‘บ้านวิกล (The Floor Plan)’ ที่ทำรายได้อันดับ 1 Box Office ในญี่ปุ่นติดต่อกัน 4 สัปดาห์ กวาดรายได้ถล่มทลายไปกว่า 4 พันล้านเยน คือภาพยนตร์ที่ถูกดัดแปลงมาจากหนังสือนิยายแนวสืบสวนสอบสวนที่เป็นกระแสไวรัลในโลกออนไลน์
หนังสือที่ว่าชื่อ ‘บ้านวิกลคนประหลาด’ จากปลายปากกาของ ‘อุเก็ตสึ’ (Uketsu) เป็นเรื่องราวว่าด้วยการจับพลัดจับผลูให้ตัวเอกของเรื่องเข้าไปพัวพันกับคดีปริศนา หลังพบเข้ากับแปลนบ้านอันแสนแปลกประหลาด ที่ดูเหมือนว่าจะมีความลับอะไรบางอย่างซุกซ่อนอยู่
และเมื่อพูดถึงการออกแบบแปลนบ้านประหลาด หรือการจัดวางสิ่งของในบ้านสุดแปลก จริงๆ บ้านของพวกเราชาวไทยเองก็มีไอเดียสุดบรรเจิดไม่แพ้กัน ชนิดที่ว่าไม่ต้องบินไปถึงประเทศญี่ปุ่น ไม่ต้องมีคดีสุดลึกลับ ก็เป็นบ้านวิกลจนคนประหลาดได้ไม่แพ้กัน
คอลัมน์ Urban Isekai ประจำเดือนนี้ ขอดึงเอาความประหลาดของบ้านแบบไทยๆ ที่เราอยู่กันจนเคยชินมากางให้ดูว่า มีอะไรบ้างที่เป็นซิกเนเจอร์ของคนไทย ซึ่งอาจกลายเป็นเรื่องสุดเวียร์ดในสายตาเหล่านักสืบ
เริ่มจากบ้านที่เป็นแหล่งรวมพหุความเชื่อแบบใหม่แบบสับที่ต่างชาติเห็นเป็นต้องงง เพราะแม้หน้าบ้านจะมีศาลพระภูมิหรือศาลตายายที่กลายเป็น PokéStop หรือบ้านตุ๊กตาในสายตาคนต่างชาติแล้ว ในบ้านของหลายคนยังมีหิ้งพระที่เอาไว้กราบไหว้สารพัดสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตั้งแต่พระพุทธรูป พระพิฆเนศ ท้าวเวสสุวรรณ ไปจนถึงไอ้ไข่ หรือพี่กุมาร ที่ดีไม่ดีภายในบ้านอาจจะมีตี่จู้เอี๊ยะสีแดงวางอยู่ด้วย จนทำเอามึนไปเลยว่า สรุปแล้วบ้านนี้นับถืออะไรกันแน่นะ
แถมหลายบ้านทั้งประตูหน้าต่างยังถูกออกแบบมาในรูปแบบของลูกกรงเหล็กดัดลวดลายแสนคุ้นตา ที่มองแรกๆ ก็สวยดีอยู่หรอก แต่พออยู่ในบ้านไปนานๆ จากลูกกรงดัดสวยๆ อาจจะเหลือแค่คำว่ากรง เอาไว้ขังเราไว้ในบ้านก็ได้ แงงงง
นี่ยังไม่รวมโมเมนต์ที่เหยียบเท้าเข้าบ้านก็อาจงงงวยจนตาลาย ต้องรีบควักหงส์ไทยมาดมแทบไม่ทัน กับกระเบื้องลายโบราณแบบสี่แผ่นต่อกันสีสันไม่ซ้ำ จำแพตเทิร์นไม่ได้ ขวัญใจแม่บ้านทุกครัวเรือน แบบที่ทำเอาทิ้งความคิดที่จะทำบ้านให้ดูมินิมอลไปได้เลย เพราะตอนนี้บ้านได้กลายสภาพเป็นมินิมาร์ตเรียบร้อยแล้ว
แต่ถ้ายังไม่ยอมแพ้กับสไตล์มินิมาร์ต จนแต่งบ้านออกมาได้มินิมอล มูจิมูใจสมใจอยาก ก็ถึงเวลาที่ญาติผู้ใหญ่จะเบิกตัวอาวุธพิเศษที่จะมาทำลายความมินิมอลให้สิ้นซาก!
เจอเลยกับ ‘ตั่งไม้สัก’ เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์สุดแสนมินิมอลในสายตาของแม่ ที่แม้เราจะกรีดร้องให้เอาไปทิ้งแค่ไหน ตั่งไม้นี้ก็จะอยู่คงทนถาวรไม่ยอมจากไป กลายเป็นหนามยอกอกของเราในทุกๆ วัน
ยิ่งบ้านไหนมีออปชันเสริมเป็นหมอนสามเหลี่ยมด้วยแล้ว เลิกคิดฝันถึงบ้านสีขาวคลีนๆ ไปได้เลย คลีนเดียวที่จะทำได้คือคลีนตั่งไม้และหมอนสามเหลี่ยมออกไปจากบ้านก่อนเป็นอันดับแรก
อ้อ นี่ยังไม่รวมกล่องคุกกี้ที่เปิดออกมาเป็นด้ายกับเข็ม กล่องไอศกรีมที่เปิดออกมาเป็นของสด หรือมะนาวแห้งครึ่งซีกที่กลายเป็นของประจำตู้เย็นอีกนะ แปลกสุดๆ นี่มันอาวุธลับของใครหรือเปล่าเนี่ย
มาถึงส่วนสุดท้ายของบ้าน ที่ชาวคอนโดฯ น่าจะอึ้งทึ่งเสียว แต่สำหรับใครที่มีบ้านเป็นของตัวเองไม่ว่าจะบ้านเดี่ยวหรือบ้านในโครงการต่างๆ คงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี กับการต่อเติมพื้นที่หลังบ้านหรือข้างบ้านให้กลายเป็นพื้นที่ใช้งานอีกส่วนหนึ่งเพิ่มเข้ามา
พื้นที่ส่วนใหญ่ที่ว่ามักเป็นครัวร้อนสำหรับทำอาหาร เพราะถึงแม้ว่าบ้านเดี่ยวเดี๋ยวนี้จะมาพร้อมครัวในบ้าน แต่ก็เล็กจิ๋วเกินไปสำหรับหลายครอบครัว ด้วยรูปแบบการทำอาหารของคนไทยที่ประกอบด้วยการต้ม ผัด แกง ทอด ที่ไฟต้องแรง เครื่องต้องถึง เลยทำให้การทำอาหารในบ้านไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก
นี่ยังไม่รวมการพยายามสร้างสรรค์และแก้ปัญหาสุดแสนบรรเจิด ที่จับเอาสิ่งของใกล้ตัวมาดัดแปลงเล็กๆ น้อยๆ จนกลายเป็นเฟอร์นิเจอร์สุดประหลาดที่มีชิ้นเดียวในโลก ที่เราเชื่อว่าแต่ละบ้านก็คงมีการออกแบบอย่างวิกลๆ อีกมาก ตั้งแต่รั้วผ่าครึ่ง เก้าอี้จากล้อรถ ขาโต๊ะเสริมจากท่อฟ้า ฯลฯ ต่อให้เป็นนักสืบมือฉมังจากไหนมา ก็เป็นต้องขบคิดกันจนปวดสมองแน่ว่า บ้านของคนไทยนี่ทำไมถึงแสนประหลาดจริงๆ