‘ภูเขาร็อกโค’ เปรียบเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น ในอดีตเคยถูกใช้ทรัพยากรธรรมชาติเกินขนาดจนสูญเสียระบบนิเวศไปจำนวนมาก ก่อนที่ผู้คนในพื้นที่จะหันมาช่วยกันฟื้นฟูดูแลให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพดังปัจจุบัน
เพื่อป้องกันประวัติศาสตร์ซ้ำรอย จึงนำมาสู่ธีม ‘Environmental Perspectives and Thought’ ของงานเทศกาลศิลปะร่วมสมัย ‘Rokko Meets Art 2025 beyond’ ในปีนี้ ซึ่งต้องการย้ำเตือนถึงความสำคัญของการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ที่ไม่ได้มีเพียงธรรมชาติหรือเมือง แต่ยังคำนึงถึงผู้คน ประวัติศาสตร์ และสังคมวัฒนธรรมรอบข้างด้วย
โดยในเทศกาลนี้ งานศิลปะแต่ละชิ้นได้หยิบยกประวัติศาสตร์จากพื้นที่ภูเขาร็อกโคและเมืองโกเบมาใช้ได้เป็นอย่างดี กลายเป็นเอกลักษณ์ของงานที่ไม่เพียงเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสงานศิลปะที่หลากหลายท่ามกลางธรรมชาติสวยงาม แต่ยังใช้ประโยชน์จากการเลือกพื้นที่จัดแสดงในฐานะส่วนประกอบของการถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้อย่างแยบคาย
Automatic Time Capsule Vending Machine
ตู้อัตโนมัติจำหน่ายกล่องสุ่มสิ่งของจากธรรมชาติ

เวลาไปญี่ปุ่น หนึ่งในสิ่งที่ทุกคนนึกถึงคงหนีไม่พ้นเครื่องหยอดเหรียญอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นตู้กดน้ำที่หาเจอได้ทั่วไป หรือตู้กดกาชาปองที่แลกเหรียญร้อยเยนไปเท่าไหร่ก็ไม่พอ
ทว่าตู้นี้อาจแตกต่างจากตู้ที่ทุกคนคุ้นเคยกันเล็กน้อย เพราะ ‘Yamada Tsuyoshi’ ศิลปินเจ้าของผลงานนี้ ได้นำทีมสำรวจไปรวบรวมสิ่งของหลากหลายที่พบเจอได้บนภูเขาร็อกโค มาจำหน่ายในรูปแบบกล่องสุ่มผ่านตู้ ‘Automatic Time Capsule Vending Machine’ พร้อมคำอธิบายประกอบ ในราคา 500 เยน
สิ่งของเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้คนที่สัญจรผ่านไปมามองข้าม ไม่ว่าจะเป็นเศษหิน เปลือกไม้ ลูกสน หรือลูกบอลที่ถูกทิ้ง โดยผลงานชิ้นนี้เชิญชวนให้ผู้เข้าชมมาเป็นส่วนหนึ่งของงาน ผ่านการสัมผัส หยิบจับ และจินตนาการถึงร่องรอยของความทรงจำที่ยังดำรงอยู่ในสิ่งของแต่ละชิ้น พร้อมๆ กับสำรวจและทำความรู้จักประวัติศาสตร์ของพื้นที่ท่ามกลางธรรมชาติของภูเขาร็อกโค
The Seamless Ship
เศษซากเรือที่บอกเล่าถึงสิ่งก่อสร้างที่เคยดำรงอยู่

ด้วยความที่โกเบเป็นเมืองท่า แน่นอนว่าเรือย่อมเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้
สำหรับผลงานชิ้นนี้ ศิลปิน ‘Takano Chisato’ สร้างเรือจากเศษซากของสิ่งปลูกสร้างที่หลงเหลืออยู่ในบริเวณภูเขาร็อกโคและเมืองโกเบ ในพื้นที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ตั้งของโรงแรมที่มนุษย์ทั้งสร้างขึ้นและทำลายลงไปพร้อมกับความทรงจำนับไม่ถ้วน
เรือนี้เปรียบเสมือนพื้นที่ที่ไร้คำจำกัดความชัดเจน ซึ่งความขัดแย้งได้สัญจรมาเจอกัน เป็นที่ที่รวบรวมทั้งความทรงจำของการเดินทาง การสร้าง และการทำลายไว้ในชิ้นเดียว
จุดหมายปลายทางของเรือลำนี้จึงไม่สามารถกำหนดได้ด้วยตัวมันเอง หากแต่ขึ้นอยู่กับการตีความของผู้คนซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบัน
Floating Lanterns
ความทรงจำที่ซุกซ่อนในสถาปัตยกรรมที่ล่องลอย

อีกหนึ่งงานที่บอกเล่าประวัติศาสตร์และการใช้พื้นที่ได้อย่างน่าสนใจ โดยตัวผลงานจัดแสดงอยู่ภายในโบสถ์ ‘Church of the Wind’ ซึ่งออกแบบโดย Ando Tadao สถาปนิกชื่อดังของญี่ปุ่น
เมื่อเดินเข้าไปจะพบกับโมเดลสถาปัตยกรรมจำนวนมากที่ล่องลอยในลักษณะคล้ายโคมอยู่ภายใน ให้ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่อีกมิติโดยสิ้นเชิง
ศิลปิน ‘Iwasaki Takahiro’ ไม่ได้สร้างโครงสร้างเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อบอกเล่าถึงสิ่งปลูกสร้างที่กำลังจะเกิด แต่เป็นการระลึกถึงความทรงจำของสิ่งปลูกสร้างที่หายไปพร้อมกับแผ่นดินไหว สงคราม และภัยพิบัติอื่นๆ
จะเห็นได้ว่า งานที่ยกตัวอย่างมาข้างต้นนี้เชิญชวนให้ผู้เข้าชมได้ครุ่นคิด และเดินทางผ่านประวัติศาสตร์ ความทรงจำ และการสูญเสียของพื้นที่ร็อกโคและโกเบในอดีตอย่างจับต้องได้มากขึ้น
แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงความรู้สึกของความล่องลอยและไร้ขอบเขต เปิดโอกาสในการตีความแต่ละผลงาน มอบประสบการณ์ด้านการสร้างส่วนร่วมการรับรู้ของผู้เข้าชมได้อย่างน่าประทับใจทีเดียว
ถือเป็นโอกาสอันดีที่คนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวจะได้พิจารณาถึงร็อกโคและเมืองโกเบในมุมมองที่หลากหลายผ่านผลงานเหล่านี้
Source :
Rokko Meets Art | shorturl.at/nTFR5