สิงคโปร์เปลี่ยนท่าทีในการรายงานประจำวันของสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยไม่ได้ชูจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นหัวใจสำคัญ และจะกล่าวถึงความพร้อมและขีดความสามารถในการดูแลผู้ป่วยแทน แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะพุ่งขึ้นสูงที่สุดในรอบปีที่ผ่านมา
ในปัจจุบันสิงคโปร์ได้ทำการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนไปแล้วถึง 81 เปอร์เซ็นต์ มากที่สุดในบรรดาประเทศที่มีประชากรสูงกว่า 1 ล้านคน แต่จำนวนเคสของผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการ หรืออาการไม่รุนแรงกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 2 เท่าเมื่อเทียบกับเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็น 349 ราย ในขณะที่ผู้ป่วยอาการรุนแรงมีจำนวนใกล้เคียงกับก่อนหน้านี้
กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์บอกว่าต่อไปนี้การอัปเดตจะมีเพียงวันละหนึ่งครั้ง แทนที่จะเป็นสองครั้งเหมือนเมื่อก่อน รวมถึงจะไม่รายงานเกี่ยวกับเคส หรือคลัสเตอร์ที่มีความเชื่อมโยงกันอีกต่อไปยกเว้นในกรณีที่สื่อให้เห็นถึงความรุนแรงของการแพร่ระบาด
“ตอนนี้เราอยู่ในสถานการณ์ที่แตกต่างออกไปมากในการต่อสู้กับโควิด-19” กระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่าต่อไปนี้จะรายงานเฉพาะขีดความสามารถของโรงพยาบาลในการรับมือกับผู้ป่วย เช่น จำนวนเตียงหรือห้องไอซียูที่ยังว่างอยู่ โดยดำเนินการควบคู่ไปกับแผนการควบคุมไวรัสกลายพันธุ์
อย่างไรก็ตามถึงจำนวนผู้ป่วยมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้น แต่สิงคโปร์ยังมีความพร้อมหากสถานการณ์เลวร้ายลง Ong Ye Kung รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเคยให้สัมภาษณ์ว่า สิงคโปร์สามารถให้บริการเตียงไอซียูแก่ผู้ป่วยโควิดได้มากถึง 1,000 เตียง ซึ่งปัจจุบันมีคนไข้อยู่ในไอซียูแค่ 6 คนเท่านั้น และเคยมีผู้ป่วยโควิดที่อาการรุนแรงจนต้องเข้าไอซียูพร้อมกันสูงสุดเพียง 32 คน ในเดือนเมษายนปี 2020
รัฐบาลสิงคโปร์ยังคงมองหาช่องทางที่จะเพิ่มขอบเขตและความสามารถในการรักษาประชาชน โดยจัดพื้นที่ในสถานบริการชุมชนสำหรับผู้ติดเชื้อโควิดที่มีอาการไม่รุนแรง หรือไม่แสดงอาการ 5,500 ราย ซึ่งหากนำผู้ป่วยทั้งหมดในเดือนที่ผ่านมาเข้ามาใช้บริการ ก็ยังมีพื้นที่ว่างเหลือมากกว่า 2,000 เตียง นอกจากนี้รัฐบาลยังเตรียมให้ผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรงกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้อีกด้วย