ความไม่เท่าเทียมในสังคมไทยผ่าน ‘หอมกลิ่นความรัก’ - Urban Creature

บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาของละคร

ลองตั้งใจดม…นอกจากกลิ่นของความรักแล้ว…คุณรู้สึกถึงกลิ่นอื่นอีกไหม

ลองตั้งใจมอง…นอกจากภาพสวยงามของคนรักกัน…คุณเห็นภาพความเหลื่อมล้ำอันแสนเจ็บปวดไหม

ลองตั้งใจฟัง…นอกจากเสียงของคำรักพร่ำพลอด…คุณได้ยินเสียงกรีดร้องจากความเจ็บช้ำของผู้ถูกกดขี่หรือไม่

ลองตั้งใจละเลียด…นอกจากรสหวานล้ำของน้ำผึ้งพระจันทร์…คุณสัมผัสได้ถึงรสชาติขมขื่นซับซ้อนที่ถูกแทรกซอนเพิ่มเติมเข้ามาอย่างแนบเนียนบ้างหรือเปล่า

แม้เส้นเรื่องหลักจะให้น้ำหนักกับความรักโรแมนติกของสองพระเอกอย่าง ‘พ่อจอม’ (ชานน สันตินธรกุล) และ ‘คุณใหญ่’ แห่งเรือนพลาธิป (รพีพงศ์ ทับสุวรรณ) สมกับชื่อเรื่อง ‘หอมกลิ่นความรัก’ หากแต่เส้นทางชีวิตของตัวละครสมทบที่รายล้อมนั้นก็มีสีสันจัดจ้านและรสชาติเข้มข้นจนไม่อาจมองข้าม

เรื่องราวอันแสนตราตรึงนี้กำลังขยายตีแผ่สถานะและความสัมพันธ์หลากหลายรูปแบบ จนพูดได้เต็มปากว่าไม่ใช่เพียง I Feel ‘You’ Linger in the Air เท่านั้น บทโทรทัศน์ถูกรีเสิร์ชมาโดยถ้วนถี่เพื่อเพิ่มเติมเส้นเรื่องตัวรองขึ้นมาอย่างละเมียดละไม จนสามารถขยายขอบเขตของนิยาย Boy’s Love ไปสู่ประเด็นสังคมที่กว้างขวางกว่าเดิมในระดับ I Feel ‘Them’ Linger in the Air

‘They/Them’ หมายความถึงใครบ้าง…หลังจากห้วงกาลของคุณใหญ่เคลื่อนผ่านไปร่วมร้อยปี สรรพนามบุรุษที่ 3 ตามหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษนี้มิได้หมายถึงแค่ ‘พวกเขา’ เหล่าชายหญิงทั้งหลายอีกแล้ว แต่หมายรวมเพศหลากหลายที่ปฏิเสธจะยึดมั่นการถูกจำแนกให้มีสิทธิ์เป็นได้เพียง ‘He/Him’ หรือ ‘She/Her’ ตามกรอบจำกัดของเพศกำเนิด สรรพนาม They/Them นี้อาจสามารถอ้างอิงถึง ‘นายเหนียว เขียวกะเทย’ ก็ได้ ‘นางถมและนางช้อย’ คู่วิวาห์ ‘ลักเพศ’ อันเป็นตำนานแห่ง พ.ศ. 2471 ก็ดี

จากจังหวัดเชียงใหม่ยุคปัจจุบันย้อนกลับไปสู่มณฑลพายัพในสมัยเจ้าแก้วนวรัฐ จอมไม่ได้กำลังเดินทางข้ามผ่านเพียงมิติของกาลเวลา…แต่เส้นทางนี้จะนำพาเขาเข้าไปสัมผัสกับเรื่องราวของกลุ่มคนชายขอบผู้ถูกกดทับในอีกหลากหลายมิติที่ชวนวิเคราะห์ขบคิดตามเป็นอย่างยิ่ง

แล้วคุณล่ะ…รู้สึกถึงการมีตัวตนอยู่ของ ‘พวกเขา’ บ้างไหม…Can you feel ‘them’ linger in the air?

สัมผัสที่ 1 : สัมผัส ‘รอยเหลื่อมล้ำ’

สัมผัสของหวายยามกระทบเนื้อเจ็บร้าวเพียงไหน สัมผัสของเปลวไฟยามลามเลียลวกผิวมันแสบร้อนทรมานอย่างไร และยิ่งเจ็บซ้ำทวีคูณอีกมากเท่าใดเมื่อรู้ดีแก่ใจว่าไม่อาจต่อต้านขัดขืน จำต้องยอมกล้ำกลืนฝืนทนต่อไป เพราะหากไม้ซีกน้อยริอ่านคิดงัดท่อนซุงใหญ่คงมิพ้นแตกหักยับย่อยลงเอง

ฉะนั้นบ่าวไพร่อย่าง ‘มิ่ง’ (กันตพล ชมภูพันธ์) จึงจำยอมนบนอบอยู่ใต้อำนาจบาตรใหญ่ของนายฝรั่ง ‘โรเบิร์ต’ (อติล่า อาร์เธอร์ อภิชาติ กานโยซ์) เพื่อรักษาอาชีพการงานและที่ซุกหัวนอนไว้ให้ตนเองกับแม่…ลูกสาวอย่าง ‘เม้ย’ (อัจฉรี บัวเขียว) จึงจำทนถูกพ่อแม่แท้ๆ ส่งไปทำงานในซ่อง คอยรับมือกับลูกค้าจิตวิปริตเพื่อจุนเจือครอบครัวที่แสนขาดแคลนยากไร้…และชาวบ้านตาดำๆ อย่าง ‘ฟองแก้ว’ (ธีรตี บุตรดีหงษ์) จึงจำใจต้องลาจากคนรักไปพลีกายเป็นเมียน้อยของชายอื่น เพื่อยกระดับฐานะมาเลี้ยงดูแม่ที่บาดเจ็บสาหัสจากการถูกเผาบ้านไล่ที่โดยฝีมือผู้มีอิทธิพลที่หวังครอบครองที่ดินทำกินของเธอ

