ไม่แปลกใจที่ ‘พระโขนง’ จะเป็นย่านที่ใครหลายคนตกหลุมรัก และอยากฝากชีวิตมาอยู่ในย่านแห่งนี้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
พระโขนงคือย่านในฝั่งสุขุมวิทที่รองรับการขยายตัวต่อมาจากย่านทองหล่อ เอกมัย เพราะเป็นย่านที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ย่านนี้จึงโดดเด่นด้วยไลฟ์สไตล์ทั้งเก่าและใหม่ที่อยู่ร่วมกันอย่างงดงาม
ในห้วงเวลาที่พระโขนงยังรายล้อมด้วยเรือกสวนไร่นา แม่น้ำลำคลอง พระโขนงคือชุมชนของชาวบ้านที่อยู่อาศัยอย่างเรียบง่ายกับสายน้ำ และเป็นตัวเลือกของคนเมืองที่อยากหลีกหนีความจอแจ มาใช้ชีวิตภายใต้บรรยากาศธรรมชาติอันร่มรื่น สงบเงียบ
กาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไป พระโขนงเปลี่ยนโฉมเป็นศูนย์กลางการค้าของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก ย่านคึกคักด้วยห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ และตึกแถวที่วางเรียงรายสุดลูกหูลูกตา จนเดินหน้าสู่การเป็นย่านที่ชาวต่างชาตินิยมมาอยู่อาศัย หลั่งไหลต่อเนื่องมาจากทองหล่อและเอกมัย ซึ่งแขกบ้านแขกเมืองใหม่ๆ ก็ช่วยแต่งเติมสีสันให้กับย่านพระโขนงได้เป็นอย่างดี
ถึงย่านพระโขนงจะเปลี่ยนไปตามเวลา แต่มนตร์เสน่ห์จากแต่ละยุคแต่ละสมัยยังหลงเหลือให้เห็นอย่างครบครัน ทั้งบรรยากาศอันเรียบง่ายของชุมชนริมน้ำ ตลาดสดที่พ่อค้าหอบผลผลิตสดใหม่ การตั้งแผงค้าขายตามตึกแถว และวิถีชีวิตเหล่านี้ ผสมผสานเข้ากันกับพระโขนงยุคใหม่ได้อย่างลงตัว
คอลัมน์ Neighboroot เลยอยากชวนทุกคนไปลัดเลาะในย่านพระโขนง ออกไปค้นพบเสน่ห์หลากยุคสมัยของย่านที่ยังคงงดงามไม่เปลี่ยนไป จนมัดใจผู้คนเอาไว้ได้ไม่เปลี่ยนแปลง
ชุมชนเกาะกลาง ชุมชนกลางเกาะกับวิถีชีวิตเรียบง่าย เคียงคู่สายน้ำ
แม้เบื้องหน้าจะเป็นสะพานพระโขนงที่รถวิ่งว่อนทั้งวัน ข้างๆ คือทางด่วนที่ยกตัวสูง รถจอแจหนาแน่น แต่ในชุมชนเกาะกลาง บรรยากาศกลับเป็นไปอย่างแช่มช้า นิ่งงัน คงเป็นเพราะชุมชนตั้งอยู่บนเกาะที่ขนาบข้างด้วยสายน้ำ เป็นปราการธรรมชาติที่ลดทอนความวุ่นวายของโลกภายนอก
เรารออยู่บนฝั่งใต้ทางด่วนไม่นาน ป้าอิ๋ว-จุไรรัตน์ เครือพิมาย ก็เดินออกมาต้อนรับด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และพาเราขึ้นเรือข้ามฝั่งไปยังเกาะกลาง
