ลมหนาวหวนคืนมาในทุกๆ สิ้นปี ถนนถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบสงัด ท้องฟ้าเป็นสีควันบุหรี่รอวันผลัดเปลี่ยนฤดูกาล ผมเชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องพลัดถิ่นฐานออกจากบ้านเกิดด้วยเหตุผลบางประการ ไม่ว่าจะเป็นการหลีกหนีวิถีชีวิตเดิมที่ย่ำแย่ การออกเดินทางเพื่อแสวงโชค การไปศึกษาต่อในสถาบันต่างแดน และอื่นๆ อีกมากมายที่รวมถึงเรื่องของชีวิตคู่ด้วย
ผมเดินทางมายัง Koblenz เมืองที่อยู่ทางฝั่งทิศตะวันตกเฉียงเหนือไม่ใกล้ไม่ไกลนักจากเมือง Frankfurt ประเทศเยอรมนี เพื่อพูดคุยกับ ‘พิมพ์พัฒน์ มาตรังศรี เมนด์ลิ่ง’ หรือพี่พิมพ์ เจ้าของธุรกิจเกี่ยวกับการจัดหาคู่ Thai Lebenspartner (คู่ชีวิตไทย-เยอรมัน) ที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้เป็นเวลากว่าสิบหกปีแล้ว
ผมเชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจนี้ได้ ทั้งในเรื่องของการทำงานและเหตุผลต่างๆ ในการประกอบธุรกิจ ไปจนถึงเหตุผลที่ผู้หญิงไทยจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะแต่งงานกับชาวต่างชาติ ครั้งนี้นับว่าเป็นโชคดีที่พี่พิมพ์เปิดโอกาสให้ผมได้ทำความรู้จักกับเรื่องราวของธุรกิจนี้ ผ่านบทสนทนากับพี่พิมพ์
เกือบสามสิบปีที่ผ่านมาก่อนพลัดถิ่นฐาน
เราทำมาหลายอย่างมาก เริ่มทำงานจริงๆ ตั้งแต่อายุสิบเจ็ด เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย เริ่มต้นจากการเป็นสาวโรงงานที่โรงงานผลิตฮาร์ดดิสก์แห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ เราทำได้แค่สามปีก็ลาออก เนื่องจากเราเป็นคนชอบพัฒนาตนเองและอยากเรียนรู้ทักษะอื่นๆ นอกเหนือจากสิ่งที่ทำซ้ำๆ ทุกๆ วัน ตอนนั้นเราอยากพูดภาษาอังกฤษได้ แต่ด้วยความที่ไม่มีทุนทรัพย์มากพอที่จะไปลงคอร์สเรียนภาษา เราเลยตัดสินใจเข้าไปทำตำแหน่งประชาสัมพันธ์ที่โรงเรียนสอนภาษาแทน ตรงนี้เองที่ทำให้เราได้รู้จักคนเพิ่มและได้ถูกชักชวนให้ไปทำงานในสายงานนำเข้าและจัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์ ในตอนนั้นโฮมคอมพิวเตอร์ถือว่าเป็นสิ่งใหม่และเป็นที่นิยมในสังคมมาก แต่หลังจากนั้นไม่นานทั้งประเทศก็เจอกับวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง บริษัทที่เราทำอยู่ก็ได้รับผลกระทบมาก แต่เจ้านายเขาไม่อยากเลย์ออฟพนักงาน เลยเลือกปรับโครงสร้างบริษัทจากเดิมที่มีเพียงแค่การนำเข้าและจัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์เพิ่มมาเป็นบริการ One Stop Service คือรับทำงานเอกสาร ไม่ว่าจะพิมพ์งาน พรินต์เอกสาร ทำใบปลิว และนามบัตรควบคู่ไปด้วย ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราได้ทักษะส่วนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้น จนสุดท้ายก็มีลูกค้าประจำที่เห็นว่าเราทำงานเอกสารได้คล่องแคล่วมาทาบทามไปทำงานกับเขาที่นิตยสาร Lisa
ตอนนั้นเราไม่รู้จักหรอกว่า Lisa คืออะไร เขาบอกแค่ว่าเป็นบริษัทที่มาจากเยอรมนี และเป็นแมกกาซีนใหม่ที่ไทย ด้วยความที่ชอบพัฒนาตนเองและเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่แล้ว ก็เลยตัดสินใจไปทันที เราทำงานในตำแหน่ง Fashion Coordinator ก็จริง แต่ได้เรียนรู้ระบบการทำงานทุกอย่างเพราะเราเป็นหนึ่งในทีมงานรุ่นแรกของการก่อตั้งบริษัท พอทำได้ประมาณ 3 – 4 ปีก็เบื่อและเลือกออกจากที่นั่น
ครั้งนี้เรียกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงสายงานครั้งสำคัญในชีวิตเลยก็ว่าได้ เราเข้าไปอยู่ในสายงานนวดแผนไทยผ่านการชักชวนของคนรู้จัก งานนี้แหละที่เป็นก้าวแรกของการออกต่างประเทศของเรา และเป็นจุดเริ่มต้นของการพลัดถิ่นฐาน
ประสบการณ์ส่วนตัวสู่ความเป็นธรรมในการทำธุรกิจ
ความจริงแล้วเราเคยแต่งงานมีครอบครัวมาก่อน แต่ไม่ประสบความสำเร็จในความรักเท่าที่ควร ทำให้ตอนนั้นต้องแยกทางกับอดีตสามีคนไทย เราเลยเปิดใจให้ตัวเองอีกครั้งโดยลองหาแฟนที่เป็นคนต่างชาติดูบ้าง เราได้รับการชักชวนจากอาให้ไปใช้บริการกับบริษัทจัดหาคู่ของเยอรมัน ซึ่งบริษัทนั้นมีนายหน้าเป็นผู้หญิงชาวไทยอยู่แถวละแวกบ้านเดียวกันพอดี เราไม่ได้คิดอะไรมากก็เลยไปตามที่เขาชักชวน วันไปสมัครอาเราเป็นคนจ่ายค่าสมัครให้ห้าพันบาท เราเอาแค่รูปถ่ายประมาณสองสามใบและประวัติส่วนตัวติดตัวไปแค่นั้น
ตอนนั้นรู้ว่าถ้ามีคนสนใจเรา จะต้องจ่ายให้เขาอีก 150,000 บาท มันอดคิดไม่ได้นะว่าจะเอาเงินมาจากไหน เพราะเป็นเงินจำนวนที่เยอะมากๆ แถมเราเองก็มีหนี้สินอยู่พอสมควร หลายคนที่มาสมัครต้องกู้หนี้ยืมสิน หรือแม้กระทั่งขายที่นาของพ่อแม่ที่เป็นมรดก ระหว่างนั้นเราก็ทำงานนวดแผนไทยของเราไปเรื่อยๆ เพื่อหาเงินส่งกลับบ้านจนลืมเรื่องที่ไปสมัครหาคู่ซะสนิท ผ่านไปสองปีก็มีการติดต่อกลับมาจากบริษัทเดิมว่ามีคนสนใจเราแล้ว ในใจก็คิดว่า ‘ตายละ จะเอาเงินจากไหนไปจ่าย’ แต่สุดท้ายก็ได้อาคนเดิมออกค่าใช้จ่ายให้ก่อนแล้วให้เราผ่อนจ่ายคืนตามหลัง
