สามารถ สุวรรณรัตน์ ผู้ก่อตั้งคลองแม่ข่าซิตี้แลป - Urban Creature

นอกจากเป็นคนทำสื่อ นักกิจกรรม นักเขียน และนักวิจัยด้านการพัฒนาเมือง สามารถ สุวรรณรัตน์ ยังเป็นคนมือเย็น

ในตรอกเล็กๆ ริมคลองแม่ข่า ท่ามกลางเงาสูงของโรงแรมย่านไนท์บาซาร์ เชียงใหม่ ผมพบเขาและทีมงาน—ร่วมด้วยพนักงานโรงแรมและผู้ประกอบการในพื้นที่—กำลังปลูกดอกไม้ริมคลอง

นั่นคือช่วงปลายเดือนมกราคม หนึ่งสัปดาห์ก่อนที่เขาจะร่วมกับทีมสถาปนิกใจบ้านสตูดิโอ ผศ.วรงค์ วงศ์ลังกา ภูมิสถาปนิกและอาจารย์จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และเครือข่ายประชาชน เปลี่ยนพื้นที่นี้ให้กลายเป็นสวนป่าเล็กๆ ใจกลางเมือง

‘สวนเกสรและผีเสื้อ : พื้นที่การเรียนรู้นิเวศคลองแม่ข่า’ คือชื่อกิจกรรมที่พวกเขากำลังทำ—ฟังดูเหมือนแค่การเพิ่มพื้นที่สีเขียวอีกหนึ่งแห่ง แต่สำหรับชายหนุ่มผู้นี้ นี่คือจุดเริ่มต้นของบางสิ่งที่ใหญ่กว่า

สามารถ สุวรรณรัตน์ Mae Kha City Lab แม่ข่าซิตี้แลป เชียงใหม่ สวนสาธารณะ สวนเกสรและดอกไม้ คลองแม่ข่า
Mae Kha City Lab แม่ข่าซิตี้แลป เชียงใหม่ สวนสาธารณะ สวนเกสรและดอกไม้ คลองแม่ข่า

“แม่ข่าเคยเป็นหัวใจของเชียงใหม่ เป็นชัยภูมิในการก่อตั้งเมือง แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง ถ้าฟื้นฟูมันได้สำเร็จ นั่นอาจหมายถึงการเปลี่ยนเมืองทั้งเมือง” เขาบอก

นี่คือแนวคิดของกลุ่มแม่ข่า ซิตี้ แลป (Mae Kha City Lab) กลุ่มที่สามารถร่วมกับเพื่อนนักวิจัย นักพัฒนาสังคม สถาปนิกชุมชน และเครือข่ายชาวบ้านริมคลองแม่ข่า ก่อตั้งขึ้นในปี 2565 เพื่อขับเคลื่อนกระบวนการการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการพัฒนาลำคลองและพื้นที่ริมคลอง

อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนอาจสงสัย ในเมื่อเทศบาลนครเชียงใหม่เพิ่งฟื้นฟูคลองแม่ข่าให้กลายเป็นจุดเช็กอินยอดนิยมของนักท่องเที่ยวไปหมาดๆ ยังจำเป็นต้องขับเคลื่อนอะไรอีก

ซึ่งนี่แหละ ประเด็นสำคัญ

สามารถ สุวรรณรัตน์ Mae Kha City Lab แม่ข่าซิตี้แลป เชียงใหม่ สวนสาธารณะ สวนเกสรและดอกไม้ คลองแม่ข่า

ช่องว่างระหว่างการเปลี่ยนแปลง

แม่ข่าเป็นสายน้ำที่มีมาก่อนการก่อตั้งเชียงใหม่กว่า 700 ปี นี่เป็นหนึ่งใน 7 เหตุผลตามหลัก ‘ชัยมงคล 7 ประการ’ ที่พญามังรายเลือกสร้างเมืองเชียงใหม่ในบริเวณที่เป็นอยู่นี้

ลำน้ำสายนี้มีความยาว 31 กิโลเมตร แต่เดิมมันคือเส้นเลือดฝอยเลี้ยงผู้คนในเมือง เริ่มจากรับน้ำจากดอยสุเทพผ่านคูเมือง กระจายสู่พื้นที่เกษตรกรรมในหย่อมย่านต่างๆ ก่อนจะไหลลงแม่น้ำปิง

