบนี้ย่อมตามมาด้วยการเกิดของเสียจากกระบวนการผลิตอยู่แล้ว เหตุผลเพราะกว่าจะได้ด้ายแต่ละหลอดที่จะนำไปใช้งานจริงนั้น ต้องผ่านกระบวนการตัดต่อจากเทคโนโลยีที่ใช้ตรวจสอบคุณภาพเส้นด้ายในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งหากเจอส่วนของเส้นด้ายที่ไม่ได้คุณภาพก็จะตัดส่วนเหล่านั้นออก เพื่อให้ได้เส้นด้ายคุณภาพดีที่สุด และแม้ว่าในการตัดทิ้งแต่ละครั้งจะได้เศษด้ายความยาวเพียงหนึ่งคืบ ทว่าเมื่อรวมกันก็ทำให้เกิดเป็นขยะปริมาณมหาศาล […]
ศิลป่า Khao Yai Art Forest แกลเลอรีศิลปะกลางพื้นที่สีเขียวไร้พรมแดน ที่ซึ่ง ผู้คน/ศิลปะ/ธรรมชาติ หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
จะเป็นยังไงถ้าเราได้เดินดูงานศิลปะในแกลเลอรีที่ปราศจากสถาปนิกในการออกแบบ แต่เป็นพื้นที่ที่ถูกสร้างสรรค์อย่างอิสระโดยธรรมชาติ หากพูดถึงสุนทรียศาสตร์ ‘ศิลปะและธรรมชาติ’ คงเป็นความงามที่ปรากฏให้เราเห็นอยู่บ่อยๆ และ ‘ศิลป่า เขาใหญ่’ Khao Yai Art Forest คือสถานที่ที่ผนวกสิ่งเหล่านี้ ผ่านการจัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัยจากศิลปินระดับโลกและศิลปินไทยในพื้นที่ป่าและธรรมชาติ พื้นที่นี้เกิดขึ้นจากความตั้งใจของ ‘มาริษา เจียรวนนท์’ ที่อยากสนับสนุนและผลักดันศิลปินให้ได้สร้างผลงานท่ามกลางธรรมชาติ และสร้างประสบการณ์รอบด้านให้ผู้มาเยือน ที่นี่จึงเป็นมากกว่าแกลเลอรีจัดงานศิลปะ เพราะยังเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิด พร้อมให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์และฟื้นฟูธรรมชาติ ปัจจุบันทาง Khao Yai Art Forest จัดแสดงงานศิลปะร่วมสมัยจากทั้งศิลปินไทยและศิลปินระดับโลกจำนวน 7 ชิ้น ได้แก่ 1) Maman โดย หลุยส์ บูร์ชัวส์ : ประติมากรรมแมงมุมบรอนซ์ขนาดยักษ์ หลายคนอาจคุ้นตาจากการจัดแสดงประติมากรรมชิ้นนี้ที่ Louisiana Museum of Modern Art ประเทศเดนมาร์ก แต่ตอนนี้ขาทั้งแปดได้เดินมาหาเราที่เขาใหญ่แล้ว ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางทัศนียภาพสีเขียว ครั้งแรกที่งานชิ้นนี้จัดแสดงกลางแจ้ง 2) Khao Yai Fog Forest, Fog Landscape […]
ธีสิสจิงเกิลรถไฟฟ้า ‘RailTones’ ใช้เสียงดนตรีบอกจุดเด่นของย่าน ผู้โดยสารรู้ว่าสถานีต่อไปคือที่ไหน
“เวลาได้ยินชื่อสถานี คนไทยอาจจะพอเดาได้ว่าชื่อนี้มีที่มาจากอะไร แต่ต่างชาติเขาจะได้ยินแค่ชื่อผ่านๆ ไป แต่ไม่รู้เลยว่าสามย่านคืออะไร อิสรภาพมีชื่อมาจากอะไร” RailTones เป็นโปรเจกต์ธีสิสจบการศึกษาของ ‘รักษ์ ศิวรักษ์’ นิสิตชั้นปีที่ 4 สาขาการออกแบบนิเทศศิลป์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CommDe) ที่ตั้งใจออกแบบจิงเกิลเพลงสำหรับรถไฟฟ้า MRT แต่ละสถานีให้มีความแตกต่างและดึงอัตลักษณ์ของย่านนั้นๆ ออกมา จากญี่ปุ่นสู่จิงเกิลไทย รักษ์เล่าให้เราฟังว่า เขาได้แรงบันดาลใจในการทำเรื่องนี้จากการเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น และสังเกตว่าสถานีรถไฟฟ้าแต่ละสถานีจะมีเพลงของตนเอง ซึ่งหลังจากหาข้อมูลเพิ่มเติม รักษ์ยังพบว่าเพลงเหล่านั้นประพันธ์โดยมือคีย์บอร์ดวงคาสิโอเปีย ผู้เป็นศิลปินคนโปรดของเขา ประกอบกับตัวรักษ์มีความสนใจเรื่องเพลงและเล่นคีย์บอร์ดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงอยากนำทั้งหมดนี้มาผสมผสานเป็นงานจบปีการศึกษาของตนเอง