ในช่วงที่กระแส T-POP ยังมาแรงอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นศิลปินเดี่ยวหรือศิลปินกลุ่มที่ทยอยเดบิวต์กันเรื่อยๆ แต่ละวงล้วนแล้วแต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป ซึ่งผู้ชมอย่างเราๆ จะเห็นได้จากการร้อง การเต้น และการแสดงของพวกเขาในเอ็มวี
หนึ่งในวงที่เราสนใจช่วงนี้คือ ‘MXFRUIT’ (มิกซ์ฟรุต) วงเกิร์ลกรุ๊ปที่เต็มไปด้วยสีสันมากมายคล้ายผลไม้เมืองร้อน ซึ่งเหล่าสมาชิกของวงประกอบด้วย มิเคลล่า, อปป้าเพชร, สกาวเดือน, ขนมจีน และโรเชล
แอบสารภาพว่าตอนฟังเพลงวงนี้ครั้งแรก เรานึกว่าเป็นวงต่างประเทศด้วยซ้ำ เพราะจากเนื้อเพลงที่เป็นภาษาอังกฤษ สำเนียงการร้อง รวมถึงมู้ดในเพลงที่มีความอินเตอร์ แต่พอกดเปิดดูเอ็มวีก็พบว่าจริงๆ แล้ววงนี้เป็นวงไทย แถมยังใช้สถานที่ในการถ่ายเป็นย่านต่างๆ ในกรุงเทพฯ ที่ไม่ซ้ำใคร ตั้งแต่ร้านคั่วไก่ ตลาดสด จนถึงตรอกซอยเล็กๆ ที่บางแห่งเรายังไม่เคยไปด้วยซ้ำ
ด้วยเหตุนี้ เราจึงนัดหมาย ‘สอง-ศาศวัต เลิศฤทธิ์’ ผู้กำกับเอ็มวีเพลงเดบิวต์ของพวกเธอทันที เพราะนอกจากเขาจะดึงตัวตนที่สดใสร่าเริง และเสน่ห์ของสมาชิกวง MXFRUIT ออกมาผ่านเอ็มวีตัวแรกในชีวิตของพวกเธอได้เป็นอย่างดีแล้ว เรายังรู้มาว่าเขาคือคนหนึ่งที่อยู่กับสาวๆ มาตั้งแต่ต้น แถมยังมีส่วนกำหนดทิศทางของวงให้ออกมาเป็นมู้ดโทนอย่างที่ทุกคนเห็น เพื่อที่ผู้ชมจะได้รู้สึกหลงรักวงผลไม้ผสมนี้เหมือนอย่างที่สองรู้สึก
ความเป็นธรรมชาติของ MXFRUIT
ด้วยความที่สองอยู่ในวงการทำภาพยนตร์มาก่อนแล้ว และเคยกำกับเอ็มวีให้วงอื่นๆ มามากมาย การได้รับโจทย์จากค่าย ILY LAB โดยบริษัท TADA Entertainment ให้มาทำเอ็มวีเพลงเดบิวต์ MXFRUIT เกิร์ลกรุ๊ปวงแรกของค่าย จึงไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจมากนัก อีกอย่างสองก็มองว่ามันเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมากกว่าที่ได้เป็นผู้ทำหน้าที่ดึงเสน่ห์ของน้องๆ ทั้ง 5 คนออกมา
“สิ่งที่เห็นตอนฟังเพลงครั้งแรกคือความมีชีวิตชีวา เราเห็นแสงแดด เห็นเพื่อนผู้หญิงอยู่ด้วยกัน” เขาอธิบายถึงความรู้สึกตอนที่ได้ยินเพลง ‘strawberry ice cream’ ให้เราฟัง
ระหว่างนั้นสองก็พยายามทำความเข้าใจโจทย์ที่ค่ายวางมาให้ และคาแรกเตอร์ของวงไปพร้อมๆ กัน ยิ่ง MXFRUIT เป็นวงใหม่ที่ยังไม่เคยเดบิวต์ที่ไหนมาก่อน พวกเธอจึงมีความเป็นธรรมชาติสูง และมีความเป็นเด็กสาวที่ยังไม่ผ่านการปรุงแต่ง อีกทั้งเคมีระหว่างสมาชิกก็เข้ากันมาก ทำให้สองยิ่งประทับใจเข้าไปใหญ่
