LATEST
Household คนไทยและถิ่นที่อยู่
‘ที่อยู่อาศัย’ คือหนึ่งในปัจจัยสี่ที่ช่วยให้มนุษย์ดำรงชีวิตอยู่ได้ เป็นทั้งพื้นที่ส่วนตัว พื้นที่พักผ่อน และพื้นที่ที่ให้ความสุขสบายทั้งกายและใจ ดังนั้นการมีบ้านหรือที่อยู่สักแห่งเป็นของตัวเองนั้นจึงเป็นความฝันและเป้าหมายของใครหลายคน แต่การจะมีบ้านเป็นของตัวเองสักหลังในตอนนี้แทบกลายเป็น ‘ความฝัน’ ที่เอื้อมไม่ถึงของคนไทยจำนวนไม่น้อย ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันที่ทำให้ทุกคนต้องรัดเข็มขัดให้แน่นกว่าเดิม รวมถึงปัจจัยอื่นๆ อย่างวัสดุการสร้างบ้าน ค่าที่ดิน หรือดอกเบี้ยการกู้เงินที่สูงขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก จนทำให้คนที่ตั้งใจจะซื้อที่อยู่เป็นทรัพย์สินของตัวเองต่างต้องเลื่อนโครงการในฝันนี้ออกไปเรื่อยๆ จนไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วเมื่อไหร่ถึงจะได้มีบ้านในครอบครองเสียที คอลัมน์ Overview เดือนพฤษภาคมนี้ ชวนทุกคนไปสำรวจเรื่องราวเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยในยุคปัจจุบัน ตั้งแต่ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ เทรนด์การเช่าอยู่ที่กำลังมาแรง ไปจนถึงแนวโน้มของที่อยู่อาศัยที่จะรองรับวิถีชีวิตของผู้คนในอนาคต ราคาอสังหาริมทรัพย์ในเมืองสูง ปัจจุบันที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ มีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัย ได้แก่ มูลค่าของตัวบ้าน ค่าวัสดุก่อสร้างต่างๆ ที่ปรับตัวขึ้น รวมไปถึงราคาประเมินที่ดินเมื่อต้นปี 2566 ที่ปรับขึ้นถึง 8.93 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้ราคาซื้อขายที่อยู่ต้องปรับขึ้นตาม โดยทำเลไหนที่เป็นแหล่งตลาดงานและเดินทางสะดวก ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีก ตัวอย่างทำเลในกรุงเทพฯ ที่ใกล้แหล่งทำงานและขนส่งสาธารณะที่มีราคาสูง ได้แก่ – ถนนเพลินจิต 1,000,000 บาท/ตร.ว. – ถนนสีลม 750,000 – 1,000,000 บาท/ตร.ว. – ถนนสาทร 450,000 […]
เปิดต้นตอปัญหาฝุ่นพิษในภาคเหนือกับ ‘Hazibition : นิทรรศการใต้ฝุ่นควัน’ ที่หอศิลปกรุงเทพฯ วันนี้ – 28 พ.ค. 66
ตอนนี้เวลาแหงนมองไปบนฟ้า เชื่อว่าหลายคนคงทำหน้าเหม็นเบื่อกันสุดๆ เพราะฝุ่นควันซึ่งเป็นมลพิษทางอากาศปกคลุมเมืองอยู่ ทำให้การออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือการใช้ชีวิตเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่สะดวกนัก ยิ่งกับโซนภาคเหนือที่มีทั้งไฟป่า เผาหญ้า ทำนา เลี้ยงสัตว์ การจราจร ฯลฯ ปัญหาฝุ่นควันยิ่งมีแต่ทวีความรุนแรงขึ้นจนมองวิวทิวทัศน์ภูเขาแทบไม่เห็น อย่างเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ก็ถือเป็นอีกหนึ่งวิกฤตที่หลายภาคส่วนล้วนพูดถึงและพยายามหาทางแก้ปัญหา เพราะบริเวณภาคเหนือตอนบนประสบปัญหาฝุ่นพิษข้ามพรมแดนที่พูดได้ว่าร้ายแรงที่สุดในรอบ 20 ปี โดยสาเหตุหลักมาจากการเผาในที่โล่ง พื้นที่ป่า พื้นที่เกษตร ยังไม่นับรวมฝุ่นควันจากการเผาจากประเทศเพื่อนบ้านอีก เช่น ตอนเหนือของ สปป.