เตรียมจองตั๋วบินไปยุโรปปีหน้า เพราะนักวิทยาศาสตร์เผยว่าแสงเหนือจะสวยที่สุดในรอบ 20 ปี

ถ้า Bucket List ของคุณจดไว้ว่าสิ่งที่อยากทำก่อนตายเป็นการไปดูแสงเหนือหรือออโรรา (Aurora) ด้วยตาเนื้อตัวเองสักครั้ง ก็คงไม่มีเวลาไหนดีไปกว่าปีหน้าอีกแล้ว เพราะล่าสุดนักวิทยาศาสตร์ออกมาบอกว่า ยุโรปในช่วงหน้าหนาวของปี 2024 จะสามารถมองเห็นแสงเหนือที่สวยที่สุดในรอบ 20 ปี ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมไปจนถึงตุลาคม ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากมีการคาดการณ์จากนักวิจัยฟิสิกส์อวกาศจากหอดูดาวธรณีฟิสิกส์ทรอมโซ มหาวิทยาลัยอาร์กติกแห่งนอร์เวย์ (UiT) ว่าในช่วงเวลาดังกล่าวจะเกิดปรากฏการณ์ ‘Solar Maximum’ ที่วนกลับมาเกิดขึ้นในทุกๆ 11 ปี ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์จากการสลับขั้วแม่เหล็กเหนือ-ใต้ และเหตุการณ์ Solar Maximum ในครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ดวงอาทิตย์เข้าใกล้จุดสูงสุดและพายุสุริยะเพิ่มมากขึ้นในรอบ 20 ปี ทำให้เกิดแสงเหนือที่สวยงามมากขึ้นตามไปด้วยทั้งในบริเวณขั้วโลกตอนล่างและทางใต้ของยุโรป แตกต่างจากในอดีตที่ชมแสงเหนือได้เพียงบางประเทศหรือบางจุดเท่านั้น เพราะในครั้งนี้เราจะมองเห็นแสงเหนือส่องสว่างทั่วสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ในช่วงสุดสัปดาห์เป็นส่วนใหญ่ โดยจะทอดยาวไปทางใต้จนถึงสโตนเฮนจ์กันเลยทีเดียว เรียกได้ว่าถ้าไม่จองตั๋วไปดูในครั้งนี้ อาจต้องรอไปอีก 11 ปีถึงจะมีแสงเหนือในลักษณะนี้ให้เห็นกันอีกครั้ง Source : The Guardian | t.ly/ji8z_

ชาวยุโรปเตรียมตัว ‘หนาว’ จากวิกฤตพลังงานและภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ใกล้สิ้นปี 2022 แล้ว แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจทั่วโลกจะไม่ดีขึ้นเร็วๆ นี้ เพราะแม้ว่าบรรดาธุรกิจจะเริ่มกลับมาลืมตาอ้าปากได้บ้างแล้ว หลังเจอวิกฤตโควิด-19 ซัดไปหลายระลอกในช่วงเกือบสามปีที่ผ่านมา แต่แสงแห่งความหวังของหลายประเทศกลับต้องดับลง แถมอาจมืดมิดกว่าเดิมเสียด้วย เพราะดันถูกซ้ำเติมด้วยเหตุการณ์รัสเซียบุกยูเครนที่ลากยาวมานานกว่า 7 เดือน ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนอาจฟังดูเหมือนเรื่องไกลตัว แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย เพราะสงครามนี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของผู้คนทั่วโลก ทั้งทางตรงและทางอ้อม ‘ประเทศในทวีปยุโรป’ มีแนวโน้มที่จะเจอผลกระทบรุนแรงกว่าใคร หลังจากก่อนหน้านี้ได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรกดดันให้รัสเซียยุติสงคราม ผ่านนโยบายแบนการนำเข้าและส่งออกสินค้าหลายรายการจากแดนหมีขาวอย่างการห้ามนำเข้าทองคำ น้ำมัน ถ่านหิน เป็นต้น แต่มาตรการเหล่านี้ส่อแววไม่ได้ผลและอาจทำให้ยุโรปลำบากเสียเอง เพราะรัสเซียได้ปิดท่อส่งก๊าซหลักไปยังยุโรปอย่าง นอร์ด สตรีม 1 (Nord Stream 1) อย่างไม่มีกำหนด โดยให้เหตุผลว่าพบการรั่วไหลของน้ำมัน แต่ทางยุโรปเชื่อว่านี่คือข้ออ้างที่รัสเซียใช้โต้ตอบมาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก  ที่น่ากังวลคืออีกไม่กี่เดือนยุโรปจะย่างเข้าฤดูหนาวแล้ว หลายฝ่ายกลัวว่าชาวยุโรปจะต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็นจาก ‘วิกฤตขาดแคลนพลังงาน’ เนื่องจากพลังงานราว 60 เปอร์เซ็นต์ที่ยุโรปใช้คือพลังงานที่นำเข้าจากรัสเซียทั้งสิ้น รวมไปถึงความทุกข์ในการดำเนินชีวิตจากค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่หลายประเทศกำลังก้าวเข้าสู่ ‘ภาวะเศรษฐกิจถดถอย’ เต็มรูปแบบ ค่าไฟฟ้า ค่าครองชีพ แพงหูฉี่ สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนคือหนึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้มหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลกอย่างยุโรปกำลังเจอกับ ‘วิกฤตเงินเฟ้อ’ ส่งผลให้ภาคธุรกิจและครัวเรือนโอดครวญกันเป็นแถวจากค่าไฟฟ้า ค่าครองชีพ และต้นทุนการผลิตที่แพงขึ้นจนแทบแบกภาระไม่ไหว ถ้าดูเป็นตัวเลขจะยิ่งน่าตกใจ เพราะเมื่อเดือนสิงหาคม 2565 […]

