ยินดีต้อนรับเข้าสู่เดือนธันวาคม เดือนสุดท้ายของปี 2568 ปีนี้เป็นปีที่ดีของทุกคนไหม
ใกล้จะสิ้นปีแล้ว Urban Creature อยากชวนทุกคนมาใช้เวลาช่วงเดือนสุดท้ายของปีแบบนี้ ทบทวนและให้เวลากับตัวเองในการพูดคุยถึงเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา เพื่อที่เราจะได้ค้นพบความต้องการที่แท้จริงในใจ
ก่อนอื่นลองมาตั้งเป้าหมายง่ายๆ ให้ปีหน้าเป็นปีที่ดีและ ‘Live a Better Look’ หรือมีลุคที่ดีกว่าเดิม โดยลุคที่ดีในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแค่เสื้อผ้าหน้าผม แต่คือภาพรวมที่เปล่งประกายมาจากข้างใน อันได้แก่ การมีสุขภาพกายดี อารมณ์แจ่มใส และความมั่นใจที่มาจากการใช้ชีวิตที่สอดคล้องกับคุณค่าของตัวเอง
ทั้งหมดนี้คือหัวใจของปรัชญา Live a Better Look ที่เราอยากชวนมาค้นหาไปพร้อมๆ กันผ่าน 4 วิธีการง่ายๆ ที่จะช่วยยกระดับชีวิตคุณในปีหน้า
Shift Perception ปรับมุมมองชีวิต เติมเต็มทั้งภายในและภายนอก

เรามักเห็นคำถามบนโลกอินเทอร์เน็ตอยู่เสมอว่า การจะมีลุคที่ดีขึ้นได้นั้นต้องเกิดจากภายในที่มีความสุขหรือภายนอกที่ดูดีก่อน
และคำตอบก็เริ่มจากอะไรง่ายๆ อย่างการ ‘Shift Perception’ หรือปรับมุมมองใหม่ว่า ความสวยงามและความมั่นใจที่ยั่งยืนนั้นไม่ใช่การเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่คือการสร้างสมดุลที่ดีระหว่างภายในและภายนอก โดยเติมจิตใจให้เต็มควบคู่ไปกับการมีรูปลักษณ์ภายนอกที่เราภาคภูมิใจ เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น
การเดินทางสู่ภายใน : เริ่มต้นค้นหา Inner Self
ก่อนที่เราจะรู้ว่าอยากดูดีแบบไหน การรู้จักตนเองและเข้าใจตนเองอย่างแท้จริงเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะในยุคนี้ที่มีสิ่งเร้าภายนอกมากมาย ทำให้การค้นหา Inner Self ไม่ใช่เรื่องง่าย
วิธีการกลับมาเชื่อมต่อกับตนเองอีกครั้ง อาจเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยกิจกรรมที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ช่วยให้เราสงบนิ่ง ได้ยินเสียงตัวเอง และรับรู้ความนึกคิดในปัจจุบันขณะได้ชัดเจนขึ้น
ยกตัวอย่าง การเดินในเมืองคนเดียว (Solo City Walk) เราอยากชวนให้ทุกคนลองเดินสำรวจย่านที่ไม่คุ้นเคยโดยไม่มีเป้าหมาย ปล่อยให้สายตาและประสาทสัมผัสได้ทำงาน สังเกตผู้คน ตึกรามบ้านช่อง และแสงแดด การอยู่กับตัวเองในสภาพแวดล้อมที่เคลื่อนไหวช่วยให้เราเรียนรู้ที่จะสังเกตสิ่งรอบตัว พร้อมกับตกตะกอนความคิดได้ดี และใช้เวลาอยู่กับตัวเองได้อย่างแท้จริง
อีกกิจกรรมคือ ลองอยู่กับความเบื่อบ้าง (Embrace Boredom) ในยุคที่มือถืออยู่ใกล้ตัวตลอดเวลา เราแทบไม่เคยเบื่อเลย แต่ลองวางมือถือลง ปิดหน้าจอ และอนุญาตให้ตัวเอง ‘เบื่อ’ สัก 10 นาที ความเบื่อนี่เองคือประตูบานแรกที่เปิดทางให้สมองได้พัก และเป็นจุดเริ่มต้นของความคิดสร้างสรรค์และการทบทวนตัวเองในแบบที่ไม่ต้องมีเสียงใครมาชักจูงหรือแนะนำ
การสะท้อนสู่ภายนอก : ใช้หัตถการดูแลจิตใจ
เมื่อรากฐานภายในมั่นคงและเข้าใจตนเองอย่างถ่องแท้แล้ว การปรับรูปลักษณ์ภายนอกจะไม่ใช่เรื่องที่ห่างไกลตัวอีกต่อไป เพราะมันคือการแสดงความเคารพต่อร่างกาย และเลือกภาพลักษณ์ที่สอดคล้องกับตัวตนภายใน