ชุมชนเกาะกลางเป็นชุมชนอายุหลายร้อยปีที่อยู่บนเกาะขนาดเล็กจ้อยเพียง 3 ไร่กว่าๆ ป้าอิ๋วย้ายเข้ามาอยู่บนเกาะขนาดเล็กแห่งนี้ช่วงปี 40 ตามสามีที่เป็นคนชุมชนดั้งเดิม หลังอยู่ที่นี่จนกลายเป็นคนที่นี่ไปแล้ว ป้าอิ๋วก็เข้ามาช่วยงานชุมชนและจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนเกาะกลาง ส่งเสริมให้คนในชุมชนผลิตสินค้าโดยใช้ของที่หาได้ง่ายในครัวเรือน เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติมในครอบครัว
แม้จะเป็นช่วงเวลาสายๆ ของวัน แต่แสงแดดส่องมาอย่างร้อนแรงเหลือเกิน ป้าอิ๋วจึงพาไปหลบร้อนที่บ้านของป้า และเราก็เจอกับ ‘ป้าแดง-เจริญศิริ เอี่ยมวัฒนเจริญ’ แม่สามีของป้าอิ๋ว ที่มาย้อนระลึกถึงเกาะกลางในวันวานให้ฟัง
“แต่ก่อนรอบข้างนี้เป็นท้องนาไปหมด คลองจะกว้างกว่านี้ เรือข้าว เรือน้ำตาลจะออกจากคลองไปแม่น้ำเจ้าพระยาได้” ป้าแดงเล่า
“ตรงประตูน้ำแต่ก่อนชาวสวนเอาผักเอาอ้อยมาขาย ไม่ได้มีขายเยอะเป็นตลาดแต่มีคนมาค้าขายบ้าง ส่วนที่เกาะกลางแต่ก่อนเป็นพื้นที่สวน มีท้องร่อง บ้านคนไม่เยอะหรอก เวลาต้นไม้ออกผลก็เก็บไว้กินบ้าง ขายบ้าง พอแต่ละบ้านมีลูกมีหลานก็ปลูกกระต๊อบต่อๆ กัน กลายเป็นชุมชน”
แม้ตอนป้าอิ๋วย้ายมาอยู่เกาะกลาง เธอจะไม่ได้ใช้ชีวิตแนบแน่นสายน้ำเช่นป้าแดง แต่ป้าอิ๋วก็รักสายน้ำที่โอบล้อมบ้านของเธอไม่ต่างกับผู้อาวุโสในชุมชน เมื่อป้าอิ๋วริเริ่มโครงการวิสาหกิจชุมชน เธอจึงตอบปัญหาขยะในแม่น้ำลำคลอง และปัญหาสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ด้วยการชวนชาวบ้านนำขยะมาแปรรูปเป็นงานหัตถกรรม เช่น ตะกร้าสาน สอนเรื่องการจัดการขยะและการทำปุ๋ยอินทรีย์ น้ำหมักชีวภาพ
ต่อมาพอเห็นว่าคนในชุมชนมีปัญหาหนี้สินในครัวเรือน ป้าอิ๋วเลยชวนชาวบ้านต่อยอดสร้างผลิตภัณฑ์จากของในครัวเรือนเพื่อลดรายจ่ายและสร้างรายได้เสริม ป้าอิ๋วหอบหิ้วผลิตภัณฑ์มาให้เราดูเป็นยกใหญ่ ตั้งแต่สบู่ แชมพู ยาดม ยาหม่อง
“เราส่งเสริมให้คนหาต้นทุนของเขาที่อยู่ในพื้นที่ ให้นำกลับมาใช้อย่างมีคุณค่าโดยที่เราไม่ต้องทิ้ง ใช้ให้มีประโยชน์มากที่สุด แล้วทำให้ครัวเรือนตั้งตัวกันเองได้” ป้าอิ๋วบอก
ถึงทุกวันนี้คนเกาะกลางจะไม่ได้แนบแน่นกับสายน้ำเท่าแต่ก่อน แต่จังหวะชีวิตของคนในเกาะกลางยังดำเนินไปอย่างเรียบง่ายเหมือนวันวาน โดยมีวิสาหกิจชุมชนเกาะกลางเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ขับเคลื่อนให้ชุมชนเรียบง่ายและน่าอยู่เช่นเคย