กระนั้นเมื่อเมืองเติบโต จากคลองส่งน้ำระยะทางกว่า 10 กิโลเมตรที่ตัดผ่านเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ก็ถูกเปลี่ยนเป็นทางระบายน้ำเสีย อดีตชัยมงคลกลับถูกมองไม่ต่างจากแหล่งมลภาวะ ทั้งจากคุณภาพน้ำที่เหลือรับและชุมชนแออัดที่รุกล้ำริมคลอง

สามารถ สุวรรณรัตน์ Mae Kha City Lab แม่ข่าซิตี้แลป เชียงใหม่ สวนสาธารณะ สวนเกสรและดอกไม้ คลองแม่ข่า

ปัญหาจากคลองแม่ข่ากลายเป็นสิ่งที่หลายฝ่ายต่างกล่าวโทษกันไปมาตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา กระทั่งปี 2566 ที่เทศบาลนครเชียงใหม่ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ปรับปรุงพื้นที่ริมคลองเฟสแรก (บริเวณถนนระแกง-สะพานลำคูไหว) ระยะทาง 756 เมตรได้สำเร็จ ภาพจำของคลองแม่ข่าก็ถูกเปลี่ยนไปอีกแบบ

“เป้าหมายของเทศบาลฯ คือการปรับปรุงภูมิทัศน์และคุณภาพน้ำในลำคลองเป็นหลัก ขณะที่ พอช. (สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน) เข้ามาดูแลเรื่องการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ของชุมชนที่อยู่อาศัยเดิม ทำให้เรากับกลุ่มสถาปนิกใจบ้านสตูดิโอเข้ามามีส่วนร่วมตรงนี้

“ขณะเดียวกัน หลายฝ่ายก็เห็นตรงกันว่าช่องว่างของการพัฒนาพื้นที่ริมคลองคือ หลังจากนี้ชุมชนริมคลองแม่ข่าจะเป็นอย่างไรต่อไป เพราะไม่มีทางที่พื้นที่เฟสอื่นๆ จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างที่เป็นอยู่นี้ได้หมด” สามารถเล่าย้อนถึงที่มาในการก่อตั้งแม่ข่า ซิตี้ แลป

สามารถ สุวรรณรัตน์ Mae Kha City Lab แม่ข่าซิตี้แลป เชียงใหม่ สวนสาธารณะ สวนเกสรและดอกไม้ คลองแม่ข่า

City Lab กับลำคลอง

ในปีเดียวกับที่เทศบาลนครเชียงใหม่เปิดตัวคลองแม่ข่าโฉมใหม่ โครงการที่สามารถและทีมตั้งใจให้เป็นโมเดลของการใช้พื้นที่ริมคลองสำหรับคนเชียงใหม่อย่างยั่งยืนก็เริ่มต้นขึ้น

“เมื่อได้พูดคุยกับผู้คนในชุมชน เราก็คิดถึงโมเดลซิตี้แลป (City Lab) หรือห้องทดลองเชิงปฏิบัติการเมือง ที่ชวนผู้คนมาร่วมกันคิด ร่วมกันออกแบบย่านที่พวกเขาอาศัยให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิต เดิมทีโมเดลนี้มันถูกใช้ในเมืองใหญ่ๆ หลายเมืองทั่วโลก แต่เราสามารถใช้กับพื้นที่ที่ย่อส่วนลงมาอย่างชุมชนริมคลองแม่ข่าก็ได้ ชื่อ ‘แม่ข่า ซิตี้ แลป’ จึงผุดขึ้นตอนนั้น” สามารถกล่าว

แม่ข่า ซิตี้ แลป ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) และสถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แรกทีเดียวอยู่ภายใต้กรอบวิจัยเมืองน่าอยู่ (Livable City) และการขับเคลื่อนเรื่องการพัฒนาที่อยู่อาศัยริมคลอง ก่อนจะขยับมาอยู่ภายใต้กรอบวิจัยเมืองแห่งการเรียนรู้ (Learning City)