ลาว รัฐฉานของเมียนมา ที่ส่งผลให้ประชาชนกว่า 2 ล้านคนเผชิญผลกระทบทางสุขภาพและความเป็นอยู่ และอีกหนึ่งตัวการก่อมลพิษทางอากาศคือ อุตสาหกรรมที่เน้นการผลิตและบริโภคเนื้อสัตว์เป็นจำนวนมาก ทำให้ความต้องการพืชเพื่อมาเป็นอาหารสัตว์มากตามไปด้วย และเมื่อต้องใช้พื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้น ก็เกิดการรุกรานพื้นที่ป่าอันอุดมสมบูรณ์ให้ลดน้อยลง เช่น การรุกล้ำพื้นที่ป่าแอมะซอนเพื่อใช้ปลูกถั่วเหลือง หรือพื้นที่ป่าไม้ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงก็ถูกเปลี่ยนไปปลูกข้าวโพด 10.6 ล้านไร่ ทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หลายพันล้านตันถูกปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ เร่งให้เกิดภาวะโลกร้อนและกลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่แก้ไม่ได้เสียที แม้ปัจจุบันค่าฝุ่น PM 2.5 ในเมืองจะลดน้อยลง หรืออากาศภาคเหนือได้กลับมาสดใสและมองเห็นภูเขาอีกครั้ง แต่เมื่อฤดูหมอกควันมาถึง ปัญหาก็เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเมื่อความเข้าใจที่มาของการเกิดฝุ่น ระบบทุนผูกขาด หรือชีวิตความเป็นอยู่ของคนกับป่า เกษตรกร ชาวนา ยังไม่ถูกเชื่อมโยงเข้าหากัน ต้นตอสาเหตุเรื่องนี้ก็ยังอยู่ในม่านหมอกต่อไป เพื่อทำความเข้าใจปัญหาของฝุ่น PM […]
บอกลาโพสต์อิทติดเต็มกำแพง Overture แป้นพิมพ์ที่มีฟังก์ชันจดบันทึกได้ ทำงานสะดวก ลดการใช้กระดาษฟุ่มเฟือย
แม้ว่าทุกวันนี้จะมีการพัฒนาอุปกรณ์หรือโปรแกรมสำหรับจดบันทึกข้อมูลที่เอื้อให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ทุกครั้งที่มีเรื่องด่วนระหว่างประชุมหรือคุยโทรศัพท์ ชาวออฟฟิศส่วนใหญ่คงเคยชินกับการคว้าเศษกระดาษหรือโพสต์อิทใกล้ตัวเพื่อบันทึกข้อความสำคัญให้ทันท่วงที ทว่าการใช้กระดาษถือเป็นต้นทุนที่สูงสำหรับหลายออฟฟิศ เพราะต้องซื้ออุปกรณ์เหล่านี้เป็นประจำทุกเดือน หลังจากใช้งานเสร็จ กระดาษเหล่านี้ยังถูกขยำทิ้งหรือกลายเป็นขยะกองโตที่ทำให้โต๊ะทำงานดูรกและสกปรก ที่สำคัญ การใช้กระดาษอย่างสิ้นเปลืองยังเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อมทางหนึ่ง เนื่องจากกระดาษส่วนใหญ่ล้วนทำมาจากทรัพยากรไม้ เพราะเหตุนี้ นักออกแบบอย่าง Jeong Woo Kim จึงปิ๊งไอเดียที่จะผสมผสานการจดบันทึกข้อมูลและระบบดิจิทัลเข้าด้วยกัน จนเกิดเป็น ‘Overture’ แป้นพิมพ์ที่มีฟังก์ชันจดบันทึกข้อมูลในตัว ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานจดข้อมูลต่างๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยไม่ต้องใช้กระดาษแม้แต่ใบเดียว