‘ตลาดแสงทิพย์-ตลาดพระโขนง’ (อดีต) ศูนย์กลางความศิวิไลซ์ของชาวกรุงเทพฯ ตะวันออก
หลังจากร่ำลากับชุมชนเกาะกลางอันเงียบสงบ เราก็เดินทางมาพบชีวิตที่ไม่หยุดนิ่งของผู้คนที่ตลาดแสงทิพย์และตลาดพระโขนง
ตลาดแสงทิพย์และตลาดพระโขนงคือเวิ้งที่อยู่ติดถนนสุขุมวิท ช่วงหลายสิบปีก่อนที่รุ่งเรืองถึงขีดสุด ที่แห่งนี้เคยขึ้นแท่นเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและศูนย์กลางความเจริญของกรุงเทพฯ ตะวันออก หากใครอยากมาจับจ่ายซื้อของสด อยาก CF เสื้อผ้า หรือมาดูหนังให้จุใจ ก็ต้องแวะมาที่นี่
“สมัย พ.ศ. 2525 ป้าอยู่ลาดกระบัง เวลาอยากดูหนัง อยากซื้อเสื้อผ้า ก็ต้องนั่งสองแถวมาที่นี่” ป้าปอง-สมปอง พูลเพิ่ม แม่ค้าที่อยู่ในพื้นที่มายาวนานย้อนความหลังให้เราฟัง “สมัยสามสิบปีก่อน ที่นี่กำลังบูม”
ถึงบรรดาโรงหนังและห้างสรรพสินค้าที่เคยอยู่ในย่านนี้จะปิดตัวไป เหลือเพียงป้ายบิลบอร์ดเก่าๆ แต่ย่านนี้ยังคงความคึกคักไม่ต่างจากอดีต ตึกแถวในย่านแน่นขนัดด้วยร้านค้า ร้านเสื้อผ้า และร้านอาหารราคาย่อมเยา ตามตรอกซอกซอยเต็มไปด้วยผู้คนที่เดินเข้าออกขวักไขว่ไม่ขาดสาย ซึ่งไม่ได้มีแค่คนไทย เพราะมีคนสัญชาติอื่นหมุนเวียนให้เห็นเป็นระยะๆ
พอเดินมาถึงละแวกขายของสด ภาพที่เห็นคือพ่อค้าแม่ขายที่นำเนื้อหมู เนื้อปลา และพืชผักมาตั้งแผงขายหน้าห้องแถวตัวเองหรือใต้อาคารตลาดขนาดยาวอันสูงโปร่ง แม้บรรยากาศตลาดสดอย่างนี้จะยังมีให้เห็นทั่วไปในกรุงเทพฯ แต่ในย่านสุขุมวิทตอนกลางที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ ภาพอย่างนี้กลับไม่หลงเหลือให้เห็นอีกแล้ว นี่จึงเป็นเสน่ห์ของย่านพระโขนงที่ยังคงบรรยากาศของตลาดสดให้เห็นควบคู่กับคอนโดฯ และตึกสูงที่เกิดขึ้น
“เดี๋ยวนี้ต่างจากแต่ก่อน เมื่อก่อนคนขายเป็นชาวบ้านที่เก็บของจากสวนตัวเองมาขาย ไม่ว่ามะม่วงเอย ผักบุ้ง ปลูกตามสวนแล้วเอากระด้งมาวาดตามถาด” ป้าปองเสริม “แต่เดี๋ยวนี้คนขายเป็นคนละแวกนี้บ้าง คนต่างจังหวัดบ้าง ที่ไปรับของตามคลองเตย ตลาดไท ถึงตอนนี้วิถีชีวิตจะเปลี่ยนไป แต่แถวนี้ยังคงเป็นตลาดสดอยู่”
‘ข้าวต้มกระดูกหมู สุขุมวิท 71’ ร้านอาหารเจ้าเก่าประจำย่าน ที่มัดใจชาวพระโขนงด้วยน้ำซุปเข้มข้นและเครื่องที่ถึงใจ
