The Scoop ออฟฟิศรูปทรงแหวกแถวที่แหวกแนวอาคารให้โบสถ์เก่าเฉิดฉาย

คำตอบของการสร้างอาคารใหม่ให้เคารพอาคารเก่าข้างเคียงที่คุ้นเคยอาจหมายถึงการคุมโทนสี คุมโทนวัสดุอาคารใหม่ให้ใกล้เคียงอาคารเก่า แต่มันจะมีโซลูชันที่น่าตื่นเต้นกว่านี้อีกหรือเปล่า Corstorphine & Wright ออฟฟิศสถาปัตยกรรมในสหราชอาณาจักร ออกแบบอาคาร ‘The Scoop’ ให้เว้าเข้าไปด้านใน เพื่อสร้างกรอบให้คนเดินถนนเห็นรูปโฉมของโบสถ์เก่าที่อยู่ข้างเคียง The Scoop เป็นอาคารออฟฟิศส่วนต่อเติมของอาคารอิฐหัวมุมถนนที่อยู่ติดกัน โดยอาคารตั้งอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ของย่าน Southwark เมือง London และอยู่เคียงข้างโบสถ์คริสต์ ‘Catholic Church of the Most Precious Blood’ สไตล์โรมาเนสก์ซึ่งสร้างมาตั้งแต่ปี 1892 การคว้านส่วนกลางของอาคารออก ทำให้ผู้คนที่สัญจรบริเวณหัวมุมถนน Union Street และ O’Meara Street เห็นบานหน้าต่างกลมหรือ Rose Window ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของโบสถ์ แต่กว่าที่จะได้หน้าตาตึกอย่างที่เห็น สถาปนิกต้องขึ้นโมเดลตึกสามมิติเพื่อกะเกณฑ์ดูว่าจะต้องคว้านตึกไปเท่าไหร่คนถึงจะเห็นหน้าต่างโบสถ์ได้ชัดเจน นอกจากนี้ โมเดลสามมิติยังช่วยให้สถาปนิกคำนวณได้ว่าจะต้องวางอิฐอย่างไร และใช้อิฐขนาดแบบไหนมาเรียงเพื่อให้เกิดเอฟเฟกต์ดั่งหวัง โดยก้อนอิฐที่หยึกหยักไปมาถูกยึดติดด้วยโครงเหล็กสเตนเลสอันซับซ้อนที่แอบซ่อนด้านใน หากมองตัวอาคาร The Scoop แบบโดดๆ ดูแล้วเป็นอาคารที่เท่ไม่เบา แต่เมื่ออาคารเปิดพื้นที่ความเท่ให้เพื่อนเก่า ความหล่อเหลาของ The Scoop […]

Wellness Office Theme ออฟฟิศมาพร้อมพื้นที่เล่นสนุก ไอเดียเพิ่มชีวิตชีวาและประสิทธิภาพของคนทำงาน