แต่ความแตกต่างสำคัญระหว่างจิงเกิลของสถานีรถไฟฟ้าญี่ปุ่นและโปรเจกต์ที่รักษ์ตั้งใจทำคือ จุดประสงค์ในการใช้งาน เนื่องจากของญี่ปุ่นเป็นการใช้เพลงความยาว 7 วินาทีที่เท่ากับเวลาก่อนประตูรถไฟฟ้าจะปิด เพื่อเป็นการเตือนให้ประเทศที่มีผู้คนใช้รถสาธารณะหนาแน่นสูงได้รู้ตัวและไม่วิ่งฝ่าเข้าไป รวมถึงจังหวะและทำนองเพลงยังต้องแต่งให้ผู้ได้ยินเกิดความรู้สึกสว่าง สดใส เพื่อลดอัตราการฆ่าตัวตายในสถานีที่เป็นปัญหาใหญ่ของแดนปลาดิบนั่นเอง เสริมจุดเด่นของย่านด้วยจิงเกิล ในขณะที่ประเทศไทยนั้นมีบริบทที่ต่างออกไป จากข้อมูลที่รักษ์ได้สืบค้นและวิเคราะห์พบว่า ไทยให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวซึ่งสร้างรายได้ให้ประเทศสูง การสร้างจิงเกิลโดยเน้นแหล่งท่องเที่ยวหรือจุดเด่นของย่านละแวกสถานีนั้นดูจะเหมาะสมมากกว่า ซึ่งความคิดนี้ก็สอดคล้องกับ MRT หรือรถไฟฟ้าใต้ดินของไทย ที่ตกแต่งบางสถานีให้เป็นธีมตามย่านหรือสถานที่สำคัญบริเวณนั้นๆ เช่น สถานีสามยอดที่มีตึกด้านนอกสถานีเป็นโทนเดียวกันกับตึกโดยรอบ สถานีสนามไชยที่ตกแต่งภายในอาคารด้วยสถาปัตยกรรมไทยโบราณสอดคล้องกับวัดและวังโดยรอบ รักษ์จึงแบ่งประเภทของสถานีรถไฟฟ้า MRT ออกเป็นสามกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มย่านการค้า […]
‘A Week at the Knees’ ประติมากรรมซุ้มอิฐในสวนที่ลอนดอน ดูเหมือนผนังบ้านกำลังนั่งชันเข่าพักผ่อน
‘Alex Chinneck’ ศิลปินชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงด้านการสร้างผลงานศิลปะที่มักสร้างความประหลาดใจให้กับผู้พบเห็น ไม่ว่าจะเป็น ‘From the Knees of my Nose to the Belly of my Toes’ (2013) ผลงานที่ดูราวกับว่าผนังหน้าบ้านเลื่อนลงมาอยู่ด้านล่าง หรือ ‘Take my Lightning but Don’t Steal my Thunder’ (2014) อาคารที่ยังคงตั้งอยู่ได้แม้ว่าเสาที่ยึดอยู่นั้นจะลอยฟ้าก็ตาม และผลงานล่าสุดที่เป็นส่วนหนึ่งของงาน Clerkenwell Design Week 2025 ที่จัตุรัส Charterhouse ก็ยังคงสร้างความสนใจให้ผู้พบเห็นกับ ‘A Week at the Knees’ ซุ้มอิฐความสูง 5.5 เมตร ยาว 13.5 เมตร ที่มีลักษณะคล้ายผนังบ้านที่ประกอบไปด้วยประตูและหน้าต่าง มีท่าทางเหมือนกำลังนั่งชันเข่า เมื่อนำไปตั้งไว้ในสวนสาธารณะจึงอาจเปรียบได้ว่าเป็นตัวแทนของคนที่เข้ามานั่งพักผ่อนอยู่ในสวนแห่งนี้ก็ได้ ถึงแม้ว่าผลงานนี้จะดูเหมือนใช้วัสดุน้ำหนักเบา สามารถโค้งงอได้ตามต้องการ แต่ความจริงแล้วซุ้มนี้ใช้อิฐถึง 7,000 […]
Tokyo Tatemono Mitsutera Building ตึกที่รวมวัดกับโรงแรมไว้ในที่เดียว ผสมผสานความเก่าและใหม่เข้าด้วยกันแบบ Win-Win
จะเป็นอย่างไรถ้าวัดและโรงแรมตั้งอยู่ในที่เดียวกัน แบบชนิดที่ว่าแม้แต่ทางเข้าก็ยังเป็นทางเดียวกัน ‘Tokyo Tatemono Mitsutera Building’ คืออาคารใจกลางเมืองโอซากา ตัวอย่างการอนุรักษ์ศาสนสถานโบราณเดิมด้วยการปรับเปลี่ยนโครงสร้างโดยรอบจนเป็นวัดสไตล์เมือง เพื่อโอบรับผู้มาเยือนที่มีหลากหลายกลุ่ม แม้มองจากภายนอก Tokyo Tatemono Mitsutera Building จะเป็นตึกหน้าตาโมเดิร์นทั่วๆ ไป แต่เมื่อมองเข้าไปจะพบว่ามีวิหารหลักเก่าแก่ของ ‘วัดมิสึเทระ’ (Mitsutera