สามารถร่วมกับ ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์ และลลิตา จิตเมตตาบริสุทธิ์ ทีมวิจัยจากสถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เช่าอาคารพาณิชย์บนถนนระแกงเพื่อใช้เป็นสำนักงานและฐานปฏิบัติการสำหรับระดมสมองและจัดกิจกรรมต่างๆ ให้กับพื้นที่คลองแม่ข่าตลอดสองปีที่ผ่านมา

สามารถ สุวรรณรัตน์ Mae Kha City Lab แม่ข่าซิตี้แลป เชียงใหม่ สวนสาธารณะ สวนเกสรและดอกไม้ คลองแม่ข่า

“คลองแม่ข่าเป็นได้มากกว่าแค่จุดเช็กอินถ่ายรูป ความที่เป็นสายน้ำที่อยู่คู่กับเชียงใหม่มาตั้งแต่การก่อตั้งเมือง มันจึงบรรจุเรื่องราวและความทรงจำของผู้คนหลายรุ่นมาก ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญอันดับต้นๆ ของเมือง เราคิดว่านี่แหละที่เป็นต้นทุนให้ผู้คนริมคลองสามารถนำไปต่อยอดในธุรกิจที่มากไปกว่าจุดเช็กอินจุดหนึ่ง” สามารถเล่า

กิจกรรม Mae Kha Walk Along คือรูปธรรมที่สามารถกล่าว เขาชวนผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการตัวท็อปในด้านต่างๆ เป็นไกด์นำชมคลองแม่ข่าและพื้นที่ใกล้เคียงผ่านมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสายกลาง จินดาสุ (นักโบราณคดีชำนาญการ) อาจารย์ภูเดช แสนสา และอาจารย์แสวง มาละแซม (นักวิชาการล้านนาศึกษา) ผู้เป็นวิทยากรในแง่มุมประวัติศาสตร์ ผศ.วรงค์ วงศ์ลังกา (ภูมิสถาปนิก) ทนวินท วิจิตรพร และศุภวุฒิ บุญมหาธนากร (ใจบ้านสตูดิโอ) ที่ชวนสำรวจทรัพยากรธรรมชาติ และร่วมคิดนำเสนอแนวทางการพัฒนาที่อยู่อาศัย อจิรภาส์ ประดิษฐ์ (นักวิจัยและอาจารย์คณะศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมศาสตร์ มทร.ล้านนา) นำชมคลองผ่านแว่นของสถาปนิกผังเมือง หรือล่าสุดที่ชวนอินทนนท์ สุกกรี (นักส่งเสริมองค์ความรู้ CEA เชียงใหม่) พาชมวัดที่มีศิลปกรรมพม่าบนถนนท่าแพซึ่งคลองแม่ข่าตัดผ่าน เป็นต้น

Mae Kha Walk Along Mae Kha City Lab แม่ข่าซิตี้แลป เชียงใหม่ สวนสาธารณะ สวนเกสรและดอกไม้ คลองแม่ข่า
Mae Kha Walk Along Mae Kha City Lab แม่ข่าซิตี้แลป เชียงใหม่ สวนสาธารณะ สวนเกสรและดอกไม้ คลองแม่ข่า

นอกจากกิจกรรมเดินชมคลอง แม่ข่า ซิตี้ แลป ยังอยู่เบื้องหลังโปรเจกต์สนุกๆ อย่างกิจกรรม Mae Kha Walk Rally 2023 เพื่อสนับสนุนการรวมกลุ่มของชาวบ้านพ่อค้าแม่ค้าในชุมชนริมคลอง เพื่อสร้างโมเดลเศรษฐกิจร่วมค้าจนนำไปสู่รายได้นำไปสมทบทุนจัดซื้อโซลาร์เซลล์สำหรับใช้กับทางเดินริมคลอง, กิจกรรมชวนนักเรียน-นักศึกษาออกแบบมาสคอต, นิทรรศการ Imagine Maekha ที่นำเสนอจินตภาพของการพัฒนาที่อยู่อาศัยริมคลองในอนาคต, กิจกรรมรณรงค์ด้านการจัดการน้ำเสียด้วยการชวนชุมชนริมคลองทำถังกรองดักเศษอาหารและไขมันแบบ DIY รวมถึงการร่วมกับศิลปินและนักออกแบบสร้างสรรค์ Light Decoration ประดับพื้นที่ริมคลองสอดรับไปกับเทศกาลยี่เป็ง (ลอยกระทง) ของเมืองเชียงใหม่เมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา (Festival of Light Mae Kha & Night Bazaar) เป็นอาทิ