แต่เราก็ขอต่อราคาเหลือ 75,000 บาท เพราะเราเดินเอกสารเองได้ ทางนั้นเขาก็ยอม ซึ่งเราก็ต้องเสียค่ารถ ค่าแปลเอกสาร ค่าเดินเอกสารเอง รวมๆ แล้วตกประมาณ 30,000 บาท เท่ากับเบ็ดเสร็จเสียไปประมาณ 1 แสน
พอผ่านกระบวนการขั้นตอนต่างๆ จนได้แต่งงานกับสามี ด้วยความที่ต่างฝ่ายต่างเก็บใบเสร็จค่าใช้จ่ายเอาไว้ เลยมารู้ทีหลังว่ามันมีเงินจำนวนหนึ่งที่ทางนายหน้าที่ไทยเก็บเกินจำนวนไป โดยนายหน้าคนนั้นบอกกับสามีเราว่าเขาโอนเงินส่วนนั้นให้ทางครอบครัวของเราที่เมืองไทยไปแล้ว แต่ความจริงเขาไม่ได้โอน และยังมีเงินอีกจำนวนหนึ่งที่เก็บซ้ำซ้อน รวมแล้วก็เกือบสองแสนบาท เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดกับเราเป็นเคสแรก แต่เราเป็นเคสสุดท้ายของบริษัทนี้ เพราะเราได้แจ้งโดยตรงกับทางเจ้าของบริษัทที่เป็นคนเยอรมันว่ามันมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น สุดท้ายเจ้าของบริษัทก็ตัดสินใจปิดบริษัทลง เพื่อยุติความวุ่นวายเนื่องจากมีคู่กรณีหลายรายรวมตัวกันฟ้องร้องจนถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล
มันทำให้รู้สึกว่าสิ่งที่เราเจอเหมือนเป็นการทำนาบนหลังคน ถ้าวันหนึ่งเราตั้งหลักชีวิตได้แล้วก็อยากประกอบธุรกิจนี้อย่างเป็นธรรมมากที่สุด เพราะเราเข้าใจความลำบากว่ากว่าจะหาเงินมาจ่ายได้นั้น ผู้หญิงไทยส่วนมากต้องผ่านอะไรมาบ้าง
ตอนเราทำธุรกิจนี้ไปได้ระยะหนึ่ง พอเป็นที่รู้จักบ้างแล้ว ก็มีบางคนมาขอให้เราหาคู่ให้ฟรี เขาบอกถือซะว่าทำบุญ เราก็บอกเขาเลยว่านี่คือธุรกิจ ไม่ใช่มูลนิธิ เราทำงานก็ต้องได้ค่าตอบแทนบ้างสิ เหมือนเวลาที่คุณทำงานแล้วได้เงินเดือนนั่นแหละ อยู่กันในฐานะผู้ประกอบการและลูกค้าดีกว่า จะได้ไม่ต้องมีบุญคุณต่อกัน
ไม่ใช่แค่ ‘คู่รัก’ แต่คือ ‘คู่ชีวิต’
เริ่มจากชื่อ Thai Lebenspartner หรือ คู่ชีวิตไทย-เยอรมัน มันหมายถึงการหา ‘คู่ชีวิต’ ไม่ใช่ ‘คู่รัก’ จริงๆ มันก็คล้ายกับแอปพลิเคชันเดตที่คนหนุ่มสาวเขาชอบเล่นกันนั่นแหละ เพียงแต่ของเราแตกต่างจากแอปฯ ตรงที่แอปฯ มีการให้ข้อมูลที่ผิวเผิน ถึงเราจะรู้ว่าเขาเป็นใครแต่เราไม่อาจรู้จักตัวตนหรือนิสัยของเขาได้จริงๆ รวมถึงไม่สามารถตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่เขาให้มาได้ แต่ของเราคือมีข้อมูลต่างๆ ของคนสองคนที่ยินยอมให้บริษัทเก็บรูปและประวัติอย่างละเอียดในรูปแบบลายลักษณ์อักษร ถ้าถามว่าโกหกข้อมูลได้ไหม ก็ทำได้แหละ เพียงแต่มันจะทำได้ยากกว่า เนื่องจากจะมีปัญหาในเรื่องของการทำเอกสาร ซึ่งสุดท้ายความจริงต้องถูกเปิดเผยออกมาไม่วันใดก็วันหนึ่ง รวมถึงจุดประสงค์ของคนที่มาใช้บริการหาคู่ของเราก็สำคัญ เพราะพวกเขาไม่ได้อยากหาแฟน แต่ต้องการหาคู่แต่งงานเพื่อใช้ชีวิตร่วมกัน
