วาระปรับปรุงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิแก้ปัญหาผู้ใช้ - Urban Creature

พ้นจากตัวอนุสรณ์สถานของอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิที่ได้รับการปรับปรุงไปเมื่อปี 2567 ขณะเดียวกัน พื้นที่โดยรอบก็กำลังเผชิญกับปัญหาคาราคาซังรอวันแก้ไข และไม่ได้รับการปรับปรุงมานานกว่า 20 ปี แต่ปัญหาเหล่านี้จะไม่ถูกเบลออีกต่อไป เพราะ ‘โครงการปรับภูมิทัศน์อนุสาวรีย์ชัยฯ วาระครบรอบ 84 ปี’ ของทางกรุงเทพมหานคร ซึ่งเล็งเห็นถึงรากเหง้าของปัญหาที่เกิดขึ้น ได้เริ่มก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงแล้ว

‘อนุสาวรีย์ชัยฯ ในวันเก่า’ ไม่น่าพิสมัยเท่าไหร่นัก หมู่มวลความทุกข์ยากของผู้คนยังคงเด่นชัด ทั้งเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์รถเมล์ เสียงหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า ภาพคุณตาวิ่งตามรถสายที่ตนรอคอยมาเนิ่นนาน ภาพคุณยายใช้ไม้เท้าค้ำยันขณะขึ้นบันไดสูงชัน ภาพผู้ใช้วีลแชร์เคลื่อนตัวบนพื้นผิวที่ไม่เรียบ ภาพผู้คนกุลีกุจอเร่งสาวเท้าลงถนน ภาพคนวัยทำงานยืนตากแดดตากฝนหลังเลิกงานโดยไม่มีหลังคาคุ้ม ภาพศาลารอรถที่ผุพัง จนถึงภาพรถโดยสารสาธารณะของไทยเรียงตัวกันเป็นหนอนนอนแช่ที่สถานี

ภาพและเสียงทั้งหมดที่กล่าวมากำลังจะเปลี่ยนไป เพราะ ‘อนุสาวรีย์ชัยฯ ในวันใหม่’ จะทำให้ชีวิตของผู้คนดีขึ้น ความอดทนและความยากลำบากจะถูกแทนที่ด้วยความหวัง จากที่เคยรู้สึกเหนื่อยใจเมื่อคิดว่า ‘ต้องไปอนุสาวรีย์ชัยฯ’ เปลี่ยนเป็น ‘ได้มาอนุสาวรีย์ชัยฯ’ เพื่อใช้งานพื้นที่นี้และได้ประสบการณ์ดีๆ ที่สมควรได้รับ

หากช่วงนี้ใครไปอนุสาวรีย์ชัยฯ และเห็นโซนก่อสร้างหรือการปิดพื้นที่ จนเกิดความสงสัยว่าคืออะไร Urban Creature ขอแถลงไขผ่านคอลัมน์ Report ที่จะชวนไปดูการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่แห่งนี้พร้อมๆ กัน

01 | อนุสาวรีย์ชัยฯ จากอดีตสู่ปัจจุบัน 

โครงการปรับภูมิทัศน์อนุสาวรีย์ชัยฯ วาระครบรอบ 84 ปี ของทางกรุงเทพมหานคร

หากนำภาพจากวันแรกวางเทียบเคียงกับปัจจุบันจะเห็นได้ชัดว่า อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเดินทางผ่านจุดเปลี่ยนมานับครั้งไม่ถ้วน สังเกตได้จากบริบทของพื้นที่และการเติบโตของสภาพแวดล้อมโดยรอบ

ต้องเกริ่นก่อนว่า ‘อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ’ เริ่มสร้างในปี 2484 และแล้วเสร็จในปี 2485 ตามดำริของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานเตือนใจถึงวีรกรรมความกล้าและเสียสละของบรรพบุรุษกรณีพิพาทอินโดจีน บริเวณจุดตัดของถนนพญาไท ถนนราชวิถี และถนนพหลโยธิน ที่เรียกกันคุ้นหูว่า ‘สี่แยกสนามเป้า’

ช่วงแรกหลังก่อตั้ง พื้นที่รัศมีรอบวงเวียนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิยังคงเป็นท้องทุ่งสีเขียว ริมขอบถนนเรียงรายด้วยต้นไม้ใหญ่ ไม่ได้มีสิ่งก่อสร้างที่เห็นกันสลับซับซ้อนหนาตาเหมือนในปัจจุบัน พอถึงช่วงปี 2513 สมัยที่ไม่ได้มีรถไฟฟ้าหรือทางเลือกการสัญจรหลากหลายอย่างสมัยนี้ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิที่มีรถเมล์พาดผ่านมากถึง 23 สายจากรถเมล์ 90 สาย ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการกลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางคมนาคมอย่างไม่ต้องสงสัย

