ได้หยุดยาวทั้งที หรือต่อให้มีวันหยุดแสนสั้นก็ขอไปเที่ยวจริงจังบ้างสักวันเถอะนะ! แต่ถ้าไม่อยากขับรถไกลไปต่างจังหวัด ในกรุงเทพฯ ก็มีแหล่งท่องเที่ยวสวยๆ ชิลๆ ที่ไม่ต้องเจอรถติด แถมค่าเดินทางก็ไม่กี่สิบบาท แต่สามารถไปเที่ยวสนุกได้ทั้งวันแล้ว
ที่เราพูดถึงอยู่นี้คือ ‘ทริปล่องเรือแวะเที่ยวริมแม่น้ำเจ้าพระยา’ บอกไว้เลยว่าทริปนี้เราจะไม่ขึ้นรถแต่จะลงเรือและเดินเท่านั้น ซึ่งเป็นวิธีเดินทางที่เวิร์กและได้ฟีลกว่าการนั่งรถเยอะ หากใครยังงงๆ ไม่รู้จะเริ่มจากจุดไหน ก็ลองเลื่อนนิ้วไปดู ‘TRIP-NI-MAI-MEE-LOR/ทริปนี้ไม่มีล้อ’ ไกด์บุ๊ก แชร์ฟรี!! ฉบับ Urban Creature ที่ทำมาเพื่อคนกรุงผู้เบื่อปัญหารถติดโดยเฉพาะ นอกจากย่อยข้อมูลเดินเรือที่เยอะตาแตกให้เข้าใจง่าย ยังกรุ๊ปรวมที่เที่ยวเด่นๆ ที่สามารถขึ้นท่าปุ๊บแล้วเดินต่ออีกนิดก็เที่ยวได้ สรุปมาให้ทุกย่านแบบละเอียดยิบ รับรองว่าเที่ยวเก๋ไก๋สไตล์ลึกซึ้งแน่นอน!
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2020/04/64553794_2120519601579598_6068036706114732032_n.jpg)
Tourist Information | เรือเจ้าพระยาแต่ละประเภท
หลายคนไปถึงท่าเรือแล้วไม่มั่นใจว่าต้องลงเรือลำไหน หรือเกิดความสงสัยว่าธงแต่ละสีแตกต่างกันอย่างไร อธิบายง่ายๆ ก็คือ เรือแต่ละลำจะเทียบท่าไม่เหมือนกัน อย่างเรือประจำทางก็จะเทียบทุกท่า แต่หากเป็นเรือด่วนก็จะมีธงสีๆ ท่าที่เทียบก็แล้วแต่ว่าด่วนมากด่วนน้อย ส่วนเรือธงฟ้าก็จะเทียบเฉพาะท่าท่องเที่ยวสำคัญๆ กินลมชมวิว รวมถึงราคาและบริการก็จะต่างกันออกไป จะไปลงท่าไหนก็มีวิธีดูง่ายๆ ว่ามีเรือแบบไหนที่จะเทียบบ้าง
เรือประจำทาง (ไม่มีธง) เป็นเรือโดยสารประเภทเดียวที่จอดทุกท่า ตั้งแต่ท่าวัดราชสิงขร-นนทบุรี โดยคิดราคาตามระยะทาง 10 – 12 – 14 บาท ให้บริการเฉพาะวันธรรมดา (หยุดวันเสาร์-อาทิตย์) มีเที่ยวเรือให้บริการสองช่วงต่อวัน ช่วงเช้า 06.45 – 07.30 น. และช่วงเย็น 16.00 – 16.30 น.
