Life of Huatakhe : วิถีชีวิตริมน้ำ “ชุมชนหัวตะเข้” - Urban Creature

หลายคนอาจเคยโหยหาธรรมชาติอยากย้อนเวลากลับไปในอดีตเพราะชีวิตในเมืองเราอยู่กับความเร่งรีบและความเครียดที่สะสมลองใช้ชีวิตให้ช้าลงเพื่อเพิ่มความสุขให้มากขึ้นกับพื้นที่ที่ยังคงอนุรักษ์เสน่ห์ของวิถีชีวิตคนริมน้ำ “ชุมชนหัวตะเข้”

ภาพบ้านเรือนแถวไม้โย้เย้ริมคลองหลังคาสังกะสีผุเก่าหากจะบอกว่าเป็นความสวยงามก็คงไม่ใช่แต่ถ้าบอกว่าเป็น ‘เสน่ห์’ น่าจะเหมาะกว่า เพราะความเก่าแก่ใช่ว่าจะหมายถึงความทรุดโทรมผุพังเพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายถึงการผ่านร้อนผ่านหนาวและผ่านเรื่องราวมากมายที่หากมองข้ามความผุพังทรุดโทรมเข้าไปให้ลึกก็จะเห็นเสน่ห์ในความเก่านั้น

| คน + น้ำ = ชีวิต

ชุมชนหัวตะเข้ หรือในอีกชื่อหนึ่งคือ ชุมชนหลวงพรต-ท่านเลี่ยม ที่หลายคนอาจสงสัยว่า “ที่นี่คือที่ไหนต่างจังหวัดหรือเปล่า ?” แต่ชุมชนนี้อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลในเขตลาดกระบัง จังหวัดกรุงเทพมหานครนี่เองซึ่งเป็นหนึ่งในชุมชนริมน้ำ ‘คลองประเวศบุรีรมย์’ อายุกว่า 100 ปี ที่ยังคงวิถีชีวิตริมน้ำไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ซึ่งประวัติการขุดคลองนี้มีขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยการขุดในครั้งนี้เพื่อเป็นการเชื่อมต่อการคมนาคมทางน้ำจากคลองพระโขนงไปยังปากแม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา

แต่ระหว่างที่ขุดคลองนั้นมีการขุดค้นพบหัวจระเข้ใหญ่อยู่กลางสี่แยกซึ่งปัจจุบันเรียกว่า ‘สี่แยกคลองหัวตะเข้’ และหัวจระเข้ที่ขุดได้มานั้นชาวบ้านสมัยนั้นเชื่อว่าเป็นจระเข้ศักดิ์สิทธิ์จึงได้นำหัวจระเข้ขึ้นมาบูชาโดยคนสมัยก่อนจะเรียก ‘จระเข้’ แบบสั้นๆว่าตะเข้จึงเพี้ยนมาเป็นคำว่า “หัวตะเข้” จึงกลายเป็นชื่อชุมชนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

วิถีชีวิตของชาว ‘ชุมชนหัวตะเข้’ ทำให้ย้อนนึกไปถึงสมัยก่อนเราผูกพันกับคลองโดยเห็นได้จากการปลูกบ้านเรือนอยู่ริมฝั่งคลองและอาศัย ‘น้ำ’ เพื่อความสะดวกในการทำมาหากินหาสัตว์น้ำด้วยอุปกรณ์พื้นบ้าน เช่น  “การยกยอ” หรือ “ทอดแห” การเดินทางไปมาหาสู่กันด้วยเรือเป็นหลักและที่เป็นเอกลักษณ์เลยคือการขายของบนเรือไม่ว่าจะเป็น ก๋วยเตี๋ยวเรือป๊อกๆ(ที่เรียกว่าป๊อกๆเพราะมาจากเสียงเคาะเรียกให้คนออกออกมาซื้อนั่นเอง) หรือเรือขายของชำของจิปาถะทุกอย่างที่มีมาให้เลือกตามใจชอบรวมไปถึงการเติบโตของสัตว์หายากที่อาศัยอยู่เฉพาะริมน้ำที่อุดมสมบูรณ์เท่านั้น ทั้งหมดนี้กลายเป็นสายใยที่สานความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนที่ยังคงใช้ชีวิตอยู่ริมน้ำอย่างสงบและเรียบง่ายตลอดมา