ย่านค้าขายที่คึกคัก ย่อมมีร้านอาหารดีร้านอาหารเด็ดเกิดขึ้นตามมาเป็นเรื่องปกติ ‘ข้าวต้มกระดูกหมู สุขุมวิท 71’ คือร้านข้าวต้มที่อยู่คู่กับพระโขนงมากว่า 50 ปี ตั้งแต่ตอนที่ย่านเฟื่องฟูขั้นสุด ร้านข้าวต้มเริ่มจากการขายบนรถเข็นแถวซอยปรีดี พนมยงค์ 1 บริเวณโรงหนังฮอลิเดย์สมัยก่อน แล้วจึงเติบโตมาอยู่ตึกแถวสามห้องระหว่างซอยปรีดี พนมยงค์ 14 กับ 16 บนถนนสุขุมวิท 71
แน่นอนว่าของดีประจำร้านก็ต้องเป็นข้าวต้มกระดูกหมูตามชื่อร้าน
‘พี่เจี๊ยบ-ไปรยา ทัตพลธนากูล’ บอกเล่าเคล็ดลับที่ทำให้ข้าวต้มกระดูกหมูที่นี่เด็ดดวงไม่เหมือนที่อื่น
“ข้าวต้มกระดูกหมูที่นี่ต่างจากที่อื่นคือน้ำจะข้นและหวานจากกระดูกหมู ในหม้อมีกระดูกหมูเยอะมาก ความหวานของน้ำมาจากกระดูกหมู พี่ไม่ใส่น้ำตาลเลย
“เราต้มข้าวทั้งคืนแต่ข้าวไม่เละเป็นโจ๊ก เนื้อข้าวต้มยังเป็นเม็ดๆ อยู่ เราใช้ข้าวสารต้มพร้อมไปกับน้ำข้าวต้มกระดูกหมูเลย เม็ดข้าวจะดูดน้ำในน้ำซุปข้าวไป รสชาติเลยเป็นเอกลักษณ์”
แต่ข้าวต้มกระดูกหมูไม่ใช่ของเด็ดเพียงอย่างเดียว เพราะร้านภูมิใจนำเสนอข้าวต้มห้าสหายที่อัดแน่นด้วยห้าท็อปปิงคุณภาพ นั่นคือ กระดูกหมู หมูเด้ง หมูกรอบ บะเต็ง และกระเพาะหมูที่ล้างทำความสะอาดอย่างดีจนไม่มีความคาวเหลือ เมื่อนำมากินคู่กับกับข้าวแสนอร่อยอย่างเช่น ผัดผักบุ้งหรือผัดหอยลาย ก็ยิ่งฟินเข้าไปใหญ่ เผลอแป๊บเดียวเราก็โซ้ยอาหารไปจนหมดจาน
‘Karo Coffee Roasters’
เพราะพระโขนงเปี่ยมไปด้วยสีสันและเสน่ห์อันเหลือล้น ชาวต่างชาติที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาอยู่ในไทยหลายคนจึงเลือกพระโขนงเป็นบ้านของพวกเขา
คาโร อิยาช (Karo Iyash) ก็เป็นหนึ่งในนั้น
คาโร อิยาช เป็นลูกครึ่งศรีลังกา-มัลดีฟส์ ที่ตกหลุมรักเข้ากับความอบอุ่นของซอยปรีดี พนมยงค์ 26 เขาจึงเลือกอยู่อาศัยที่นี่ และเปิดร้านกาแฟของตัวเองในชื่อ ‘Karo Coffee Roasters’
“Welcome to the neighborhood.” คาโรกล่าวต้อนรับลูกค้าที่เข้ามาในร้านพร้อมใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ร้านกาแฟตกแต่งในบรรยากาศดิบเท่ โครงสร้างเปลือยให้เห็นผิวคอนกรีตอย่างตรงไปตรงมา แต่ขณะเดียวกันก็อบอุ่นด้วยวัสดุไม้ที่โต๊ะ เคาน์เตอร์ และหยอดความสนุกสนานซาบซ่าด้วยกราฟิกสีส้มจี๊ดจ๊าดตามโปสเตอร์และสินค้าเล็กๆ น้อยๆ
