ปัญหาสุขภาพร่างกายเป็นปัญหาที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่จะดีกว่าไหมถ้าหากเราสามารถศึกษาร่างกายตัวเองจนสามารถจับสิ่งผิดปกติในร่างกายตั้งแต่แรก รวมไปถึงไขความลับพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ทั้งภายในและภายนอกของร่างกายผ่านศาสตร์ที่เรียกว่า ‘ชี่กง’
มาลองฟังคลังความรู้และทัศนคติเกี่ยวกับชี่กงกับ ‘อาจารย์ หยาง เผยเซิน’ ประธานกิตติมศักดิ์ตลอดชีพของมูลนิธิพลังชี่กง อุปนายกและหัวหน้าชี่กง สมาคมแพทย์จีนในประเทศไทยไปพร้อมกัน
“ผมเป็นคนจีนเกิดที่เฉาโจว (แต้จิ๋ว) แล้วเรียนหนังสือกับเรียนแพทย์จีนเรียนฝังเข็มที่กวางโจวหลังจากนั้นก็เปิดคลินิกส่วนตัวสอนชี่กงสอนฝังเข็มที่จีน”
“ตั้งแต่ผมยังเด็กผมชอบศึกษานั่งสมาธิของศาสนาพุทธผมมีโอกาสได้ไปเรียนกับพระอาจารย์อยู่ท่านหนึ่งสอนผมนั่งสมาธิสอนผมสวดมนต์หลังจากนั้นก็มีเรื่องชี่กงฝึกจิตฝึกจินตนาการทั้งนี้จะเรียกว่าฝึกพลังจิต”
อาจารย์ หยาง เผยเซินเล่าถึงก้าวแรกที่ได้มาเดินบนเส้นทางนี้
“หลังจากนั้นผมอายุประมาณสิบกว่าก็ได้เรียนกับอาจารย์อีกท่านหนึ่งที่ประเทศจีนเขาจะมีเปิดเป็นกีฬาออกกำลังกายตอนนั้นก็รู้สึกชอบมากเพราะว่ามันจะเกี่ยวกับกำลังภายในฝึกแล้วส่งพลังลมปราณออกมาได้แถมยังมีไปรักษาคนอื่น”
“เห็นอย่างนี้แล้วก็ชอบต่อไปทำเป็นอาชีพได้เลยฝึกฝึกเยอะมากฝึกกับอาจารย์มามากว่า 20 คนแล้วหลังจากนั้นก็ไปเรียนแพทย์จีนฝังเข็มอาศัยวิธีนี้มาเป็นอาชีพ”
ทำไมผู้มีความรู้ความสามารถในแบบฉบับวัฒนธรรมจีนถึงมาอยู่ในประเทศไทย ?
อ.หยาง : เคยไปรักษาคนไข้ท่านหนึ่ง เป็นอัมพาตอยู่ที่เฉาโจว ก็ไปรักษา ปรากฏว่ามีพัฒนาการที่ดีขึ้นชัดเจน ก็ถูกใจ แกมีพี่สาวอาศัยอยู่ที่ประเทศไทย ก็เลยชวนอาจารย์มาที่ไทย ตอนนั้นปีค.ศ. 1995 รักษาคนไข้อยู่ประมาณครึ่งปีก็มีนายกสมาคมมาชวนผมไปสอนชี่กง ปัจจุบันมีร้อยกว่ารุ่นแล้ว ทุกวันนี้ยังมีสอนอยู่ สอนมาหลายที่เลย ตามมหาลัยก็มี จุฬาฯ เชียงใหม่ สงขลา กองทัพบก กระทรวงสาธารณสุข
ผมอยู่ประเทศไทยมา 20 กว่าปี ทำเป็นอาชีพ ไม่ใช่สมัครเล่น มีเปิดโรงเรียน มีจดทะเบียนบริษัท ผมกล้ารับรองเลยว่า เรื่องชี่กง ที่นี่เป็นอันดับหนึ่งของเมืองไทย
ความหมายที่แท้จริงของชี่กงคืออะไร ?