และอีกพื้นที่สำคัญที่ทำให้เห็นภาพวิถีชีวิตริมน้ำอย่างชัดเจนมากขึ้นนั่นคือ ‘ศาลาท่าน้ำ’ ซึ่งเป็นเหมือนพื้นที่อเนกประสงค์ของคนที่อยู่บ้านริมน้ำคล้ายกับชานของบ้านที่สมาชิกทุกคนในบ้านจะมารวมกันที่นี่เหมือนเป็นพื้นที่ต้อนรับเพื่อนบ้าน นั่งสังสรรค์กินข้าว ตกปลา สนทนา พักผ่อนนอนกลางวันบางคนก็นั่งอยู่ทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดบ่ายทั้งการซื้อของกินของใช้จากพ่อค้าแม่ค้าที่พายเรือมาขายตลอดวัน อีกทั้งงานบ้านซึ่งต้องทำที่ท่าน้ำทั้งการซักผ้า ล้างจาน หรือแม้กระทั่ง ‘สระว่ายน้ำส่วนตัว’ ของเด็กๆที่ลงไปว่ายน้ำกันอย่างสบายใจซึ่งอาจดูเป็นมุมเล็กๆ แต่รับรองว่าถ้าได้เห็นแล้วต้องอมยิ้มมีอาการหัวใจพองโตอย่างบอกไม่ถูกแน่นอน

| ชีวิตดั้งเดิม + ความเปลี่ยนแปลง = เสน่ห์ของวิถีชีวิต

ในอดีตชุมชนหัวตะเข้เคยเป็นชุมทางการค้าสำคัญทางฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ ที่กาลเวลาทำให้พบเจอกับความเปลี่ยนแปลงมาตลอดเวลากว่าร้อยปีแต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจนลืมรากเหง้าของตัวเองและนี่คือเสน่ห์ที่แท้จริง

ปัจจุบันสังคมเราพัฒนาไปในทางที่หลากหลายมากขึ้นจึงส่งผลให้ทุกอย่างเกิดการปรับตัวเพื่อ ‘ความอยู่รอด’ เพราะชาวบ้านในชุมชนได้รวมตัวกันอนุรักษ์ฟื้นฟูให้ชุมชนกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งซึ่งนับเป็นเรื่องดีที่ชาวชุมชนผู้เป็นเจ้าของวัฒนธรรมที่เข้ามามีบทบาทในการรักษาวิถีชีวิต วัฒนธรรม ขนมธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่นส่งต่อไปจากรุ่นสู่รุ่น

รวมไปถึงกลุ่มคนสมัยใหม่จากวิทยาลัยช่างศิลป์  โรงเรียนพรตพิทยพยัต และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯลาดกระบัง  ได้ร่วมกันก่อตั้ง ‘ตลาดนัดศิลปะชุมชนหัวตะเข้’ ช่วยทำให้ภาพลักษณ์ของชุมชนดูเข้าถึงง่ายด้วยการนำศิลปะมาผสมผสานกับวิถีชีวิตโดยปรับเปลี่ยนบรรยากาศของชุมชนช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์จะมีวงดนตรีเล็กๆ ที่มีนักดนตรีที่ทั้งร้องและเล่นโดยคนในชุมชนสร้างความบันเทิงขับกล่อมผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา หรือจะเป็นแกลอรี่เล็กๆ ที่เปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษา ศิลปินอิสระ ได้มีโอกาสโชว์ผลงานและให้คนทั่วไปเข้ามาเสพงานศิลป์ไปพร้อมๆ กัน

และสิ่งที่ทำให้เห็นว่าที่นี่มีการปรับตัวให้เข้ากับสังคมที่เปลี่ยนไปนั่นคือ ‘คาเฟ่’ ตอบโจทย์ความฮิปสเตอร์แบบสุดๆ ที่สมัยนี้ไม่ว่าจะไปไหนใครก็ต้องเชคอินและที่ ‘ชุมชนหัวตะเข้’ นี้ก็มีทั้งรานอาหารและคาเฟ่ให้จิบกาแฟนั่งชิลล์กินบรรยากาศธรรมชาติริมน้ำแถมด้วยการชื่นชมสถาปัตยกรรมการตกแต่งแบบบ้านไม้โบราณหรือถ้าอยากซึมซับวิถีชีวิตให้มากขึ้นที่นี่ก็มีที่พักแบบ ‘โฮมสเตย์’ ที่ชาวบ้านในชุมชนปรับเปลี่ยนพื้นที่ให้คนได้เข้ามาเรียนรู้วิถีชีวิตและเป็นการเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่งด้วย

จากความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยถูกปรับใช้ให้เข้ากับชุมชนแต่ยังคงเอกลักษณ์ของวิถีชีวิตริมน้ำเรียบง่ายจนกลายเป็นเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใครและทั้งหมดนี้คือการร่วมมือกันของคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ที่คงไว้ซึ่งมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษไม่ให้ถูกลืนกินจากสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป

Writer

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.