โครงการปรับภูมิทัศน์อนุสาวรีย์ชัยฯ วาระครบรอบ 84 ปี ของทางกรุงเทพมหานคร

ช่วงทศวรรษ 1980 ถือเป็นระยะเวลาที่มีการปรับปรุงอนุสาวรีย์ชัยฯ จนเริ่มมีรูปลักษณ์ใกล้เคียงกับปัจจุบัน เริ่มมีการแยกเป็นเกาะจอด มีทางม้าลาย และเพิ่มสะพานลอยเข้ามา และในเมื่อที่นี่เป็นหมุดหมายที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง จุดแวะพักเตรียมเสบียงท้องหรือแผงค้าขายจึงเริ่มขยับขยายตามมา รวมถึงห้างสรรพสินค้าอย่างโรบินสันก็เปิดสาขาแรกที่นี่เช่นกัน

เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดยุค 90 ปี 2543 หากพูดถึงบรรยากาศคึกคักของผู้สัญจรใช้รถใช้ถนน เราอาจจะเคยนึกถึงสนามหลวง แต่การเข้ามาของรถไฟฟ้าทำให้สนามหลวงค่อยๆ อำลาตำแหน่งที่ครองอยู่ พร้อมๆ กับที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเริ่มขยับขึ้นมากลายเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อและจุดเปลี่ยนถ่ายการเดินทางที่สำคัญของกรุงเทพฯ เนื่องด้วยมีรถเมล์กว่า 40 สาย รถไฟฟ้า BTS และรถตู้อยู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน พ่อค้าแม่ขายต่างเข้ามาจับจองพื้นที่ตั้งแถวกันอย่างหนาแน่น ผู้คนคับคั่งจนล้นถนน

ปัจจุบันอนุสาวรีย์ชัยฯ ลดบทบาทการเป็นย่านพาณิชย์ลง เนื่องจากมีการขยายตัวของเมืองและการกระจายความเจริญสู่ละแวกอื่นๆ มากขึ้น แต่ยังคงเดินหน้าต่อในการเป็นย่านสถานการแพทย์ และจุดเชื่อมต่อการสัญจร (Transportation Hub) ที่แข็งแรง อีกทั้งยังพัฒนาเป็นย่านที่อยู่อาศัย เห็นได้จากโครงการคอนโดมิเนียม และสถิติการปรับขึ้นของราคาพื้นที่อสังหาริมทรัพย์ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ

ตลอดเส้นทางการเดินทางเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อมาครึ่งศตวรรษ อนุสาวรีย์ชัยฯ ได้มีการปรับปรุงหลายครั้ง บ้างเป็นการปรับปรุงตัวอนุสรณ์สถาน บ้างเป็นการปรับปรุงพื้นที่โดยรอบ ซึ่งผลพวงของการปรับปรุงที่เห็นได้ชัดคือ การตั้งระบบเกาะเพื่อให้เกิดความเข้าใจง่าย

โดยหลังจากการปรับปรุงในปี 2556 ปัจจุบันอนุสาวรีย์ชัยฯ ประกอบด้วย 4 เกาะ ได้แก่ เกาะดินแดง เกาะพญาไท เกาะราชวิถี และเกาะพหลโยธิน ซึ่งชื่อเรียกและตำแหน่งที่ตั้งใกล้เคียงถือเป็นส่วนหนึ่งในวิชาอนุสาวรีย์ชัยฯ 101 ที่รู้ไว้จะทำให้ไม่สับสน

02 | ปัญหาและความทุกข์ยากของผู้ใช้พื้นที่รอบอนุสาวรีย์ชัยฯ

โครงการปรับภูมิทัศน์อนุสาวรีย์ชัยฯ วาระครบรอบ 84 ปี ของทางกรุงเทพมหานคร

หากวัดกันด้วยตา ผู้มาเยือนรอบวงเวียนอนุสาวรีย์ชัยฯ ส่วนใหญ่คือผู้สูงอายุและวัยทำงาน เนื่องจากบริเวณนี้รายล้อมไปด้วยโรงพยาบาลชั้นนำกว่า 10 แห่ง เช่น สถาบันมะเร็งแห่งชาติ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลสงฆ์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เป็นต้น อีกทั้งยังมีสถาบันการศึกษาและสถาบันทางการแพทย์ รองรับนักเรียนนักศึกษาอยู่ทั่วพื้นที่ ยังไม่นับรวมผู้คนที่แวะเวียนเข้ามาเปลี่ยนถ่ายการสัญจรชั่วครั้งชั่วครู่

แม้จะมีการปรับปรุงมาบ้าง แต่พื้นที่โดยรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิยังคงมีปัญหาสอดไส้ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข หรือถึงมีการแก้ไขก็เป็นการแปะปลาสเตอร์ชั่วคราวเท่านั้น โดยเราสามารถแบ่งความยากลำบากของผู้ใช้พื้นที่โดยรอบอนุสาวรีย์ชัยฯ ออกเป็น 3 หมวดใหญ่ๆ ดังนี้