พูดง่ายๆ ว่าในธุรกิจนี้ เราเปรียบเป็นคนกลางที่ทำหน้าที่แมตชิงให้คนสองคนที่อยู่คนละมุมโลก คนละวัฒนธรรม ได้มาพบกันและใช้ชีวิตร่วมกัน ทั้งนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า ‘จับคู่’ กับ ‘หาคู่’ มันเป็นคนละอย่างกันนะ จับคู่มันเป็นใครก็ได้ แต่หาคู่คือ พินิจ พิเคราะห์ และพิจารณา ว่าคนสองคนนั้นมีทัศนคติ รสนิยมที่ตรงกันหรือไม่ และใช้ชีวิตร่วมกันเป็นครอบครัวได้รึเปล่า
ขนบธรรมเนียม ประเพณีอันดีงาม และบทบาทของเพศชายที่สื่อมอบให้ในบริบทยุคหลังสงครามเย็น
ต้องบอกก่อนว่าผู้ชายไทยไม่ใช่ไม่ดีนะ เพียงแต่บริบทสังคมตอนนั้นมันยังยึดติดกับขนบเดิมๆ อยู่ สังคมไทยมีความเป็นปิตาธิปไตยสูงมาก อีกทั้งสื่อละครโทรทัศน์ก็ผลิตเนื้อหาที่มีภาพจำว่าผู้ชายมีเมียหลายคนได้ ‘ไม่ผิด’ ผู้ชายตบตีผู้หญิงได้ ‘เป็นเรื่องปกติ’ หรือแม้กระทั่งการที่ผู้หญิงกลายเป็นเพียงแค่ของกำนัลหรือเครื่องบรรณาการจากวรรณกรรมพื้นบ้านต่างๆ ไหนจะบทบาทที่สื่อมักยัดเยียดในการนำเสนอชีวิตของผู้หญิง เช่น ผู้หญิงต้องจำยอมถึงจะเหมาะสมกับบทบาทนางเอกที่แสนดีและน่าสงสาร
สิ่งนี้เองที่ทำให้เกิดการกำหนดกรอบศีลธรรมขึ้นในสังคมไทย ในตอนนั้นเราเลือกใช้ชีวิตการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ผ่านการหย่าร้างและกลายเป็นคนกลุ่มน้อยที่สถาบันครอบครัวและสังคมไม่ยอมรับ ทั้งที่ในทางกลับกัน ผู้ชายที่ผ่านการหย่าร้างและเลือกแต่งงานใหม่ดูเป็นเรื่องปกติธรรมดาในสังคมไทย
ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ผู้หญิงไทยจำนวนไม่น้อยในยุคเราที่ผ่านการหย่าร้างและต้องการแต่งงานใหม่ เลือกที่จะแต่งงานใหม่กับชาวต่างชาติ แต่ที่พูดทั้งหมดมันเป็นประสบการณ์และมุมมองของเราคนเดียวนะ
สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น
เมื่อหลายปีก่อนสมัยที่อินเทอร์เน็ตยังไม่เป็นที่นิยมมาก ทุกคนยังหาข้อมูลเรื่องต่างๆ ด้วยการพึ่งพาข้อมูลจากหนังสือ ในขณะนั้นผู้ชายทางฝั่งยุโรปที่ต้องการแต่งงานกับผู้หญิงไทย ส่วนหนึ่งได้ซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่าน