“สองรู้สึกว่าเสน่ห์และความสัมพันธ์ของนักร้องในวงเป็นสิ่งที่สำคัญ ตอนเจอกันครั้งแรก พวกเขาสนิทกันอยู่แล้ว มันเลยทำให้เราทำงานง่ายขึ้นประมาณหนึ่ง
“ตอนเจอกับทั้งห้าคนครั้งแรก จุดเด่นใหญ่ๆ ที่เด้งออกมาเลยคือ ร้องเพลงกันเพราะมาก พอมันเด่นขนาดนี้ เราก็ไม่อยากให้มันหายไป คิดว่าทำยังไงก็ได้ให้จุดเด่นนี้ต้องออกมาตั้งแต่ครั้งแรกที่คนดูเห็น”
อิสระในการทำงานที่ค่ายมอบให้
“มันเริ่มมาด้วยการให้อิสระในการทำงาน แล้วมันก็เป็นแบบนั้นมาตลอด ค่ายค่อนข้างไว้ใจสองและทีมงานมากๆ พอได้มาทำงานด้วยกันแล้วก็ไม่มีครั้งไหนเลยที่รู้สึกว่าโดนแทรกแซงหรือมีความไม่เชื่อกัน แต่ก็ไม่ได้อิสระจนถึงที่ว่าเราไม่เคารพค่าย มันเหมือนคิดอะไรออกมา เราก็มาแชร์กัน แล้วดูว่าชอบเหมือนกันไหม ถ้าไม่ชอบก็ลองมาหาตรงกลางกัน” สองเล่าถึงการทำงานกับค่าย ILY LAB โดยบริษัท TADA Entertainment ของผู้กำกับและนักเขียนบทมากฝีมือ ‘ย้ง-ทรงยศ สุขมากอนันต์’ ให้เราฟัง
“ตอนแรกน้องๆ ทั้งห้าคนเป็นอีกลุคหนึ่งเลย แต่เราก็พยายามทำยังไงก็ได้ให้ทั้งห้าคนนี้ถูกเห็นแล้วคนจำได้ว่าทั้งหมดเป็นใคร อย่าง ‘อปป้าเพชร’ กับ ‘ขนมจีน’ เป็นเอเชียสองคนในวงที่มีผมดำ ยาว ตรงเหมือนกัน เราก็ขอให้เขาไปเปลี่ยนลุค หรืออย่าง ‘โรเชล’ ที่มีเอเนอร์จีสูง ดูมั่นใจมากๆ เราก็ให้เขาไปตัดผม สุดท้ายทุกคนเลยได้ลุคที่ค่ายและเราคิดว่าเหมาะกับเขามากที่สุด ซึ่งมันก็ทำให้คนจำได้จริงๆ”
การที่เข้ามาอยู่ในกระบวนการการทำเอ็มวีตั้งแต่ช่วงแรกๆ และได้คลุกคลีกับวงก่อนเดบิวต์ รวมถึงมีโอกาสช่วยปรับลุคสมาชิกในวงอย่างที่เล่าไปข้างต้น ทั้งหมดนี้สองมองว่าเป็นกระบวนการทำงานที่ดีมาก เพราะทำให้เขาทำงานไปได้ไกลกว่าการกำกับเอ็มวีเฉยๆ
“สองชอบน้องตั้งแต่ดูวิดีโอพวกเขาครั้งแรก เลยคิดว่าต้องทำให้คนดูที่ไม่เคยรู้จักเขามาก่อน ชอบวงนี้ให้ได้เหมือนกัน”
จากความสนิทสนมที่เกิดขึ้นจากการทำความรู้จักกันก่อน ทำให้สองแลกเปลี่ยนไอเดียกับสมาชิกในวงได้อย่างอิสระ และหยิบเอาตัวตนของพวกเขามาผสมผสานสร้างเป็นซีนสนุกๆ ในเอ็มวีได้ ยกตัวอย่างซีนเปิดตัวด้วย Acapella ที่ร้านคั่วไก่
