คนทำงานในเมืองมักมีชีวิตประจำวันที่เร่งรีบอยู่ตลอดเวลา บางทีความเหนื่อยล้าจากการทำงานก็ทำให้คนอยากหาเวลาอยู่กับตัวเอง และเริ่มมองหาที่พักผ่อนบรรยากาศดีๆ ที่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก
โรงแรมรีทรีต ‘neera retreat hotel’ ดูจะตอบโจทย์คนทำงานที่กำลังหาเวลามาพักผ่อนเงียบๆ คนเดียว เพราะดีไซน์ของโรงแรมแห่งนี้ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน จากบรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยพื้นที่สีเขียวสุดร่มรื่น มองเห็นกระแสน้ำของแม่น้ำท่าจีน มีสายลมเย็นๆ พัดผ่าน ชวนคนให้หยุดตัวเองจากความเร่งรีบและหันหน้าเข้าหาธรรมชาติมากขึ้น และนอกจากจะเป็นโรงแรมที่ชวนพักผ่อนแล้ว ที่นี่ยังเป็นโรงแรมรักษ์โลกที่สร้างประโยชน์ให้สิ่งแวดล้อมด้วย
คอลัมน์ Urban Guide ขอพาไปทำความรู้จักกับ neera retreat hotel พร้อมพูดคุยกับเหล่าผู้ก่อตั้ง ‘ซอย-วริวรรณ์ วิทยฐานกรณ์’, ‘ซาน-วิชฌ์ วิทยฐานกรณ์’ และ ‘ซาว-ศิษฎ์ศิริ วิทยฐานกรณ์’ สามพี่น้องครอบครัว ‘วิทยฐานกรณ์’ ถึงแนวคิดการสร้างโรงแรมรีทรีตสีเขียว ที่จะทำให้ผู้มาเยือนรักษ์โลกและเข้าใจตัวเองมากขึ้น
แนวคิดที่อยากริเริ่มโรงแรมรักษ์โลก
ด้วยความที่โรงแรมตั้งอยู่ในจังหวัดนครปฐมที่อยู่ติดกับเมืองกรุงเทพฯ ใช้เวลาขับรถเพียงชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงที่หมาย ทำให้ที่นี่เหมาะกับการเป็นพื้นที่พักใจในวันหยุดสุดสัปดาห์ของคนเมืองที่มีเวลาพักน้อยนิดและไม่อยากเดินทางไกล
และเมื่อเดินเข้ามาเรื่อยๆ ในโรงแรม พบกับจุดนำสายตาที่มองเห็นวิวแม่น้ำท่าจีนและธรรมชาติที่อยู่รอบๆ โรงแรม ก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายราวกับได้ถอดปลั๊กออกจากความวุ่นวาย
ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นได้เพราะความตั้งใจของสามผู้ก่อตั้งที่อยากให้ผู้เข้าพักทุกคนได้รับสิ่งนี้เป็นสิ่งแรกจากที่นี่ เพราะพวกเขา ได้แก่ ซอย พี่สาวคนโตที่มีประสบการณ์ด้านบริหารธุรกิจและการบัญชี และการพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ซาน พี่ชายคนกลาง ผู้เรียนจบและสนใจในเรื่องสถาปัตยกรรม และ ซาว น้องสาวคนเล็กที่เรียนจบทางด้านออกแบบสื่อสาร นำความถนัดแต่ละด้านของตัวเองมาร่วมกันปลูกปั้นก่อร่างสร้างภาพที่อยากเห็นในที่ดินผืนเดิมของครอบครัว ซึ่งใช้เวลาปะติดปะต่อทุกอย่างเป็นเวลากว่าสามปีจนเกิดเป็นโรงแรมแห่งนี้
ทุกคนล้วนคุ้นเคยกับธุรกิจโรงแรมของที่บ้านมาตั้งแต่เด็กๆ อยู่แล้ว แต่เมื่อได้ลงมือทำโรงแรมของตัวเอง ก็อยากลองต่อยอดธุรกิจนี้ไปในทางใหม่ๆ บ้าง เพราะปัจจุบันธุรกิจโรงแรมในไทยส่วนใหญ่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมค่อนข้างน้อย ส่วนคนไทยก็ยังมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไกลตัว พวกเขาเลยอยากเป็นผู้ริเริ่มในแวดวงโรงแรมอีโค่
