ปัจจุบันองค์ประกอบของการมองหาผลิตภัณฑ์ความงามสักแบรนด์ แค่ใช้แล้วผิวรอดผมสวยคงไม่พอ แต่ต้องพาโลกของเรารอดไปพร้อมๆ กันด้วย
ทุกวันนี้คนไทยอาจคุ้นหูกับคำว่า ‘Zero Carbon’ ที่หมายถึงการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์กันมากขึ้นผ่านงานประชุมใหญ่อย่าง COP26 และ COP27 ที่ผ่านมา
แต่ใครจะรู้ว่า คำว่า Zero Carbon ที่พูดถึงกันไม่ใช่แค่ภาพใหญ่ที่ขับเคลื่อนเฉพาะภายในภาครัฐหรือองค์กรขนาดใหญ่เท่านั้น เพราะสำหรับวงการผลิตภัณฑ์ความงามเองก็มีหลากหลายแบรนด์ที่พยายามทำผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระหว่างการผลิตให้ได้มากที่สุดเพื่อช่วยโลกของเรา
คอลัมน์ Sgreen ขอพาไปรู้จักกับ ‘O’right’ แบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามจากประเทศไต้หวันที่มีส่วนผสมเป็นออร์แกนิกและวีแกนแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ แถมยังได้รับการรับรองว่าเป็นแบรนด์แรกที่ Zero Carbon ตั้งแต่ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงกิจกรรม CSR
แนวคิด ‘สีเขียว’
O’right เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและความงามสัญชาติไต้หวันที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2002 โดยมีจุดมุ่งหมายในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพของผู้คน และดีต่อสุขภาพของโลกไปพร้อมๆ กัน ผ่านผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสารเคมี
‘Steven Ko’ ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง O’right มีความตั้งใจในการเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันของทุกคนให้เป็นมิตรกับโลกมากขึ้น โดยเขามองว่าสิ่งที่จะช่วยลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ และเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันได้คือ การมุ่งไปสู่การเป็น Zero Carbon นั่นเอง
ปณิธานนี้สะท้อนตั้งแต่ในโลโก้ของแบรนด์ O’right ที่ตัว ‘O’ ถูกระบายด้วยสีเขียว เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นในการสร้างผลิตภัณฑ์ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในขณะที่คำว่า ‘right’ ยังสื่อถึงการอุทิศตนในการทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อโลกของเรา
เมื่ออ่านรวมกันจะได้เป็น O’right ที่มาจากสองความหมายรวมกัน ได้แก่ ‘All Right’ และ ‘Zero Right’ ซึ่งเป็นการเน้นย้ำอีกทางหนึ่งว่าแบรนด์จะก้าวขึ้นสู่การเป็น Zero Carbon
ความตั้งใจนั้นนำมาสู่ความสำเร็จในปี 2011 กับการที่แบรนด์เปิดตัวแชมพู Zero Carbon จนกลายเป็นบริษัทความงามแบรนด์แรกของโลกที่ได้รับการรับรอง Zero Carbon โดย SGS (General Society of Surveillance) ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการทดสอบคุณภาพและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ โดยเทียบกับมาตรฐานด้านสุขอนามัย ความปลอดภัย และข้อบังคับต่างๆ ตามข้อกำหนดจากรัฐบาล
รวมถึงการได้รับเชิญเข้าร่วมงาน UN 2021 World Biodiversity Summit (COP15) และได้รับการประกาศให้เป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการสำหรับการประชุมสุดยอด UN 2021 World Climate Summit (COP26) ในเวลาต่อมา
วัตถุดิบ ‘สีเขียว’
ไม่ใช่แค่แนวคิดของแบรนด์ที่รักษ์โลก แต่วัตถุดิบทั้งหมดก็เป็นออร์แกนิกและวีแกนแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ปราศจากกลูเตนซึ่งเป็นสารก่อภูมิแพ้ทั่วไป และไม่ได้มาจากพืช GMO หรือสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมด้วย
นอกเหนือจากนั้น ผู้ใช้งานยังมั่นใจได้ตั้งแต่กระบวนการคัดเลือกวัตถุดิบทางการเกษตรที่มีส่วนช่วยเหลือเกษตรกรผ่านการรับซื้อผลผลิตเหลือทิ้ง ตามความตั้งใจที่ไม่ใช่แค่ดีกับผู้บริโภค แต่ต้องได้ช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่และเพิ่มมูลค่าทรัพยากรธรรมชาติของโลกในทางหนึ่ง