“ไอเดียมันเกิดจากตอนที่เรานั่งประชุมอยู่ในห้องรวม มิเคลล่าถือบ๊วยกระปุกในมือแล้วเขย่าทำจังหวะไปด้วย เราก็บอกให้เขาร้องเพลงให้ฟัง เขาก็ร้องกันแบบที่หยิบสิ่งนั้นสิ่งนี้มาเขย่าสร้างจังหวะไปด้วย ทุกอย่างมันธรรมชาติมาก จนทำให้เราตัดสินใจเอา Sequence นี้มาเล่นในเอ็มวี”
คีย์เวิร์ดคือคำว่า CAMP
ตอนที่เราหาข้อมูลมาสัมภาษณ์สอง ก็ได้ทราบจากสเตตัสของเขาในเฟซบุ๊กว่า คีย์เวิร์ดการทำเอ็มวี ‘strawberry ice cream’ คือคำว่า CAMP
สำหรับคนที่ไม่ได้คลุกคลีกับแวดวงศิลปะและแฟชั่นมาก (เหมือนเรา) อาจสงสัยว่า CAMP คืออะไร เราจึงไปหาคำตอบมาให้ว่ามันคือแนวทางแฟชั่นและศิลปินที่เป็นตัวของตัวเอง แสดงออกมาได้อย่างอิสระ ไม่มีรูปแบบตายตัวว่าต้องเป็นแบบใดแบบหนึ่งเท่านั้น
นี่จึงอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราจดจำสาวๆ ทั้ง 5 คนจากเอ็มวีได้ทันที เพราะเสื้อผ้าหน้าผมของพวกเธอนั้นแสนจี๊ดจ๊าดสดใส ผสมผสานทั้งความซุกซน น่ารัก เท่ และเก๋เข้าด้วยกัน
“คำว่า CAMP อยู่ใน Creative Brief ที่ค่ายให้มา ซึ่งมันมีความหมายของมันอยู่แล้ว และมักใช้ในทางศิลปะและแฟชั่น โดย CAMP ในความหมายของสองจะแปลว่า อะไรก็ตามที่เป็นความสนุก ความสร้างสรรค์ ความนอกกรอบ มากไปกว่านั้นคืออะไรบางอย่างที่ให้คนตั้งคำถามและอาจไม่ใช่อุดมคติ
“สิ่งที่เห็นครั้งแรกของ CAMP มันอาจเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่า อะไรวะ ทำไมเป็นแบบนี้ แต่สุดท้ายสิ่งเหล่านี้มันจะตกตะกอน หมายถึงว่าในความที่คนดูไม่ชอบครั้งแรก ในวันหนึ่งอาจเกิดเป็นความเข้าใจและชอบมันก็ได้ ซึ่งเรารู้สึกว่า CAMP เป็นการสรุปทุกอย่างได้เลย มัน Represent ตัววงและความเป็นค่ายมากๆ”
กรุงเทพฯ กับการถ่ายทำเอ็มวี
นอกจากสีสันสดใสที่ชวนให้นึกถึงซัมเมอร์แล้ว ความพิเศษของเอ็มวีเพลงนี้คือ การถ่ายทำในสถานที่และย่านต่างๆ ในกรุงเทพฯ ซึ่งสองก็บอกกับเราทันทีว่า เขาไม่ได้ต้องการขายความเป็นเมืองท่องเที่ยวหรือความไทยจ๋าแต่อย่างใด แค่อยากทำให้คนรู้สึกเข้าถึงวงได้มากขึ้น รวมถึงตอบโจทย์ความ CAMP ด้วย
“เนื่องจากเพลงเป็นภาษาอังกฤษ สองรู้สึกว่าโดยภาพรวมเรายังไม่อยากละทิ้งแฟนคลับที่เป็นไทยหรือคนที่มีโพเทนเชียลที่จะมาเป็นผู้ชมของเรา ทั้งคนไทยและต่างประเทศ เราอยากจับให้ได้ทั้งหมด เลยคิดว่าทำให้คนยังคอนเนกต์กับภาพได้ดีกว่า เมื่อเพลงเป็นภาษาอังกฤษไปแล้ว ตัวภาพก็น่าจะ Represent ตัวเราและความเป็นคนไทยของน้องๆ โดยที่ไม่ใช่แนวบีบบังคับหรือฝืน เราอยาก Represent ตัวน้องทั้งห้าคนว่าเป็นเด็กไทยนะ แต่จะเป็นแบบไหนต้องไปดูต่อในเอ็มวี”
