การท่องเที่ยวในประเทศไทยขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของแหล่งธรรมชาติ จนดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้มาเยือนได้อย่างยาวนาน
ทว่าความงดงามจะอยู่กับเราไปได้อีกนานแค่ไหนกัน ด้วยเหตุนี้ ในหลายพื้นที่ที่เริ่มตระหนักถึงความยั่งยืนจึงเริ่มมีการจัดการระบบนิเวศที่ดีควบคู่ไปกับการท่องเที่ยว หนึ่งในนั้นคือ ‘หมู่เกาะลันตา’ จังหวัดกระบี่ ที่มองเห็นโอกาสในการพัฒนาการท่องเที่ยวของพื้นที่ โดยที่ยังสามารถอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน ซึ่งไม่ใช่แค่สร้างความตระหนักรู้ให้ชาวบ้านเท่านั้น แต่ยังเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในเกาะแห่งนี้ด้วย
ความตั้งใจนี้เองส่งผลให้เกาะลันตาได้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับรางวัล ‘Green Destinations Top 100 Stories 2025’ โดยองค์กร Green Destinations Foundation ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งมอบให้กับแหล่งท่องเที่ยวที่มีการจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เน้นเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่น และการมีส่วนร่วมของชุมชนในกระบวนการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว
นับเป็นโอกาสดีที่ ‘การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)’ ชวนเราเดินทางไปยังจังหวัดกระบี่ เพื่อพาไปสัมผัสการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนในหมู่เกาะลันตาว่าเป็นอย่างไร ทำไมถึงคว้ารางวัลระดับโลกนี้มาได้ ซึ่งเราก็ไม่พลาดนำบันทึกการเดินทางนี้มาฝากทุกคนด้วย
ส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ทะเล ด้วยโครงการคืนบ้านให้ปูเสฉวน

จุดประสงค์หลักของการไปเกาะลันตาของเราในครั้งนี้คือ การไปรู้จัก ‘คืนบ้านให้ปูเสฉวน’ โครงการเล็กๆ ที่ทำให้เกาะลันตาได้รับรางวัล Green Destinations Top 100 Stories 2025
โครงการนี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ พ.ศ. 2563 จากการที่นักท่องเที่ยวได้โพสต์ภาพปูเสฉวนในขวดแก้วหรือขยะทะเลลงบนโซเชียลมีเดีย ทำให้หลายคนตั้งคำถามถึงปัญหาขยะทะเลที่ทำให้สิ่งมีชีวิตเล็กๆ เหล่านี้เกิดความสับสนในการหาเกราะป้องกันตัวเอง เพราะขยะพวกนี้ไม่สามารถเป็นบ้านที่ดีได้ เนื่องจากความอันตรายจากขอบคมๆ ของขวดแก้ว หรือสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับปูเสฉวนได้
หลังจากเหตุการณ์นั้น ทาง ‘อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา’ ไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น จึงได้เข้าไปปรึกษาร่วมกับทาง ‘สมาคมไทยท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ’ และ ‘สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะลันตา’ ทำให้ทราบสาเหตุว่า การที่ปูเข้าไปอยู่ในขยะไม่ใช่เพียงเพราะมีขยะทะเลจำนวนมากอย่างเดียวเท่านั้น แต่เกิดจากเปลือกหอยในธรรมชาติมีไม่เพียงพอต่อปูเสฉวน
ที่เป็นแบบนั้นเนื่องจากการเก็บเปลือกหอยไปทำเป็นสินค้าขายหรือคัดเลือกเปลือกสวยงามไปประดับตกแต่ง จนทำให้จำนวนเปลือกหอยลดลงเรื่อยๆ นำมาสู่ไอเดียโครงการคืนบ้านให้ปูเสฉวน ซึ่งเป็นการเปิดรับบริจาคเปลือกหอยหลากหลายขนาดเพื่อนำกลับมาเป็นบ้านให้ปูเสฉวน