“เรารู้ว่ามันยังขาดองค์ประกอบอีกหลายอย่างก็เลยเริ่มคุยกับพี่น้อง ตอนนั้นพี่ซอยทำงานอยู่ ส่วนน้องสาวกำลังเรียนจบ เลยอยากเริ่มทำอะไรบางอย่างด้วยกัน ก็ลองนำคุณค่าของสามคนมารวมกัน จึงออกมาเป็นนีราในทุกวันนี้” ซาน น้องชายคนกลางพูดถึงการร่วมแรงร่วมใจกับพี่น้องสร้างโรงแรมแห่งนี้
แนวคิดที่มาจากหยดน้ำ
เสน่ห์หลักของที่นี่คือ การที่พวกเขาทั้งสามคนตั้งใจนำเสนอแนวคิดของโรงแรมให้แปลกใหม่กว่าโรงแรมปกติทั่วไป โดยมุ่งเน้นเรื่อง ‘ความยั่งยืน’ (Sustainability) และ ‘การมีสติ’ (Mindfulness) เป็นหลัก
ซอย พี่สาวคนโตบอกกับเราว่า ชื่อโรงแรม ‘นีรา’ มีรากศัพท์จากคำว่า ‘นีร’ ที่แปลว่าน้ำ ซึ่งพวกเขาเปรียบเทียบโรงแรมแห่งนี้เหมือนกับหยดน้ำขนาดเล็กที่เวลาตกกระทบแล้วจะมีแรงกระเพื่อมเป็นระลอกน้ำที่กว้างขึ้นเรื่อยๆ คล้ายกับการส่งต่อผลลัพธ์และความรู้สึกดีๆ ของการใช้ชีวิตในแบบที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและจิตใจของตัวเอง
“ถ้าเดินเข้ามาในโรงแรม เราจะเห็นเป็นโถงขนาดใหญ่ที่มองทะลุไปถึงแม่น้ำ ด้วยตัวบรรยากาศชั้นล่างจะออกเป็นสีโทนเข้ม แต่พอเดินเข้าไปข้างใน ขึ้นไปถึงบริเวณห้องพัก โทนสีจะเปลี่ยนเป็นโทนสว่าง เราตั้งใจทำให้คนเข้ามาแล้วผ่อนคลายไปเรื่อยๆ ให้เหมือนได้หยุดพักจากความเร่งรีบ” ซานจำลองภาพให้เราเห็นว่าจะเจอกับอะไรบ้างตั้งแต่เดินเข้ามา
แนวคิดที่ให้ความยั่งยืนกับสิ่งแวดล้อม
นอกจากการออกแบบที่อยากให้ผู้เข้าพักรู้สึกสงบตั้งแต่ก้าวเท้าลงจากรถแล้ว ความยั่งยืนก็เป็นอีกเอเลเมนต์สำคัญที่ซุกซ่อนอยู่ในรายละเอียดของที่นี่อย่างแยกจากกันไม่ออก เห็นได้จากบรรดานวัตกรรมรักษ์โลกที่ถูกนำมาใช้งานในสเกลใหญ่ๆ ไปจนถึงระดับของใช้ในชีวิตประจำวัน
เริ่มต้นจากการประหยัดพลังงานที่หมุนเวียนภายในโรงแรมก่อน อย่างการใช้ระบบน้ำแบบ Low-flow ระบบฮีตปั๊มประหยัดไฟ ที่ทำให้ลดค่าใช้จ่ายและประหยัดพลังงาน ตามมาด้วยการสอดแทรกนวัตกรรมรักษ์โลกเข้าไปในห้องพัก ที่มุ่งเน้นออกแบบของใช้ภายในห้องพักให้มีความอีโค่มากที่สุด ซึ่งทางโรงแรมได้ชวนหลากหลายพาร์ตเนอร์มาร่วมกันทำ เช่น ยาสีฟันแบบเม็ดแทนหลอด สบู่รีฟิลที่มีกลิ่นจากสวนส้มโอ ของดีเมืองนครปฐม เป็นต้น
ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเขาเลยกับการต้องวางระบบทุกอย่างให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะธุรกิจโรงแรมสร้างขยะปริมาณมหาศาลได้ง่ายมากๆ นี่จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับพวกเขาในตอนแรก
แต่ท้ายที่สุดแล้ว สามพี่น้องก็ร่วมมือร่วมใจกันออกแบบทุกอย่างให้ลงตัวที่สุด เรียกว่าใส่ความยั่งยืนลงไปในโรงแรมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และมากพอที่จะสร้างอิมแพกต์ให้กับคนอื่น
แนวคิดที่ให้พลังงานบวกกับจิตใจ