เช้ามาก็ปวดไหล่ สายหน่อยปวดคอ ตกบ่ายนั่งปวดหลัง กว่าจะเลิกงานก็มืดค่ำ ถึงห้องไม่เป็นอันทำอะไรรีบล้มตัวลงนอน ตื่นเช้ามาอาการเดิมๆ ก็วนลูปจนเป็นปัญหาที่ชาวออฟฟิศซินโดรมหลายคนต้องพบเจอ pbm (Progressive Building Management) สตูดิโอออกแบบสถาปัตยกรรมในกรุงเทพฯ ร่วมกับ Soco (โซโค) บริษัทบริการออกแบบตกแต่งออฟฟิศให้เช่า ผุดไอเดียโปรเจกต์ ‘ธีมสำนักงานสุขภาพ’ ขึ้นมา ผ่านการดีไซน์สำนักงานให้มีพื้นที่ให้คนทำงานได้เคลื่อนไหวร่างกายเพื่อใช้ความสนุกช่วยเติมเต็มชีวิตชีวาในทุกๆ วัน การออกแบบนี้ได้ผสมผสานการเล่นเข้ากับประสบการณ์การทำงาน เช่น การเปลี่ยนโต๊ะทำงานให้เป็นโต๊ะปิงปองให้พนักงานแบ่งทีมและตีโต้กันไป ในขณะที่ใช้ไวต์บอร์ดจดสกอร์และจดไอเดียแทนการนั่งโต้เถียงกันในห้องประชุม หรือบางวันที่อยากผ่อนคลายยืดกล้ามเนื้อ พนักงานก็ยังสามารถเพลิดเพลินกับการเล่นโยคะในช่วงพักกลางวันได้ที่บริเวณอัฒจันทร์ของสำนักงานแห่งนี้ เท่านั้นไม่พอ จากที่เคยเดินไปถ่ายเอกสารเป็นปกติ พนักงานก็สามารถเปลี่ยนอิริยาบถไปกับการห้อยโหนบาร์เหล็กที่ด้านบนเพดานของสำนักงาน รวมถึงยังดีไซน์ให้มีเตียงที่ซ่อนไว้ในมุมหนึ่ง หากใครอยากพักสายตาก็ดึงออกมาใช้งานได้ ออฟฟิศแห่งนี้เลือกใช้สีสันสดใสที่ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา และโดดเด่นด้วยการออกแบบที่ชวนให้พนักงานขยับร่างกายไปตามมุมต่างๆ ของพื้นที่ทำงาน ทั้งหมดเกิดจากความเชื่อที่ว่า การเคลื่อนไหวมีส่วนช่วยในการพัฒนาทั้งทางร่างกายและสติปัญญา เพราะสมองมนุษย์จะหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินที่ทำให้รู้สึกมีความสุข ส่งผลให้พวกเขามีประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้นนั่นเอง Source :Archello | tinyurl.com/m65w3aww

‘ปล่อยวางเขา แล้วเอางานกับตัวเองให้รอดก่อน’ เมื่อภาวะทางใจคนที่ทำงานมากระทบใจเรา

ชาวออฟฟิศหลายคนล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ในชีวิตหนึ่งสัปดาห์ ใช้เวลาอยู่ที่ทำงานมากกว่าอยู่บ้านเสียอีก ยิ่งช่วงไหนที่ประชุมบ่อย งานด่วน โปรเจกต์ใหม่ใกล้เปิดตัว ฯลฯ บ้านเราจริงๆ ก็มีไว้แค่กลับไปอาบน้ำนอนเท่านั้นแหละ ‘การมี ‘Work BFF’ หรือเพื่อนรักในออฟฟิศคือลาภอันประเสริฐ’ จึงเป็นคำกล่าวที่จริงมาก เพราะสมัยก่อนตอนเราทำงานออฟฟิศ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวหรือความขัดแย้งกับเจ้านาย ก็ได้เพื่อนสนิทที่นั่งโต๊ะข้างๆ กันนี่แหละคอยแชร์ความเข้าใจ ความห่วงใย กอดคอรอดไปพร้อมๆ กัน แต่ความเจ็บปวดอีกระดับที่จะเกิดขึ้นคือ เมื่อคนที่ควรเป็นที่พึ่งและความอุ่นใจของเรา ดันกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัยแทนซะแล้ว อาจเพราะด้วย ‘ภาวะทางใจ’ ไม่ว่าจะเป็นโรคหรืออาการทางจิตใจต่างๆ ที่กระทบเขาอย่างรุนแรง จนห้วงอารมณ์และความเป็นตัวตนของเขาเปลี่ยนไป จนทำให้เราแทบจำเวอร์ชันเก่าไม่ได้ ส่งผลให้การทำงานของเขาและเรายากขึ้นตามไปด้วย แล้วชีวิตการทำงานของเราจะรอดได้ยังไง หากต้องรับมือเหตุการณ์หนักๆ นี้ไปทุกวัน ‘มันคืออาการหรือโรคที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ ถ้าทุกอย่างปกติ เขาจะไม่ทำกับเราแบบนี้’ เมื่อไหร่ก็ตามที่สภาพจิตใจเผชิญเรื่องราวหนักหนาจนตั้งรับไม่ไหว สภาพร่างกายและอารมณ์ก็จะแสดงความสุดโต่งต่างๆ ออกมา เช่น เกรี้ยวกราด ด่าทอ เฉยชา หงุดหงิดง่าย ฯลฯ สิ่งนี้เรียกว่าระบบป้องกันตัวในยามที่สภาพร่างกายและจิตใจอยู่ในช่วงฉุกเฉิน คนคนนั้นจำเป็นต้องสร้างตัวตนอื่นมาตั้งรับกับสภาวะแปลกใหม่ที่เขากำลังเจออยู่ และแน่นอน ‘นั่นไม่ใช่การรับมือแบบปกติทั่วไป’ เช่น ถ้าเพื่อนของเราเพิ่งสูญเสียสมาชิกครอบครัวอย่างกะทันหัน ส่งผลให้เพื่อนคนนี้เครียดมาก ปล่อยวางไม่ได้ […]