เปลือกหอยฝาเดียวที่จะนำไปเป็นบ้านใหม่ให้เหล่าปู ใช้ได้ทั้งหอยน้ำจืดและหอยน้ำทะเล เช่น หอยชักตีน หอยโข่ง โดยอาจเป็นเปลือกหอยจากการทำอาหารหรือเปลือกหอยจากโมไบล์ก็ได้เช่นกัน
ข้อควรระวังคือ ต้องทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อนจะส่งต่อบ้านให้กับปู ซึ่งทางอุทยานฯ ก็ได้ประชาสัมพันธ์ไปทางสื่อโซเชียลฯ และร่วมมือกับโรงแรมและร้านอาหาร เพื่อที่จะได้ไม่ต้องนำเปลือกหอยที่เหลือจากการรับประทานอาหารไปทิ้งเป็นขยะ แต่นำมาใช้ประโยชน์กับปูเสฉวนแทน
ปูเสฉวนสำคัญไฉน ทำไมต้องให้ความสำคัญ

แม้ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ตามชายหาด แต่เพราะปูเสฉวนนั้นมีความสามารถในการกินซากพืช ซากสัตว์ และทำความสะอาดชายหาด จึงสร้างประโยชน์ต่อระบบนิเวศของชายหาดมาก
ด้วยลักษณะของปูเสฉวนที่มีลำตัวอ่อนนุ่ม ทำให้ต้องอาศัยเปลือกหอยมาเป็นบ้านที่ช่วยป้องกันอันตราย และต้องเปลี่ยนบ้านใหม่อยู่เสมอเมื่อมีขนาดตัวใหญ่ขึ้น ดังนั้นการมีอยู่ของเปลือกหอยริมชายหาดจึงไม่ใช่แค่เป็นบ้านให้กับเหล่าปูชนิดนี้ แต่ยังส่งผลถึงการมีอยู่ของปูเสฉวนที่ช่วยรักษาระบบนิเวศให้ดำเนินต่อไปด้วย

ทางเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เล่าให้เราฟังว่า การคืนบ้านให้เหล่าปูเสฉวนนี้ไม่จำเป็นต้องส่งเปลือกหอยมายังเกาะลันตาอย่างเดียวเท่านั้น แต่ทุกคนเลือกส่งเปลือกหอยให้อุทยานแห่งชาติอื่นๆ รวมถึงนำเปลือกหอยไปวางไว้ตามชายหาดด้วยตัวเองได้ทุกที่ เพราะปัญหาปูขาดบ้านนั้นเกิดขึ้นในหลายแห่ง
แน่นอนว่าการส่งเปลือกหอยคืนกลับสู่ธรรมชาติให้ปูเสฉวนได้ดำเนินชีวิตต่อจะเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาสิ่งแวดล้อม แต่มนุษย์เราเองก็ควรตระหนักถึงการรักษาความสะอาดง่ายๆ อย่างการไม่ทิ้งขยะลงในทะเล และไม่เก็บเปลือกหอยติดไม้ติดมือกลับไปบ้าน เพราะการขาดแคลนเปลือกหอยนั้นจะส่งผลต่อการดำรงชีวิตของเหล่าสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในทะเลและบนชายหาดได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว

หากไปเที่ยวที่เกาะลันตาแล้วอย่าลืมแวะไปที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตากัน โดยนำเปลือกหอยฝาเดียวที่มีไปวางไว้ที่ชายหาด หรือจะส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ทางอุทยานฯ ก็ได้
หรือถ้าไม่มีเปลือกหอยติดไม้ติดมือไป แต่อยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการคืนบ้านให้เจ้าปูเสฉวน ลองติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อนำเปลือกหอยภายในอุทยานฯ ไปวางไว้ให้เหล่าปูบนหาดก็ได้เหมือนกัน ระหว่างเดินบนหาดอาจจะได้เจอปูที่กำลังวิ่งหาบ้านหลังใหม่ที่พอดีกับตัวเองอยู่ก็เป็นได้
ท่องเที่ยวแบบกรีนๆ กันต่อที่เกาะลันตา