‘สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น’ เป็นหนังสือภาษาเยอรมันเล่มแรกที่เราฝึกอ่าน เพราะมีอยู่ที่บ้าน สามีเราซื้อมาอ่านก่อนจะแต่งงานกับเรา เราไม่รู้ว่าหนังสือเล่มนี้ถูกแปลเป็นภาษาไทยหรือเปล่า รู้แต่ว่าถูกแปลและจำหน่ายในหลายภาษาและหลายประเทศมาก แม้แต่เพื่อนเราที่แต่งงานมาอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ก็ยังมีหนังสือเล่มนี้ที่บ้าน เพราะสามีเขาซื้อมาอ่าน เราสนใจว่าเขาจะเขียนอะไรในนั้น แต่พออ่านก็รู้สึกว่าไม่ค่อยมีเรื่องราวอะไรมากหรอก เป็นการรวบรวมประสบการณ์ของผู้ชายเยอรมันหลายๆ คน ที่ไปเที่ยวเมืองไทยแล้วโดนผู้หญิงไทยหลอกมา
ในสิ่งที่เราเคยรับรู้มาบางเรื่องก็จริง บางเรื่องก็ไม่จริง เราว่าเรื่องแบบนี้มันมีอิทธิพลแค่กับคนบางกลุ่มเท่านั้นแหละ แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคน แต่เอาจริงๆ มันไม่เป็นผลดีกับผู้หญิงไทยที่มาแต่งงานอยู่ที่นี่สักเท่าไร ต้องยอมรับว่าฝรั่งบางคนยังมีความคิดที่ไม่ดีและล้าหลัง เหมารวมว่าผู้หญิงไทยส่วนมากจะต้องเป็นแบบในหนังสือทั้งหมด ทั้งๆ ที่ในหนังสือผู้เขียนได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นเพียงแค่ประสบการณ์มุมหนึ่งของคนบางกลุ่มเท่านั้น
ไม่มีการเริ่มต้นครั้งไหนที่ปราศจากอุปสรรค
ทำธุรกิจอะไรก็มีปัญหาทั้งนั้นแหละ อย่างแรกเลยคือเรื่องภาษา เรามาเยอรมนีได้แค่สองปีก็ตัดสินใจเปิดบริษัทจัดหาคู่ ทั้งที่ภาษายังกระท่อนกระแท่น โชคดีที่สามีช่วยเหลือด้านภาษาและคอยให้กำลังใจ ตอนแรกเขาก็คิดแหละว่าเราจะทำธุรกิจนี้ได้เหรอ แต่ก็คอยช่วยเหลือมาตลอดในเรื่องของงานเอกสาร รวมถึงแนะนำเพื่อนที่เป็นทนายความให้รู้จัก เพื่อเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายและให้คำปรึกษาเรื่องโครงสร้างบริษัท ด้วยความที่สามีเราเป็นข้าราชการเลยไม่ค่อยถนัดงานธุรกิจเท่าไร ช่วงแรกที่เรายังไม่ค่อยได้ภาษา เขาก็ทำหน้าที่คอยช่วยรับโทรศัพท์ลูกค้าให้ แต่ก็ช่วยดีเกินไป อธิบายทุกขั้นตอนอย่างละเอียดจนลูกค้าสามารถไปทำเองได้เลย ทำให้ช่วงนั้นไม่มีรายได้เข้าบริษัท (หัวเราะ)
ต่อมาคือเรื่องการหาผู้หญิงมาลงในเว็บไซต์ ช่วงแรกเราเริ่มหาจากคนใกล้ตัวก่อน เช่น เพื่อน ญาติพี่น้อง ไม่ได้คัดเลือกเพื่อให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายสักเท่าไร จึงทำให้ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร แต่หลังจากนั้นก็ค่อยๆ เกิดการแนะนำปากต่อปากจากคนรู้จัก ทำให้เราได้เริ่มคัดกรองผู้หญิงที่มาสมัครมากขึ้น