Overture คือคีย์บอร์ดที่มีดีไซน์เรียบง่าย มีแป้นพิมพ์ตัวอักษรและแป้นพิมพ์ตัวเลขเหมือนคีย์บอร์ดทั่วๆ ไป แต่เมื่อไหร่ที่ต้องการจดบันทึกข้อมูล ผู้ใช้งานสามารถเปิดแป้นพิมพ์ตัวเลขขึ้นมา ก็จะพบกับ Notepad สำหรับจดบันทึกทันที โดยข้อความที่จดลงบน Notepad ยังจะถูกบันทึกและแปลงเป็นไฟล์ภาพในคอมพิวเตอร์ให้อัตโนมัติด้วย Overture มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีกากี สีกรมท่า และสีงาช้าง นอกจากจะเป็นแป้นพิมพ์ที่สวยและน่าใช้งานแล้ว ฟังก์ชันของเจ้า Overture ยังถูกพัฒนาอย่างรอบคอบเพื่อแก้ Pain Point ของชาวออฟฟิศ และยังช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมด้วย Source : DesignWanted | t.ly/shDk
MONOLOGO Coffee ร้านกาแฟที่ต่อขยายจากโรงงานเก่า ในเขตพื้นที่คุ้มครองอุตสาหกรรมโรงงานของเมืองปักกิ่ง
หากใครมีโอกาสเดินทางไปท่องเที่ยวที่เมืองปักกิ่งสักครั้ง ‘751D·PARK’ ถือเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะนอกจาก 751D·PARK จะเป็นสถานที่ที่ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นแหล่งรวมความบันเทิงตั้งแต่ร้านอาหาร คาเฟ่ โรงละคร นิทรรศการการออกแบบ บาร์ดนตรี ไปจนถึงร้านหนังสือ 751D·PARK เองก็ยังคงอนุรักษ์ความดั้งเดิมของเขตอุตสาหกรรมที่เป็นที่ตั้งของอดีตโรงงานทั้งหมด 751 แห่งไว้ด้วยกัน หนึ่งในสถานที่ที่ต้องปักหมุดสุดๆ คือ ‘MONOLOGO Coffee’ ร้านกาแฟที่เบลนด์ตัวเองเข้ากับโรงงานเก่าได้อย่างลงตัวในพื้นที่ขนาด 375 ตารางเมตร จากการสร้างร้านกาแฟใหม่ครอบส่วนหนึ่งของโรงงานเก่า คล้ายเป็นการต่อขยายจากตัวโรงงานเดิมโดยไม่รบกวนหรือเปลี่ยนแปลงพื้นที่เดิมไปมากนัก คาเฟ่แห่งนี้อยู่ภายใต้การออกแบบของสตูดิโอออกแบบพื้นที่ทางสถาปัตยกรรมขนาดเล็กและขนาดกลาง ‘SpaceStation’ ที่ต้องการสร้าง MONOLOGO Coffee ให้ออกมาสมบูรณ์แบบ แต่ไม่ทำลายรูปแบบของโรงงานเดิม และยังทำให้ผู้ใช้งานสังเกตเห็นความแตกต่างระหว่างของเก่าและของใหม่ได้ด้วย เพราะเมื่อเดินเข้าไปภายใน เราจะพบกับเก้าอี้และโต๊ะสำหรับนั่งจิบกาแฟชิลๆ อยู่ร่วมกับเตาเผาเก่าขนาดใหญ่ที่กระจายตัวอยู่ภายใน ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังก้าวเข้าสู่พื้นที่อนุสรณ์ของย่านโรงงานในอดีตที่เต็มไปด้วยวิถีชีวิตของผู้คนในเวลานั้น นอกจากนี้ SpaceStation ยังออกแบบให้ส่วนหน้าอาคารด้านทิศเหนือและทิศใต้เปิดโล่ง เพราะต้องการให้ MONOLOGO Coffee เป็นเหมือนพื้นที่สาธารณะของเมืองที่เปิดให้ชาวเมืองและนักท่องเที่ยวได้แวะพักเอนหลังสักครู่ ก่อนจะเดินทางไปดื่มด่ำศิลปวัฒนธรรมกันต่อใน 751D·PARK ตลอดทั้งพื้นที่ Sources : ArchDaily | t.ly/qMhrBeijing Tourism | t.ly/POSoxSpaceStation | t.ly/ev92
‘Design & Politics’ งานดีไซน์เพื่อการเลือกตั้งจากไต้หวัน ที่ช่วยส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน
การเลือกตั้งที่ไทยจบลงไปแล้วกับชัยชนะของฝั่งประชาธิปไตย แต่หนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจแต่เราอาจมองข้ามไปคือ การสร้างสรรค์ดีไซน์หรือฮาวทูต่างๆ ที่จะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงและเข้าใจการเลือกตั้งได้อย่างชัดเจนขึ้น เพราะก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่เข้าใจในกติกาหรือรายละเอียดการเลือกตั้ง จนกลายเป็นผลเสียตามมา Urban Creature ขอพามาดูตัวอย่างงานออกแบบการเมืองของประเทศไต้หวัน ที่พยายามใช้งานดีไซน์ทำให้ประชาชนเข้าใจการเลือกตั้งได้ง่ายขึ้น จาก ‘Golden Pin Design Award’ งานรางวัลการออกแบบที่มีชื่อเสียงที่สุดในตลาดการออกแบบแห่งไต้หวัน จีน มาเก๊า และฮ่องกง ที่ต้องการเปิดโอกาสและสนับสนุนงานออกแบบหลากหลายประเภทจากประเทศต่างๆ ในเอเชีย ไต้หวันมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีและผู้ว่าราชการจังหวัดทุกๆ 4 ปี โดยจัดสลับกันระหว่างสองการเลือกตั้งนี้ในทุกๆ 2 ปี แน่นอนว่าต้องมีการโปรโมตเพื่อหาเสียงเหมือนกับการเลือกตั้งในบ้านเรา และแนวคิดที่ชาวไต้หวันเลือกนำมาใช้คือการออกแบบการหาเสียงที่จะช่วยส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน หนึ่งในงานออกแบบการหาเสียงที่น่าสนใจคือ การเปิดช่องทางให้ประชาชนทั่วไปได้ทำความเข้าใจนโยบายของผู้สมัครเลือกตั้งในด้านต่างๆ เช่น นโยบายในประเทศ นโยบายต่างประเทศ ความมั่นคงของชาติ และระบบเศรษฐกิจ ผ่านการออกแบบฟังก์ชัน ‘ห้องแชตประธานาธิบดี’ โดย ‘Block Studio’ เพื่อเป็นช่องทางให้ข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายต่างๆ เริ่มต้นจากการเลือกผู้สมัครที่สนใจ และระบบจะนำเราเข้าสู่ห้องแชตที่อธิบายนโยบายต่างๆ ในรูปแบบของบทสนทนาที่ใช้กันทั่วไป จากนั้นระบบจะประมวลผลจากการสื่อสารและนโยบายที่ผู้ใช้งานได้เลือกระหว่างสนทนาว่า พรรคไหนคือพรรคที่มีนโยบายตรงกับความต้องการของเรามากที่สุด ซึ่งวิธีดังกล่าวนอกจากจะทำให้ประชาชนเข้าใจและเลือกนโยบายที่ตอบโจทย์แล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้เลือกผู้สมัครที่มีวิสัยทัศน์ตรงกับตัวเอง โดยไม่ตัดสินจากตัวพรรคที่สังกัดอย่างที่เคยเป็นมา อีกหนึ่งการออกแบบคือ ‘คู่มือการเลือกตั้ง’ ซึ่งเป็นผลงานจาก ‘graphic room’ […]
Urban Eyes 36/50 เขตหนองแขม
ในระหว่างที่เขียนบทความนี้ เรารู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของประเทศไทย โดยเฉพาะเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ ที่ใกล้เข้ามาทุกที โชคดีที่เราได้ลงพื้นที่เก็บภาพประวัติศาสตร์ตามเขตต่างๆ ในยุคสมัยที่เป็นรอยต่อการปกครองนี้ ซึ่งความเป็นจริงเราก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะเปลี่ยนแปลงไปได้มากน้อยแค่ไหน