ผู้คนที่นั่งอยู่ในร้านมีหลากหลายสัญชาติ เห็นจากหน้าตา และได้ยินจากภาษาที่ไม่ได้มีแค่ไทยกับอังกฤษ แต่ละคนอยู่ในอิริยาบถผ่อนคลาย บ้างก็จับกลุ่มพูดคุยกัน บ้างก็นั่งทำงานอย่างสบายอารมณ์
“เราไม่ได้เป็นแค่ร้านกาแฟ แต่เราตั้งใจเป็นพื้นที่สร้างคอมมูนิตี้” คาโรเล่าถึงความตั้งใจพร้อมใบหน้าที่ฉีกยิ้มไม่หยุด “เราอยากให้ทุกคนได้เป็นตัวของตัวเองที่นี่”
ความเจ๋งของร้านมีมากกว่าบรรยากาศที่แสนเป็นกันเอง เพราะอาหารและเครื่องดื่มของร้านก็อร่อยถูกปากมากทีเดียว
คาโรยกกาแฟ Espresso มาเสิร์ฟให้กับเรา กาแฟมีรสชาติฟรุตตี้ เป็นเอกลักษณ์ที่เกิดจากการนำเมล็ดกาแฟไทย 2 สายพันธุ์พิเศษมาเบลนด์เข้าด้วยกัน เกิดเป็นสูตรเบลนด์พิเศษที่ชื่อ Fearless
นอกจากกาแฟรสชาติดี คาโรก็นำเมนูอร่อยๆ อีกสามอย่างมาให้เราลิ้มลองคือ ‘Kubano’ แซนด์วิชที่ทำจากแป้ง Sourdough โฮมเมดอันหอมกรุ่น และยัดไส้ในด้วยเบคอน พริกจาลาเปญโญ (Jalapeño) และเชดด้าชีส ‘Homemade Cinnamon Roll’ ขนมรสชาติหวาน หอมมัน ที่ใช้ซินนามอนจากศรีลังกา และ ‘Giant Banana Bread’ ขนมปังกล้วยหอมเนื้อนุ่มแน่น
เพราะอาหารเครื่องดื่มเป็นใจ บรรยากาศเป็นมิตร ถึงว่าคนในร้านจึงนั่งอ้อยอิ่งกันเพลินเหมือนเป็นห้องนั่งเล่นในบ้านของตัวเอง
เติมความครีเอทีฟให้ชีวิตกับ ‘Xspace’ แกลเลอรีที่เปิดกว้างความสร้างสรรค์
ใครว่าย่านพระโขนงมีดีแค่บรรยากาศชุมชนดั้งเดิม ร้านอาหารอร่อยๆ และคอมมูนิตี้ของผู้คนที่เป็นมิตร
เพราะที่นี่ยังมีพื้นที่สำหรับคนโหยหาไอเดียสร้างสรรค์ และอยากปล่อยใจไปกับงานศิลปะเช่นกัน
Xspace คือแกลเลอรีที่ก่อตั้งโดย Wurkon แบรนด์นำเข้าเฟอร์นิเจอร์ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2015 จากความรักในงานศิลปะและงานดีไซน์ของ แนน สิริมาดา, หนู สุทธิลักษณ์ และ ป๊อบ-ปิยะศักดิ์ ศุภองค์ประภา สามพี่น้องผู้บริหาร Wurkon และ ภานุ บุญพิพัฒนาพงศ์ ผู้ดูแลด้านมีเดียที่ช่วยถ่ายทอดความรู้เรื่องศิลปะและดีไซน์ลงเพจ ‘Wurkon’ มาอย่างยาวนาน Wurkon จึงพลิกโฉมโกดังเก่าของตัวเองให้เป็นสเปซจุดบรรจบของงานดีไซน์ งานศิลปะ และนี่เลยเป็นที่มาของการขึ้นชื่อโครงการด้วยตัว X เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนจุดตัดความสร้างสรรค์