อ.หยาง : “ชี่กง” แปลว่า การออกกำลังกายด้วยการกำหนดลมหายใจและการฝึกจิตเข้าด้วยกัน ถ้าแยกเป็นความหมายของแต่ละคำ
“ชี่ (气) หมายถึง พลังงาน หรือ ลมหายใจ คนจีนโบราณเชื่อว่า ชี่ เป็น พลังจุลภาคที่เล็กที่สุดและเป็นส่วนประกอบสำคัญของวัตถุทั้งมวลในจักรวาล รวมทั้งในร่างกายมนุษย์และสรรพสิ่งต่างๆ ในโลกด้วย ส่วน กง (功) หมายถึงวิธีการฝึก การเคลื่อนไหว”
ปัจจัยสำคัญในการฝึกชี่กงมีอะไรบ้าง ?
อ.หยาง : ปัจจัยหลักมี 3 อย่างคือ ท่าทาง การหายใจ และ จิต จิตสำคัญที่สุด สามอย่างต้องพร้อมกัน รวมกันเป็นหนึ่งจึงนับเป็นชี่กง
ท่าทาง ใช้มือ ใช้ขา เคลื่อนไหวทำให้พลังวิ่งและทำให้สุขภาพดี เพราะเลือดหมุนเวียนดี ขับลม
การหายใจ จะมีหลายวิธีแตกต่างกันไป แต่หลักๆ คือการกำหนดลมหายใจ ไม่ใช่หายใจธรรมดา รวมไปถึงการออกเสียงในขณะที่ปฏิบัติด้วย เพราะใช้ความถี่ในการออกเสียงขณะหายใจเข้าไปสำรวจอวัยวะภายใน
จิต จิตจะเป็นการศึกษาพลังของตัวเองรวมไปถึงพลังของทุกสรรพสิ่งด้วย เช่น ต้นไม้ก็มีพลังของต้นไม้ หินก็มีพลังของมัน ทะเลก็มีพลัง แล้วใช้พลังเหล่านี้เข้ามาในร่างกายของเรา
แสดงว่าชี่กงสามารถดึงพลังจากทุกสรรพสิ่งมาใช้ได้ ?
อ.หยาง : ได้แน่นอน ร่างกายต้องมีพลัง แต่ละวันเราต้องสูญเสียพลังให้กับการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ทำงานก็เสียพลัง ทำนู่นนั่นก็เสียพลัง เหมือนขับรถต้องเสียน้ำมันนั่นแหละ เพราะฉะนั้นก็ต้องเติมน้ำมันเข้าไป
แล้วเติมพลังให้ร่างกายอย่างไร ?
อ.หยาง : มาจากการกิน หายใจ และการพักผ่อน ซึ่งบางครั้งอาจจะไม่พอ ชี่กงจึงเป็นอีกวิธีที่สามารถดึงพลังจากสรรพสิ่งมาได้ แต่จะให้บอกว่าต้องทำอย่างไรก็คงต้องฝึก เริ่มต้นจากศึกษาตัวเองก่อน รู้จักสติก่อน รู้จักตัวเองดีมากเท่าไหร่ก็จะมองสิ่งต่างๆ ชัดขึ้น แล้วจะเห็นพลังเอง
ระดับของชี่กงแบ่งตามอะไร ?
อ.หยาง : แบ่งกันที่จิตของคน ยกตัวอย่างง่ายๆ สมมุติว่าเป็นเงิน ทำไมบางคนรายได้สูงบางคนรายได้ต่ำ บางคนได้เป็นแสน บางคนได้หลักหมื่น ความต่างกันมันอยู่ที่จิต จิตไม่เท่ากัน เหมือนผมจ้างคนมาสองคน คนนี้ให้หนึ่งหมื่น อีกคนได้หนึ่งแสน ไม่ใช่ว่าทำงานแรงเยอะหรือทำงานเยอะกว่านะ แต่เป็นเพราะพลังจิต พลังจิตมันมีเป็นชั้นๆ พลังจิตต่ำก็จะคิดได้ในกรอบแค่นั้น มองเห็นแต่อย่างนั้น สูงกว่านี้จะมองไม่เห็น แต่พลังจิตสูงก็จะมองกว้างกว่านี้ ชัดกว่านี้
มีวิธีเพิ่มพลังจิตไหม ?