‘คบคนในที่ทำงานไม่ใช่เรื่องน่ากลัว’ ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน และไม่มีกฎตายตัว

หลายคนคงเคยได้ยินคำกล่าวที่ออกจะดูไปในแนวคำขู่ ถึงอันตรายของการคบกับคนที่ทำงานในที่เดียวกัน ต้องเจอหน้ากันทุกวัน และอาจเต็มไปด้วยความเสี่ยงมากมายหากรักไปไม่รอด เนื่องในเดือนแห่งความรักนี้ ผู้เขียนเลยอยากเล่าเรื่องราวที่หลายคนไม่ค่อยพูดถึง แต่ทำให้ใจฟูกันบ้าง นั่นคือ ‘ความรักที่เกิดในที่ทำงาน แล้วมันเวิร์ก สวยงาม และยาวนานยั่งยืน’ เราได้มีโอกาสพูดคุยกับชายหนุ่มวัย 30 กลางๆ ขอเรียกเขาว่า ‘พี่บี’ แล้วกัน ตั้งแต่รู้จักกับเขาเมื่อหลายปีมาแล้ว ก็สัมผัสถึงความหอมหวานอบอุ่นของความรักระหว่างเขาและแฟน ซึ่งปัจจุบันคือภรรยาของเขา ที่มีให้กันและกันมาโดยตลอด จากบทสนทนาในครั้งนี้ บอกเลยว่าเราได้อะไรกลับไปมากกว่าแค่เคล็ดลับการทะนุถนอมความรักในที่ทำงานเยอะเลย ถ้าความรักดี การได้อยู่กับคนรักเพิ่มขึ้นเท่ากับได้เวลาที่ดีเพิ่มขึ้น “ความรักในที่ทำงาน มันคือตัวคูณ ถ้ามันดี มันจะมีความสุขแบบทวีคูณ แต่ถ้ามันแย่ มันก็พังเป็นเท่าตัวด้วยเหมือนกัน แต่สิ่งที่มาเป็นเส้นแบ่งเพื่อป้องกันไม่ให้ความรักหลงเดินไปในทางที่แย่คือ วุฒิภาวะของทั้งคู่” พี่บีเริ่มต้นบทสนทนาไว้อย่างนี้ และอธิบายเพิ่มว่า ในประเทศไทย เวลาที่เราอยู่ในที่ทำงานนับเป็นประมาณ 40 กว่าชั่วโมงต่ออาทิตย์ ถ้ามันดี ก็เท่ากับได้เวลาที่ดีที่ได้อยู่กับคนรักตั้ง 40 กว่าชั่วโมง แต่ถ้ามันแย่ เต็มไปด้วยความไม่เชื่อใจ น้อยใจ วุ่นวายใจ ฯลฯ แปลว่า 40 กว่าชั่วโมงนั้นจะเกิดการฝ่าฟันทรหดอยู่พอตัว “แต่มันไม่มีกฎเกณฑ์อะไรตายตัวเลย ว่าคบคนที่ทำงานต่างที่กันจะดีเสมอไป หรือคบคนที่ทำงานที่เดียวกันแล้วจะแย่เสมอไป” […]