เรือท่องเที่ยว ธงฟ้า เชื่อมต่อสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในกรุงเทพฯ ทั้งหมด 8 ท่า เริ่มต้นที่ท่าสาทร-ท่าพระอาทิตย์ ตั้งแต่ 09.00 – 17.30 น. และ จากท่าพระอาทิตย์-ท่าสาทร ตั้งแต่ 09.30 – 18.00 น. ให้บริการทุกวัน โดยจะออกจากท่าสาทรและท่าพระอาทิตย์ทุก 30 นาที ตั๋วโดยสารมี 2 ประเภท ได้แก่ ตั๋วเที่ยวเดียว ราคา 50 บาท และบัตรโดยสารประเภท 1 วัน ราคา 180 บาท ตลอดระยะทางจะมีไกด์คอยให้ข้อมูลเกี่ยวกับท่าเรือต่างๆ ว่าเราสามารถไปเที่ยวต่อที่ไหนได้บ้าง
เรือด่วนพิเศษ ธงส้ม เป็นเรือด่วนที่จอดเกือบทุกท่า ค่าโดยสาร 15 บาทตลอดสาย ตั้งแต่ท่าวัดราชสิงขร-นนทบุรี และเป็นเรือด่วนประเภทเดียวที่ให้บริการทุกวัน เวลา 06.00 – 19.00 น.
เรือด่วนพิเศษ ธงเหลือง เป็นเรือด่วนที่ด่วนที่สุดเพราะเทียบท่าน้อยที่สุด ค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย ตั้งแต่ท่าสาทร-นนทบุรี ให้บริการเฉพาะวันธรรมดา (หยุดวันเสาร์-อาทิตย์) มีเที่ยวเรือให้บริการสองช่วงต่อวัน ช่วงเช้า 06.15 – 08.20 น. และช่วงเย็นถึงค่ำ 16.00 – 20.00 น.
และเรือด่วนพิเศษ ธงเขียว เป็นเรือด่วนประเภทเดียวที่ไปสุดสายที่ปากเกร็ด โดยเริ่มจากท่าสาทร-นนทบุรี-ปากเกร็ด โดยคิดราคาตามระยะทาง 13 – 20 – 32 บาท ให้บริการเฉพาะวันธรรมดา (หยุดวันเสาร์-อาทิตย์) มีเที่ยวเรือให้บริการสองช่วงต่อวัน ช่วงเช้า 06.10 – 08.10 น. และช่วงเย็น 16.05 – 18.05 น.
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2020/04/01-2.jpg)
Scenery | ดื่มด่ำวิวยามเย็น
ท่าสาทรเป็นจุดเริ่มต้นทริปที่ง่ายที่สุด เนื่องจากเป็นท่าที่สามารถต่อเรือได้ทุกสายและเป็นจุดเชื่อมต่อกับบีทีเอสสะพานตากสิน หากใครมาถึงย่านนี้ต้องไม่พลาดที่จะมาตามหาของอร่อยใน ‘ย่านบางรัก’ ที่มีร้านเจ้าเก่าให้เช็กอินกันตลอดเส้นเจริญกรุง รวมถึงตลาดข้างห้างฯ โรบินสันที่มีของกินละลานตาตอนเย็นๆ ใครขยันเดินหน่อยก็สามารถเดินไปได้ถึงพื้นที่สร้างสรรค์แห่งใหม่อย่าง TCDC หรือ Warehouse 30
อีกหนึ่งทางเลือกหากอยากเดินเล่นชิลๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ชมวิวพระอาทิตย์ตก ก็สามารถต่อเรือฟรีจากท่าสาทรมาลงที่ท่าเอเชียทีคได้เลย ‘ASIATIQUE The Riverfront’ รีโนเวตโกดังสินค้าเก่าให้กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ช้อปปิง มีทั้งโซนร้านอาหาร บาร์ ร้านเสื้อผ้า ร้านขายของที่ระลึก และชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ที่ถือเป็นแลนด์มาร์ก สามารถขึ้นไปชมวิวแม่น้ำยามค่ำคืนในมุมมอง Bird’s-eye view
