คุณคงนึกถึงสภาพเดินริมถนนท่ามกลางหน้าฝนที่แสนเฉอะแฉะ แล้วโดนรถที่ขับมาด้วยความเร็วจนน้ำกระเด็นใส่เละทั้งตัวออกใช่หรือเปล่า แค่คิดก็คงเกิดความสยดสยองไม่ไหวแล้วใช่ไหม ?
ประเทศเกาหลีใต้ออกกฎหมายเตือนสติให้ผู้ขับรถเพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนนมากขึ้นในช่วงฤดูฝน โดยข้อกฎหมายดังกล่าวได้ถูกระบุเอาไว้ว่า หากคุณขับรถทับแอ่งน้ำบนพื้นถนน แล้วเกิดกระเด็นไปโดนคนที่อยู่บนทางเท้า ก็อาจเป็นเหตุให้ถูกแจ้งความได้ และจะต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนมากถึง 200,000 โคเรียวอน หรือเท่ากับประมาณ 5,000 บาทไทย แถมยังต้องการจ่ายซักทำความสะอาดเสื้อผ้าให้อีกด้วย
โดยคู่มือการขับรถให้ปลอดภัยในประเทศเกาหลีใต้จาก US Forces Korea (USFK) ปี 2007 นั้นได้ระบุไว้ว่าให้จำกัดความเร็วในขณะที่สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย เช่น ช่วงที่มีหิมะ หมอก น้ำแข็ง และฝน ผู้ขับขี่ยานยนต์ในขณะนั้นต้องลดความเร็วลงจากปกติ 20 – 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าหากว่าผู้เสียหายไม่สามารถจดจำหมายเลขทะเบียนรถได้ ให้จำยี่ห้อ สี ระยะเวลา หรือสถานที่เกิดเหตุ ก็สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปขอตรวจสอบจากกล้อง CCTV ที่ถูกติดตั้งไว้ตามท้องถนนแล้วนำหลักฐานไปแจ้งความได้ด้วยเช่นกัน เรียกว่าใครทำผิดก็หนีไม่พ้นต้องได้เสียค่าปรับแน่นอน
หากคิดว่านี่เป็นเรื่องไกลตัว เราขอบอกเลยว่าไม่ เพราะในประเทศไทยก็มีข้อกฎหมายในลักษณะทำนองนี้เช่นเดียวกัน อ้างอิงจากพระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 วรรค 8 การขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือปรับตั้งแต่ 2,000 ถึง 10,000 บาท และหากมีทรัพย์สินเสียหายจากการที่รถยนต์ขับเหยียบน้ำแล้วกระเด็นใส่ จะเข้าความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานทำให้เสียทรัพย์ ตามมาตรา 358 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท
รวมไปถึงสามารถเรียกร้องค่าเสียหาย ตามประมวลกฎหมายแพ่ง และ พาณิชย์ ตามมาตรา 438 ค่าสินไหมทดแทนจะพึงใช้โดยสถานใดเพียงใดนั้น ให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดอนึ่งค่าสินไหมทดแทนนั้น อีกทั้งยังผิดตามมาตรา 439 บุคคลผู้จำต้องคืนทรัพย์อันผู้อื่นต้องเสียไปเพราะละเมิดแห่งตนนั้น ยังต้องรับผิดชอบตลอดถึงการที่ทรัพย์นั้นทำลายลงโดยอุบัติเหตุ หรือการคืนทรัพย์ตกเป็นพ้นวิสัยเพราะเหตุอย่างอื่นโดย โดยในกรณีเดียวกับประเทศเกาหลีใต้ผู้เสียหายสามารถจดจำทะเบียนรถหรือลักษณะยานยนต์เข้าแจ้งความแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เช่นกัน (ศึกษาข้อกฎหมายเพิ่มเติมได้ที่ http://web.krisdika.go.th/)
เพื่อความปลอดภัยต่อตนเองและผู้ร่วมถนน เราจึงควรเลือกใช้ความเร็วให้เหมาะสมอีกทั้งยังมีสติในการขับรถอยู่ตลอดเวลา อย่าทำให้ปัญหานี้กลายเป็นเรื่องปกติและเกิดความเคยตัวเคยชินจนกลายเป็นเรื่องทั่วไปในสังคมที่ใครๆ ก็ทำกัน
Sources : 인사이트 | https://www.insight.co.kr/news/296749
Krisdika | https://www.krisdika.go.th/home