ตามประสาคนเสพติดการ Workation เป็นชีวิตจิตใจ ฉันเลิฟการสกรอล์หน้าจอเพื่อเสาะหาที่พักใหม่ๆ ที่ช่วยเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานให้กระชุ่มกระชวยเป็นที่สุด
วันหนึ่ง ภาพของ ‘The Fig Lobby’ โรงแรมใหม่ย่านคลองเตยก็โผล่ขึ้นมาบนฟีด สีสันของตึกอาคารที่สนุกสดใสดึงความสนใจของฉันได้ตั้งแต่แวบแรก รู้ตัวอีกที ฉันก็มายืนหน้าล็อบบี้ของ The Fig Lobby ถือ Welcome Ice Cream ของโรงแรมอยู่ในมือ และพร้อมที่จะเดินสำรวจที่พัก+ที่ทำงาน (ชั่วคราว) แห่งใหม่อย่างระริกระรี้
สิ่งที่ได้จากการสำรวจอาจเล่าย่อๆ ได้ดังนี้ : ที่นี่มีห้องพัก 68 ห้องรองรับแขก มีร้านอาหารและคาเฟ่ที่นั่งทำงานเพลินสุดๆ นอกจากนี้ยังมีสปาธีมอินเดียฟีลดี ห้องปั้นเซรามิกสุดอบอุ่น สตูดิโอทำงานศิลปะ บาร์และร้านอาหารสไตล์เม็กซิกันอยู่บนชั้นดาดฟ้า และมีห้องปั่นจักรยานประกอบของ Native คอยให้บริการสายสุขภาพ
ที่ต้องมีเยอะขนาดนี้เพราะ ‘พลอย-ชาลิสา เตียนโพธิทอง’ ผู้ก่อตั้ง The Fig Lobby ผู้อาสาพาฉันทัวร์ในวันนี้บอกว่าที่นี่ไม่ใช่แค่โรงแรม แต่เธอหวังอยากให้เป็นพื้นที่ที่ผู้ใหญ่วัยมันได้มาใช้ชีวิตกันเต็มที่ ภายใต้ไวบ์สขี้เล่นๆ ที่พร้อมอ้าแขนกว้างต้อนรับทุกคนอย่างเต็มกอด
Magic Lobby
สำหรับพลอย การมีโรงแรมเป็นของตัวเองคือความฝัน
“พลอยชอบโรงแรมตั้งแต่เด็ก รู้สึกว่าโรงแรมเป็น Magical Place ที่เข้าไปแล้วตื่นตาตื่นใจกับการเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น และการได้พบเจอคนใหม่ๆ เวลาไปเที่ยว สิ่งแรกที่จะดูไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ แต่เราจะรีเสิร์ชโรงแรมเป็นอันดับแรก เราจะใช้เวลาในโรงแรมเยอะมากเพื่อเก็บไอเดียว่าเราชอบหรือไม่ชอบอะไรจากที่นั่น”
ความชอบต่อยอดไปสู่การเลือกเรียนด้านการโรงแรมอย่างจริงจัง หลังจากจบการศึกษาและได้ทดลองทำงานหลายอย่าง ทั้งเป็นเจ้าของธุรกิจไอศกรีมโฮมเมด (ใช่ แบรนด์นั้นกลายมาเป็น Welcome Ice Cream ที่เรากำลังเอนจอยอยู่ในมือ) ไปจนถึงการเป็นที่ปรึกษาให้ร้านอาหารและโรงแรมหลายแห่ง พลอยตัดสินใจเปิดโรงแรมของตัวเองขึ้นมาในที่สุด
Fig Lobby
ในภาพวาดหลายชิ้นที่วาดอดัมกับอีฟ มนุษย์คู่แรกของโลก เรามักเห็นพวกเขาใช้ใบ Fig หรือใบมะเดื่อปิดจุดซ่อนเร้นของทั้งคู่ไว้
ลูกมะเดื่อจึงเปรียบเสมือนผลไม้ลึกลับที่ซ่อนความขี้เล่น และนั่นคือคาแรกเตอร์ของโรงแรมที่พลอยมองไว้ คำว่า Fig จึงกลายมาเป็นชื่อของโรงแรมโดยตั้งใจ
“ส่วนคำว่า Lobby มาจากไอเดียว่าทุกโรงแรมต้องมีล็อบบี้ สำหรับเรา ล็อบบี้คือความประทับใจแรก การพบกันครั้งแรก และเป็นครั้งแรกของหลายๆ อย่าง ล็อบบี้ยังเป็นเหมือนพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ (Sacred Place) ที่พิเศษและเป็นสถานที่ที่ทำให้ผู้คนมาสมาคม (Mingle) กัน”
พลอยขยายความต่อว่า เธออยากให้ The Fig Lobby เป็นพื้นที่ปลอดภัยของแขกผู้มาเยือน
“พลอยเป็นคนเชื่อเรื่องพลังงาน จึงอยากสร้างพื้นที่ที่เข้ามาแล้วตั้งคำถามว่าเราอยู่ที่ไหน แปลกๆ แต่ก็สบายใจ มันไม่ต้องเหมือนโรงแรมอื่นที่เข้าไปแล้วต้องคิดว่าฉันจะนั่งยังไง ใส่ชุดอะไร อยากให้คนที่เข้ามาแล้วรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน เป็นตัวของตัวเองได้