แต่เชื่อว่าคนไทยคงมีความหวังเพิ่มขึ้น โปรเจกต์ Bangkok Eyes กลับมาอีกครั้งกับเขตหนองแขม หนึ่งในเขตที่เราแทบไม่ค่อยได้เดินทางไป รู้แค่ว่าเป็นเขตหนึ่งที่อยู่เลยบางแคไป และจำได้เพียงแลนด์มาร์กที่ดังที่สุดคือช่องสามหนองแขม จึงถือเป็นการลงพื้นที่ถ่ายภาพสตรีทโฟโต้ที่มีความท้าทายอีกเขตหนึ่ง ทางเดินฟุตพาทเลียบถนนเพชรเกษม ━ เป็นทางเท้าที่ร่มรื่น น่าเดิน เพราะมีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมทางเดินเป็นเส้นทางยาว อยากแนะนำให้มาเดินถ่ายรูปเล่นกัน แต่ถ้าจะถ่ายแนวสตรีทอาจยากหน่อยเพราะไม่ค่อยมีคนเดินเยอะเท่าไหร่ นอกจากบริเวณทางเดินที่ผ่านหน้าชุมชนตรงตลาดนัด สวนพุทธรักษ์ ━ สวนสาธารณะขนาดเล็กที่มีลู่วิ่ง สนามบาสเกตบอล สนามแบดมินตัน และสนามบอลอยู่ในที่เดียวกัน เอาเป็นว่าวิ่งแป๊บเดียวก็ครบรอบแล้ว เท่าที่ถามมาที่นี่เหมือนเป็นสวนสาธารณะแห่งเดียวในเขตนี้ แต่เราก็พอเข้าใจได้เพราะทางเดินเลียบถนนของเขตก็กว้างใหญ่พอให้ใช้วิ่งและพักผ่อนได้ตลอดทาง ที่นี่ช่วงเย็นๆ คนจะเยอะเพราะฝั่งตรงข้ามของสวนเป็นตลาดนัดขนาดใหญ่ คนเดินไปเดินมาตลอดเวลา ถ้าเลยเข้าไปในซอยจะมีร้านอาหารน่ากินมากมายให้ไปลิ้มลอง ตลาดนัดเพชรเกษม 77 ━ ตลาดนัดที่มีทั้งโซนกางร่มและหลังคา เรามองว่าโซนกางร่มดูน่าสนใจดี โดยเฉพาะช่วงเย็น ถ้ามองเข้าไปในตลาดจะเห็นท้องฟ้ายามเย็น วันไหนฟ้าระเบิดก็น่าจะเพิ่มความน่าสนใจให้ภาพได้อีกหน่อย ยิ่งเป็นช่วงก่อนพลบค่ำ ฟ้ายังมีแสงอยู่นิดๆ ร้านต่างๆ เปิดไฟส่องสว่างเป็นดวงๆ ก็สวยไปอีกแบบ ตลาดนัดสี่แยกวัดหนองแขม ━ ส่วนตลาดนัดแห่งนี้มีที่จอดรถสะดวกสบาย เป็นตลาดนัดที่มีหลังคา อยู่ติดกับกำแพงของร้านสะดวกซื้อเซเว่นฯ […]
ปักหมุด 6 ร้านชำที่มีดีทั้งดีไซน์ คอนเซปต์ และโปรดักต์
วันหยุดนี้ชวนไปสำรวจวัตถุดิบโลคอล เสาะหาโปรดักต์ออร์แกนิก และเอนจอยกับบรรยากาศช้อปปิงในร้านขายของชำเก๋ๆ กัน! หลายคนอาจคุ้นชินกับภาพร้านโชห่วยตามซอยบ้านสมัยเด็กๆ ที่มีขนมโบราณห้อยขายเรียงรายกันอยู่ในร้าน น้ำที่แช่อยู่ในตู้แช่แบบเก่า และของใช้ที่วางขายอยู่ในตู้กระจก แต่ครั้งนี้ คอลัมน์ Urban Guide ขอพาทุกคนไปปักหมุด 6 ร้านชำในกรุงเทพฯ ที่มีความยูนีกเฉพาะตัวด้วยดีไซน์ คอนเซปต์ และโปรดักต์ที่จำหน่าย ซึ่งหาไม่ได้ง่ายๆ จากที่ไหน ตั้งแต่สินค้าออร์แกนิก วัตถุดิบท้องถิ่นจากทั่วทุกสารทิศ โปรดักต์ดีไซน์น่ารักๆ ไปจนถึงการมีพื้นที่ให้พบปะพูดคุยหรือทำงานแบบชิลๆ ด้วย MADBACON ร้านชำสุดเก๋ที่ตั้งอยู่ในโซนอารีย์ โดยมีสโลแกนหลักคือ ‘Convenience Store for Today’s Lifestyle’ ทำให้สินค้าในร้านมีความหลากหลายและตอบโจทย์คนทุกเพศ ทุกวัย ภายในร้านมีทั้งของใช้จำเป็นและของใช้ที่ถูกใจหลายอย่าง โซนเสื้อผ้าที่ตอบโจทย์ผู้คนหลากสไตล์ รวมถึงโซนพูดคุยเอาไว้แลกเปลี่ยนความคิดและนั่งจิบกาแฟยามบ่ายไปพลางๆ MADBACONที่อยู่ : 6, 3 ซอยอารีย์ 5 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400วัน-เวลาให้บริการ : อังคาร-อาทิตย์ เวลา 11.00 – 19.00 น. […]