เมื่อรักษ์โลกแล้ว ก็ถึงเวลากลับมารักตัวเอง อย่างที่เล่าไปว่าคอนเซปต์ของนีราคือ อยากให้คนที่มาพักผ่อนได้รีทรีตอย่างแท้จริง การมีสติ (Mindfulness) จึงเป็นอีกขาสำคัญของโรงแรมแห่งนี้ ซึ่งบรรยากาศรื่นรมย์ที่ห้อมล้อมไปด้วยความเงียบและธรรมชาติ จะทำให้ผู้เข้าพักสัมผัสได้ว่า การพักผ่อนที่ดีคือการที่พวกเขาได้ลองสัมผัสการใช้ชีวิตที่หนีจากความวุ่นวาย และลองอยู่กับตัวเองให้มากขึ้น
อีกหนึ่งในส่วน Mindfulness ที่เห็นได้ชัดคือ การแบ่งห้องพักในโรงแรมเป็นทั้งหมด 5 ประเภท ได้แก่ well, pond, lagoon, lake และ mindful ซึ่งชื่อของห้องพักแต่ละแบบมีที่มาจากชื่อของวงน้ำที่เรียงตามขนาดจากเล็กไปใหญ่
พวกเขาเล่าให้ฟังว่า แนวคิดของห้องพักแต่ละแบบมีความโดดเด่นต่างกันออกไป อีกทั้งยังมองเห็นวิวและได้รับแสงที่ไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่าง ห้อง ‘lake’ เป็นห้องพักที่มีขนาดกว้าง เห็นวิวแม่น้ำท่าจีนแบบพาโนรามิก ชวนผ่อนคลาย มีระเบียงส่วนตัวให้นั่งชมบรรยากาศโรงแรมได้ยาวๆ
ส่วนห้อง Signature อย่างห้อง ‘mindful’ จะมีฟังก์ชันไม่เหมือนกับห้องอื่น ตรงที่ห้องนี้ถูกออกแบบมาเพื่อคนที่สนใจเรื่อง Mindfulness โดยเฉพาะ
ความโดดเด่นของห้องนี้คือ เป็นห้องที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้คนที่มาพักผ่อนได้ถอยจากโลกภายนอกมาใช้เวลากับตัวเองมากขึ้น มีลำโพงให้แทนทีวีเพื่อให้เราเน้นฟังเสียง รีเซตความรู้สึก และเพลิดเพลินไปกับ Mindful Corner ที่ประกอบไปด้วยสิ่งของต่างๆ ที่ทำให้เราได้ลองเพิ่มพลังบวกให้ตัวเอง เช่น หนังสือสร้างแรงบันดาลใจ (Inspirational Book), น้ำหอมระเหยที่มีกลิ่นหอมทำให้ผ่อนคลาย, เสื่อโยคะ, เบาะรองนั่งสมาธิที่ทำจากหลอดเหลือใช้ และ Mindfulness Cards การ์ดที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้เข้าพักได้ทำกิจกรรมต่างๆ คนเดียว ได้ลองอยู่กับตัวเอง ซึ่งไอเดียเหล่านี้ถูกออกแบบโดยซาว น้องสาวคนเล็กที่เรียนด้านออกแบบสื่อสารมา
แนวคิดที่อยากให้คนออกไปลองทำกิจกรรมใหม่ๆ
การลองทำกิจกรรมใหม่ๆ ที่ฝึกความสงบของจิตใจ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทางโรงแรมออกแบบมาเพื่อส่งเสริมด้าน Mindfulness เช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ ที่นี่จึงมีกิจกรรมเวิร์กช็อปให้ผู้เข้าพักได้ลองทำมากมาย เช่น ฮีลใจด้วยการพับกระดาษ Origami, วาดภาพแบบลากลายเส้น, เรียนทำแยม และเดินทัวร์รอบโรงแรมพร้อมฟังเรื่องราวเบื้องหลังของโรงแรม
“เป็นกิจกรรมที่ทำให้เริ่มเรียนรู้คำว่า การกลับมาอยู่ที่บ้านของเรา คือการกลับมาอยู่ที่กาย ใจ และตัวเรา” ซอยอธิบายเสริมเกี่ยวกับจุดประสงค์ของกิจกรรมเหล่านี้
และเพื่อให้คนที่มาเข้าร่วมกิจกรรมได้เข้าใจ Mindfulness ในหลายๆ รูปแบบ ทางโรงแรมจะมี Facilitator คอยแนะนำดูแลทุกคนที่เข้าร่วมกิจกรรมด้วย ซึ่งผู้ที่เข้าพักในห้อง mindful สามารถเข้าร่วมกิจกรรมเหล่านี้ได้ฟรี