เดินเหิน

เริ่มตั้งแต่สกายวอล์กที่ไม่ครบลูปทุกเกาะ ไม่เชื่อมเข้ากับสถานที่สำคัญโดยรอบ และไม่มีลิฟต์สำหรับผู้ที่เดินไม่สะดวก เพราะการจะขึ้นสกายวอล์กแต่ละครั้งต้องเดินขึ้นบันไดที่สูงชัน เมื่อลงมายังพื้นด้านล่าง ทางเท้าก็ไม่เรียบ ขรุขระเป็นเนิน มีทางต่างระดับค่อนข้างเยอะ และมีสิ่งกีดขวางการเดินตลอดทาง

ทุกครั้งที่เห็นคนเฒ่าคนแก่หรือผู้บกพร่องทางร่างกายต้องใช้ไม้เท้าค้ำยันหรือหยุดเดินเป็นระยะ แม้เราจะไม่ใช่ผู้ที่ได้รับผลกระทบนี้โดยตรง แต่ภาพเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าพื้นที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ในปัจจุบันไม่ได้อำนวยความสะดวกผู้ใช้งานเท่าไหร่นัก ซ้ำยังทำให้เกิดความยากลำบาก ซึ่งผู้ที่เผชิญปัญหาเหล่านี้ไม่ได้มีเพียงคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแต่เป็นทุกคนที่เข้ามาใช้พื้นที่ นั่นจึงกลายเป็นเพนพอยต์แรกของโครงการปรับปรุงอนุสาวรีย์ชัยฯ ครั้งใหญ่นี้

โครงการปรับภูมิทัศน์อนุสาวรีย์ชัยฯ วาระครบรอบ 84 ปี ของทางกรุงเทพมหานคร

เดินรถ

เนื่องด้วยอนุสาวรีย์ชัยฯ เป็นจุดที่มีรถเมล์ตัดผ่านมากที่สุดในกรุงเทพฯ ส่งผลให้รถเมล์กับอนุสาวรีย์ชัยฯ เป็นของคู่กัน ต่อให้ไม่ได้ขึ้นหรือลงรถที่สถานีนี้ เพียงแค่โฉบผ่านเข้ามาจะรับรู้ได้ทันทีว่าที่นี่เต็มไปด้วยความชุลมุนวุ่นวาย

ตั้งแต่ปัญหาการขึ้น-ลงรถ คนไม่เห็นรถ รถไม่เห็นคน ผู้คนที่วิ่งถลาตามรถที่ต้องทายใจว่าจะจอดส่วนไหนของศาลา คนที่ต้องเสี่ยงอันตรายเดินลงกลางถนนเพราะรถไม่จอดชิดริมแต่จอดที่เลนข้างนอก กลุ่มรถเมล์สายเดียวกันที่มาพร้อมๆ กัน บ้างจอดแช่ที่สถานีหรือจอดกันที่ ศาลารอรถทรุดโทรม ไม่เพียงพอต่อผู้คน ไม่มีจอแสดงเลขสายรถและเวลาที่จะเข้าสถานี บางเกาะที่มีสองเลเยอร์ทั้งเกาะในและเกาะลอยด้านนอก ทั้งที่รถจอดทั้งสองจุดแต่เกาะลอยกลับมีหลังคาไม่ทั่วถึง และไม่สามารถรองรับผู้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เราจึงเห็นคนยืนออจนล้นพื้นที่เกาะลอยโดยต้องตากแดดหรือกางร่มเสมอมา อีกทั้งทางม้าลายที่ไม่เพียงพอ ทำให้ผู้คนต้องคอยระวังรถเอง และใช้ชีวิตอยู่บนความเสี่ยงท่ามกลางฝูงรถที่เบียดเสียด

ปัญหาเหล่านี้หลอมรวมเป็นภาพจำครึ่งๆ กลางๆ หวานๆ ขมๆ ที่ทำให้คนอยากหลีกเลี่ยงการไปใช้งานพื้นที่ที่สถานีอนุสาวรีย์ชัยฯ เพราะรู้ว่าต้องพบความสับสนและความลำบากมากมาย แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนในเมืองก็มั่นใจว่า หากมาตั้งหลักที่สถานีนี้จะมีรถกลับออกไปทั่วทุกมุมเมืองแน่นอน

เดินบรรยากาศ

ฟังก์ชันใช้งานก็เรื่องหนึ่ง แต่เรื่องความสวยงามของดีไซน์ที่ไปด้วยกันก็มีส่วนส่งเสริมให้พื้นที่น่าใช้งาน ปัจจุบันเกาะแต่ละเกาะของอนุสาวรีย์ชัยฯ ขาดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นศาลารอรถ โทนสีที่ใช้ รวมถึงสิ่งก่อสร้างและสิ่งอำนวยความสะดวกที่บางเกาะมีแต่บางเกาะไม่มี หากมองในมุมระนาบจะเห็นได้ชัดว่า พื้นที่มีความอับทึบไม่โปร่งโล่ง มองไปชั้นแรกจะพบกับป้ายศาลา มองเลเยอร์ต่อไปสายตาจะตันเพราะชนกับพื้นที่การค้าเชิงพาณิชย์

