เมื่อพูดถึงแพลตฟอร์มสำหรับดูซีรีส์และภาพยนตร์ หลายคนคงนึกถึงชื่อ ‘Netflix’ เป็นอันดับต้นๆ เพราะตอนนี้ Netflix เป็นบริการสตรีมมิงที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุดในโลก หรือกว่า 221 ล้านคน
แม้จะเป็นบริการสตรีมมิงเจ้าใหญ่ของโลก แต่ไม่ได้หมายความว่าการทำธุรกิจของ Netflix จะราบรื่นเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2565 Netflix เปิดเผยว่ายอดสมาชิกทั่วโลกลดลงกว่า 200,000 คนในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปีที่บริษัทสูญเสียฐานผู้ใช้บริการ
ข้อมูลจากสำนักข่าวหลายแห่ง เช่น BBC, The Guardian, NRP และ VOX สรุปได้ว่า Netflix เสียสมาชิกนับแสนรายในช่วงสามเดือนแรกของปี 2565 เพราะสามสาเหตุหลัก ได้แก่
1) จำนวนคู่แข่งที่เพิ่มขึ้น : แม้คอนเทนต์ของ Netflix จะขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพของภาพและเสียง อีกทั้งยังมีเนื้อหาที่ไม่สามารถรับชมได้จากที่อื่นอย่างเช่น Netflix Originals แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Netflix ต้องเจอความท้าทายจากคู่แข่งใหม่ๆ ที่ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมสตรีมมิง เช่น Disney+, Apple TV+ , Paramount+, HBO Max, Amazon Prime Video, Hulu และ Peacock ซึ่งบริการสตรีมมิงเจ้าอื่นๆ ต่างมีซีรีส์และภาพยนตร์ที่ผลิตเองเช่นกัน และยังอาจมีแพ็กเกจให้บริการที่หลากหลาย เมื่อผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ Netflix จะเผชิญกับปัญหาผู้ใช้บริการและรายได้ลดลง
2) การใช้บัญชีร่วมกัน : อีกสาเหตุสำคัญก็คือการแชร์รหัส (Password Sharing) ของหนึ่งบัญชีผู้ใช้งาน ที่อาจแชร์ต่อไปถึงสมาชิกในญาติ เพื่อน หรือคนสนิท ทางบริษัทประเมินว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ กว่า 100 ล้านครัวเรือนทั่วโลก จากจำนวนนี้ เป็นครัวเรือนในสหรัฐฯ และแคนาดามากกว่า 30 ล้านครัวเรือนเลยทีเดียว
3) การเมืองระหว่างประเทศ : เมื่อ 7 มีนาคม 2565 Netflix ประกาศระงับการให้บริการในประเทศรัสเซีย หลังจากรัสเซียออกกฎหมายใหม่บังคับให้บริษัทฉายช่องโฆษณาชวนเชื่อซึ่งดำเนินการโดยรัฐบาลรัสเซียกว่า 20 ช่อง จนต้องสูญเสียสมาชิกในรัสเซียไปกว่า 700,000 คน
นอกจากสาเหตุหลักทั้งสามข้อ ทางบริษัทยังระบุถึงปัจจัยอื่นๆ ที่กระทบต่อจำนวนผู้ใช้งาน เช่น การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ซบเซา อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงผลกระทบและการหยุดชะงักจากวิกฤตโควิด-19 ที่ยังคงมีอยู่ทั่วโลก
ทั้งนี้ Netflix ออกมาเตือนว่า จำนวนสมาชิกจะลดลงอีกราว 2 ล้านคนในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ เนื่องจากบริษัทจะเริ่มจัดการกับการแบ่งปันบัญชีผู้ใช้งาน
สำหรับกลยุทธ์ที่จะดึงดูดสมาชิกใหม่ Netflix กำลังเตรียมปรับปรุงทุกด้านที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการ ทั้งเนื้อหาของรายการ รวมไปถึงระบบการแนะนำเนื้อหาในแพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นสิ่งที่สมาชิกให้ความสำคัญมากที่สุด
มากไปกว่านั้น รีด แฮสติงส์ (Reed Hastings) ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Netflix ยังเปิดเผยแผนในอนาคต ที่เตรียมเสนอแพ็กเกจทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งจะมีราคาถูกลง แต่อาจมาพร้อมโฆษณาคั่นระหว่างการรับชม เพื่อเพิ่มฐานสมาชิกและรายได้ให้แก่บริษัท
นอกจากความหลากหลายของราคาและเนื้อหา Netflix ยังต้องงัดฟังก์ชันและบริการใหม่ๆ เพื่อแข่งขันกับเหล่าคู่แข่งที่น่ากลัวและเชิญชวนผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ มาสมัครเป็นสมาชิกให้ได้ เช่น การเปิดตัว Netflix Games บริการเกมลิขสิทธิ์แท้ให้สมาชิกเล่นฟรี (อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่นี่ urbancreature.co/netflix-games)
แม้ยอดสมาชิกของ Netflix จะลดลงทั่วโลก แต่ทางบริษัทเปิดเผยว่า ธุรกิจกำลังเติบโตได้ดีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เช่น ญี่ปุ่น อินเดีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และไทย
อย่างไรก็ตาม Netflix ยังไม่ควรชะล่าใจ เพราะในภูมิภาคนี้ก็ยังมีบริการสตรีมมิงเจ้าอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ เช่น VIU, iQIYI และ WeTV หมายความว่า ทุกบริษัทต้องเร่งพัฒนาเนื้อหาและบริการ รวมถึงหาจุดแข็งของตัวเอง เพื่อดึงดูดผู้บริโภคในตลาดสตรีมมิงออนไลน์ที่มีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ
Sources :
All Top Everything | https://bit.ly/3yoN6DB
BBC | https://bbc.in/39OiHV1
CNBC | https://cnb.cx/3vXCBWm
Inc42 | https://bit.ly/3P7B5s8
Live Mint | https://bit.ly/3whlAoH
Thai PBS | https://bit.ly/3L4cyRG
The Guardian | https://bit.ly/3MRCIs2, https://bit.ly/3FsDOb0
The Indian Express | https://bit.ly/3vVN5VX
VOA Thai | https://bit.ly/3L4cy48