ยุโรปเผชิญวิกฤตคลื่นความร้อนรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 200 ปี อังกฤษทุบสถิติร้อนทะลุ 40 องศาฯ 

หลายคนคงสังเกตได้ว่าช่วงนี้พื้นที่ต่างๆ ในประเทศไทยกำลังเผชิญกับสภาพอากาศแปรปรวนอย่างหนัก ทั้งพายุฝนฟ้าคะนองที่ทำให้เกิดน้ำท่วมขัง ส่งผลกระทบต่อการเดินทางของประชาชน ไปจนถึงอากาศร้อนอบอ้าวสุดขีด จนหลายๆ คนไม่อยากขยับตัวหรือก้าวเท้าออกจากบ้าน แต่ไม่ใช่ประเทศไทยเท่านั้นที่เจอสภาพอากาศร้อนจนแทบทนไม่ไหว เพราะวิกฤต ‘คลื่นความร้อน (Heatwave)’ ลักษณะนี้กำลังแผ่ปกคลุมหลายพื้นที่ทั่วโลก โดยเฉพาะภูมิภาค ‘ยุโรป’ ที่มหันตภัยคลื่นความร้อนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของชาวยุโรป และยังก่อให้เกิดไฟป่าอย่างรุนแรงในหลายพื้นที่ นักวิทยาศาสตร์เปิดเผยว่า ความถี่และความรุนแรงของคลื่นความร้อนในยุโรปกำลังเพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วกว่าภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก ด้านนักอุตุนิยมวิทยากล่าวว่า คลื่นความร้อนยุโรปตะวันตกอาจปกคลุมพื้นที่ไปอีกหลายสัปดาห์ พร้อมเตือนว่าครั้งนี้อาจเป็นวิกฤตคลื่นความร้อนที่รุนแรงที่สุดของยุโรปนับตั้งแต่ พ.ศ. 2300 หรือในรอบกว่า 260 ปี หนึ่งในประเทศที่เจอคลื่นความร้อนหนักที่สุดคือ ‘อังกฤษ’ อย่างเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2565 อังกฤษทุบสถิติอากาศร้อนครั้งใหม่ วัดอุณหภูมิได้สูงถึง 40.3 องศาเซลเซียส เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ประเทศที่อุณหภูมิทะลุ 40 องศาเซลเซียส  สภาพอากาศที่ร้อนจัดติดต่อกันหลายวันทำให้รัฐบาลอังกฤษประกาศแนะนำให้ประชาชนทำงานจากที่บ้าน หลีกเลี่ยงการเดินทางด้วยรถไฟที่แล่นผ่านพื้นที่สีแดงซึ่งกำหนดโดยสำนักอุตุนิยมวิทยาอังกฤษ เนื่องจากคลื่นความร้อนอาจทำให้โครงสร้างพื้นฐานของระบบคมนาคมอย่างรางรถไฟ สายเคเบิล และสัญญาณจราจร เสียหายได้ โดยเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 หนึ่งในผู้ดำเนินงานระบบรางรถไฟของอังกฤษอย่าง Network Rail ได้แชร์ภาพรางรถไฟที่กลายเป็นสีดำหลังเกิดเหตุไฟไหม้ และยังมีรูปสัญญาณรถไฟที่ละลายเพราะโดนแดดเผา […]