จากไอเดียนี้ ทำให้สองนึกถึงการถ่ายทำนอกสถานที่ในแบบที่มีฉากเมืองกรุงเทพฯ เป็นพื้นหลัง เพื่อสร้างความคุ้นเคยให้กับผู้ชม
“สองพยายามคิดว่าจะทำยังไงให้กรุงเทพฯ อยู่ในเอ็มวีนี้ได้ แล้วมันยัง Represent ความเป็นชีวิตที่สนุก เพราะเมืองนี้มีมุมที่เศร้าเยอะ แต่เราจะทำยังไงให้มันไม่เศร้าขนาดนั้น
“ถ้าเรามองจากมุมของสากล เลนส์ในการมองกรุงเทพฯ ของเขาจะไม่ใช่แบบที่เราเห็น มันคงเหมือนเวลาเราดูเอ็มวีต่างประเทศที่เขาถ่ายในบาร์เซโลนา หรือ LA แล้วเรามองว่าสวยจังเลย อันนี้คือความ International สำหรับเขา
“ส่วนที่โลเคชันในเอ็มวีไม่ใช่สถานที่แมสๆ อย่างสยาม วัด หรือที่ที่เป็นภาพจำของชาวต่างชาติ เพราะเราอยากเฉลิมฉลองให้ Local Life อยากเฉลิมฉลองความเป็นคนกรุงเทพฯ ที่มันเป็นคนกรุงเทพฯ ในกรุงเทพฯ จริงๆ ซึ่งเราไม่ต้องไปหาอะไรมาปรุงแต่งเยอะ แค่เดินไปตามถนน เจออะไร แล้วใช้สิ่งนั้นโดยไม่ไปฝืนมันดีกว่า
“คนอาจรู้สึกว่ามันดูง่ายจังเลยเนอะ กับการถ่ายในกรุงเทพฯ เพราะมันเหมือนไม่ลงทุน ไม่ตั้งใจทำ อาจมองว่าทำไมไม่ทุ่มเทกับน้องๆ เลย แน่นอนว่าคนที่วิจารณ์มันก็เป็นสิทธิ์ของเขาอยู่แล้ว แต่เราแค่อยากให้รู้ว่าทุกคนอยู่กับน้องมาตั้งแต่วันที่ยังเป็นศูนย์ ไม่มีใครอยากทำให้เขาออกมาดูแย่หรอก”
‘แล้วหลังจากไปถ่ายเอ็มวีในกรุงเทพฯ มา ความรู้สึกที่มีต่อเมืองนี้เปลี่ยนไปบ้างไหม’ เราตั้งคำถาม
สองนิ่งคิดก่อนตอบ “เอาเข้าจริง ถ้ากรุงเทพฯ รถไม่ติดเลยหรือการสัญจรดีกว่านี้ มันเดินทางกันต่อจุดหนึ่งถึงจุดหนึ่งได้ไวมากเลยนะ ถ้าอีกหน่อยเรื่องเหล่านี้ถูกจัดการให้ดีขึ้น คนถ่ายงานในโลเคชันเอาต์ดอร์ได้หลายๆ จุดในหนึ่งวัน จะทำให้เราได้สำรวจโลเคชันสวยๆ ในกรุงเทพฯ อีกเยอะมาก
“ทุกอย่างมี Aesthetic ในตัว ถ้าพูดแบบคลิเชหน่อยคือ ทุกอย่างมันมีความสวยงามอยู่ในนั้น แค่เราต้องหาให้เจอ แต่ไอ้ความสวยเหล่านี้ไม่ใช่ว่ามันไม่ต้องการการพัฒนานะ คือทุกจุดก็ต้องถูกปรับถูกพัฒนาแหละ แต่เราจะ Appreciate กรุงเทพฯ ได้มากขึ้น เหมือนเวลาเราเห็นต่างประเทศแล้วมองว่าที่นั่นที่นี่สวยจัง”
วงการสร้างสรรค์จะแข็งแรง ถ้าคนทำงานเชื่อใจกัน
นอกจากการทำงานในฝ่ายที่คนทำงานต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี และร่วมมือกันเพื่อให้การถ่ายทำเป็นไปอย่างราบรื่น สองบอกว่า ความเชื่อใจก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยเฉพาะจากค่ายที่เป็นผู้ว่าจ้างและมีอำนาจสูงสุด