“อยากให้ที่นี่เป็นสถานที่ของผู้ใหญ่ที่ใช้ชีวิตมีสีสัน เป็นพื้นที่ความสุขที่พาให้พวกเขากลับไปเป็นเด็กได้อีกครั้ง เพราะทุกวันเราต้องเจอความเครียดมากมาย การจะมีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ หรือไอเดียใหม่ๆ มันเกิดจากการไปอยู่ในสถานที่แบบนี้”
Playful Lobby
‘สถานที่สำหรับผู้ใหญ่ขี้เล่น’ (Playful Adult) คือคำจำกัดความที่เธอมอบให้ The Fig Lobby ซึ่งพอโจทย์ตั้งมาแบบนี้ รูปลักษณ์ของอาคารไปจนถึงการตกแต่งภายในจึงเต็มไปด้วยสีสันที่ฉูดฉาด
“พลอยเชื่อว่าสีมีเอเนอร์จี ถ้าลองไปนั่งในห้องที่ทาสีขาวดำทั้งห้องกับห้องที่มีสีดู เราจะรู้สึกเลยว่าพลังงานและความรู้สึกที่ได้นั้นต่างกัน สีที่เราเลือกมาใช้จึงเป็นสีสนุก รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้จะมีความเป็นเส้นโค้งเว้า (Curved Line) และมีรูปร่างที่อิสระ (Freeform Shape)”
พลอยเล่าระหว่างพาทัวร์ล็อบบี้กว้างแต่เต็มไปด้วยของตกแต่งที่ให้ความรู้สึกขี้เล่นอย่างที่เธอตั้งใจ ก่อนจะพาเดินขึ้นไปชั้นสองเพื่อดูห้องพักรูปแบบต่างๆ ซึ่งมีทั้งหมด 68 ห้อง และแน่นอนว่าสีสันสุดคัลเลอร์ฟูลถูกนำไปใช้ในห้องพักด้วยเช่นกัน
ห้องพักของ The Fig Lobby มีตั้งแต่ขนาด 35 – 70 ตารางเมตร โดยแต่ละห้องก็จะมีธีมที่แตกต่างให้แขกได้เลือกสรรตามใจ ไม่ว่าจะเป็นห้องพัก Feminine Energy ที่ตกแต่งด้วยธีมสีที่คนแรดๆ จะเลิฟ หรือห้องพัก Masculine Energy ที่เคร่งขรึมน่าค้นหา
มากกว่านั้น ชั้น 5 ของที่นี่ถูกเรียกว่า Artist Floor หรือชั้นของศิลปิน ซึ่งหยิบแม่สีแดง เหลือง น้ำเงินมาตกแต่งห้องพักหลากหลายขนาด รับรองว่าเข้าไปพักแล้วไอเดียจะบรรเจิดสุดๆ
Khlong Toei Lobby
พลอยอธิบายต่อว่า เมื่อก่อนพื้นที่นี้เป็นตึกแถว 5 ชั้นใจกลางคลองเตย เธอเน้นคงโครงสร้างบางส่วนไว้ แล้วแต่งเติมใหม่ในส่วนที่จำเป็นต้องแต่งเติมเพิ่มเท่านั้น
นั่นเพราะแนวคิดหลักที่ใช้สร้าง The Fig Lobby มีคำว่า Sustainability หรือความยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญ
“พลอยคิดว่าขยะในโลกตอนนี้ก็มีมากมาย ถ้าเราจะสร้างอาคารที่สามารถช่วยเรื่องนี้ได้ผ่านการรีโนเวตเราก็อยากทำ โครงห้องพักแต่ละห้องเราก็ยึดเป็นโครงเดิม คือพยายามใช้วัสดุเก่ามารียูสให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้ ในโรงแรมเราจะไม่ใช้ขวดพลาสติกหรือผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ใช้ได้ครั้งเดียว (Single-use) เลย”
พ้นไปจากเรื่องความยั่งยืน โรงแรมของพลอยยังยึด 2 แนวคิดที่สำคัญไม่แพ้กันคือ Inclusivity (การโอบรับความหลากหลาย) และ Community (ชุมชน)
“การโอบรับความหลากหลายของเราไม่ได้หมายถึงชุมชน LGBTQ+ อย่างเดียว แต่เรายังขยายไปถึงเรื่องการเป็นโรงแรมที่ Pet-friendly เพราะปัจจุบันสัตว์เลี้ยงเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวไปแล้ว
“ส่วน Community ด้วยความที่เราเติบโตมาในชุมชนคลองเตย ในมุมของคนอื่นอาจมองว่าที่นี่เป็นพื้นที่สลัม ค่อนข้างด้อยพัฒนา แต่เรารู้สึกว่าคลองเตยเป็นคอมมูนิตี้ที่มีการช่วยเหลือกันค่อนข้างเยอะ มีศิลปะ มีพื้นที่หลายแห่งที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก เราก็อยากทำให้เป็นจุดแข็งขึ้นมาในย่านนี้ด้วย”
