Th Broken Home แนวคิดบ้านยุคใหม่จากสัมมากร - Urban Creature

ปัจจุบัน พฤติกรรมและการใช้ชีวิตของคนไทยเปลี่ยนไปแล้ว การออกแบบ ‘บ้าน’ แบบเดิมจึงอาจไม่รองรับการอยู่อาศัยของผู้คนยุคนี้อีกต่อไป

เพราะโลกธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง รวมไปถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เติบโตรวดเร็ว ชีวิตของผู้คนจึงยิ่งยึดติดกับงาน ต้องทำงานหนักแข่งกับเวลา และตื่นตัวกับสิ่งใหม่ๆ บนโลกออนไลน์เกือบ 24 ชั่วโมง เพราะหากช้าเพียงก้าวเดียว ก็อาจพลาดโอกาสหรือตามกระแสสังคมไม่ทัน สิ่งที่ตามมาคือผู้คนต้องการความเป็นส่วนตัว โฟกัสตัวเองมากขึ้น และใช้พื้นที่ในบ้านร่วมกับครอบครัวน้อยลง ทำให้ครอบครัวที่อยู่ในบ้านเดียวกัน ไม่มีปฏิสัมพันธ์กันเหมือนแต่ก่อน

ความเปลี่ยนแปลงที่ท้าทายนี้จึงเป็นที่มาของ ‘The Broken Home บ้าน แตก แยก’ บ้านพักที่พัฒนาโดย ‘สัมมากร’ แบรนด์อสังหาริมทรัพย์ที่เห็นความเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิตของคนไทยเป็นเวลากว่า 50 ปี ร่วมกับ ‘ชูใจ กะ กัลยาณมิตร’ และ ‘Integrated Field’ ภายใต้แนวคิด ‘บ้านที่เหมาะกับพฤติกรรมคนไทยในปัจจุบัน’ ซึ่งเป็นการออกแบบที่ตอบรับและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่คนไทยสมัยนี้ ที่มีไลฟ์สไตล์ในการอยู่อาศัยที่แยกออกจากกันมากขึ้นเรื่อยๆ

The Broken Home คือบ้านทรงกล่องสไตล์มินิมอล มาพร้อมองค์ประกอบภายในที่สอดคล้องกับชีวิตของคนในบ้านมากขึ้น เช่น พื้นที่ส่วนกลางลดสัดส่วนจาก 40% ของบ้านทั่วๆ ไป ให้เหลือเพียง 12% เพื่อรองรับการใช้งานร่วมเท่าที่จำเป็น โดยแนวคิดนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากคนไทยในยุค Digital Disruption และความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวแบบ ‘Living Together but Apart’ หรือ ‘อยู่ด้วยกันแบบต่างคนต่างอยู่’

หลายคนอาจสงสัยว่า The Broken Home ตอบโจทย์คนไทยยุคนี้มากแค่ไหน? เราจะพาทุกคนไปสำรวจการออกแบบห้องต่างๆ ของบ้านหลังนี้แบบเจาะลึก มีตั้งแต่ห้องนั่งเล่นที่แคบที่สุด ห้องครัวสำหรับอาหารเดลิเวอรี โต๊ะทานอาหารที่มีฉากกันแสงและเสียงจากคนในครอบครัว ไปจนถึงห้องทำงานที่เอื้อให้คุณ Work from Home ได้ทั้งวันทั้งคืน

โดยหลังจากทัวร์และทำความรู้จักกับแนวคิดการออกแบบบ้านครั้งนี้ ทุกคนจะได้กลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า ความสุขและคุณค่าของ ‘ชีวิต’ และ ‘บ้าน’ ที่แท้จริงคืออะไร?