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2020/04/02-2.jpg)
Culture : ชมวิถีชุมชนริมน้ำ
แค่นั่งเรือข้ามฟากจากท่าสี่พระยามาลงคลองสาน ก็จะพบกับโครงการฮิปๆ อย่าง ‘The Jam Factory’ ที่เนรมิตโกดังเก่าให้กลายเป็นแหล่งชิล โดยรวมเอาร้านกาแฟไล-บรา-รี่ ร้านหนังสือก็องดิด ร้านขายของตกแต่งบ้าน และแกลเลอรีมาไว้ด้วยกัน ตรงกลางเป็นสนามหญ้าร่มรื่นด้วยต้นไทรใหญ่เป็นซิกเนเจอร์ ส่วนด้านหน้าติดริมแม่น้ำยังมี ‘The Never Ending Summer’ ที่เป็นร้านอาหารไทยอีกด้วย
ถัดจาก The Jam Factory คือท่าเรือหวั่งหลีที่ตั้งของ ‘ล้ง 1919’ ที่เที่ยวสุดฮิปซึ่งเปิดตัวไปได้ไม่นาน จากท่าเรือกลไฟไทย-จีนอายุกว่า 160 ปี ได้รับการบูรณะใหม่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ด้านหน้าคือศาลเจ้าแม่หม่าโจ้ว ส่วนภายในล้งก็มีทั้งพิพิธภัณฑ์ ครีเอทีฟสเปซ ร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านขายสินค้าศิลปะ
ข้ามกลับมาฝั่งพระนคร ตรงข้ามกันไม่ไกลจะเป็น ‘โบสถ์แม่พระลูกประคำ’ หรือวัดกาลหว่าร์ อายุกว่า 120 ปี เมื่อเดินลัดเลาะซอยเล็กซอยน้อยก็จะพบ Hidden Gem ของย่าน ‘ตลาดน้อย’ ชุมชนเก่าแก่ที่มีทั้งร้านของกินเด็ดๆ และร้านขนมโบราณตั้งอยู่เรียงราย มีไฮไลต์อย่างศาลเจ้าโรงเกือกและบ้านโซวเฮงไถ่ เก๋งจีนต้นกรุงรัตนโกสินทร์ที่มีอายุมากกว่า 200 ปี!!
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2020/04/03-2.jpg)
Shopping & Food | ช้อปตลาดดอกไม้ ชิมสตรีทฟู้ด
เดินจากท่าราชวงศ์ไม่ถึง 400 ม. ก็มาถึง ‘เยาวราช’ ย่านที่รวบรวมร้านอาหารสตรีทฟู้ดไว้หลายรูปแบบ ตั้งแต่หูฉลาม กวยจั๊บ เต้าทึง ข้าวเหนียวทุเรียน-มะม่วง พุดดิ้งมะพร้าวอ่อน ร้านแบบถาวรจะเปิดตั้งแต่ 10.00 – 23.00 น. ส่วนถ้าเป็นแบบแผงลอยจะเปิดช่วงเย็น หลัง 17.00 น. เป็นต้นไป โดยบางร้านก็จะเปิดยาวไปจนถึงช่วง 02.00 น. เลย ใครเป็นสายกินมาที่นี่ไม่ผิดหวังแน่นอน
ถ้าอยากจะซื้อดอกไม้ ‘ปากคลองตลาด’ ก็น่าจะเป็นที่แรกป็อปอัปขึ้นมาในหัว วิธีการมาที่นี่ก็ไม่ยาก เพียงแค่ลงท่ายอดพิมานและเดินต่อมาอีกนิดหน่อยก็ถึง ช่วงหัวค่ำจะเป็นเวลาลงดอกไม้ล็อตใหม่ คนส่วนใหญ่นิยมมาเดินซื้อดอกไม้กันตอนดึกๆ ไปถึงรุ่งสาง เพื่อที่ดอกไม้จะยังคงสดอยู่ในเช้าวันรุ่งขึ้น ออกจากตลาดไปไม่ไกลก็มีร้านจัดดอกไม้ชื่อ ‘นภสร (Napasorn)’ โดยชั้นสองจะเป็นคาเฟ่บรรยากาศวินเทจๆ ชื่อ ‘Floral Cafe at Napasorn’ แต่ละมุมของร้านถูกตกแต่งด้วยดอกไม้นานาชนิด เรียกได้ว่าเป็นร้านที่มีเสน่ห์เข้ากับย่านนี้จริงๆ