โดยวิธีการเสริมสร้างความมั่นใจด้วยการดูแลภาพลักษณ์ร่วมด้วย มีตั้งแต่การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ดี การแต่งกายที่ทำให้เรารู้สึกมั่นใจ หรือแม้แต่การเลือกใช้หัตถการทางการแพทย์ (Aesthetic Treatments) ที่ล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องมือช่วยให้ภายนอกของเราสะท้อนความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อตัวเอง
ก่อนหน้านี้มีนักวิจัยจาก ‘Skaggs School of Pharmacy and Pharmaceutical Sciences’ แห่ง ‘University of California San Diego’ พบข้อมูลจาก ‘องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)’ ว่า คนที่ฉีดโบทูลินั่ม ท็อกซินในตำแหน่งต่างๆ ที่ไม่ใช่แค่หน้าผากมีภาวะซึมเศร้าลดน้อยลงมากกว่า 22 – 72 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับกลุ่มผู้ป่วยอาการเดียวกันที่ใช้การรักษาคนละรูปแบบ
รวมถึงจากสมมติฐานการสะท้อนกลับของใบหน้า (Facial Feedback Hypothesis)
ทฤษฎีนี้ถูกนำเสนอมาอย่างยาวนาน (ตั้งแต่ยุคของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน) และได้รับการศึกษาอย่างจริงจังในยุคปัจจุบัน โดยมีหลักการว่า ‘ไม่ใช่แค่ความรู้สึกที่ทำให้เราแสดงสีหน้า แต่การแสดงสีหน้าก็สามารถกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกนั้นๆ ได้เช่นกัน’
ลองนึกภาพว่า เมื่อเครียด กังวล หรือโกรธ เราจะ ‘ขมวดคิ้ว’ โดยอัตโนมัติ กล้ามเนื้อบริเวณหว่างคิ้วที่เรียกว่า Glabellar จะส่งสัญญาณป้อนกลับไปยังสมองส่วนที่รับรู้อารมณ์ และตอกย้ำว่าเรากำลังเครียด มันจึงกลายเป็นวงจรของความเครียดซ้ำไปซ้ำมาแบบไม่รู้ตัว
ด้วยเหตุนี้ โบทูลินั่ม ท็อกซินไม่เพียงช่วยลดริ้วรอย แต่ยังส่งผลโดยตรงต่ออารมณ์และความรู้สึกภายในอีกด้วย ดังเช่นที่กล่าวไปในช่วงต้นว่า สมดุลที่ดีต้องเกิดขึ้นระหว่างภายในและภายนอกถึงจะช่วยสร้างรูปลักษณ์ที่ดีนั่นเอง
ฉะนั้นแล้ว ลองมาปรับมุมมองกันดูไหมว่า การดูแลตัวเองไม่ใช่การเลือกหรือแยกดูแลระหว่างภายในกับภายนอก แต่คือการใช้เวลาอยู่กับตัวเองเพื่อค้นหา Inner Self ช่วยให้เราตั้งเป้าหมายชีวิตได้ชัดเจน และการตั้งใจดูแล Outer Self ด้วยหัตถการที่ปลอดภัย เหมาะสมกับตัวเอง หรือการแต่งตัวในแบบที่มั่นใจ เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยสนับสนุนให้เราดูดีขึ้นอย่างรอบด้าน
Holistic Self-Care ดูแลตนเองให้ดีอย่างรอบด้าน

หลังจากปรับมุมมองให้ร่างกายสมดุลอย่างดูดีแล้ว พาร์ตถัดไปที่ถ้าทำได้จะดีต่อตัวเราในระยะยาวคือ การดูแลตัวเองในมุมที่กว้างกว่าเดิมกับกิจกรรมต่างๆ ที่ไม่เพียงซ่อมแซมร่างกายที่เหนื่อยล้า แต่คือการดูแลองค์รวม (Holistic Self-Care) ที่มองว่าร่างกาย จิตใจ สังคม และภาพลักษณ์ภายนอกทำงานเชื่อมโยงกันเป็นหนึ่งเดียว การจะมีชีวิตและสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนจึงไม่ควรละเลยสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป
หมั่นดูแลสุขภาพกาย (Physical Well-being)
– กินดี (Eat Well) ไม่ใช่การอดอาหาร แต่เลือกสิ่งที่เติมพลังให้ร่างกาย ลดอาหารแปรรูป เติมสารอาหารที่มีคุณภาพ เพื่อให้สมองและร่างกายทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