“สิ่งที่สำคัญไม่ใช่แค่ทำให้คนเห็นคุณค่าและมูลค่าของคลองแม่ข่าทั้งสาย แต่คือการทำให้คลองกลายเป็นพื้นที่สาธารณะที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน” สามารถกล่าวเสริม

แน่นอน กิจกรรมล่าสุด ‘สวนเกสรและผีเสื้อ’ ก็เป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่สะท้อนรูปธรรมของความตั้งใจของเขาคนนี้

สวนเกสรและผีเสื้อ

สวนเกสรและผีเสื้อ คือพื้นที่สีเขียวริมคลองด้านหลังโรงแรมดวงตะวัน เชียงใหม่ และโรงแรมสตาร์ เชียงใหม่ ซึ่งเกิดขึ้นจากความร่วมมือของแม่ข่า ซิตี้ แลป และกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมในย่านไนท์บาซาร์ โดยมีเป้าหมายในการฟื้นฟูนิเวศริมคลองผ่านแนวคิด ‘ช่วยกันดูแล’ ผ่านการหารือกับทางเทศบาลนครเชียงใหม่เอาไว้

จุดเริ่มต้นของสวนแห่งนี้เกิดจากกิจกรรม Earth Day : Mae Kha & Night Bazaar ในเดือนมกราคม 2567 ซึ่งสามารถและทีมชักชวนผู้ประกอบการกว่า 20 แห่งทำกิจกรรม Big Cleaning Day ทำความสะอาดทางเดินริมคลองย่านไนท์บาซาร์ ก่อนจะเดินสำรวจระบบนิเวศริมคลอง และพบว่ามีนกและแมลงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก (จากข้อมูลของภาควิชากีฏวิทยาและโรคพืช คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่ามีแมลงถึง 28 ชนิดที่อาศัยอยู่บริเวณนี้)

สวนเกสรและผีเสื้อ คลองแม่ข่า เชียงใหม่ ใจบ้านสตูดิโอ แม่ข่าซิตี้แลป
สวนเกสรและผีเสื้อ คลองแม่ข่า เชียงใหม่ ใจบ้านสตูดิโอ แม่ข่าซิตี้แลป

ความรุ่มรวยของระบบนิเวศจุดประกายให้หนึ่งปีต่อมา สามารถร่วมกับทนวินท, ศุภวุฒิ และ ผศ.วรงค์ ออกแบบพื้นที่สีเขียวในรูปแบบ Wild Gardening หรือ ‘สวนแบบผสมผสาน’ ที่มีพันธุ์ไม้มากกว่า 40 ชนิด ซึ่งไม่เพียงช่วยรักษาสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ แต่ยังลดต้นทุนในการดูแลรักษา—กล่าวอย่างเรียบง่ายคือ ปล่อยให้สวนมันได้เบ่งบานไปตามธรรมชาตินั่นเอง

“เราปลูกไม้ผสมผสาน ทั้งเดซี่ บานชื่น ตรีชวา แมงลัก ต้อยติ่ง กะเพรา หรือกระทั่งดอกด้าย (หงอนไก่ไทย) ที่เป็นไม้พื้นถิ่น วิธีนี้จะช่วยลดปัญหาวัชพืช ลดการตัดแต่ง เมื่อเมล็ดร่วงลงดิน ดอกไม้ต้นใหม่ก็กลับมางอกงามได้ และทำให้พื้นที่นี้กลายเป็นแหล่งอาศัยของผีเสื้อ ผึ้ง แมลงปอ และแมลงชนิดอื่นๆ ไปพร้อมๆ กับเป็นพื้นที่สีเขียวที่คนเชียงใหม่มาใช้พักผ่อนได้” สามารถกล่าว