หากใครอยากรู้จักและเข้าใจการออกแบบ ‘The Broken Home บ้าน แตก แยก’ สามารถรับชมวิดีโอที่สร้างจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในบ้านคุณได้ที่นี่ t.ly/mkPq

The Broken Home Sammakorn สัมมากร

‘ห้องนั่งเล่น’ คือพื้นที่ส่วนกลางที่มักมีขนาดกว้างขวางและเต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่ง เพื่อสร้างบรรยากาศผ่อนคลายและเป็นมิตร เพราะสมาชิกในครอบครัวมักใช้เวลาพักผ่อนและทำกิจกรรมร่วมกันในห้องนี้

แต่สถิติชี้ว่าคนไทยในปัจจุบันใช้เวลาไปกับครอบครัวเพียง 3 ชั่วโมงต่อวัน หรือ 12% ของเวลาทั้งหมด ทำให้สมาชิกในครอบครัวใกล้ชิดกันน้อยลงและขีดเส้นความเป็นส่วนตัวมากขึ้น The Broken Home จึงจัดระเบียบห้องนั่งเล่นให้มีขนาดเล็กลงกว่าเดิมมาก โซฟาแทบจะติดกับโต๊ะวางโทรทัศน์ พื้นที่กว้างพอสำหรับผู้อยู่อาศัยหนึ่งคนเท่านั้น เหมาะกับบ้านที่สมาชิกแต่ละคนว่างไม่ตรงกันหรือใช้พื้นที่ส่วนกลางคนละช่วงเวลา

ห้องนั่งเล่นที่แคบลงสะท้อนให้เห็นว่า พื้นที่ส่วนกลางไม่มีความจำเป็นสำหรับบ้านคนไทยยุคใหม่เท่าแต่ก่อนแล้ว และถ้าพูดถึงพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมด บ้านหลังนี้ลดสัดส่วนพื้นที่ดังกล่าวจาก 40% ของบ้านทั่วๆ ไป เหลือเพียง 12% โดยลดขนาดและฟังก์ชันของ Family Hall จากเดิมที่เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่สำหรับการพบปะพูดคุย ให้กลายเป็นพื้นที่ขนาดเล็กลง ที่เป็นเพียงทางเชื่อมของคนในบ้านเข้าสู่พื้นที่ส่วนตัวโดยไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากันก็ได้ 

The Broken Home Sammakorn สัมมากร

ในอดีตคนไทยให้ความสำคัญกับการทานอาหารร่วมกันในครอบครัวมาก เพราะมันคือช่วงเวลาที่ทุกคนได้พูดคุย แลกเปลี่ยน และกระชับสายสัมพันธ์ให้อบอุ่น บ้านหนึ่งหลังมีห้องทำอาหารมากกว่าหนึ่งห้อง เพื่อรองรับการทำอาหารหลากประเภท ทั้งครัวเปิดสำหรับจัดเตรียมหรือปรุงอาหารเมนูง่ายๆ ไปจนถึงครัวปิดสำหรับทำอาหารมื้อใหญ่ 

แต่ปัจจุบันคนไทยเข้าครัวน้อยลง และนิยมสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันมากขึ้น โดยความสะดวกสบายและง่ายเพียงแค่ปลายนิ้ว ทำให้ค่านิยมสั่งอาหารเดลิเวอรีของคนไทยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 120 ล้านออเดอร์ 

เพราะเหตุนี้ The Broken Home จึงออกแบบ ‘ห้องครัว’ ให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงนี้ โดยปรับไซซ์ห้องครัวให้มีขนาดกะทัดรัด นำชั้นเก็บเครื่องครัวและเตาทำอาหารออก และเพิ่มอุปกรณ์อุ่นอาหารแบบง่ายๆ อย่างไมโครเวฟแทน สมาชิกในครอบครัวเลือกอุ่นเมนูโปรดของตัวเองได้ในเวลาที่สะดวก โดยไม่ต้องคำนึงถึงการเตรียมอาหารสำหรับคนในครอบครัวแบบสมัยก่อนแล้ว เป็นการออกแบบที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนไทยยุคนี้ ที่เน้นความสะดวก รวดเร็ว และไม่ผูกติดชีวิตของตัวเองไว้กับคนรอบข้าง

The Broken Home Sammakorn สัมมากร

ปัจจุบันคนไทยมีพฤติกรรมใช้สมาร์ตโฟนมากเป็นอันดับ 3 ของโลก เฉลี่ยวันละ 5 ชั่วโมง เมื่อคนติดมือถือมากขึ้น การพูดคุยระหว่างครอบครัวจึงลดน้อยลงตามไปด้วย