อย่างไรก็ตาม ที่หมู่เกาะลันตาแห่งนี้ไม่ได้มีแค่โครงการคืนบ้านให้ปูเสฉวนที่ช่วยให้การท่องเที่ยวของเรากรีนๆ เพราะ ‘คุณวิชิต ยะลา’ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะลันตา บอกกับเราว่า ที่นี่ยังมีอีกหลายโครงการที่พยายามผลักดันให้พื้นที่แห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่พร้อมต้อนรับผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ และจะรักษาสิ่งแวดล้อมของเกาะให้ยั่งยืนต่อไป

ทาง ททท.พาเราไปท่องเที่ยวแบบ Low Carbon กันที่ ‘ทุ่งหยีเพ็ง’ โดยเราตื่นแต่เช้าตรู่ ก่อนพระอาทิตย์จะออกมาทักทาย เพื่อไปสัมผัสบรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางธรรมชาติบนเรือแจวของชาวบ้านในชุมชน
‘คุณนราธร หงษ์ทอง’ ประธานชุมชนท่องเที่ยวทุ่งหยีเพ็ง เล่าถึงกิจกรรมนี้ว่า เป็นการออกแบบทริปในระยะเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ใช้เวลายามเช้าชมพระอาทิตย์ และล่องลอยไปบนผืนน้ำท่ามกลางความเงียบสงบของบรรยากาศธรรมชาติ
เราล่องเรือไปอย่างช้าๆ ในแม่น้ำลำคลองที่สองข้างทางเป็นป่าชายเลนที่เต็มไปด้วยสัตว์น้ำธรรมชาติมากมาย เช่น ปูก้ามดาบ ปลาตีน ให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาเรื่องราวที่น่าสนใจของสิ่งมีชีวิตในบริเวณพื้นที่โดยรอบ รวมถึงได้ใช้เวลากับตัวเองและคนรอบข้าง พร้อมทั้งเป็นการสนับสนุนอาชีพของชาวบ้านในชุมชนในอีกทางหนึ่ง โดยตลอดระยะเวลาการล่องเรือนี้จะไม่มีการปล่อยมลพิษสู่ธรรมชาติเลยแม้แต่น้อย

การไปเกาะลันตาครั้งแรกของเรา ทำให้ได้เห็นการเรียนรู้การอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติของชาวบ้านและชุมชน ที่นำทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่มาต่อยอดในการประกอบอาชีพ พร้อมกับทำหน้าที่เป็นพื้นที่ที่มอบความรู้ให้กับเหล่านักท่องเที่ยวได้ทำความเข้าใจวิถีชีวิตของธรรมชาติ
การทำแบบนี้ไม่ได้แค่ช่วยให้คนในพื้นที่ได้ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในบ้านเกิดของตัวเองอย่างเดียว แต่คนนอกพื้นที่และนักท่องเที่ยวก็ยังร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ระบบนิเวศภายในเกาะลันตาและพื้นที่ทะเลอื่นๆ ได้ด้วยเช่นกัน
ในช่วงปลายปีแบบนี้ หากใครมีโอกาสไปเที่ยวเกาะลันตา เราอยากชวนให้แวะไปที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา เพื่อเรียนรู้ความเป็นอยู่ของเหล่าปูเสฉวน และร่วมเข้าขบวนการผู้พิทักษ์เพิ่มบ้านให้พวกมันเหมือนเราด้วย
และถ้าอยากชมพระอาทิตย์ขึ้นในมุมที่สวยที่สุดบนเกาะลันตา สอบถามรายละเอียดพร้อมกับจองทริปได้ที่ Facebook : เรือแจวทุ่งหยีเพ็ง Koh lanta krabi