สวนเกสรและผีเสื้อไม่เพียงเป็นพื้นที่สาธารณะแห่งแรกของไทยที่ออกแบบมาเพื่อดึงดูดแมลงให้มาผสมเกสร เพื่อสร้างความหลากหลายทางชีวภาพโดยเฉพาะ แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการมีส่วนร่วมที่กว้างขวางขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้ามาของผู้ประกอบการในย่านไนท์บาซาร์ ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยผลักดันให้สวนแห่งนี้เกิดขึ้นจริง

“เราทำแม่ข่า ซิตี้ แลป มาสองปี และพบว่านอกจากชุมชนและคนเชียงใหม่ที่เข้าร่วมกิจกรรม ผู้ประกอบการในย่านก็อยากมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูคลองด้วย แต่ที่ผ่านมาพวกเขายังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร”

นั่นเองทำให้สามารถนำแนวคิด Wild Gardening ไปนำเสนอให้ตัวแทนของกลุ่มผู้ประกอบการต่างๆ ฟัง

สามารถ สุวรรณรัตน์ Mae Kha City Lab แม่ข่าซิตี้แลป เชียงใหม่ สวนสาธารณะ สวนเกสรและผีเสื้อ คลองแม่ข่า

“เราบอกพวกเขาว่า การฟื้นฟูคลองไม่จำเป็นต้องรอภาครัฐมาทำเพียงฝ่ายเดียว เราทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ แค่ช่วยกันนำพื้นที่ธรรมชาติกลับมา ทำให้พื้นที่สาธารณะรอบอาคารของคุณดูดีขึ้นได้” สามารถกล่าว

โรงแรมดวงตะวัน เชียงใหม่, โรงแรมสตาร์ เชียงใหม่, โรงแรมเมอเวนพิค สุริวงศ์ เชียงใหม่ และพาวิลเลียน ไนท์บาซาร์ เป็น 4 ผู้ประกอบการนำร่องที่เข้ามามีส่วนร่วม ลงทุน ลงแรง และดูแลสวนอย่างต่อเนื่อง และเมื่อสวนแห่งนี้เปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 สามารถก็พบว่ามีผู้ประกอบการรายอื่นๆ ให้ความสนใจ และเริ่มชักชวนทีมของเขาให้ช่วยสร้างพื้นที่ลักษณะนี้ในจุดอื่นๆ ด้วยเช่นกัน

สิ่งนี้เองที่ทำให้นักทำสวนจำเป็นอย่างเขามองว่าเป็นหนึ่งในความสำเร็จของการขับเคลื่อนซิตี้แลป เพราะเป้าหมายของเขาหาใช่แค่การพัฒนาพื้นที่ แต่เป็นการสร้างกระบวนการการเรียนรู้และวิธีคิดให้ผู้คนได้เห็นว่า ทุกคนสามารถทำให้พื้นที่สาธารณะรอบตัวดีขึ้น พร้อมหาทางลงมือทำร่วมกัน ซึ่งไม่ใช่แค่กับพื้นที่ริมคลองแม่ข่าสายนี้ แต่ยังรวมถึงพื้นที่อื่นๆ ทั่วเมืองเชียงใหม่

“อย่างที่บอก ถ้าคลองแม่ข่าเปลี่ยนได้ เชียงใหม่ทั้งเมืองก็เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้ เพราะเมืองไม่ได้ต้องการแค่ผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ แต่สิ่งสำคัญคือการมีกลไกให้ผู้คนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาเมืองของตัวเอง” เขากล่าว

สามารถ สุวรรณรัตน์ Mae Kha City Lab แม่ข่าซิตี้แลป เชียงใหม่ สวนสาธารณะ สวนเกสรและผีเสื้อ คลองแม่ข่า
สามารถ สุวรรณรัตน์ Mae Kha City Lab แม่ข่าซิตี้แลป เชียงใหม่ สวนสาธารณะ สวนเกสรและผีเสื้อ คลองแม่ข่า

จากลำคลองถึงรอบคู และการสร้าง ‘วาระเชียงใหม่’

ขอแทรกเรื่องส่วนตัวสักนิด ในฐานะคนเขียนบทสัมภาษณ์ อันที่จริงสามารถ สุวรรณรัตน์ ควรจะเป็นคนท้ายๆ ที่ผมคิดจะเขียนถึง