และในปี 2018 ที่ผ่านมา O’right ก้าวไปอีกขั้นกับการสร้างความเชื่อใจให้ผู้ใช้ผ่านการเปิดเผยส่วนผสมที่ใช้ในแต่ละผลิตภัณฑ์อย่างครบถ้วน จนได้รับการรับรองจาก USDA (United States Department of Agriculture) ว่าช่วยลดการใช้ปิโตรเลียมโดยเพิ่มการใช้ทรัพยากรหมุนเวียน และลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มเติมที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศได้จริง
อีกทั้งแบรนด์ยังมีการร่วมกับ 5 องค์กรวิจัยในไต้หวัน เพื่อค้นหาสูตรที่ผสมผสานส่วนผสมจากพืชในธรรมชาติเข้ากับเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะสำหรับผลิตภัณฑ์ความงามของ O’right ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยที่สุด โดยไม่ทดสอบผลิตภัณฑ์กับสัตว์ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ทุกคนว่าผลิตภัณฑ์จะมีความอ่อนโยนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแน่นอน
บรรจุภัณฑ์ ‘สีเขียว’
ภายใต้รูปทรงอันเรียบง่ายของบรรจุภัณฑ์ ความน่าสนใจอีกหนึ่งอย่างของแบรนด์นี้คือ ขวดของผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นทำขึ้นจากพลาสติก PCR (Post-consumer Recycled)
คุณลักษณะของพลาสติกชนิดนี้คือ สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่หลังการบริโภค และย่อยสลายได้เอง 100 เปอร์เซ็นต์ตามธรรมชาติเมื่อถูกฝังไว้ใต้ดินเป็นระยะเวลาหนึ่งปี เนื่องจากผลิตจากวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเศษผัก ผลไม้ หรือแม้แต่กากกาแฟ
“หากคุณใช้ O’Right Caffeine Shampoo ของเราจนหมดแล้วฝังขวดลงดิน ผ่านไปหนึ่งปีคุณอาจจะเห็นเมล็ดกาแฟที่ฝังอยู่บริเวณก้นขวดเติบโตเป็นต้นกาแฟก็ได้” Steven Ko กล่าวในงานครบรอบ 20 ปีของแบรนด์ที่เขาปลุกปั้นมา
นอกจากนี้ ฝาผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นยังเป็นงานฝีมือของคนในท้องถิ่นที่ทำขึ้นอย่างประณีตจากไม้ไผ่ Moso พืชพื้นเมืองที่พบในประเทศไต้หวัน ซึ่งถือเป็นส่วนที่สำคัญในการสร้างงานและอาชีพให้คนในชุมชน พร้อมๆ กับให้คุณค่างานศิลปะจากไม้ไผ่ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามความตั้งใจเดิมของแบรนด์
เพื่อโลก ‘สีเขียว’
แม้จะผ่านมากว่า 23 ปีตั้งแต่มีการก่อตั้งแบรนด์ แต่เส้นทางการพาโลกเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของ O’right ยังไม่หยุดอยู่เท่านี้
เพราะนอกจากได้รับการรับรองจาก SGS ในเรื่องความเป็นกลางทางคาร์บอนในฐานะองค์กรธุรกิจในปี 2011 รวมถึงการบรรลุมาตรฐานคาร์บอนเป็นศูนย์สำหรับผลิตภัณฑ์ 9 รายการในปีถัดๆ มาแล้ว
ปัจจุบันทาง O’right ยังมีการพัฒนากระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งยังมีความพยายามยกระดับความยั่งยืนไปอีกขั้นด้วยการให้คำมั่นว่าจะพึ่งพาพลังงานหมุนเวียนอย่างเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2025 ที่จะถึงนี้
มากไปกว่านั้น แบรนด์ยังใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วยการลงพื้นที่ทำ CSR กับชุมชนอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดชายฝั่งทะเล ปลูกต้นไม้ทดแทน หรือให้ความรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมที่จะเป็นประโยชน์ต่อชุมชนและองค์กรอื่นๆ เพื่อเป็นไปตามจุดมุ่งหมายของ O’right ที่ว่า ‘Together Towards a Greener World’ อีกด้วย
Steven Ko เชื่อว่าการมีอยู่ของ O’right จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจปัญหาสิ่งแวดล้อม และเกิดความตระหนักรู้ในการใช้ชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ส่วนใครที่อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเหลือโลกผ่านการใช้ผลิตภัณฑ์ความงามของ O’right ก็ไม่ต้องบินไกลไปถึงไต้หวัน เพราะตอนนี้แบรนด์มีหน้าร้านอยู่ที่ชั้น 2 ห้างฯ เซ็นทรัลเวิลด์ โดยดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/orightth
Sources :
O’right | www.oright.inc/en/home
Tatler Asia | t.ly/iAFC-