อีกทั้งโรงแรมยังมีพื้นที่รองรับกิจกรรมประเภทอื่นๆ ด้วย เช่น ห้องสัมมนาสำหรับเวลากลางวัน กลางคืน และพื้นที่ขนาดกว้างสำหรับคนที่อยากมาจัดงานแต่งงานสไตล์อีโค่ที่นี่ด้วย
แนวคิดที่สร้างแรงกระเพื่อมให้กับสังคม
ทั้งสามคนคาดหวังว่า สิ่งที่คนเมืองจะได้รับกลับไปจากโรงแรมแห่งนี้คือ การได้มีพื้นที่ใกล้เมืองที่สามารถเพิ่มพลังงานบวกในชีวิต พร้อมกับได้ความรู้ความเข้าใจเรื่องสิ่งแวดล้อมไปปรับใช้กับชีวิตประจำวัน และส่งต่อความรู้สึกที่ดีไปสู่วงกว้าง
“จริงๆ มันเหมือนสโลแกนของเราเหมือนกัน ที่ว่า be the start of the ripple. เหมือนทุกคนหยดน้ำหนึ่งหยด ถ้าหยดเดียวได้แรงกระเพื่อมแต่ไม่เท่ากับหยดเยอะๆ เหมือนฝน เพราะมันอิมแพกต์กว่ามาก” ซาวบอก
นอกจากอยากให้ผู้มาพักได้รับความรู้สึกดีๆ กลับไปแล้ว โรงแรมยังอยากแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กับสังคม สามพี่น้องจึงรวบรวมสินค้าของดีจากชาวบ้านในชุมชนมาไว้ในโรงแรมและห้องพักด้วย เช่น ขนมทานเล่นในห้องพัก สบู่รีฟิลจากสวนส้มโอ หรือแม้กระทั่งอาหารไทยในโรงแรมที่ใช้วัตถุดิบจากพื้นที่รอบข้าง
พวกเขาเชื่อว่า การได้เกื้อหนุนกับชุมชนโดยรอบ จะช่วยให้โรงแรมเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นแบบอย่างที่ดีให้วงการโรงแรมได้
แนวคิด 3 อย่างที่ neera retreat hotel มี แต่ที่อื่นไม่มี
ก่อนจากกัน เราขอให้พี่น้องทั้งสามคนแนะนำสิ่งที่เป็น a must ของโรงแรมมาคนละหนึ่งอย่าง
ซอย พี่สาวคนโตบอกกับเราว่า คนส่วนใหญ่มักมีพฤติกรรมการทานอาหารไทยแบบเยอะๆ แล้วทานไม่หมด ส่งผลให้เกิด Food Waste จำนวนมาก แต่ที่โรงแรมนี้อาหารจะถูกเสิร์ฟเป็นแบบ Set Meal ที่เราสามารถจับคู่อาหารไทยได้ตามใจชอบ และเลือกขนาดตามความเหมาะสมของตนเอง
ส่วนซาน น้องชายคนกลางอยากให้ทุกคนลองเมล็ดกาแฟจากชุมชนม้งที่ผ่านเวทีประกวดมานับไม่ถ้วน เพราะเขาและพาร์ตเนอร์เป็นคนช่วยกันคัดสรรเข้ามาในคาเฟ่ slow bar ที่เปิดบริการอยู่ภายในโรงแรม ซึ่งทุกเมล็ดมีคาแรกเตอร์ไม่เหมือนกัน เขาจึงอยากให้ทุกคนมาลองสัมผัสกับเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพ
ปิดท้ายด้วยซาว น้องสาวคนเล็กที่เธออยากให้คนที่มาพักได้สัมผัสบรรยากาศการใช้ชีวิตใหม่ๆ เช่น การใช้ปิ่นโตของโรงแรมตอนออกไปเดินเล่นที่ตลาดข้างนอก ใช้กระบอกน้ำในห้องพักไป slow bar ลองอาบน้ำด้วยการใช้ผ้าโพกผมแทนการใช้หมวกคลุมผม เธอเชื่อว่าบางทีการได้ลองใช้ชีวิตแบบนี้ อาจทำให้คนที่มาพักเกิดจิตสำนึกดีๆ ที่ช่วยเหลือโลกได้
neera retreat hotel
เวลาทำการ : neera retreat hotel : 24 ชม.
season by neera : 06.00 – 10.00 น., 11.00 – 22.00 น.
neera slow bar : 08.00 – 22.00 น.
พิกัด : เส้นวัดไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม
แผนที่ : maps.app.goo.gl/P4o3NXgMDV3VJuk89
ช่องทางติดต่อ :
neeraretreathotel.com
facebook.com/neeraretreathotel
instagram.com/neera.retreat.hotel