แม้ว่าช่วงเริ่มต้นอนุสาวรีย์ชัยฯ จะมีพื้นที่โดยรอบเป็นท้องทุ่งที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้นานาชนิด แต่เนื่องด้วยการพัฒนาของเมืองและวันเวลาที่เปลี่ยนไป ทำให้นับวันพื้นที่สีเขียวและจำนวนต้นไม้ยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ ส่งผลให้อนุสาวรีย์ชัยฯ ไม่ค่อยมีร่มเงาจากต้นไม้ ขาดความมีชีวิตชีวา แม้พื้นที่แห่งนี้จะมีผู้คนมากมายหลากหลายช่วงวัยและเชื้อชาติหมุนเวียนเข้ามา เสมือนเป็นศูนย์กลางที่ไม่เคยหยุดนิ่ง แต่บรรยากาศของที่นี่กลับเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า เหี่ยวเฉา และอึมครึมจากความไม่สบายตา

03 | วาระปรับปรุง ครบรอบ 84 ปี แก้ปัญหาอย่างตรงจุด

โครงการปรับภูมิทัศน์อนุสาวรีย์ชัยฯ วาระครบรอบ 84 ปี ของทางกรุงเทพมหานคร

เนื่องในโอกาสครบรอบการเดินทาง 84 ปีของอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ในการเป็นศูนย์กลางขนส่งสาธารณะที่สำคัญ กรุงเทพมหานครจึงเล็งเห็นถึงวาระ ‘การปรับปรุง’ เพื่อให้ฟังก์ชันของจุดหมายแห่งการขนส่งอำนวยความสะดวกประชาชนได้ตรงจุดมากขึ้น

ความน่าสนใจของโครงการปรับปรุงอนุสาวรีย์ชัยฯ ครั้งนี้คือ การนำ ‘พฤติกรรมของผู้คน’ มาเป็นกรอบความคิดหลักในการแก้ปัญหา ทำให้การปรับปรุงแลนด์มาร์กของเมืองครั้งนี้เกิดจากการรวมพลังกันจากหลายภาคส่วน ทั้งภาคเอกชนและภาคประชาสังคม

ไม่ว่าจะเป็นฝั่งของดีไซน์ที่นำโดย ‘PAVA Architects’ และ ‘LANDPROCESS’ ซึ่งเป็นการร่วมมือระหว่างการออกแบบทั้งเชิงโครงสร้างและเชิงภูมิทัศน์ อีกทั้งยังมี ‘Urban Ally’ ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบชุมชนเมืองเข้ามาสมทบการวิเคราะห์ข้อมูลในส่วนพฤติกรรมการเดินทางและการใช้พื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯ เพื่อให้การออกแบบครอบคลุมปัญหาเดิมของพื้นที่ได้มากที่สุด

นอกจากการปรับปรุงให้อนุสาวรีย์ชัยฯ กลายเป็นพื้นที่สาธารณะที่มีประสิทธิภาพแล้ว กรุงเทพฯ ยังวางแผนที่จะจัดการบทบาทของอนุสาวรีย์ชัยฯ ในฐานะพื้นที่เปลี่ยนผ่านรถเมล์ให้มีคุณภาพมากขึ้นผ่านการจัดการ ‘เกาะ’ ซึ่งเป็นบริเวณรอรถโดยสาร รวมถึงปรับปรุงศาลารอรถเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการ

โดยมีกลุ่ม ‘คนรักษ์อนุสาวรีย์ชัย’ และ ‘คนรักรถเมล์’ เข้ามาช่วยเสริมทัพพร้อมประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องต่างๆ บริเวณพื้นที่ เช่น วินมอเตอร์ไซค์ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เป็นต้น เพื่อให้อนุสาวรีย์ชัยฯ โฉมใหม่ตอบโจทย์พฤติกรรมคน และเสริมบทบาทความเป็นศูนย์กลางของเมืองได้อย่างเต็มศักยภาพ

04 | เชื่อมต่อสกายวอล์กเป็นวงจร เดินได้ครบลูป

โครงการปรับภูมิทัศน์อนุสาวรีย์ชัยฯ วาระครบรอบ 84 ปี ของทางกรุงเทพมหานคร

ปัญหาหลักของพื้นที่ที่ตั้งต่อกันเป็นวงกลมอย่างอนุสาวรีย์ชัยฯ คือ การที่พื้นที่ไม่เชื่อมต่อหากัน แม้ปัจจุบันจะมีตัวกลางอย่างสกายวอล์กเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก แต่ทางเดินลอยฟ้ากลับยังไม่สามารถเดินเชื่อมต่อวนเป็นลูปได้ การจะสัญจรระหว่าง 4 เกาะหลักจึงจำเป็นต้องเดินบนสกายวอล์กและต่อด้วยทางเท้าบนถนนอีกที