– นอนดี (Sleep Well) คนเมืองมักยืมเวลาจากการนอนมาทำงานหรือไถหน้าจอ แต่การนอนคือช่วงเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมตัวเองและรีเซตสมองอย่างแท้จริง การนอนไม่พอ (น้อยกว่า 7 – 8 ชั่วโมง) เชื่อมโยงโดยตรงกับความเครียด ภูมิคุ้มกันต่ำ และการตัดสินใจที่แย่ลง
– ออกกำลังกาย (Move Well) ร่างกายมนุษย์ถูกออกแบบมาให้เคลื่อนไหว การออกกำลังกายสม่ำเสมอไม่เพียงทำให้ร่างกายแข็งแรง แต่ยังหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) ซึ่งเป็นสารเคมีในสมองที่ช่วยลดความเจ็บปวดและสร้างความสุขโดยธรรมชาติ
พาตัวเองออกไปเจอผู้คน (Social Connection)
ปัจจุบันกิจกรรมทางสังคมของชาวเมืองขยายตัวไปไกลกว่าการสังสรรค์หลังเลิกงานหรืออยู่ในพื้นที่จำเจแล้ว เพราะกลุ่ม Run Club หรือ Sport-social Club (คลับปั่นจักรยาน แบดมินตัน หรือบอร์ดเกม) กลายเป็นพื้นที่สำคัญที่เข้ามาช่วยเสริมอีกมุมของชีวิตคนเมือง
กิจกรรมเหล่านี้ช่วยสร้างเสริมสุขภาพกาย และยังสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง (Sense of Belonging) จากการได้พบปะผู้คนที่มีความสนใจคล้ายกัน ช่วยลดความรู้สึกโดดเดี่ยว และทำให้เราเจออะไรใหม่ๆ
เสริมภาพลักษณ์และความมั่นใจ (Appearance & Confidence)
อีกส่วนที่ขาดไม่ได้คือ รูปลักษณ์ภายนอก (Appearance) ที่สะท้อนการดูแลตัวเองจากภายใน และยังส่งผลย้อนกลับไปเสริมสร้างความมั่นใจได้อย่างมหาศาล
– การดูแลขั้นพื้นฐาน เริ่มต้นง่ายๆ จากการดูแลผิวพรรณให้สะอาด สุขภาพดี แต่งตัวให้เหมาะสมกับตัวเอง
– การเลือกทำหัตถการที่เหมาะสม เพราะในยุคปัจจุบันเทคโนโลยีความงามและหัตถการทางการแพทย์ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่เป็นเครื่องมือหนึ่งในการดูแลตัวเอง โดยใช้ในแง่การแก้ไขจุดบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการลดริ้วรอย การเติมความชุ่มชื้นให้ผิว หรือความไม่มั่นใจต่างๆ บนใบหน้าให้เราพึงพอใจมากขึ้น ภายใต้เงื่อนไขการเลือกหัตถการและผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย อยู่กับเราในระยะยาวได้เป็นอย่างดี
Prioritize Safety เพราะความปลอดภัยคือเรื่องสำคัญ

เมื่อพูดถึงการมีลุคที่ดีขึ้น เรามักนึกถึงความสำเร็จ สุขภาพที่ดี หรือความสุขทางใจ แต่องค์ประกอบหลักที่มักถูกมองข้ามคือ ความปลอดภัย (Safety)
ความปลอดภัยในที่นี้ไม่ใช่แค่การห่างจากอันตรายต่างๆ แต่คือความปลอดภัยในทุกมิติ ตั้งแต่สภาพแวดล้อมที่เราอาศัยอยู่ ไปจนถึงผลิตภัณฑ์หรือสินค้าที่ต้องเลือกใช้ให้ปลอดภัยต่อตัวเอง
ความปลอดภัยของเมืองและสภาพแวดล้อมที่เราวางใจ
คุณภาพชีวิตของเราผูกพันโดยตรงกับสภาพแวดล้อมที่ใช้ชีวิตทุกวัน การอาศัยในเมืองที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยพื้นฐาน ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชีวิตดีขึ้นได้
– ทางเท้าที่ปลอดภัย (Safe Walkability) โครงสร้างพื้นฐานนี้ต้องไม่ใช่แค่เดินได้ แต่ต้องเดินดี ด้วยพื้นที่เรียบ กว้างขวาง มีแสงสว่างเพียงพอ และปลอดภัยจากอาชญากรรม อีกทั้งยังมีดีไซน์ที่ส่งเสริมให้ผู้คนออกมาเดิน ซึ่งเป็นกิจกรรมทางกายที่ง่ายและดีที่สุด ช่วยลดความเครียด และสร้างปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