ไม่ใช่ว่าเขาไม่น่าสนใจ แต่ความที่ผมรู้จักและมีโอกาสร่วมงานกับเขามามากกว่า 10 ปี ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกตอนที่เขาร่วมกับกลุ่ม คน.ใจ.บ้าน (ปัจจุบันคือใจบ้านสตูดิโอ) ขับเคลื่อนการฟื้นฟูคลองแม่ข่าในยุคที่ภาครัฐไม่คิดจะเหลียวแล ก่อนจะได้ทำนิตยสารเล่มเดียวกัน ไปจนถึงการเดินทางไปทั่วประเทศเพื่อทำสื่อประกอบงานวิจัยด้านการพัฒนาเมืองร่วมกัน การเขียนเรื่องราวของเขาจึงอาจเจือไปด้วยผลประโยชน์ทับซ้อนเล็กๆ

แต่นั่นละ ถ้าไม่นับว่าผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับแม่ข่า ซิตี้ แลป ตลอดสิบกว่าปีที่รู้จักกันมา สามารถในฐานะนักวิจัยก็มีส่วนร่วมในโครงการพัฒนาเมืองมากมาย จนอดไม่ได้ที่จะต้องหาเวลามานั่งคุยถึงสิ่งที่เขากำลังทำยาวๆ เสียที

เท่าที่พอจะทราบ โครงการที่เขาขับเคลื่อนมีตั้งแต่การร่วมทำข้อมูลเพื่อโปรโมตเชียงใหม่เป็นมรดกโลก, โครงการปลุกใจเมือง หรือ Spark U ของ สสส., การริเริ่มความคิดในการตั้งสภาประชาชนของเมืองเชียงใหม่, การร่วมงานกับสภาลมหายใจเชียงใหม่ในช่วงตั้งไข่ ไปจนถึงการทำโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้และเมืองน่าอยู่ของ บพท. หรืออย่างล่าสุดกับการริเริ่มกลุ่ม ‘วาระเชียงใหม่’ ในการเป็นพื้นที่กลางทางการเมืองภาคประชาชน ฯลฯ

และเท่าที่พอจะทราบอีก หลายโครงการที่เขารับผิดชอบก็หาใช่โครงการที่มีงบประมาณมากมายอะไร และใช่ โครงการอีกไม่น้อยที่เขาเป็นผู้ริเริ่มก็เกิดจากการควักกระเป๋าตัวเองมาทำด้วยซ้ำ

สามารถ สุวรรณรัตน์ Mae Kha City Lab แม่ข่าซิตี้แลป เชียงใหม่ สวนสาธารณะ สวนเกสรและผีเสื้อ คลองแม่ข่า

หลังจากปลูกต้นไม้เสร็จ เราหลบร้อนมานั่งคุยกันต่อที่ห้องอาหารของโรงแรมสตาร์ เชียงใหม่ ซึ่งอยู่ติดกับสวนเกสรและผีเสื้อ ผมถามสามารถว่า อะไรทำให้อดีตนักศึกษาประวัติศาสตร์ศิลปะอย่างเขา (จบจากมหาวิทยาลัยวิศวภารตี ศานตินิเกตัน ประเทศอินเดีย) ถึงหันมาทุ่มชีวิตไปกับการทำงานด้านการพัฒนาเมืองนัก

“เราเกิดและโตในย่านใจกลางเมืองเชียงใหม่ และเห็นว่าเมืองเรามันมีความพร้อมหลายเรื่องมากๆ มีสถาบันการศึกษา มีเครือข่ายภาคประชาสังคม มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีกลุ่มองค์กร ภาคเอกชน หรือคนเก่งๆ มากมาย แต่อย่างที่ทราบกันว่า ศักยภาพเหล่านี้กลับไม่ได้ส่งผลต่อการพัฒนาของเมืองในภาพรวมเท่าไหร่นัก” เขาตอบ

“จะว่าเป็นเพราะความรักเมืองนี้ไม่เชิง แต่ก็อยากเห็นว่าบ้านเกิดเรามันดีขึ้น และในฐานะคนทำงานกับชุมชน เราก็เห็นว่าการทำอะไรสักอย่างให้คนทั่วไปอย่างเราๆ หรือชาวบ้านได้มีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางของเมืองเป็นเรื่องสำคัญ”