สำหรับ ‘โต๊ะอาหาร’ ที่ทุกคนนั่งทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา The Broken Home ได้เพิ่มฟังก์ชัน ‘ฉากกั้น’ สำหรับ ‘โต๊ะทานอาหาร’ เพื่อรองรับพฤติกรรมเสพติดมือถือของคนไทยโดยเฉพาะ ประโยชน์ของมันก็คือเมื่อสมาชิกในครอบครัวใช้สมาร์ตดีไวซ์พร้อมๆ กัน ฉากกั้นนี้จะช่วยป้องกันแสงและเสียงจากอุปกรณ์ไม่ให้รบกวนกันและกัน ทุกคนจะได้มีสมาธิกับการเสพคอนเทนต์ระหว่างกินข้าว และยังลดปัญหาทะเลาะกันเพราะเสียงมือถือดังได้ด้วย

นอกจากนี้ฉากกั้นยังใช้ขีดเส้นพื้นที่ส่วนตัว เพิ่มระยะห่าง และกั้นหน้าคนที่เราไม่ชอบ เพราะจากสถิติพบว่า บนทวิตเตอร์มีคนใช้แฮชแท็ก #เบื่อพ่อแม่ มากกว่า 18,000 ครั้ง และตัวเลขนี้ยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ฉากกั้นจึงช่วยให้ครอบครัวทานอาหารร่วมโต๊ะเดียวกัน แต่ก็ได้ปลีกวิเวกไปในตัว

The Broken Home Sammakorn สัมมากร

ทุกวันนี้หันไปทางไหนก็เจอแต่คนบ่นงานหนักงานเยอะ ก็คงจะจริงเพราะสถิติเปิดเผยว่า คนไทยทำงานหนักที่สุดในเอเชีย หรือ 10 ชั่วโมงต่อวัน ‘ห้องทำงาน’ ของบ้านหลังนี้จึงถูกออกแบบเพื่อส่งเสริมและเพิ่มความสะดวกให้แก่การทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งหน้าต่างบนหลังคาเพื่อรับแสงธรรมชาติ การติดตั้งไฟ LED เพื่อให้ห้องมีคุณภาพแสงเพียงพอและสามารถปรับความสว่างให้เหมาะกับการทำงานตลอดทั้งวัน รวมไปถึงการออกแบบพื้นที่ทำงาน เช่น เก้าอี้ที่นั่งสบายและหน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ที่ช่วยสร้างเวิร์กโฟลว์ที่ดีและมีประสิทธิภาพสูงสุด นี่จึงเป็นห้องทำงานที่เหมาะกับยุคแห่งการ Work from Home ที่จะช่วยกระตุ้นให้คุณตื่นตัวและทำงานอยู่บ้านได้แบบ Non-stop

The Broken Home Sammakorn สัมมากร

ห้องบรรยากาศสบายๆ พร้อมแสงอบอุ่นที่เห็นคือ ห้องส่วนตัวที่เป็นทั้ง ‘ห้องนอน’ และ ‘ห้องทำกิจกรรมและงานอดิเรก’ เหมาะสำหรับคนที่มีแพสชันและต้องการโฟกัสในสิ่งที่ชอบ หรืออาจเป็นห้องพักผ่อนหรือหากิจกรรมทำทดแทนเมื่อเจอปัญหาคนในบ้านไม่สนใจก็ได้ 

งานอดิเรกที่ทำได้ในห้องนี้ มีตั้งแต่ออกกำลังกาย ไปจนถึงเลี้ยงสัตว์ เพราะในห้องได้ติดตั้งที่ปีนป่ายสำหรับแมว ใครเหงาหรือเครียดก็เข้ามาในห้องนี้เพื่อเล่นกับสมาชิกในครอบครัวตัวเล็กอย่างน้องเหมียวได้เลย เป็นห้องที่ตอบโจทย์คนที่มีไลฟ์สไตล์อยู่คนเดียวอย่างแท้จริง