Bolwoningen ที่อยู่อาศัยทรงกลมในเนเธอร์แลนด์ เรียบง่าย น้ำหนักเบา และราคาย่อมเยา
ว่ากันว่า หากล่องเรือไปตามเส้นทางเลียบคลองในประเทศเนเธอร์แลนด์ บนฝั่งเราจะได้เห็นสถาปัตยกรรมรูปทรงแปลกตามีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจอยู่จำนวนมาก ทั้งเก่าแบบสไตล์เรเนซองส์จนถึงความใหม่ร่วมสมัย ความหลากหลายของที่อยู่อาศัยของชาวดัตช์ เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสถาปัตยกรรมส่งต่อมาจนถึงปัจจุบัน อีกความแปลกใหม่ของที่อยู่อาศัยในเนเธอร์แลนด์ที่เราอยากพาไปชม นั่นคือ คอลเลกชันลูกแก้ว หรือที่อยู่อาศัยที่ชื่อว่า ‘Bolwoningen’ หากมองจากบนฟ้าเราจะเห็นว่ามันเหมือนลูกกอล์ฟหลายลูกวางอยู่บนสนามหญ้าที่ตั้งรวมกันเป็นชุมชนหนึ่งทางใต้ของแม่น้ำเมิซ (Meuse) กว่า 50 ลูก เป็นผลงานของ ‘Dries Kreijkamp’ ที่สร้างขึ้นเพื่อหาแนวทางการมีที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยา Bolwoningen นั้นสร้างจากซีเมนต์และไฟเบอร์กลาสเสริมแรง มีฐานทรงกระบอกทำหน้าที่เป็นทางเข้าซึ่งเป็นพื้นที่เก็บของและพื้นที่อเนกประสงค์ เมื่อเข้าไปสู่ตัวเรือนทรงกลมซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 18 ฟุต ด้านบนจะเจอกับห้องครัว มีห้องนั่งเล่นซึ่งสามารถรองรับได้ถึงสองคน มีห้องน้ำแยกเป็นสัดส่วน และห้องนอนอยู่ด้านล่าง ประดับด้วยหน้าต่างทรงกลมที่ช่วยให้แสงธรรมชาติลอดผ่านและสามารถเปิดออกได้เพื่อถ่ายเทอากาศ ลดความอบอ้าวของพื้นที่ปิด ตามความตั้งใจของผู้ออกแบบนั้น ต้องการให้โครงสร้างน้ำหนักเบาเหล่านี้สามารถโยกย้ายจัดเรียงใหม่ได้ไม่รู้จบ และต้องขนส่งได้ง่าย หากเป็นไปได้ก็อยากทำให้ที่อยู่อาศัยแห่งนี้ลอยอยู่บนน้ำได้อีกด้วย Dries Kreijkamp นักออกแบบสถาปัตยกรรมผู้ออกแบบที่อยู่อาศัย Bolwoningen แสนน่ารักน่าชังนี้ เสียชีวิตไปเมื่อปี 2557 แต่ผลงานของเขายังคงอยู่บนโลกใบนี้เพื่อเป็นอีกทางเลือกของการสร้างสถาปัตยกรรมที่เรียบง่าย ยั่งยืน และราคาย่อมเยา Source :Architectural Digest | bit.ly/42PCr16
ซอสสูตรเด็ดจากเอเชีย สู่น้ำจิ้มสำคัญคู่อาหารฝรั่ง | Now You Know
ย้อนไปในสมัยศตวรรษที่ 15 ชาวเขมรและเวียดนามได้แนะนำให้คนจีนได้รู้จักกับ ‘น้ำปลา’ น้ำใสๆ เค็มๆ ที่เกิดจากการหมักปลาไว้กับเกลือ เวลาต่อมา ชาวจีนได้นำน้ำปลาเดินทางเผยแพร่ไปทั่วโลกจนถึงดินแดนแห่งนวัตกรรมอย่างสหรัฐอเมริกา ก่อนที่พวกเขาจะนำเอามะเขือเทศ ผสมลงไปในน้ำปลา กลายเป็นสูตรต้นตำรับอาหารชนิดใหม่ Now You Know เอพิโสดนี้ พาทุกคนไปสำรวจความเป็นมาของ ‘ซอสมะเขือเทศ’ ผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ใช้กินคู่กับอาหารตะวันตกหลายชนิด แท้จริงแล้วมีต้นตระกูลเดียวกันกับน้ำปลาบ้านเรานี่เอง