เมืองเดินได้ เมื่อไม่มีรถ เมืองจึงเป็นช่วงเวลาที่สวยงามของทุกคน

บนโลกที่สิ่งแวดล้อมแย่ลงเรื่อยๆ คนใช้รถและหน่วยงานส่วนต่างๆ ทั่วโลกเลยเริ่มคิดกันจริงจังแล้วว่าการขับรถมีความจำเป็นกับชีวิตคนเราแค่ไหน  เมื่อวันที่ 19 กันยายน ชาวปารีสได้เดินลงท้องถนนเพื่อร่วมเฉลิมฉลองงาน ‘Paris respire sans voiture’ ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 7 ด้วยโปรเจกต์ที่จะทำให้คนได้หายใจเอาอากาศสะอาดแบบไม่มีควันรถมากวนใจ ซึ่งนี่เป็นโครงการริเริ่มที่จะแปลงสถานที่ทั้ง Place de l’Étoile และ Avenue des Champs-Élysées ให้กลายเป็นเขตปลอดจากรถยนต์ตั้งแต่เวลา 11.00 – 18.00 น. ในขณะเดียวกันศาลากลางกรุงปารีสก็ตั้งเป้าจะสร้างเขตพื้นที่จำกัดการจราจรในปีหน้า และจะขยายเวลาวันอาทิตย์ที่ถนนไร้รถยนต์ให้มากขึ้นด้วย ซึ่งการจราจรจะอนุญาตให้คนแค่บางกลุ่มที่จำเป็นต้องใช้ถนนจริงๆ เช่น ผู้อยู่อาศัยในย่าน คนขับรถแท็กซี่ หรือคนค้าขายเท่านั้น ส่วนประชาชนที่เหลือเดินทางได้ด้วยจักรยาน สกู๊ตเตอร์ ระบบขนส่งสาธารณะ หรือการเดินเท้าก็ได้ การขับเคลื่อนเหล่านี้จะทำให้เมืองสะอาดและน่าอยู่อย่างยั่งยืน เพียงใช้การจำกัดรถที่จะนำเข้าไปใช้ในบางพื้นที่ และนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร เพราะเมืองอื่นๆ ทั่วยุโรปก็พยายามดำเนินโปรเจกต์ที่คล้ายๆ กัน แม้แต่ในเมืองเล็กๆ ในอังกฤษอย่าง Norwich ก็เอากับเขาด้วย ไม่เพียงเท่านั้น เมือง Pontevedra ของสเปน ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของแคว้น Galicia ก็เริ่มใช้ถนนคนเดินทั้งในเมืองเก่าและในใจกลางเมือง […]

Little Amal หุ่นเชิดเด็กหญิงชาวซีเรีย เดินทางข้ามยุโรปถึงอังกฤษ เพื่อสะท้อนปัญหาผู้ลี้ภัยเด็ก

วิกฤตผู้ลี้ภัยคือปัญหาที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ โดยเฉพาะ ‘ผู้ลี้ภัยเด็กและเยาวชน’ ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางที่ต้องอพยพไปยังประเทศอื่นๆ ทำให้พวกเขากลายเป็นพลเมืองชั้นสอง (หรือสาม) ที่ไม่ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมาย และไม่สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานในประเทศนั้นๆ ได้ องค์กรต่างๆ จึงพยายามสร้างความตระหนักเกี่ยวกับประเด็นอ่อนไหวนี้ เพื่อให้ผู้คนรับรู้ เข้าใจ และยื่นมือเข้าไปช่วยเด็กที่ได้รับผลกระทบมากขึ้น โดยหนึ่งในวิธีที่ใช้ก็คือการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านศิลปะ อย่างเช่น หุ่นเชิด หุ่นเชิดตัวนี้มีชื่อว่า ‘Little Amal’ เด็กหญิงสัญชาติซีเรีย อายุ 9 ปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์ ‘The Walk’ ที่จัดขึ้นโดย Good Chance องค์กรอิสระที่ทำงานด้านการแสดง ร่วมกับศิลปินจากทั่วโลก เพื่อสะท้อนปัญหาผู้ลี้ภัยเด็กและเยาวชน และทำให้แน่ใจว่า โลกจะไม่ลืมเด็กหลายล้านคนที่ต้องอพยพออกจากประเทศบ้านเกิด เนื่องจากวิกฤตทางการเมือง สงคราม ความรุนแรง ความยากจน และการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศ Little Amal เป็นผลงานศิลปะที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ เพราะหุ่นเชิดสูง 3.5 เมตรตัวนี้สามารถเคลื่อนไหวได้จริงๆ โดยการสวมทับหุ่นลงบนตัวคนเพื่อควบคุมการเดิน ส่วนมือและใบหน้าก็มีคนคอยเชิดอยู่ด้านข้างคล้ายหุ่นกระบอก ทำให้หุ่นเชิดตัวนี้เหมือนมีชีวิตจริงๆ และกลายเป็นจุดสนใจของผู้พบเห็นทั่วไป ซึ่งผู้ออกแบบและสร้างหุ่นเชิดตัวนี้ก็คือ Handspring Puppet Company บริษัทด้านการแสดงและออกแบบหุ่นกระบอกจากแอฟริกาใต้ […]

‘เอสโตเนีย’ สังคมดิจิทัลที่ก้าวหน้าที่สุดในโลก

เพื่อขจัดความยากจน เอสโตเนียจึงใช้เทคโนโลยีและดิจิทัลเข้ามาเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาและยกระดับประเทศ จนล่าสุดเอสโตเนียกลายเป็น “สังคมดิจิทัลที่ก้าวหน้าที่สุดในโลก” และเมืองหลวงอย่าง ‘ทาลลินน์’ ยังได้รับเลือกให้เป็น “ชุมชนอัจฉริยะแห่งปี 2020” ด้วย

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.