อีกข้อที่เรามองว่าสำคัญมากๆ คือเรื่องการจดทะเบียนบริษัท และการปฏิบัติตามข้อกฎหมายต่างๆ ของทั้งสองประเทศให้ถูกต้อง เพื่อให้ลูกค้าตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบริษัทเราได้ ถึงแม้ว่าตอนนั้นเราจะจดทะเบียนบริษัทที่เยอรมนีได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายก็จริง แต่บริบทของประเทศไทยเมื่อสิบกว่าปีก่อน ทางรัฐไทยยังไม่อนุญาตให้จดทะเบียนได้นะ โดยเขาให้เหตุผลว่าธุรกิจที่เราดำเนินการอยู่นั้นคือการค้ามนุษย์ แต่ปัจจุบันจดได้แล้วนะ แล้วเราก็ไปจดแล้วเรียบร้อย
ปัญหาสุดท้ายเป็นปัญหาที่เราไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นคือ ปัญหาจากครอบครัวของเราที่ประเทศไทย ในเครือญาติได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงตัวธุรกิจที่เรากำลังทำอยู่ในแง่ลบ บอกว่าอาจเป็นการหลอกลวง ไม่ต่างอะไรกับการค้ามนุษย์ และทำให้วงศ์ตระกูลเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่เราก็สงสัยนะว่าแล้วตอนนั้นให้เราไปสมัครทำไม ในเมื่อสุดท้ายมองว่าธุรกิจนี้มันไม่ดี
คนในอุดมคติ คือสิ่งที่ทุกคนโหยหา
ผู้ชายที่เข้ามาใช้บริการจะเป็นใครก็ได้ แต่ต้องมีความมั่นคงในชีวิต เพื่อที่จะดูแลครอบครัวได้ ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นคนที่รวยมากๆ จนผู้หญิงไม่ต้องทำงานนะ แต่เขาต้องสามารถเป็นเกราะในการพยุงครอบครัวในวันที่เกิดปัญหาได้
ส่วนผู้หญิงนั้น เราเน้นคนที่มีภาพลักษณ์เป็นธรรมชาติ จิตใจดี ทำอาชีพไหน อายุเท่าไหร่ก็ได้ แต่ถ้าอายุเยอะ เราก็บอกกับเขาตามตรงว่ามีโอกาสที่จะได้พบคู่น้อยกว่าผู้หญิงที่มีอายุน้อยพอสมควร แต่พูดแบบนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าเรารับทุกคนนะ มันจะมีขั้นตอนในการสัมภาษณ์ที่เป็นมาตรฐานของบริษัทอยู่ ผู้สมัครทั้งสองฝ่ายต้องให้ข้อมูลจริงกับเรา เพื่อให้ทางบริษัททำการแมตชิงได้ตรงกับอุปนิสัยและความต้องการของแต่ละคนมากที่สุด
แต่ก็มีเหมือนกันที่ลูกค้าอยากได้คนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนมาก ซึ่งเราพิจารณาแล้วว่าอาจไปด้วยกันไม่ได้ เพราะต่างฝ่ายมีอุปนิสัย การใช้ชีวิต และสังคมที่ต่างกัน เราก็แนะนำให้เขาลดระดับสเปกลงมาหน่อยดีไหม บางคนก็ฟัง บางคนไม่ฟังก็ไม่เป็นไร เราลองให้โอกาสเขาทดลองคุยกัน เพื่อที่สุดท้ายแล้วเขาจะรู้ด้วยตัวเองว่าไปกันได้รึเปล่า ถ้าไปกันไม่ได้เขาก็จะกลับมารับฟังคำแนะนำของเรา
บางครั้งความรักเกิดขึ้นจากความต้องการที่เหมือนกัน จากนั้นความผูกพันคือสิ่งที่ตามมา