– การจัดการขยะและมลพิษ (Safe Environment) ระบบการจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย ช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค ลดปัญหาสัตว์พาหะ และลดมลพิษทางกลิ่นและน้ำ ซึ่งการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สะอาดส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี
– ระบบสุขภาพที่ดี (Good Healthcare System) แทบจะเป็นความปลอดภัยที่สำคัญที่สุดของชีวิต การที่รู้ว่าเมื่อเจ็บป่วยหรือเกิดเหตุฉุกเฉิน เราจะเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีมาตรฐานได้ทันท่วงที ช่วยขจัดความกังวลและความเครียดซึ่งเป็นส่วนสำคัญของความมั่นคงในชีวิตไปได้
Prioritize Safety เพราะความปลอดภัยคือเรื่องสำคัญ

ความปลอดภัยจากการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีและเหมาะกับตัวเรา
นอกจากการพึ่งพาระบบของเมืองแล้ว การเลือกสิ่งที่ปลอดภัยให้กับตัวเองในระดับบุคคลก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในยุคที่การดูแลตัวเองเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน
เมื่อพูดถึงการดูแลรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ว่าจะเป็นการใช้ผลิตภัณฑ์หรือการทำหัตถการความงาม ความปลอดภัยต้องมาก่อนความสวยงามเสมอ เพราะผลลัพธ์ที่ดีต้องมาพร้อมความปลอดภัยในระยะยาว เราจึงขอแนะนำตัวอย่างเช็กลิสต์ให้ทุกคนดูดีได้อย่างปลอดภัย ดังนี้
Checklist : เลือกหัตถการความงามอย่างไรให้ปลอดภัยด้วยหลักการ ‘Prioritize Safety’ ที่ทุกคนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจ
1. เลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรอง (Check the Product)
– อย. ไทย (Thai FDA) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา คือด่านแรกที่การันตีว่าผลิตภัณฑ์นั้น (ไม่ว่าจะเป็นยา เช่น โบทูลินั่ม ท็อกซินหรือเครื่องมือแพทย์ เช่น ฟิลเลอร์ เลเซอร์) ได้รับอนุญาตให้นำเข้าและใช้ในประเทศไทยอย่างถูกกฎหมาย สามารถตรวจสอบเลขทะเบียน อย.ได้
– U.S. FDA องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา การที่ผลิตภัณฑ์ผ่านการรับรองจาก U.S. FDA (เช่น U.S. FDA Approved) หมายความว่า ผลิตภัณฑ์ได้ผ่านการประเมินด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ตามมาตรฐานที่กำหนดโดย FDA ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีหน้าที่ควบคุมอาหาร ยา เครื่องมือแพทย์ และผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่น ๆ
2. เลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ (Check the Doctor)
– ตรวจสอบใบอนุญาต แพทย์ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยสามารถตรวจสอบชื่อ-นามสกุล ของแพทย์ได้ที่เว็บไซต์ของแพทยสภา (The Medical Council of Thailand)
– เลือกแพทย์เฉพาะทาง ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกแพทย์ที่ผ่านการอบรมเฉพาะทางด้านผิวหนัง (Dermatologist) หรือศัลยกรรมตกแต่ง (Plastic Surgeon) ซึ่งมีความเข้าใจในกายวิภาค (Anatomy) และการจัดการภาวะแทรกซ้อนอย่างลึกซึ้ง
3. เลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน (Check the Clinic)
– ต้องเป็น ‘สถานพยาบาล’ คลินิกที่ถูกต้องตามกฎหมาย ต้องได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมักต้องแสดงใบอนุญาตนี้ไว้ในที่ที่เห็นได้ชัดเจน