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2020/04/04-2.jpg)
History | ไหว้พระ เที่ยววัดวาอาราม
โดดเด่นเป็นสง่าคู่ฝั่งธนฯ ‘วัดอรุณราชวราราม’ ล่าสุดเพิ่งเปลี่ยนโฉมโดยการบูรณะทาสีใหม่ วิวที่สวยที่สุดคือเมื่อมองจากฝั่งท่าเตียนในช่วงเวลาเย็นๆ ซึ่งบริเวณนั้นส่วนใหญ่จะเป็นร้านดินเนอร์หรูๆ ที่สามารถมองเห็นพระปรางค์และวิวแม่น้ำได้แบบเต็มตา
นอกจากนี้ ฝั่งท่าเตียนก็มีวัดโพธิ์ ต้นกำเนิดศาสตร์การนวดแผนโบราณอันเลื่องชื่อ ที่สามารถไปใช้บริการนวดเป็นชั่วโมง หรือจะนวดฝ่าเท้าสัก 30 นาทีก็ช่วยคลายความเมื่อยหลังจากที่เดินมาทั้งวัน
ต่อมาคือพิพิธภัณฑ์สุดล้ำที่กำลังอินเทรนด์ ‘Museum Siam’ เพราะเพิ่งเปิดตัวนิทรรศการถาวรใหม่อย่าง ‘ถอดรหัสไทย’ เนื้อหามันๆ ร่วมสมัย ให้เราได้เล่นสนุกและร่วมหาคำตอบว่าอะไรคือความเป็นไทยที่แท้จริง
สถานที่สำคัญที่อยู่ใกล้เคียงกัน ได้แก่ ‘วัดพระแก้ว’ ที่สามารถเดินจากท่าช้างมาได้ไม่ไกลนัก ด้านในมีพระอุโบสถที่สวยงาม นอกจากนี้ ภายในพระบรมมหาราชวังยังมีพระที่นั่งวิมานเมฆ พระที่นั่งอนันตสมาคม และพิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่หากได้มาแล้วไม่ควรพลาดที่จะแวะชม
จุดแวะสุดท้ายของโซนนี้ก็คือ ’ท่ามหาราช’ คอมมูนิตี้มอลล์สุดชิกริมแม่น้ำเจ้าพระยา ดื่มด่ำวิวสวยๆ ช้อปเพลินๆ หรือกินดื่มสุดชิลเพราะเขารวบรวมร้านอร่อยจากทุกสารทิศมาไว้ที่นี่
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2020/04/05-2.jpg)
Food & Drink | แฮงเอาต์ยามค่ำคืน
และท่าเรือสุดท้าย ‘ท่าพระอาทิตย์’ ตลอดเส้นถนนพระอาทิตย์จะมีร้านอาหารดัง อย่างโรตี-มะตะบะ หรือก๋วยเตี๋ยวเนื้อนายโส่ยที่เปิดในตอนกลางวัน ส่วนกลางคืนจะมีบาร์แจ๊สหลายร้านให้เลือกนั่งชิลฟังดนตรีสด หรือถ้าอยากซึมซับบรรยากาศเมืองเก่าตอนเย็นๆ ก็สามารถไปนั่งเล่นริมแม่น้ำที่สวนสันติชัยปราการติดกับป้อมพระสุเมรุก็ได้
หากเดินลัดซอยเล็กๆ จากถนนพระอาทิตย์ก็สามารถมาโผล่ถนนข้าวสารได้ไม่ยาก ตอนกลางคืนถนนสายนี้จะคึกคักไปด้วยสตรีทฟู้ด ร้านขายของ บาร์ต่างๆ เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
หลายคนไม่รู้ว่าถัดจากแหล่งแฮงเอาต์ชื่อดัง ‘บางลำพู’ คืออีกย่านที่แอบซ่อนของดีไว้ตามตรอกซอกซอย โดยเฉพาะตลาดแถวห้างฯ ตั้งฮั่วเส็งที่มีของกินขึ้นชื่อหลายอย่าง เช่น ข้าวแช่ร้านแม่ศิริ ขนมเบื้องแม่ประภา พรชัยเบเกอรี่ นอกจากนี้ ยังมีประวัติศาสตร์ของชุมชนเก่าแก่ที่น่าสนใจและสามารถไปหาความรู้แบบสนุกๆ ได้ที่ ‘พิพิธบางลำพู’