เมื่อก่อนกลุ่มลูกค้าผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เข้ามาใช้บริการ มักมีเหตุผลหลักที่เหมือนกันคือ ต้องการหลีกหนีความยากจนและคุณภาพชีวิตเดิมที่ย่ำแย่ ซึ่งบริบทตอนนั้นการแต่งงานกับชาวต่างชาติอาจเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขาหลุดพ้นจากพันธนาการเหล่านั้นได้ แต่ในปัจจุบันกลุ่มผู้มาใช้บริการหาคู่ได้เปลี่ยนแปลงไป
มันเริ่มจากกลุ่มผู้หญิงที่เข้ามาสมัครเปลี่ยนไปเลยทำให้กลุ่มผู้ชายเปลี่ยนไปตาม ผู้หญิงเริ่มมีโปรไฟล์ที่ดีขึ้น ฐานะดีขึ้น การศึกษาและอาชีพก็ดีขึ้น ตรงนี้เลยดึงดูดกลุ่มผู้ชายที่โปรไฟล์ดีๆ เข้ามา ปฏิเสธไม่ได้ว่า ไม่ว่าผู้หญิงกลุ่มไหนก็ยังคงมองหาความมั่นคงในชีวิตอยู่ เพื่ออนาคตของลูก เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หลังจากที่ใช้เวลาเรียนรู้กันแล้ว ความรักและความผูกพันคือสิ่งที่ตามมา
ส่วนเหตุผลของฝ่ายชายมีไม่เยอะเท่าไร ส่วนใหญ่คือต้องการคู่ชีวิต เพราะเยอรมนีเป็นสังคมครอบครัวเดี่ยว ซึ่งแตกต่างจากสังคมไทยที่เป็นสังคมครอบครัวขยาย พอถึงช่วงอายุประมาณ 18 – 20 พวกเขาก็ต้องย้ายออกจากบ้านไปหาที่พักที่เป็นบ้านแห่งใหม่ของตัวเอง เพราะเหตุนี้เลยทำให้เกิดความเหงาได้ง่ายขึ้น เขาไม่ได้มองถึงฐานะของฝ่ายหญิงสักเท่าไหร่ เพราะคิดแล้วว่าเขาสามารถดูแลครอบครัวได้ ในบางครั้งความรักของผู้ใหญ่ก็มักมาในรูปแบบของเหตุผล ความต้องการที่เหมือนกัน และความเป็นจริง ถึงจะสามารถไปด้วยกันได้
ในช่วงโควิดที่ผ่านมาไม่ได้มีเพียงลูกค้าชาวเยอรมันมาใช้บริการเท่านั้น แต่ยังมีลูกค้าประเทศอื่นๆ ในโซนยุโรปที่เขาสามารถสื่อสารเป็นภาษาเยอรมันได้ มาใช้บริการบริษัทจัดหาคู่ของเรามากขึ้น สาเหตุเพราะเกิดจากความเหงาในระหว่างกักตัวช่วงล็อกดาวน์อยู่ที่บ้าน เลยทำให้พวกเขามีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น และเหงามากขึ้นด้วย พวกเขาเปิดเข้าเว็บหาคู่ของเรา ติดต่อเข้ามาทำตามขั้นตอนต่างๆ เพื่อขอเดตกับผู้หญิง จากวันนั้นจนถึงวันนี้มีคู่รักที่พัฒนาความสัมพันธ์กันในช่วงโควิดและประกาศแต่งงานกันไปหลายคู่แล้ว
ถ้าเขามีความสุขก็ติดต่อมาบ้าง หากมีความทุกข์จะมาปรึกษาเป็นครั้งคราว
การดูแลของเราไม่ได้จบลงทันทีหลังจากสิ้นสุดพิธีแต่งงานของพวกเขา เรายังมีการติดต่อกับคู่รักหลังแต่งงานอยู่เสมอๆ และได้สร้างคอมมูนิตี้เล็กๆ เพื่อเป็นการถามไถ่ อัปเดตชีวิตส่วนตัว ปรึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตคู่ หรือการดำรงชีวิตเมื่ออยู่ต่างแดน เพราะเราอยากให้เขาอุ่นใจเมื่ออยู่ไกลบ้านว่ายังมีคนรู้จักหรือที่พึ่งทางใจอยู่