สัมผัสชะตาโศกของคนไร้บ้านที่ไร้สิทธิ์ไร้เสียงกับ ‘ณ สถานีรถไฟโตเกียวอุเอโนะ’
‘ยามเดินสวนกัน ไม่ว่าใครก็หลบสายตา แต่กลับถูกเฝ้าจับจ้องจากผู้คนมหาศาล นิยามนั้นคือชีวิตคนไร้บ้าน’ แม้จะเป็นคนที่ค่อนข้างสนใจประเด็นสังคมอยู่บ้าง แต่กับประเด็นคนไร้บ้าน ฉันคงต้องบอกว่าค่อนข้างเป็นเรื่องไกลตัว ทั้งที่แม้ว่าในโลกแห่งความจริงมันจะแสนใกล้ตัว เพราะเคยนั่งรถหรือเดินผ่านคนกลุ่มนี้แถวถนนราชดำเนินและมุมอื่นๆ ในกรุงเทพฯ อยู่บ่อยๆ ที่บอกว่าไกลตัวเพราะสารภาพตามตรงว่าตัวเองไม่เคยสนใจศึกษาประเด็นนี้อย่างจริงจัง แน่นอนว่ามีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจพวกเขาอยู่แล้ว แต่ไม่มีทางที่จะเข้าอกเข้าใจได้ เพราะไม่เคยสนทนาหรือคลุกคลีกับคนกลุ่มนี้แม้แต่น้อย จนกระทั่งเมื่อปีก่อน ไม่รู้อะไรดลใจให้ฉันหยิบหนังสือเกี่ยวกับชีวิตคนไร้บ้านในกองดองมาอ่าน เริ่มต้นด้วยรวมเรื่องสั้น ‘บ้านที่กลับไม่ได้’ ก่อนไปเสาะหาความเรียง ‘สายสตรีท’ มาอ่านเพิ่มเติม หนังสือทั้งสองเล่มเขียนโดย ‘บุญเลิศ วิเศษปรีชา’ อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่สนใจประเด็นชีวิตคนชายขอบ และเป็นนักวิชาการไทยผู้เป็นที่รู้จักจากการทำงานวิจัยที่เอาตัวเองไปใช้ชีวิตเป็นคนไร้บ้าน ทั้งในประเทศไทย (สนามหลวง กรุงเทพฯ), ประเทศญี่ปุ่น (กรุงโตเกียว) และกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ คุณบุญเลิศเคยกล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์ท้ายหนังสือ ‘บ้านที่กลับไม่ได้’ ถึงความแตกต่างของโครงสร้างสังคมและค่านิยมที่ส่งผลต่อสถานภาพของคนไร้บ้านของแต่ละประเทศ โดยเปรียบเทียบผ่านประเทศฟิลิปปินส์ที่มีคนไร้บ้านจำนวนมาก จนมีชุมชนคนไร้บ้านของตัวเองตามย่านต่างๆ และประเทศญี่ปุ่นที่มีจำนวนคนไร้บ้านไม่มากเท่า ทั้งยังไม่ได้พบเจอได้ง่ายๆ เนื่องจากพวกเขาไม่เป็นที่ยอมรับ ต้องหลบซ่อนตัวจากผู้คน ทั้งยังถูกมองว่าใช้ชีวิตได้ล้มเหลว ทำให้คนไร้บ้านที่ญี่ปุ่นมีความกดดัน เครียด และมีสถานะที่ต่ำต้อยจากการหลบๆ ซ่อนๆ และนั่นนำมาสู่การอ่านนิยายเรื่อง ‘ณ สถานีรถไฟโตเกียวอุเอโนะ’ โดย Yu […]
จะเป็นอย่างไรหากในโลกใต้น้ำของ ‘The Little Mermaid’ มี ‘แอเรียล’ เป็น ‘แอ็กทิวิสต์’
ใกล้เข้ามาทุกทีกับ ‘The Little Mermaid’ ผลงานสุดคลาสสิกของดิสนีย์ที่กลับมาอีกครั้งในรูปแบบภาพยนตร์เวอร์ชันคนแสดง แต่ก่อนที่จะตีตั๋วไปดูพร้อมกันในช่วงปลายเดือนนี้ เราแอบมาคิดดูเล่นๆ ว่า ถ้าเงือกสาว ‘แอเรียล’ ที่เรารู้จักเกิดขึ้นและเติบโตภายใต้ท้องทะเลยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยปัญหาสิ่งแวดล้อมและการตื่นรู้ในเรื่องต่างๆ ความใฝ่ฝันที่อยากเป็นมนุษย์เดินดิน ได้ตกหลุมรักใครสักคนจนยอมแลกเสียงของเธอ เพื่อให้กลายร่างเป็นมนุษย์ในระยะเวลาเพียงสามวันนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน คอลัมน์ Urban Isekai ขอพาทุกคนดำดิ่งลงมหาสมุทรไปพบกับแอเรียลในเวอร์ชันใหม่ที่ใครๆ อาจคาดไม่ถึง ด้วยการอิเซไกให้แอเรียลเป็น ‘แอ็กทิวิสต์’ ผู้พยายามขับเคลื่อนสังคมใต้น้ำของ The Little Mermaid เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น 01 | จัดทำ MOU จัดการขยะและของเสียลงสู่ทะเล สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้โลกใต้น้ำ ปัญหาใหญ่ของโลกใต้น้ำที่เราเห็นมาตั้งแต่ The Little Mermaid เวอร์ชันแอนิเมชันคงหนีไม่พ้นเรื่อง ‘ขยะ’ เพราะทั้งซากเรืออับปางและเศษขยะที่เหล่ามนุษย์โยนทิ้งลงมาต่างก็ถูกแอเรียลหยิบเอามาสะสมจนกลายเป็นกรุสมบัติส่วนตัวไปหมด แต่ในยุคปัจจุบัน ถ้าจะให้แอเรียลหยิบเอาส้อมมาหวีผม เอาขยะมาสะสมเหมือนก่อน ฐานทัพเรืออับปางคงมีอยู่เต็มท้องทะเล เป็นแบบนี้เห็นทีคงไม่ดีแน่ คงต้องลุกขึ้นมาจัดทำ MOU จัดการขยะและของเสียลงสู่ทะเลระหว่างบนบกกับใต้น้ำกันสักหน่อย ไม่งั้นทั้งเงือกทั้งสัตว์น้ำคงจะตายกันหมด เพราะนอกจากเศษขยะ สารเคมีที่ติดมากับขยะเหล่านี้ก็มีไม่น้อยเช่นกัน 02 | เปลี่ยน ‘ราชา’ ให้เป็น […]
ได้ประดับบ้านแถมสร้างกลิ่นหอม ‘Bloom’ น้ำหอมปรับอากาศในต้นไม้ปลอมที่มีเซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว
ถ้าคุณกำลังประสบปัญหาอยากให้บ้านหอมน่าอยู่ด้วยน้ำหอมปรับอากาศแบบเนียนๆ จนแขกที่มาเยี่ยมจับผิดไม่ได้ ขอนำเสนอ ‘Bloom’ น้ำหอมปรับอากาศสุดสดชื่นที่ซ่อนตัวอยู่ในกระถางต้นไม้ปลอมขนาดเล็ก ที่วางตรงไหนของบ้านก็แนบเนียนกลมกลืน Bloom เกิดจากการระดมทุนใหญ่ของ ‘P&G’ บริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ของโลก ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ วิศวกร นักออกแบบ และนักประดิษฐ์ ที่ต้องการพลิกโฉมตลาดผลิตภัณฑ์น้ำหอมปรับอากาศให้รูปลักษณ์ภายนอกดูดีพอๆ กับกลิ่นที่อยู่ภายใน จนสุดท้ายก็ได้ออกมาในรูปลักษณ์ของกระถางต้นไม้ปลอมสุดน่ารักที่มีชนิดพืชอวบน้ำให้เลือกถึง 4 สายพันธุ์ และน้ำหอมปรับอากาศภายในอีก 3 กลิ่น ได้แก่ Fresh Dewdrop, Lavender Fields และ Crisp Greenery โดยกลิ่นเหล่านี้จะถูกปล่อยอัตโนมัติออกมาทันทีเมื่อเซนเซอร์ตรวจพบว่ามีการเคลื่อนไหวภายในบริเวณใกล้เคียง และแสดงแสงสว่างบริเวณฐานตามการตรวจจับการเคลื่อนไหวในเวลากลางคืน นอกจากนี้ Bloom ยังใช้งานได้นานถึง 30 วันผ่านการชาร์จไฟด้วยสาย USB หนึ่งครั้ง และหากแคปซูลน้ำหอมภายในหมดลง เราก็แค่ซื้อน้ำหอมแบบรีฟิลมาเติมเองได้ง่ายๆ ในราคาเพียง 5 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 168 บาท) ใครสนใจอยากมี Bloom ติดบ้านไว้สร้างบรรยากาศและกลิ่นหอมตลอดทั้งวัน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ในราคา 40 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,350 […]