– ความสะอาดและเครื่องมือ สังเกตมาตรฐานความสะอาดโดยรวม และการมีเครื่องมือแพทย์ที่จำเป็นและทันสมัย รวมถึงอุปกรณ์ช่วยชีวิตฉุกเฉิน
– ถ้ามีผลิตภัณฑ์หรือสนใจในหัตถการใด เข้าไปที่เว็บไซต์ของผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์เพื่อตรวจสอบสถานพยาบาลที่มีผลิตภัณฑ์ที่เราไว้วางใจ www.merzaesthetics.co.th/search-result
Shift Behavior ทิ้งนิสัยไม่ดีไว้ปีนี้ เริ่มต้นใหม่ในปีหน้า

ช่วงสิ้นปีถือเป็นช่วงเวลาที่ดีในการทบทวนอดีตและวางแผนเพื่ออนาคต เราหลายคนตั้งปณิธานปีใหม่ (New Year’s Resolutions) แต่บ่อยครั้งที่มันล้มเหลวภายในไม่กี่เดือน อาจเป็นเพราะเรามุ่งเน้นที่ผลลัพธ์ปลายทางมากเกินไป จนลืมปรับพฤติกรรมซึ่งเป็นเส้นทางสู่ความสำเร็จ
ปีนี้เราอยากชวนทุกคนมาตั้งเป้าหมายใหม่ พร้อมๆ กับทิ้งนิสัยไม่ดีที่ฉุดรั้งเราไว้ และเปลี่ยนพฤติกรรม โดยหันมาเน้นความยั่งยืนและผลลัพธ์ในระยะยาว เพื่อเตรียมเข้าสู่ปีต่อไปอย่างแข็งแรงทั้งกาย ใจ และการใช้ชีวิต
ทบทวนและ ‘ทิ้ง’ นิสัยที่ไม่ดี
ก่อนจะเติมสิ่งใหม่ เราต้องเคลียร์อะไรเก่าๆ ที่ไม่ดีออกไปก่อน เพื่อให้ใจเราว่าง พร้อมรับสิ่งดีๆ ในปีถัดไป โดยลองลดเลิกนิสัยที่เป็นกับดักทำให้เราย่ำอยู่กับที่
– การผัดวันประกันพรุ่ง พฤติกรรม ‘เดี๋ยวก่อน’ ที่ดูเหมือนไม่ร้ายแรง แต่กลับสร้างความเครียดสะสมมหาศาล (Chronic Stress) และบั่นทอนประสิทธิภาพของเรา
– การด่วนตัดสินใจ การตัดสินใจที่รวดเร็วเกินไปโดยขาดข้อมูลหรือการไตร่ตรอง มักนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่ดี โดยเฉพาะการใช้จ่าย
– การซื้อของฟุ่มเฟือย อย่างการซื้อของเพื่อตอบสนองอารมณ์ชั่ววูบ โดยเฉพาะในยุคที่ทุกอย่างหาซื้อง่าย พฤติกรรมนี้นอกจากจะกระทบสถานะการเงิน ยังสร้างขยะและไม่ยั่งยืน
เปลี่ยนโฟกัสจากผลลัพธ์ชั่วครู่ สู่ความยั่งยืนระยะยาว
หลังจากลดละเลิกนิสัยที่ไม่ดีได้แล้ว ลองมาปรับให้เกิดพฤติกรรมที่ดีต่อตัวเราอย่างการเปลี่ยนเป้าหมายจากการมองแค่ ‘ผลลัพธ์ระยะสั้น’ (เช่น ความพอใจทันทีหรือการตามเทรนด์) ไปสู่ ‘ความยั่งยืนและผลลัพธ์ระยะยาว’ (Sustainability & Long-term Value)
สิ่งนี้ใช้ได้กับทุกมิติของชีวิต ตั้งแต่การทำงานไปจนถึงการบริโภค ตั้งแต่เหล่าเสื้อผ้า Fast Fashion ที่บางทีเรามักซื้อเสื้อผ้าตามกระแสเพราะราคาถูกและดูทันสมัย แต่ผลลัพธ์คือเสื้อผ้าคุณภาพต่ำที่ใส่ได้ไม่กี่ครั้ง และสร้างปัญหาสิ่งแวดล้อมมหาศาล มาเป็นการค่อยๆ เลือกซื้อเสื้อผ้าเท่าที่จำเป็น และเป็นเสื้อผ้าที่ใส่ได้นานแต่อาจมีราคาสูงกว่า ไปจนถึงการเลือกผลิตภัณฑ์เพื่อความสวยความงามที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย และเน้นผลลัพธ์ระยะยาวมากกว่าผลลัพธ์ที่เป็นกระแสเพียงชั่วครู่ยาม
Sources :
EBSCO | bit.ly/3JM9P4I
Euronews | tinyurl.com/mrxxk23h
Harvard Business Review | tinyurl.com/2cgkkxel
Loving Life | tinyurl.com/27npvh2b
Mind And Body Works | tinyurl.com/2c64arsw
Psychology Today | tinyurl.com/y2baytad
RAW Adventures | bit.ly/4hTtTyq
The101.world | tinyurl.com/2598hpnx
UN-Habitat | bit.ly/3LyrJZf
World Bank Group | tinyurl.com/y9b2xeeb