โครงการ ‘ทางเดินลอยฟ้าราชวิถี’ เป็นหนึ่งในแผนงานหลักของการปรับปรุงครั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานทั้งในแง่ของเส้นทางที่วนครบลูป และการออกแบบที่เสริมสร้างภูมิทัศน์ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1) เชื่อมทางลอยฟ้าเดินต่อได้เป็นวงกลม

ความตั้งใจหลักของโครงการคือ การเชื่อมสกายวอล์กไปในฝั่งของบริเวณถนนราชวิถี เพื่อให้ประชาชนสัญจรเท้าจากช่วงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิไปฝั่งถนนราชวิถีได้ เพราะพื้นที่ฝั่งนั้นเป็นบริเวณที่มีความหนาแน่นของสถานที่สูง ประกอบด้วยโรงพยาบาลสำคัญหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และโรงพยาบาลรามาธิบดี นับระยะทางทั้งหมด 1.341 กิโลเมตร

อีกทั้งเป้าหมายการสร้างทางเชื่อมลอยฟ้าราชวิถีก็เพื่ออำนวยความสะดวกผู้คนให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะผู้ป่วยหรือผู้รับบริการของโรงพยาบาล เพราะเส้นทางสามารถขึ้นตรงเข้าไปภายในบริเวณโรงพยาบาลได้เลย รวมถึงขนาดของสกายวอล์กที่ออกแบบให้มีความกว้าง 4 เมตร เพียงพอให้รถพยาบาลขนาดเล็กวิ่งได้

นอกจากนั้น การก่อสร้างเส้นทางเชื่อมลอยฟ้ายังวางแผนมาไม่ให้ส่วนของเสาตั้งกีดขวางบริเวณทางเท้าเดิม โดยจะตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่เอกชนรอบข้างเสียส่วนใหญ่ รวมถึงเสริมฟังก์ชันการออกแบบให้เป็นมิตรกับทุกคน เพื่อให้ถูกต้องตามหลัก Universal Design เช่น การจัดทำทางลาดระหว่างพื้นถนนและทางเท้า หรือการเสริมลิฟต์เข้าไปเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานที่อยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้พิการ

2) ทางเดินมีหลังคา ประชาชนปลอดภัยไร้แดดและฝน

วาระปรับปรุงอีกหนึ่งข้อในครั้งนี้คือ การเสริมหลังคาบริเวณทางเชื่อมลอยฟ้าทั้งหมด เพื่อป้องกันแดดและฝนให้ประชาชน ซึ่งเป็นแนวทางที่หลายเมืองในประเทศเขตร้อนให้ความสำคัญ ยกตัวอย่าง สิงคโปร์และมาเลเซียที่พัฒนา ‘Covered Walkway’ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเชื่อมโยงการเดินเท้ากับระบบขนส่งสาธารณะและพื้นที่สำคัญของเมือง 

ด้วยความที่อนุสาวรีย์ชัยฯ เป็นพื้นที่เปิดโล่ง แดดส่องตลอดทั้งวัน หรือถ้าวันไหนฝนตก ผู้คนก็ต้องไปเบียดกันบริเวณหลังคาศาลารอรถที่ยื่นออกมา เนื่องจากโครงสร้างหลักที่มีหลังคาครอบคลุมมีจำนวนไม่เพียงพอความหนาแน่นของผู้คน

ทางเดินมีหลังคาจึงทำขึ้นให้คนเดินได้โดยที่ไม่เปียกฝน หรือในแง่ของผู้มาใช้บริการรถเมล์ก็ยืนรอรถในวันฝนตกได้สะดวกสบายขึ้น อีกทั้งขนาดหลังคาของทางเดินยังครอบคลุมไปถึงพื้นที่ทางเท้าด้านล่าง เป็นร่มเงาให้ผู้คนที่สัญจรไปมา

3) ปรับภูมิทัศน์อนุสาวรีย์ชัยฯ เพิ่มความสบายตาผ่านพื้นที่สีเขียว

ในการปรับปรุงอนุสาวรีย์ชัยฯ ครั้งนี้ พื้นที่สีเขียวจะไม่ได้มาในรูปแบบสวนแต่เป็นการเพิ่มต้นไม้ สร้างร่มเงาให้กับพื้นที่ในบริเวณที่ไม่สามารถจัดทำหลังคาได้ เพราะจุดประสงค์หลักของการปรับปรุงครั้งนี้คือ การทำให้พื้นที่ตอบโจทย์การใช้งานในแง่การเดินทางและการเชื่อมต่อมากที่สุด

ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะไม่พิถีพิถันในการเลือกสรรจัดการต้นไม้เลย เพราะมีการคัดเลือกพืชพันธุ์ชนิดที่เหมาะกับการปลูกในเมืองที่มีคนและยานพาหนะสัญจรไปมา รวมถึงมีคุณสมบัติที่ง่ายต่อการดูแลรักษาในอนาคต อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงครั้งนี้ยังเล็งเห็นถึงความสำคัญต่อการอนุรักษ์ต้นไม้เก่าในพื้นที่เดิมผ่านกระบวนการก่อสร้างที่พยายามคงต้นไม้เดิมให้ได้มากที่สุดด้วย

นอกเหนือจากการปรับสภาพแวดล้อมด้วยต้นไม้แล้ว พื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯ ทั้งลอยฟ้าและบนดินเองนั้นยังมีการคุมโทนสีของวัสดุ เพื่อให้ภาพรวมการออกแบบไปในทิศทางเดียวกันทว่าง่ายต่อการมองเห็น

05 | สังคายนาปัญหารถโดยสารสาธารณะ

เมื่อเชื่อมต่อการเดินทางให้สะดวกขึ้นแล้ว ขาต่อมาคือการอำนวยความสะดวกคนใช้รถโดยสารสาธารณะให้เกิดความสะดวกสบาย ปลอดภัย และได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดเมื่อมาขึ้นรถที่อนุสาวรีย์ชัยฯ

ด้วยภูมิสัณฐานของอนุสาวรีย์ชัยฯ เป็นเอกลักษณ์ที่หาได้ยากในพื้นที่อื่นๆ นั่นคือ การเป็นสถานที่ที่มีแลนด์มาร์กตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างถนนสายสำคัญต่างๆ มีขนส่งสาธารณะอย่างรถเมล์มากกว่า 50 สาย รถตู้ และรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งเป็นสายที่มีผู้โดยสารมากที่สุดของกรุงเทพฯ โคจรรอบอนุสรณ์สถานแห่งนี้ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิจึงเป็นจุดสานเมืองที่เชื่อมไปยังทุกหนทุกแห่งในกรุงเทพฯ ผู้คนจำนวนมากต่างมาที่แห่งนี้ด้วยวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการมาโรงพยาบาลและสถานที่สำคัญโดยรอบ หรือการต่อรถเดินทางไปยังจุดอื่น

โครงการปรับภูมิทัศน์อนุสาวรีย์ชัยฯ วาระครบรอบ 84 ปี ของทางกรุงเทพมหานคร

ทางกรุงเทพมหานครเล็งเห็นปัญหาที่เกิดขึ้น จึงสรุปแนวทางการแก้ไขปัญหาด้านการจราจรบนท้องถนนเป็น 2 แนวทางใหญ่ๆ ดังนี้

1) จัดระเบียบระบบจอดรถ

จัดกลุ่มสายรถเมล์ใหม่ให้เข้าใจง่ายและมีจุดจอดชัดเจน

ถ้าใครเคยมาขึ้นรถที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ต้องเคยประสบปัญหาเกี่ยวกับความสับสนมึนงงว่า รถที่ต้องการขึ้นอยู่ที่เกาะไหน จอดที่เกาะนอกหรือเกาะใน ครั้งนี้ทางกรุงเทพมหานครจัดการโละระบบเดิม แล้วจัดระเบียบเสียใหม่ด้วยการจัดจุดจอดตามปลายทาง จัดหมวดหมู่ให้ชัดเจน เพื่อทำให้ผู้ใช้งานเข้าใจได้ง่ายขึ้น อย่างเช่น ถ้าปลายทางที่จะไปสุดสายที่พระราม 9 ต้องไปขึ้นที่เกาะไหน และส่วนใดของศาลา เป็นต้น

วิธีนี้จะช่วยแก้ปัญหาการต้องวิ่งตามรถ เพราะไม่ต้องเดาใจคนขับอีกต่อไปว่ารถจะจอดตรงไหน เพียงแค่รถจอดตรงจุดชัดเจนตั้งแต่ต้น คนรอก็มีหน้าที่แค่ไปรอตรงจุดที่เตรียมไว้เท่านั้น

ใช้ระบบเกาะสองเลเยอร์ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด

หลังจากที่ทางทีมทำงานได้คุยกับกลุ่มคนรักรถเมล์ ได้ข้อคิดเห็นที่น่าสนใจว่า ถ้าสังเกตรูปทรงของแต่ละเกาะดีๆ จะพบว่า 3 ใน 4 เกาะ ได้แก่ เกาะดินแดง เกาะราชวิถี และเกาะพหลโยธิน มีลักษณะเป็นเกาะสองเลเยอร์ คือมีเกาะในและเกาะลอยด้านนอก แต่รถส่วนใหญ่มักจะจอดกันที่เกาะด้านในเท่านั้น ทำให้เกิดการกระจุกตัวรวมกันที่เลเยอร์เดียว