Temple) ซึ่งเป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์มากกว่า 1,300 ปี ซึ่งได้รับการเคารพนับถือและเป็นส่วนหนึ่งของเมืองซ่อนตัวอยู่ จากเหตุการณ์ระเบิดเมืองโอซากาในปี 1945 ทำให้ทั้งผู้คนและสิ่งก่อสร้างในเมืองได้รับผลกระทบและความเสียหายเป็นวงกว้าง โชคดีที่ตัววิหารหลักของวัดไม่ได้รับความเสียหายอะไรมาก จึงมีการตัดสินใจสร้างตึกที่ภายในประกอบด้วยร้านค้าต่างๆ และโรงแรม Candeo Hotels ครอบวิหารไว้ ขณะเดียวกัน ด้วยความที่คอนเซปต์ของโรงแรมคือ ‘Gleaming Brightly’ โถงทางเข้าหลักจึงตกแต่งด้วยงานแล็กเกอร์เคลือบเงาและแผ่นทอง สะท้อนถึงความสง่างาม สว่างไสว ทำให้ตัวตึกสมัยใหม่กลมกลืนไปกับสถาปัตยกรรมเดิมของตัววัด ภายในตึกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ วัด โรงแรม และร้านค้า ผ่านการออกแบบชั้น 1 – 3 ด้วยโครงสร้าง Atrium เป็นห้องโถงใหญ่ที่รองรับผู้คน […]
จากถนนของรถยนต์สู่เส้นทางจักรยาน เมืองซูริก สวิตเซอร์แลนด์ เปิดทางสัญจรใหม่ อุโมงค์ใต้ทางรถไฟเพื่อชาวสองล้อโดยเฉพาะ
ในขณะที่การเดินทางด้วยจักรยานในกรุงเทพฯ ยังอยู่ในจุดลุ่มๆ ดอนๆ แต่ที่เมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้ออกแรงปั่นไปถึงระดับโครงสร้าง เปิดเส้นทางสัญจรอุโมงค์ใหม่ใต้สถานีรถไฟหลักให้จักรยานและพาหนะสองล้อพลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะแล้ว อุโมงค์ที่ว่านี้เชื่อมระหว่างถนนสองสายที่อยู่กันคนละเขต ซึ่งจริงๆ เดิมทีเส้นทางนี้ได้รับการวางแผนไว้เป็นเส้นทางจราจรของรถยนต์ แต่ได้รับการปรับเปลี่ยนให้เป็นเส้นทางสัญจรแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยอุโมงค์นี้มีความยาว 440 เมตร และกว้างสูงสุดถึง 6 เมตร ระดับที่สามารถปั่นจักรยานเคียงข้างกันได้แบบสบายๆ ขณะเดียวกันก็ไม่ต้องกังวลถึงความปลอดภัย เพราะเส้นทางนี้ไม่อนุญาตให้คนเดินเท้าเข้าใช้ (ด้านบนอุโมงค์มีถนนและทางเท้าเตรียมพร้อมให้อยู่แล้ว) อีกทั้งยังไม่อนุญาตให้ผู้ที่ขับขี่พาหนะสองล้อพลังงานไฟฟ้าใช้ความเร็วเกิน 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จุดเด่นอีกอย่างคือ พื้นที่จอดจักรยานที่ปลอดภัยขนาด 1,240 คันบริเวณทางเข้าอุโมงค์ พร้อมด้วยไฟส่องสว่าง กล้องวงจรปิด และป้ายบอกทางอย่างชัดเจน มากไปกว่านั้น ภายในอุโมงค์ยังติดตั้งไฟ LED ตลอดเส้นทาง แถมยังใช้ศิลปะมาสร้างสีสันให้ระหว่างทางมีความเฟรนด์ลี น่าใช้งาน และสบายตาสบายใจแก่ผู้ใช้งานทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ตัวอุโมงค์จักรยานนี้เป็นส่วนหนึ่งของความตั้งใจที่จะยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านการปั่นจักรยานและส่งเสริมการเดินทางอย่างยั่งยืน หลังจากที่ทางรัฐพัฒนาโครงการมานานกว่าทศวรรษ โดยอุโมงค์จักรยานนี้จะเชื่อมต่อกับเครือข่ายการขนส่งของเมืองอย่างไร้รอยต่อ เพื่อทำให้การเดินทางด้วยจักรยานมีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น สอดคล้องกับความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการสร้างเมืองที่เอื้อต่อการใช้จักรยานและเดินทางอย่างยั่งยืนของซูริกต่อไป Sources :A Piece of Switzerland | tinyurl.com/22at22oaCanadian Cycling Magazine | tinyurl.com/2b8gj8wh