แม้วัฒนธรรมการบริโภคเนื้อสุนัขอยู่ในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้มาอย่างยาวนาน แต่เสียงไม่พอใจเกี่ยวกับการนำสุนัขมาประกอบอาหารหนาหูมากขึ้นเรื่อยๆ ตลอดหลายปีให้หลัง จนล่าสุด มุน แจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ออกมาบอกว่า กำลังพิจารณาห้ามการบริโภคเนื้อสุนัขในประเทศอีกต่อไป
การหยั่งเชิงของผู้นำโสมขาวได้รับการคัดค้านเป็นอย่างมากจากอุตสาหกรรมเลี้ยงสุนัข โดย มุน แจอิน หยิบประเด็นนี้ขึ้นมาพูดหลังจากฟังการบรรยายสรุปจากโฆษกประธานาธิบดี เรื่องความพยายามในการจัดการและขึ้นทะเบียนสุนัขจรจัด ซึ่งเขามองว่าเวลานี้เหมาะสมที่สุดในการหยิบประเด็นนี้ขึ้นมาพิจารณาอย่างรอบคอบ
ซึ่งนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสัตว์ต่างออกมายินดีกับข่าวนี้ คิม นารา นักรณรงค์ต่อต้านการบริโภคเนื้อสุนัข หวังว่ารัฐบาลจะส่งสัญญาณให้เห็นถึงจุดสิ้นสุดของอุตสาหกรรมบริโภคเนื้อสุนัขในเร็ววัน ในขณะที่ Aware กลุ่มรณรงค์เกี่ยวกับสวัสดิภาพสัตว์ก็บอกว่าอุตสาหกรรมนี้เกี่ยวพันกับการทารุณสัตว์และการกระทำที่ผิดกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม จู ยองบง เลขาธิการสมาคมเนื้อสุนัขแห่งเกาหลีใต้บอกว่าเป็นคำพูดที่ไร้เหตุผลมาก และประธานาธิบดีทำแบบนี้เพราะหวังผลทางการเมือง โดยเขามองว่าการตัดสินใจว่าจะบริโภคหรือไม่เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล และมุน แจอิน จะทำให้ชาวเกาหลีใต้ 10 ล้านคน ที่ยังบริโภคเนื้อสุนัขอยู่กลายเป็นอาชญากร พร้อมย้ำว่าชาวเกาหลีควรภาคภูมิใจในวัฒนธรรมการกินเนื้อสุนัขด้วยซ้ำ
จากผลสำรวจของ Nielsen ชาวเกาหลีใต้ 84 เปอร์เซ็นต์ ปฏิเสธการบริโภคเนื้อสุนัข แต่ก็ยังมีการนำสุนัขมาเป็นอาหารราว 1 ล้านตัวต่อปี จากฟาร์มสุนัขเกือบ 3,000 แห่งทั่วเกาหลีใต้ แรงต่อต้านการบริโภคเนื้อสุนัขกำลังสูงขึ้นในหลายประเทศเช่น จีน และเวียดนาม ซึ่งมองสุนัขในฐานะเพื่อนของมนุษย์มากกว่าการเป็นอาหาร
Source : VICE