เพราะหลายๆ ครั้งต่อให้ค่ายว่าจ้างผู้กำกับหรือคนทำงานเก่งๆ มา แต่ไปกำหนดกรอบหรือตั้งโมเดลสูตรสำเร็จมาให้แล้ว งานที่มีความแปลกใหม่หรือไอเดียที่ไม่เคยมีใครคิดมาก่อนจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย
“มันอาจเป็นงานที่ใหม่ สุ่มเสี่ยง ไม่มีอะไรการันตีได้ว่ามันจะออกมาดีหรือแย่ แต่ถ้าเชื่อใจกัน สองว่ามันน่าจะไม่มีใครเอาอาชีพหรือความฝันของตัวเองมาทิ้งกับงานแย่ๆ
“กระบวนการทำงานที่สองทำกับค่าย ILY LAB โดยบริษัท TADA Entertainment น่าจะเป็นทิศทางที่ถูกแล้ว และสองเชียร์ให้มันเป็นแบบนี้ต่อไป นั่นคือ เชื่อในคนที่มาร่วมงานกัน เหมือนค่ายเลือกผู้กำกับคนนี้มา แสดงว่าค่ายต้องเชื่อผู้กำกับคนนี้ ต้องแชร์กันเพื่อหาตรงกลางได้ รวมไปถึงงบประมาณกับความคาดหวังจากงบประมาณนั้นๆ ด้วย
“ส่วนตัวรู้สึกว่าอุตสาหกรรมที่เราทำกันอยู่ตอนนี้ค่อนข้างโตช้า แต่มันกำลังโต กำลังพัฒนา ซึ่งค่ายเพลงต่างประเทศที่เราเคยคุยด้วยเขาก็บอกว่า อุตสาหกรรมฝั่งเอเชีย รวมถึงไทย เป็น The future of production industry สองเลยรู้สึกว่าถ้าเขาเห็นสิ่งนี้ของเรา เราก็น่าจะผลักดันอุตสาหกรรมนี้ให้ไปต่อได้เรื่อยๆ อีกอย่างเราเองก็ไม่เห็นข้อเสียของการพยายามที่จะทำให้วงการมันดีขึ้น”
ตามรอยวง MXFRUIT
ก่อนจากกัน ด้วยความที่เห็นว่าสถานที่หลายแห่งในเอ็มวีน่าสนใจมาก บางแห่งเรายังไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ เลยขอลายแทงโลเคชันบางส่วนจากสองมาด้วย เผื่อใครอยากไปอยากตามรอย MXFRUIT กัน
“เราไปกันหลายที่ เจริญกรุงเป็นเส้นทางหนึ่งในนั้น ที่เป็นตรงนั้นเพราะสองมีโอกาสคุยกับเพื่อนในวงการศิลปะหลายคน ซึ่งเจริญกรุงเป็นสถานที่ที่เขาพูดถึงกันนะ ความเป็นเมืองเก่า ชีวิตที่เรียบง่าย มีศิลปะและวัฒนธรรมให้ดูเยอะ ซึ่งการไปเจริญกรุงทำให้เราได้เจอทั้งผู้คนและศิลปะเยอะมาก ทั้งรูปแบบที่อยู่บนผนัง กราฟฟิตี้ หรือประติมากรรม
“อย่างตรอกที่มิเคลล่าไปถ่ายจริงๆ มันเป็นโซนอยู่อาศัย แต่ทั้งสองฝั่งผนังมีงานเพนต์ที่สวยมาก ผสมกันทั้งงานของศิลปินและเด็ก ถ้าเราไม่ได้เป็นนักท่องเที่ยวหรือไม่ได้ชอบเดินเยอะๆ เราอาจจะไม่เจอตรงนี้เลย แล้วสองก็เจอลุงเป้าที่ขายผลไม้ที่นี่ครั้งแรกด้วย”
ซอยวัดม่วงแค (ซอยเจริญกรุง 34)