อ.หยาง : มี ฝึกชี่กง ฝึกพลัง 神(shen) ฝึกทีละชั้นๆ มีคำพูดอยู่ว่า
“ฝึกพลังจิตเพิ่มหนึ่งชั้นรายได้เพิ่มหนึ่งเท่า”
ต้องไปทีละชั้นๆ นะ (หัวเราะ) ค่อยๆ ทะลุขึ้นไป ทะลุจากจิตก่อนแล้วจะเข้าใจว่าคบหาสมาคมกับผู้ที่มีจิตสูงกว่าเรา จะพาจิตเราสูงขึ้นไปด้วย เพราะเราจะเห็นวิธีคิด วิธีพูด แนวทางการใช้ชีวิตของเขา
ฝึกจิตค่อยๆ สูงขึ้น ยิ่งมองเห็น มองไกล แถมจะทำให้ใจถึงด้วย เพราะมั่นใจว่าทำได้ เพราะเห็นภาพชัด ระดับที่สูงที่สุดก็คือนิพพาน
แสดงว่าชี่กงสามารถเชื่อมโยงกับศาสนาหรือศาสตร์อื่นๆได้เช่นกัน ?
อ.หยาง : ได้แน่นอน เพราะชี่กงสามารถแบ่งเป็น ชี่กงของศาสนาพุทธ ชี่กงเต๋า ชี่กงแพทย์ ชี่กงกำลังภายใน ฝึกไม่เหมือนกันด้วย มีชี่กงศาสนาพุทธทางทิเบตก็จะเป็นเรื่อง 7 จักระ ชี่กงจากวัดเส้าหลินก็จะเป็นคัมภีร์เรื่องเส้นเอ็น ส่งพลังลมปราณ ส่วนชี่กงเต๋าก็จะเป็นเส้นประสาท ใช้ลมปราณกับตัวเอง
จุดเริ่มของชี่กงกับการแพทย์คือเมื่อไหร่ ?
อ.หยาง: สมัยก่อน โบราณเลยเนี่ย ยังไม่มีแพทย์จีน ไม่มียา เขาใช้ชี่กงรักษากัน เขาจะเรียกกัน ถ้าแปลเป็นภาษาไทยให้เข้าใจง่ายหน่อยแต่ความหมายไม่ตรง 100% ก็เรียกกันว่า หมอผี พอมีคนป่วยหมอก็จะสวดมนต์ ทำนี่ทำนู่น บางคนก็หาย บางคนก็ไม่หาย (หัวเราะ) กลุ่มนี้แหละคือต้นตำหรับ แล้วสุดท้ายกลุ่มๆ นี่แหละก็พัฒนาเป็นแพทย์เมืองจีน
ชี่กงกับการแพทย์ปัจจุบันเป็นอย่างไร ?
อ.หยาง : ก็จะเป็นเรื่องรักษาโรค โดยการฝังเข็ม ใส่พลังลมปราณเข้าไปด้วย ทางนี้จะมีปัญหาเยอะมากเลย หลายๆ อย่างที่ถ่ายทอดจากโบราณเสียหายไปแล้ว ยกตัวอย่างเรื่องฝังเข็ม ลื้อต้องนั่งสมาธิ รู้ว่าจุดต่างๆ อยู่ตรงไหน แต่เดี๋ยวนี้ก็ไม่รู้กัน จำกันมาแต่ว่าอาจารย์บอกอยู่ตรงนี้ๆ ก็จำกันแค่นั้นมา ซึ่งทฤษฎีว่าจุดอยู่ไหน ก็ยังไม่มีใครรู้แบบแน่ชัด นอกจากต้องฝังเข็มลงไป ถ้าถูกจุดนี่เหมือนไฟฟ้าวิ่งเลยนะ แต่ถ้าไม่ถูกจุดก็เจ็บ (หัวเราะ)
ชี่กงกับศาสตร์ป้องกันตัว ?