YELL เอเจนซี่ไทยที่วัดความสำเร็จจากอินไซด์ของคนทำงาน ในมุมมองของ แพร-กนกกาญจน์ รินนะจิตต์

ในแวดวงโฆษณาและเอเจนซีไทย คงไม่มีใครไม่รู้จัก YELL  ไม่ใช่แค่เพราะโลโก้ของเอเจนซีสีเหลืองแห่งนี้ไปปรากฏในฐานะคนทำการตลาดให้แบรนด์ยักษ์ใหญ่ที่ทุกคนรู้จักอย่าง CP, ThaiBev, Pruksa Real Estate และอีกมากมายแต่ YELL ยังเป็นเอเจนซีเจ้าของรางวัลระดับสากล แถมยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังไวรัลออนไลน์ที่พนันเลยว่าหลายคนต้องเคยผ่านตากันสักครั้ง ถ้าให้นึกเร็วๆ ก็หนังสั้นเรื่อง จีบได้แฟนตายแล้ว ที่พวกเขาจับมือกับ Hello Filmmaker ผลิตให้กับ The 1 ในเครือเซ็นทรัล หรือ กาว Weber Super Glue ที่ทำหนังล้อเลียน Marvel จนไปได้รางวัลเวทีระดับโลก ผลงานเหล่านี้ล้วนผลักดันให้ชื่อของพวกเขาโด่งดังจนเป็นที่รู้จักในวงกว้าง สิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้คือ YELL ยังเป็นเอเจนซีที่มีออฟฟิศและวัฒนธรรมการทำงานที่น่าสนใจมาก พวกเขามีนโยบายให้พนักงานสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้อย่างที่หลายๆ ออฟฟิศทำ แต่ในเวลาเดียวกัน YELL ก็ให้ความสำคัญกับการออกแบบพื้นที่เพื่อกระตุ้นให้พนักงานแฮปปี้ และมี Productivity จนอยากเข้าออฟฟิศทุกวัน เป็นออฟฟิศที่ไม่ใช่ ‘ที่ทำงาน’ แต่เป็น ‘ที่ร่วมงาน’ พวกเขานิยามมันไว้อย่างนั้น การดีไซน์ออฟฟิศให้พนักงานแฮปปี้มีแนวคิดใดอยู่เบื้องหลัง เช้าวันทำงานที่ออฟฟิศ YELL กำลังคึกคักได้ที่ เราแวะมาสนทนากับ แพร-กนกกาญจน์ รินนะจิตต์ […]

ไม่พูดไม่ใช่ไม่รู้สึก! บ.ญี่ปุ่นปิ๊งไอเดียทำป้ายบอกพลังกาย พลังใจ ที่เหลืออยู่ ให้พนักงานสื่อสารกันโดยไม่ต้องพูด

ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ต้องเผชิญแรงกดดันและความเครียดจากปัญหารอบตัวอย่างเศรษฐกิจ การเมือง สังคม โรคระบาด รวมไปถึงปัญหารายวันจากที่ทำงานและเรื่องส่วนตัว แต่เพราะบทบาททางสังคมและหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบ หลายคนจึงไม่สามารถระบายปัญหาหนักอกหนักใจให้ใครรู้ได้ ทำได้แค่เก็บความรู้สึกที่หนักอึ้งเหล่านั้นไว้กับตัวเอง เพราะเหตุนี้ Onken บริษัทผลิตสิ่งพิมพ์และผลิตภัณฑ์อะคริลิกสัญชาติญี่ปุ่นจึงปิ๊งไอเดียทำ ‘ป้ายบอกระดับพลังงาน’ แจกให้พนักงานในบริษัทใช้ติดเสื้อเพื่อบอกให้คนอื่นรู้ว่าพลังงาน พลังใจ ของพวกเขาในช่วงเวลานั้นๆ เหลืออยู่เท่าไหร่ ทางบริษัทเปิดเผยว่า ขั้นตอนผลิตเจ้าป้ายติดหน้าอกชิ้นนี้ทำได้ง่ายและรวดเร็ว เพียงแค่พิมพ์ข้อความลงบนแผ่นอะคริลิกขนาดใหญ่ จากนั้นก็ใช้เครื่องเลเซอร์ตัดแบ่งให้เป็นป้ายขนาดเล็ก โดยข้อความบนป้ายจะระบุระดับ ‘Hit Point’ หรือหน่วยวัดพลังชีวิตของตัวละครในเกม ที่ถูกนำมาใช้แทนพลังงานที่เหลืออยู่ของคนคนนั้น ป้ายชนิดนี้มีให้เลือกทั้งหมด 3 ระดับ ระดับพลังงานสูงสุดคือสีเขียว (10,000/10,000 พลังชีวิต) รองลงมาคือสีเหลือง (3,899/10,000 พลังชีวิต) ต่ำสุดคือสีแดง (15/10,000 พลังชีวิต) พนักงานสามารถเลือกป้ายมาติดเสื้อตามระดับพลังงานและความรู้สึกในตอนนั้น เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้พนักงานสื่อสารสภาพร่างกายและจิตใจให้คนอื่นรับรู้โดยไม่ต้องเอ่ยคำใดๆ ในทางกลับกัน ป้ายนี้ยังกลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเพื่อนร่วมงานได้ด้วย เพราะมันอาจเป็นจุดเริ่มต้นของบทสนทนาระหว่างเหล่าพนักงานที่ไม่ค่อยมีโอกาสคุยกันเท่าไหร่ พวกเขาอาจถามสารทุกข์สุกดิบกันจากการดูป้ายของอีกฝ่าย ทำให้บรรยากาศในบริษัทสดใสและมีชีวิตชีวามากขึ้น Onken เปิดเผยว่าพนักงานในหลายแผนกชื่นชอบไอเดียและเริ่มติดป้ายระหว่างทำงานกันแล้ว นอกจากนี้ ทางบริษัทยังแชร์รูปป้ายบอกระดับพลังงานลงบนทวิตเตอร์ ซึ่งกระแสตอบรับจากโลกออนไลน์ก็ดีเกินคาด ผู้คนส่วนใหญ่ชื่นชมและสนใจแนวคิดนี้ บางคนแสดงความคิดเห็นว่า ถ้าเอาป้ายบอกสเตตัสแบบนี้ไปใช้ในโรงเรียนหรือในโรงพยาบาลได้ก็คงจะดีไม่น้อย ใครอยากเป็นเจ้าของป้ายบอกระดับพลังงานสุดครีเอทีฟนี้คงต้องรอกันอีกหน่อย เพราะตอนนี้บริษัทอยู่ในขั้นแรกของการผลิตสินค้า คาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายได้ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม […]

Epson EcoTank L15150 l ตัวช่วยเพื่อความยั่งยืนของธุรกิจและสิ่งแวดล้อม

คุณคิดว่า Printer 1 เครื่อง เซฟโลกได้ไหม? . ชีวิตพนักงานออฟฟิศอย่างเราๆ จะพรินต์งานแต่ละที ก็ต้องอาศัย Printer ที่สุดท้ายกลายเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ยากแก่การทำลายและเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมวนไป . เหมือนจะดูเป็นเรื่องเล็กจิ๋วที่ไม่ต้องสนใจก็ได้ แต่ Epson คิดมาแล้ว ว่าพวกเราชาวออฟฟิศและ Printer เครื่องเดียวก็ช่วยโลกได้ด้วย Epson EcoTank L15150 เครื่องพรินต์ที่ตอบโจทย์ทั้งการพรินต์และความยั่งยืน . ด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยลดการใช้พลังงาน ช่วยลดค่าใช้จ่ายของออฟฟิศด้วยการพิมพ์สูงสุดถึงขนาด A3 ทั้งยังช่วยสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน เจ้าเครื่องนี้จะเจ๋งแค่ไหนนั้น ตามมาดูกันเลย #UrbanCreature #UrbanEyes #Epson #EpsonEcoTankPrinter

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.