ถึงจะเดินทางเข้ามาลึกหน่อย เพราะแกลเลอรีอยู่ที่ท้ายซอยปรีดี พนมยงค์ 14 แต่การเดินทางครั้งนี้ก็คุ้มค่า เพราะภายในตึกแกลเลอรีใหญ่โต 7 ชั้น มีสเปซอันใหญ่โตโอ่โถงที่มาพร้อมนิทรรศการศิลปะคุณภาพ ให้เราเดินเสพ ละเมียดความงามจนลืมความเหนื่อย นอกจากนั้นแล้ว ในตึกยังมีโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ที่สอดแทรกงานศิลปะเข้าไปอย่างกลมกลืน แนบเนียน สมกับความตั้งใจของ Xspace ที่วางตัวเป็นพื้นที่ของความสร้างสรรค์
แม้จะไม่ได้มีหัวทางศิลปะ แต่ด้วยบรรยากาศของแกลเลอรีที่ออกแบบมาเป็นกันเอง สบายๆ แกลเลอรีแห่งนี้ก็พร้อมต้อนรับทุกคนให้มาปลดล็อกไอเดียสร้างสรรค์ พร้อมรับแรงบันดาลใจกลับบ้านไปเต็มๆ
ใช้ชีวิตท่ามกลางมนตร์เสน่ห์ของพระโขนง ที่ IDEO สุขุมวิท-พระราม 4
พอได้ตระเวนไปทั่วย่านพระโขนง ก็ต้องบอกว่าเราตกหลุมรักย่านนี้เข้าแล้วอย่างจัง เพราะส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างวิถีชีวิตเก่าแก่เรียบง่ายและความคึกคักทันสมัย
และถ้าอยากมาลงหลักปักฐานอยู่ในย่านนี้ เพื่อสัมผัสชีพจรของพระโขนงให้ลึกซึ้งกว่าเดิม คอนโดมิเนียม IDEO สุขุมวิท-พระราม 4 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากทีเดียว
IDEO สุขุมวิท-พระราม 4 ตั้งอยู่ห่างจาก BTS สถานีพระโขนงเพียง 350 เมตรเท่านั้น แถมสามารถเดินลัดจากโครงการไปตามซอยสุขุมวิท 46 ไปยังบีทีเอสโดยไม่ต้องข้ามถนนใหญ่ให้หวาดเสียว ใกล้ๆ กับคอนโดฯ ก็มีโครงการคอมมูนิตี้มอลล์อย่าง Summer Hill และ Naiipa Art Space ที่สามารถเดินเท้าไปได้ง่ายๆ เพื่อหาอะไรกินเล่นให้อิ่มท้อง หรือนั่งชิลรับบรรยากาศที่สดชื่น
คอนโดฯ ที่นี่ยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย มีห้องให้เลือกตั้งแต่ห้องสตูดิโอไปจนถึงห้อง 3 Bedroom พร้อมด้วยพื้นที่ส่วนกลางสุดพิเศษ ที่เหมา Floor ชั้น 6 ทั้งชั้น มีทั้งพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ และ Fitness ที่เปิดให้ใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง
คงจะดีไม่น้อย ถ้าได้ใช้ชีวิตในย่านที่เปี่ยมด้วยมนตร์เสน่ห์ และในคอนโดมิเนียมที่เติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยให้สมบูรณ์แบบ
หากอยากตื่นเช้ามาตกหลุมรักย่านพระโขนง ที่น่าหลงใหล ไม่เคยเปลี่ยน ไปทุกวัน ลงทะเบียนโครงการ IDEO สุขุมวิท-พระราม 4 ได้แล้วที่ https://anan.ly/3RViEKi