สีสันที่เราเห็นตั้งแต่ด้านนอกอาคารถึงด้านในห้องพัก พลอยยังแอบกระซิบว่าสีเหล่านี้ได้แรงบันดาลใจมาจากสีสันของชุมชนคลองเตยที่โรงแรมตั้งอยู่อีกด้วย
All-day Lobby
สำหรับพลอย The Fig Lobby ไม่ใช่แค่โรงแรม แต่คือพิพิธภัณฑ์ที่หลายคนสามารถเข้ามาพักผ่อนและทำกิจกรรมร่วมกันได้
ตอนแรกเราไม่ค่อยเห็นภาพสิ่งที่เธอกำลังอธิบาย จนกระทั่งหญิงสาวเจ้าของโรงแรมพาเราทัวร์ไปดูร้านรวงต่างๆ ที่แทรกตัวอยู่ภายในโรงแรม ไล่ตั้งแต่ร้านอาหารและคาเฟ่ชั้นหนึ่งที่เน้นเสิร์ฟอาหารไทย เลือกวัตถุดิบตามฤดูกาล หรือหากใครมีใจจะจิบเครื่องดื่มเบาๆ แล้วนั่งทำงาน ก็เป็นสถานที่ทำงานที่เวิร์กไม่เบา
เดินต่อไปอีกนิดหน่อยก็เจอสปาอินเดียที่เน้นทำงานกับจักระหรือจุดพลังงานในร่างกาย พลอยกระซิบว่าวันดีคืนดี ที่นี่เคยมีดาราดังและศิลปินระดับโลกมาใช้บริการด้วย
ติดกับสปา เราเจอร้าน ‘สนิท’ (SANIT) ร้านทำเครื่องปั้นดินเผาของจอห์น นูโว ที่มาตั้งเป็นสาขา 2 ในโรงแรมแห่งนี้ ให้บริการทั้งการปั้นแบบ Free Hand และใช้เครื่องปั้น โดยจะมีเวิร์กช็อปการปั้นวันละ 2 – 3 รอบ
เมื่อเดินขึ้นชั้น 2 เกือบสุดปลายทางเดิน เราพบกับสตูดิโอทำงานศิลปะแนว Fluid Art และ Alcohol Paint ที่มีศิลปินแวะเวียนมาจัดเวิร์กช็อปสอนผู้มาเยือนเช่นกัน
สุดท้ายคือชั้นดาดฟ้าที่มีร้านอาหารและบาร์สไตล์เม็กซิกัน พร้อมต้อนรับทุกคนที่มากินดื่มรับแสงอาทิตย์ (กระซิบนิดหนึ่งว่าตอนพระอาทิตย์ตกวิวดีสุดๆ) หรือหากใครเป็นสายเฮลตี้ บนชั้นสูงสุดก็มี Indoor Cycling หรือคลาสปั่นจักรยานตามจังหวะของแบรนด์ Native รอให้มาเสียเหงื่อด้วยกัน
“เราอยากให้ที่นี่เป็นเหมือนรีสอร์ตต่างจังหวัด คือทุกคนสามารถอยู่ที่นี่ได้ทั้งวัน ไม่ต้องออกไปไหน ทุกเพศทุกวัยสามารถอยู่ได้หมด” หญิงสาวย้ำ แล้วเราก็กระจ่างแจ้งทันที
Dream Lobby
“พลอยชอบโรงแรมมาตั้งแต่เด็ก การมีโรงแรมของตัวเองก็เป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายที่อยากทำให้สำเร็จ แล้วพอมันเปิดจริงๆ The Fig Lobby พาให้เราไปเจอคนใหม่ๆ เยอะมากที่ถ้าไม่ได้ทำโรงแรมนี้ก็คงไม่ได้เจอ” พลอยเล่าสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายหลังจากเปิดโรงแรมได้ 6 เดือน
“โรงแรมนี้เป็นสถานที่ที่มีความหมายกับพลอย มันทำให้ชีวิตของพลอยสนุกขึ้น พลอยชอบเชื่อมสัมพันธ์กับผู้คนใหม่ๆ ที่นี่เอื้อให้เราทำอย่างนั้นได้ พอได้เจอแขก ได้เป็นเพื่อนกับพวกเขา มันทำให้พลอยรู้สึกว่าชีวิตเรามีคุณค่าและเรากำลัง Make a Difference อยู่
“การตื่นมาแล้วเจอคนไม่ซ้ำกันเลยมันทำให้พลอยมีพลังอยู่เรื่อยๆ และทำให้พลอยเรียนรู้สิ่งใหม่ตลอดเวลา The Fig Lobby ทำให้พลอยรู้สึกโชคดีทุกวัน”
The Fig Lobby
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน
พิกัด : 55 ซอยริมทางรถไฟสายปากน้ำ คลองเตย กรุงเทพมหานคร
แผนที่ : maps.app.goo.gl/3inGRSyc6yGR91PZ8
ช่องทางติดต่อ :
thefiglobby.com
facebook.com/thefiglobby
instagram.com/thefiglobby