Location : ซอยเจริญกรุง 34 เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500 (goo.gl/maps/TQLNHLsYgrPbRb6WA)
“การไปเต้นกลางตลาดเป็นสิ่งที่เชื่อมกับเรื่องราวในเอ็มวีอยู่แล้ว เพราะน้องๆ ต้องแยกกันไปซื้อผลไม้ ซึ่งการที่น้องๆ ต้องมาถ่ายเอาต์ดอร์เป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ห้าคนนี้เป็นรุกกี้ที่พอใจมันพร้อม มันธรรมชาติมาก จับไปที่ไหนก็ไปได้หมด
“ลืมเล่าว่าอีกหนึ่งอุปสรรคในการถ่ายเอ็มวีในกรุงเทพฯ คือเราไม่สามารถถ่ายติดหน้าคนได้ ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในความยาก เพราะถ้ามองกันในเอ็มวีอาจไม่มีใครในซีนนี้ แต่จริงๆ แล้วทั้งซ้ายขวามีลุงป้าน้าอายืนถ่ายภาพและไลฟ์ด้วย ซึ่งนี่คืออีกความตั้งใจที่อยากให้ MXFRUIT ได้ออกมาถ่ายแบบเอาต์ดอร์ เพราะการถ่ายแบบนี้มันทำอีกไม่ได้แล้วกับ MXFRUIT เนื่องจากในวันนั้นน้องๆ ยังไม่มีคนรู้จัก แต่กับเพลงที่สองหรือสาม ถ้าทำแบบนี้แล้วโดนไลฟ์ มีภาพหลุดไปคือโป๊ะเลยนะ”
ตลาด อ.ต.ก.
Location : 101 ถนนกำแพงเพชร แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 (goo.gl/maps/YpMvZuJkS9Gb8gPa8)
“สมมติว่าคนดูไม่เคยรู้จัก MXFRUIT มาก่อน แต่การที่มีคนพูดว่า ไอ้วงห้าคนที่นั่งร้องเพลงอยู่ในร้านคั่วไก่ไง มันคือสิ่งที่เป็นความสำเร็จมากเลยนะ สองภูมิใจและขอบคุณค่ายมากๆ ที่ให้ทำสิ่งนี้ในเอ็มวีเกิร์ลกรุ๊ปได้”
เจ๊ฝน คั่วไก่
Location : 173 ซอยจุฬาลงกรณ์ 3 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 (goo.gl/maps/D6hZGZSJb44prVR4A)
“สำหรับโลเคชันหน้าไปรษณีย์กลางในช่วงท้าย เป็นการวนมาจบลูปที่เส้นทางเดิม อีกอย่างมันเป็นพื้นที่ที่สวยมาก ตัวอาคารก็มีเอกลักษณ์”
อาคารไปรษณีย์กลาง
Location : แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500 (goo.gl/maps/AoYCUjXbeDkTbCw88)
ตรอกสมหวังพลังมงคล ซอยเจ้าสัวสอน ตลาดน้อย
Location : แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100 (goo.gl/maps/mN92cfn4WRpAHUev5)
Location : ติดกับ เจ.เจ.มอลล์ ออกประตู 2, ถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 (goo.gl/maps/b9aX6FxhyNu42KDK9)
สวนลอยฟ้าเจ้าพระยา
Location : สะพานพระปกเกล้า แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 (goo.gl/maps/AaPdk6m3BiUV3xgH9)