ดังนั้นแนวทางการแก้ปัญหาจึงเป็นไปในทิศทางการหยิบเอาภูมิสัณฐานความเป็นเกาะสองเลเยอร์มาใช้ให้เป็นประโยชน์ ด้วยการกำหนดให้รถเมล์ที่เป็นรถสายหลัก มีผู้ใช้งานจำนวนมาก คนต่อคิวยาว และจอดนานๆ เช่น รถสาย 515 เซ็นทรัลศาลายา-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หรือรถสาย 166 เมืองทองธานี/ปากเกร็ด/ศูนย์ราชการฯ-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จอดที่เกาะหลักด้านใน ส่วนเกาะลอยด้านนอกกำหนดไว้ให้รถเมล์ที่แวะรับ-ส่งผู้โดยสารชั่วครู่และผ่านไปเท่านั้น ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดการจอดแช่และปัญหารถติดได้

ขอความร่วมมือไม่จอดแช่

โดยปกติแล้วเลนในสุดของแต่ละเกาะจะจอดรถได้ประมาณ 5 – 6 คัน บางครั้งเมื่อสิ้นสุดไฟแดง มีรถมาพร้อมกัน 10 คัน หากมีรถจอดแช่อยู่จะทำให้รถคันที่เหลือจอดไม่ได้จนต้องจอดเลนนอก หากใครลองสังเกตจะพบว่า บางครั้งรถสายเดียวกันมาพร้อมกันและจอดต่อกันหลายคัน ซึ่งถ้าเกิดกรณีเช่นนี้แปลว่ารถในเส้นทางของสายนั้นขาด ดังนั้นรถสายนี้ควรจะออกตัวให้ไวที่สุด ไม่ควรจอดแช่ต่อกัน อันเป็นสาเหตุให้รถคันอื่นไม่มีพื้นที่จอดชิดเลนใน ซึ่งตรงนี้เองที่ทางกรุงเทพฯ จะไปประสานกับผู้ให้บริการรถเมล์ทุกเจ้า

นโยบาย ‘ขึ้นลงปลอดภัย ชิดซ้ายทุกคัน’

การที่คนต้องลงรถกลางถนน หรือเดินจากสถานีไปขึ้นรถที่จอดอยู่เลนนอก ส่งผลให้วิถีชีวิตปกติอย่างการใช้รถโดยสารสาธารณะเป็นเรื่องเสี่ยงอันตรายและเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีใครสมควรได้รับ

เมื่องัดแงะปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหานี้ หลักๆ วิเคราะห์ออกเป็นสองปัจจัย หนึ่งคือ การที่มีรถจอดแช่อยู่เลนชิดในจำนวนมาก ทำให้รถที่ต้องการจอดแวะรับ-ส่งผู้โดยสารไม่สามารถเข้าถึงเลนในได้ จึงมีความจำเป็นต้องจอดด้านนอกแทน สองคือ ความเคยชินและข้อปฏิบัติผิดๆ ที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งนอกจากฝั่งรถเมล์จะชินแล้ว ผู้โดยสารบางคนก็เคยชินกับความไม่ปกตินี้เช่นกัน กลายเป็นว่าหากรถที่จะขึ้นจอดอยู่ตรงไหนก็ต้องจำใจเดินเท้าลงถนนเพื่อไปให้ถึง ซึ่งความทุกข์ยากเช่นนี้ไม่ควรเป็นเรื่องปกติ และไม่ควรมีภาพเหล่านี้เกิดขึ้น

หากรถทุกคันมีข้อปฏิบัติที่ชัดเจนว่าต้องจอดรับ-ส่งผู้โดยสารชิดเลนในด้านซ้ายเท่านั้น ย่อมลดปัญหา ‘คนไม่เห็นรถ รถไม่เห็นคน’ ได้ เพราะถ้ารถยังคงจอดที่เลนนอก จะทำให้ผู้โดยสารไม่เห็นรถที่ผ่านไป หรือบางครั้งเห็นทันก็ต้องเดินไปขึ้นรถที่กลางถนนอยู่ดี และยิ่งรถบางสายที่ถ้าพลาดแล้วอาจพลาดเลยเพราะจำนวนรถน้อย ความถี่ต่ำ กว่าจะมาอีกทีก็ต้องใช้ความอดทนรอ และส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน จนทำให้วันนั้นเป็นวันที่แย่ไปเลย

2) รีโนเวตศาลารอรถ

แค่จัดระเบียบรถเมล์คงไม่เพียงพอที่จะทำให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด สถานีรอรถเองก็ควรมีการออกแบบที่ดีควบคู่ไปด้วยกัน

