Starbucks ตั้งเป้าจะติดตั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้าตามร้านกาแฟ 15 แห่งในฤดูร้อนปีนี้ตลอดระยะทางราว 2,100 กิโลเมตร ระหว่างโคโลราโดไปยังวอชิงตัน ซึ่งเป็นโครงการนำร่องที่ทำร่วมกับ Volvo ในการสร้างสเตชันชาร์จแบบ DC ซึ่งเป็นการจ่ายไฟเข้าสู่แบตเตอรี่โดยตรงซึ่งเป็นวิธีการชาร์จไฟที่ไวที่สุดในตอนนี้ ซึ่งค่ายรถยนต์สัญชาติสวีเดนวางแผนจะสร้างสถานี Quick Charge ทุก 160 กิโลเมตรที่ถนนฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา
แฟรนไชส์กาแฟชื่อก้องโลกกำลังเดินหน้าในเกมธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า เพราะมองว่าระหว่างการชาร์จไฟที่ใช้เวลาค่อนข้างนาน แม้จะเป็นสถานีแบบ Quick Charge ก็ต้องใช้เวลาราว 40 นาที เพื่อให้มีไฟมากพอจะเดินทางต่อไปยังจุดหมายถัดไป Starbucks ซึ่งเป็นร้านกาแฟที่ชูจุดเด่นด้าน Third Place ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความสะดวกสบายในการใช้บริการ ก็หวังจะมาตอบโจทย์ผู้บริโภคตรงนี้
ภายในปี 2030 อาจมีรถยนต์ไฟฟ้าวิ่งอยู่บนถนนของสหรัฐอเมริกามากกว่า 26 ล้านคัน ความต้องการชาร์จจะมากขึ้นกว่าเดิมถึง 10 เท่าตัว และ Starbucks สาขาทั่วแดนลุงแซมถึง 15,000 แห่ง คิดว่าตนเองสามารถช่วยเติมเต็มช่องว่างเหล่านี้ได้
ซึ่ง Volvo และ Starbucks ยังวางแผนที่จะวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อมองหาความเป็นไปได้ในการขยายโครงการนี้ไปที่อื่นด้วย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Starbucks ใช้เทคโนโลยีมาเพิ่มยอดขาย ย้อนกลับไปในปี 2000 พวกเขาให้บริการไรต์เพลงลงในแผ่นซีดีหรือโหลดไฟล์เพลงเข้าเครื่องเล่น MP3 และในปี 2011 ก็เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่รายแรกๆ ที่ให้บริการชำระเงินผ่านมือถือ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ Starbucks ได้รับความนิยมมาถึงวันนี้