ในฐานะที่สามารถสวมหมวกอีกใบคือนักวิจัยเรื่องเมือง เขายังสะท้อนข้อจำกัดให้ฟังเพิ่มเติมว่า ด้วยงานวิจัยต้องพึ่งพางบประมาณจากรัฐเป็นหลัก เมื่องบประมาณหมดลงตามวาระ โครงการวิจัยดีๆ มากมายที่นักวิจัยหลายคนได้เริ่มไว้กับชุมชนก็จำต้องยุติลงไปอย่างน่าเสียดาย ชายหนุ่มจึงเชื่อว่าการสร้างกลไกความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ แบบที่พยายามทำผ่านแม่ข่า ซิตี้ แลป จึงน่าจะเป็นอีกหนึ่งวิธีในการให้แนวทางการพัฒนาเมืองโดยภาคประชาชนเติบโตขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ

Mae Kha City Lab แม่ข่าซิตี้แลป เชียงใหม่ สวนสาธารณะ สวนเกสรและผีเสื้อ คลองแม่ข่า

“จริงๆ มันง่ายมากเลยนะ การทำงานวิจัยให้ตอบกับวัตถุประสงค์ และ TOR ให้โครงการจบๆ ไป แต่ถามว่าในภาพใหญ่มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไหม นักวิจัยเองก็ตอบไม่ได้ เราจึงคิดว่าอย่างน้อยที่สุด เราควรต้องสร้างกลไกบางอย่างให้สิ่งที่ได้ริเริ่มไว้เคลื่อนต่อได้เอง ทำให้คนทั่วไปเข้าใจและมีพื้นที่ของการมีส่วนร่วม

“เราเชื่อเรื่องแรงกระเพื่อม แม้มันจะเป็นแรงกระเพื่อมเล็กๆ แต่ถ้ามันเกิดขึ้นพร้อมๆ กันในหลายๆ จุด มีคนมาจุดประกาย และผู้คนส่วนใหญ่มาช่วยกันสานต่อ ความเปลี่ยนแปลงในภาพใหญ่ก็อาจเกิดขึ้น อาจเป็น ‘วาระเมืองเชียงใหม่’ เข้าสักวัน” เขากล่าว พร้อม Tie in ถึงอีกโครงการเมืองที่เขาขับเคลื่อนต่อเนื่องมาหลายปี

ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง มองเห็นผีเสื้อบินมาตอมกลีบสีชมพูของดอกบานชื่น—“เหมือนที่เห็นคนอื่นๆ มาช่วยกันทำสวนนี้ ความสำเร็จของคุณเป็นแบบนี้ใช่ไหม” ผมสงสัย

“ก็อาจใช่…ไม่รู้สิ ที่ผ่านมามันอาจสำเร็จบ้างหรือล้มเหลวบ้าง แต่อย่างน้อยเราคิดว่าเราได้ลงแรงทำอย่างเต็มที่แล้ว” เขาตอบ

“สุดท้ายคำตอบมันอาจไม่ใช่ความรักบ้านเกิดแบบโรแมนติก หรือกระทั่งต้นทุนและกำไร แต่สำหรับเรา มันคือความสะใจที่ได้ลงมือทำ และได้เห็นความเปลี่ยนแปลง แม้เพียงสิ่งเล็กๆ แบบนี้ก็ตาม”

สามารถ สุวรรณรัตน์ Mae Kha City Lab แม่ข่าซิตี้แลป เชียงใหม่ สวนสาธารณะ สวนเกสรและผีเสื้อ คลองแม่ข่า

หมายเหตุ
ติดตามงานของสามารถและกลุ่มแม่ข่า ซิตี้ แลป ได้ทาง maekhacitylab.com และ Imagine MaeKha 
โครงการแม่ข่า ซิตี้ แลป เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้ เชียงใหม่ ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ข้อมูลเพิ่มเติม chiangmailearningcity.com 
นอกจากนี้ สามารถยังทำงานในโครงการวิจัยด้านการพัฒนาเมืองอีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น วาระเชียงใหม่ (Chiang Mai Agenda) รวมถึงโครงการสื่อประกอบงานวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด WeCitizens และ The City Leaders

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.