อ.หยาง : จะเป็นทางไทเก๊ก ไทเก๊กเป็นหนึ่งในศาสตร์ที่ใช้ชี่กง มวยไทเก๊กจะแบ่งเป็นสองกลุ่ม คือ 90% จะไว้ออกกำลังกาย ไม่ใช่มวย และมีไม่ถึง 5% เป็นมวยไทเก๊ก แต่มองจากภายนอกเหมือนกันหมด ท่าเหมือนกัน อีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นมวยจะมีกำลังภายใน มีลมปราณ ต่อสู้ได้ ส่วนไทเก๊กไว้ออกกำลังกายก็พัฒนามาเป็นกีฬา มีการแข่งขัน แข่งท่าสวยอะไรประมาณนี้
“ชี่กงสามารถฝึกได้ทุกคน ยิ่งฝึกตั้งแต่เด็กได้ยิ่งดีเลย คนพิการก็ฝึกได้ แต่สำหรับคนมีอายุก็ต้องฝึกเยอะหน่อย เพราะมีเวลาน้อยและสุขภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน”
แสดงว่าชี่กงเหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่สุด ?
อ.หยาง : หลายๆ คนทั้งเมืองไทย เมืองจีนเนี่ย เข้าใจผิดว่าชี่กงเป็นของคนแก่ ฝึกเพราะเห็นคนแก่ฝึกเยอะ จริงๆ แล้วใครฝึกก็ได้ แต่ที่เห็นผู้สูงอายุฝึกเยอะ เพราะร่างกายขาดพลัง เลยใช้ชี่กงรักษาตัวเองโดยฝึกจิต หรือ จิตใต้สำนึก ง่ายๆ คือฝึกสมาธินั่นแหละ
บทบาทของฉี่กงกับสังคมปัจจุบัน ?
อ.หยาง : ถ้าของเมืองจีนจะมีกรมชี่กงเพื่อสุขภาพมาตั้งแต่ปีค.ศ. 2003 ทำหลักสูตรออกมาเผยแพร่ทุกมหาวิทยาลัย ให้ทุกเมืองต้องมีที่สอน เป็นโครงการที่รัฐบาลสนับสนุนมา แล้วผลักดันเป็นกีฬาแข่งขันในประเทศ ทำให้เผยแพร่ได้กว้างมาก และผลักดันไปได้ถึง 63 ประเทศ สำหรับในประเทศไทยผมก็พยายามเผยแพร่อยู่นะ (หัวเราะ) ซึ่งภาครัฐก็พอมีสนับสนุนบ้าง มีออกทีวี เชิญไปสอน ไปพูดอะไรประมาณนี้
“ชี่กง” นับว่าเป็นแพทย์ทางเลือกอีกแขนงหนึ่งที่มีความน่าสนใจและน่าเรียนรู้เป็นอย่างมาก เพราะสามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกเพศ ทุกวัย หรือแม้กระทั่งผู้พิการ การเรียนรู้ศึกษาตัวเองให้เข้าใจถือเป็นก้าวแรกที่ดีที่จะค้นพบเรื่องอัศจรรย์หลายต่อหลายอย่าง จิตที่สงบ และแน่วแน่สามารถนำพาตัวเราไปอยู่จุดต่างๆ ที่ไม่เคยพบเคยเจอ
“พลัง” ที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในร่างกาย จิตใจ ร่วมไปถึงธรรมชาติสามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้มากมายจนสุดที่จะคณานับ คุณเองก็สามารถเริ่มต้นลองได้ง่ายๆ โดยการนั่งสมาธิ กำหนดลมหายใจ แล้วจิตวิญญาณของคุณจะนำพาไปเอง