หากไปดูแนวศาลารอรถที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ในตอนนี้จะพบว่ามีประมาณ 5 หลังแยกจากกัน โดยมีลักษณะเป็นศาลาหนึ่งหลัง เว้นระยะเรียงกันไปเรื่อยๆ ทางกรุงเทพมหานครจึงเปลี่ยนรูปแบบใหม่ให้มีลักษณะเป็นแนวยาวเชื่อมกัน เพื่อเพิ่มความต่อเนื่องของหลังคา เพิ่มพื้นที่สำหรับผู้ใช้งาน และปรับรูปแบบศาลาให้เหมือนกันทุกเกาะเพื่อความเป็นโทนเดียวกัน

อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่จะมีการปรับทิศทางของเก้าอี้รอรถให้หันไปยังทิศที่รถจะมา เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารมองเห็นรถจากตำแหน่งไกลๆ โดยไม่ต้องชะเง้อหรือลุกจากที่นั่ง นอกจากนี้ยังมีการสร้างศาลารอรถรูปแบบดังกล่าวที่เกาะลอยด้านนอกด้วย เพื่อให้ผู้คนสะดวกสบายและไม่ต้องอดทนตากแดดตากฝนอีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม แนวทางการแก้ปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดระบบรถเมล์หรือการรีโนเวตศาลารอรถ ล้วนต้องขอความร่วมมือจากหลายภาคส่วนในการสร้างความเข้าใจและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน เพื่อทำให้วิถีชีวิตของผู้คนดีขึ้น ลดความทุกข์ยากที่เคยมี

06 | รับมือความเปลี่ยนแปลง

โครงการปรับภูมิทัศน์อนุสาวรีย์ชัยฯ วาระครบรอบ 84 ปี ของทางกรุงเทพมหานคร

แผนการปรับปรุงพื้นที่รอบอนุสาวรีย์ชัยฯ ครั้งนี้มีกำหนดเสร็จภายในปี 2569 ซึ่งตอนนี้เริ่มดำเนินขั้นตอนการก่อสร้างแล้ว หากใครได้แวะเวียนไปแถวอนุสาวรีย์ชัยฯ หรือเป็นผู้ใช้บริการเองจะเห็นว่าตอนนี้ทางกรุงเทพฯ ได้มีการปิดพื้นที่บางส่วนเพื่อทำการก่อสร้าง

ในระหว่างนี้ทางกรุงเทพมหานครพยายามอำนวยความสะดวกประชาชนในช่วงก่อสร้างให้ได้มากที่สุด ด้วยการปิดพื้นที่ตามแนวสกายวอล์ก แต่ส่วนของการปรับปรุงพื้นที่เกาะในการเดินทาง แม้จำเป็นต้องปิดทั้งเกาะแต่จะสลับกันไประหว่างเกาะนอกและเกาะใน ขณะเดียวกัน ตำแหน่งในป้ายรอรถเมล์ก็อาจต้องมีการย้ายตำแหน่งสลับกันไปมาเล็กน้อย จึงจำเป็นต้องประสานงานกับผู้บริการรถเมล์เพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงเกาะอนุสาวรีย์ชัยฯ ในช่วงแรกครอบคลุมเพียงฝั่งราชวิถีและพหลโยธิน ขณะที่เกาะพญาไทและดินแดงยังอยู่ระหว่างการพิจารณางบประมาณ และล่าสุดเงินทุนก้อนสุดท้ายสำหรับโครงการปรับปรุงอนุสาวรีย์ชัยฯ ในช่วงครึ่งหลังกลับถูกพิจารณาตัดตกจากสภากรุงเทพมหานครในขั้นตอนของอนุกรรมการ ส่งผลให้การดำเนินการแผนพัฒนาล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้

นับเป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับประชาชนและผู้ใช้บริการอนุสาวรีย์ชัยฯ ไม่น้อย หากวาระนี้ไม่สามารถดำเนินไปจนถึงเป้าหมายได้ เพราะโครงการปรับปรุงครั้งนี้นับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อเมือง และยังเป็นการแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด

ดังนั้นการเดินหน้าโครงการปรับปรุงอนุสาวรีย์ชัยฯ ให้แล้วเสร็จอย่างครอบคลุม จึงไม่ใช่เพียงการยกระดับภูมิทัศน์เมือง แต่เป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในเมืองด้วยปัจจัยสำคัญอย่างขนส่งสาธารณะในชีวิตประจำวัน

โครงการปรับภูมิทัศน์อนุสาวรีย์ชัยฯ วาระครบรอบ 84 ปี ของทางกรุงเทพมหานคร

Sources :
Bangkok Open Policy | tinyurl.com/4tvd374s
Museum Siam | tinyurl.com/34nz59z5
PostToday | tinyurl.com/ss45we39
Prachachat | tinyurl.com/4kjwvb55
Terrabkk | tinyurl.com/3uuu8dn5, tinyurl.com/2a8pe333

Writer

Writer

Graphic Designer

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.