เรารู้ว่าผู้หญิงไทยแต่งงานมาอยู่เมืองนอกตัวคนเดียวไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งปัญหาการปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่ การเรียนภาษาตามที่รัฐบาลกำหนด การต้องเร่งหางานทำเพื่อส่งเงินกลับให้ทันทางบ้านใช้ แบบฉบับที่ทุกบ้านมักเป็นเหมือนกันหมดคือความต้องการใช้เงินอย่างไม่รู้จักพอ หลายคนต้องทำงานหนักมาก หลายคนเครียดจากปัญหานี้จนเป็นซึมเศร้า ไหนจะปัญหาจากคนไทยด้วยกันเองที่อยู่ต่างประเทศ เพราะอย่างที่ทุกคนเคยรับรู้มาว่า บางทีในกลุ่มคนไทยก็อิจฉากันในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง แขวะกันไปมา ดิสเครดิตกัน เหมือนเห็นใครดีกว่าไม่ได้ พอเจอบ่อยๆ ก็ทำให้เสียสุขภาพจิตอยู่เหมือนกัน
เราทำงานปีนี้เข้าปีที่ 15 แล้ว ทุกวันนี้ยังเจอคนแบบนั้นอยู่เลย (ถอนหายใจ) เราเลยอยากสร้างคอมมูนิตี้เล็กๆ เพื่อให้ทุกคนได้มีพื้นที่ที่ใช้พูดคุย สร้างเสียงหัวเราะ และมีความสุขได้บ้าง ไม่มากก็น้อย
นอกจากนี้ เรายังจัดงานเลี้ยง นัดเจอสมาชิกทั้งชายและหญิงอยู่บ่อยครั้งในรอบปี เพื่อให้พวกเขามาทำกิจกรรม พบปะสังสรรค์ และอัปเดตชีวิตของกันและกันอยู่เสมอ ส่วนเวลาที่กลับเมืองไทย ถ้ามีเวลาเราก็มักนัดพบปะสมาชิกของเราในหลายๆ จังหวัดเท่าที่จะเดินทางไปได้ เพื่อเป็นการทำความรู้จักตัวตนของกันและกันให้มากขึ้น
เรียนรู้สิ่งใหม่และอย่าหยุดพัฒนา
ตอนนี้เรากำลังปรับปรุงดีไซน์และอาร์ตเวิร์กของตัวเว็บไซต์ให้ทันสมัยและน่าสนใจมากขึ้น เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ซึ่งในส่วนนี้เราก็ได้ลูกสาวเข้ามาช่วยดูแล ถ้าเป็นในเรื่องของโครงสร้างยังไม่มีอะไรที่ต้องปรับปรุง เพราะสิบห้าปีที่ผ่านมาเราเรียนรู้และปรับปรุงมาตลอด จนตอนนี้ธุรกิจมันอยู่ตัวแล้ว เลยทำให้เราได้มีเวลาไปปั้นอีกธุรกิจหนึ่ง นั่นคือ การจัดหาแรงงานฝีมือเร่งด่วนจากประเทศไทยเข้าประเทศเยอรมนี เนื่องจากตอนนี้ทางเยอรมนีกำลังประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานฝีมือขั้นวิกฤต
ต่างคนต่างความคิด ถ้าจะให้คิดเหมือนกันคงเป็นไปไม่ได้
มันเป็นเรื่องปกติที่เจอเป็นธรรมดา ทั้งการดูถูกเหยียดหยามด้วยกันเองของคนไทย และการดูถูกด้วยสายตาหรือการถูกตั้งคำถามลองภูมิตลอดเวลาจากคนเยอรมัน ในช่วงแรกก็อธิบายให้พวกเขาได้เข้าใจ เพราะมันอาจเป็นข้อมูลชุดใหม่ที่พวกเขาไม่รู้กันก็ได้ แต่ถ้าจะให้มาอธิบายถึงเรื่องนี้ตลอดสิบห้าปีที่ผ่านมาก็คงเหนื่อยเกินไป ตอนนี้เลยช่างแม่ง