The Broken Home Sammakorn สัมมากร

ส่วนห้องที่มาพร้อมเฟอร์นิเจอร์โทนสีชมพูคือ ‘ห้องนอน’ สำหรับลูกสาวหรือลูกๆ ที่รักการทำกิจกรรมบนโลกออนไลน์ เพราะห้องออกแบบผนังให้มีไฟซ่อนอยู่หลายดวง ผู้ใช้งานสามารถกดเปิดไฟเหล่านี้ให้ออกมาเองได้โดยอัตโนมัติ เป็นดีเทลและฟังก์ชันสำคัญที่ช่วยเพิ่มอรรถรสและความเป็นมืออาชีพให้กิจกรรมยอดฮิตอย่างการ Live Streaming นอกจากนี้ แสงจากไฟยังช่วยให้การถ่ายรูปและเซลฟี่สวยยิ่งกว่าเดิม พร้อมแชร์คอนเทนต์ให้เพื่อนๆ บนโซเชียลมีเดียกดไลก์กันรัวๆ

The Broken Home Sammakorn สัมมากร

ห้องสุดท้ายคือ ‘ห้องนอน’ สำหรับวัยรุ่นที่ชอบเล่นเกมเสมือนจริง (Virtual Reality) หรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้พื้นที่เยอะ เพราะมีการออกแบบผนังที่ซ่อนเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นอย่างโต๊ะ ตู้ และเตียงได้ ซึ่งช่วยเพิ่มพื้นที่ให้ผู้อยู่อาศัยใช้ทุกตารางเมตรได้อย่างคุ้มค่า อีกทั้งยังเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ที่รองรับกิจกรรมหลากหลายด้วย ถ้าอยากใช้เฟอร์นิเจอร์ก็สามารถดึงออกมาได้ทุกเมื่อ เป็นการออกแบบที่ผู้คนสามารถใช้ชีวิตและทำกิจกรรมส่วนตัวได้ในห้องเดียว

The Broken Home Sammakorn สัมมากร

การออกแบบและฟังก์ชันของห้องต่างๆ ทำให้เห็นว่า The Broken Home คือบ้านพักที่ดีไซน์เพื่อคนไทยยุคปัจจุบันอย่างรอบด้าน อีกทั้งยังรองรับพฤติกรรมและความสัมพันธ์แบบ ‘Living Together but Apart’ หรือ ‘อยู่ด้วยกันแบบต่างคนต่างอยู่’ จากอิสระในการทำกิจกรรมส่วนตัวและอยู่คนเดียว ที่ทำให้ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของคนไทยแยกออกจากกันมากขึ้นเรื่อยๆ 

อย่างไรก็ตาม บ้านที่ทำให้ครอบครัวแตกแยกกันหลังนี้เป็นแนวคิดที่ชวนให้เราตั้งคำถามว่า คุณค่าและความสุขที่แท้จริงของ ‘บ้าน’ คืออะไรกันแน่ สำหรับบางคนคำตอบอาจเป็นการมีพื้นที่ส่วนตัวไว้อยู่กับตัวเองและทำสิ่งที่ชอบ แต่สำหรับบางคน ความสุขของบ้านอาจเป็นการใช้เวลาร่วมกันกับสมาชิกในครอบครัวและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

คำตอบข้อหลังคือความคิดเห็นที่สอดคล้องกับแนวคิดของ ‘สัมมากร’ แบรนด์อสังหาริมทรัพย์ ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปีที่ผ่านมา ที่เชื่อว่า ‘ชีวิต’ หรือ ‘บ้าน’ ที่มีความสุข ไม่ใช่แค่บ้านที่คนมาอยู่ร่วมกัน แต่คือบ้านที่คนในบ้านมีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันนั่นเอง

หากใครเชื่อว่าบ้านที่มีความสุขคือบ้านที่ครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างใกล้ชิด เราขอชวนไปรู้จักกับ ‘บ้านที่หลับสบาย ไร้กังวล’ โดยสัมมากร ได้ที่ t.ly/D8pI

Graphic Designer

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.