ลายปริแตกไหม้เกรียมบนเนื้อหนังนั้นคือร่องรอยของอำนาจที่ ‘ผู้ปกครอง’ ฟาดฟันใส่ ‘ผู้อยู่ใต้ปกครอง’ อย่างไร้ปรานี โดยผู้ถูกกระทำนั้นไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเรียกร้องขอความเป็นธรรมด้วยซ้ำ

ละคร หอมกลิ่นความรัก เควียร์ แซฟฟิก ซีรีส์ เพศหลากหลาย

ชนชั้นไพร่หรือในปัจจุบันคือชนชั้นแรงงานที่มีอัตราส่วนมากที่สุดในจำนวนประชากร แต่กลับมีอำนาจต่อรองน้อยกว่าชนชั้นบนยอดฐานพีระมิดเพียงหยิบมืออย่างมหาศาล ตามธรรมชาติปลาเล็กคืออาหารของปลาใหญ่ แต่กลไกของทุนนิยมมันไม่มีสมดุลอย่างระบบนิเวศ นายทุนยิ่งกินก็ยิ่งหิว…ยิ่งพร้อมขูดรีดบีบคั้นหาผลประโยชน์จากคนที่อ่อนแอกว่า ไม่ใช่แค่บ่าวไพร่อย่างมิ่งหรือเม้ย แม้แต่ชนชั้นกลางอดีตเจ้าของกิจการร้านตัดเสื้ออย่างฟองแก้วก็ยังโดนเล่นงานจนไม่เหลืออะไรได้

เมื่อก่อนว่าโหดร้าย เพราะนายคือเจ้าชีวิต จะลงโทษทารุณอย่างไรก็ย่อมได้ แต่สมัยนี้การกดขี่แรงงานนั้นดีขึ้นแล้วจริงหรือ

มองหน้าฉากแล้วสิทธิมนุษยชนอาจพัฒนา จะมาใช้กำลังเฆี่ยนตีอย่างป่าเถื่อนดังเดิมไม่ได้ แต่ ‘นาย’ ก็ยังคงมีวิธีการฟาดฟันอย่าง ‘ถูกต้อง’ อยู่ดี

คนงานอาจประท้วงเรียกร้องขอเพิ่มเงินเดือนและสวัสดิการได้ หากแต่นายจ้างก็มีสิทธิ์ปิดโรงงานไล่ออกแล้วชดเชยตามกฎหมาย และรับเฉพาะคนที่ยอมโอนอ่อนตามเงื่อนไขนายเท่านั้นกลับเข้าทำงานใหม่ หรือถ้าเรื่องมากนักก็ไม่ต้องให้สัญญาถาวร…การจ้างงานยุคนี้ถูกปรับเปลี่ยนไปใช้ลูกจ้างแบบชั่วคราวกันแพร่หลาย ไม่ต้องมีโบนัส ไม่ต้องให้สวัสดิการ มิหนำซ้ำใครทำตัวมีปัญหายังสามารถเลิกจ้างได้ตลอดเวลาเพราะไม่มีพันธะผูกพันต้องรับผิดชอบ เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัวของนายทุน ทั้งลดต้นทุนและลดแรงต่อต้านกระด้างกระเดื่อง

ละคร หอมกลิ่นความรัก เควียร์ แซฟฟิก ซีรีส์ เพศหลากหลาย

สำหรับคนทั่วไปที่อาจอยากถีบตัวเองพ้นฐานะลูกจ้าง ก็สามารถออกไอเดียคิดค้นสินค้าเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวได้ เพื่อสุดท้ายนายทุนใหญ่จะทำสิ่งที่คล้ายๆ กันออกมาแข่งขันในราคาต่ำกว่า เพราะบริษัทใหญ่สายป่านยาว ทั้งสามารถควบคุมราคาต้นทุนวัตถุดิบจากการผูกขาดการค้า และมีเงินสำรองหมุนเวียนรอช่วงผ่านจุดคุ้มทุนได้ยาวนานกว่า

ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนดำเนินไปอย่าง ‘ถูกต้องตามกฎหมาย’ แต่ที่น่าสงสัย…กฎหมายซึ่งถูกตราขึ้นมาเพื่อเป็นตาชั่งแห่งความยุติธรรมกำลังทำหน้าที่ของมันได้เหมาะสมตามเจตนารมณ์แต่แรกเริ่มหรือเปล่า ในเมื่อความจริงแล้วมันไม่เอื้อให้เหล่าปลาเล็กปลาน้อยอยู่รอด แต่กลับกลายเป็นช่องทางให้ทุนใหญ่ค่อยๆ กินรวบธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายสาย ทั้งยังปิดโอกาสไม้ซีกไม่ให้รวมตัวกันเป็นสหภาพแรงงานจนมีกำลังเข้มแข็งมากพอโงหัวขึ้นมาจากใต้กองท่อนซุงทับถม เพื่องัดข้อต่อรองขอสัญญาจ้างและค่าแรงที่เป็นธรรม

สัมผัสที่ 2 : รูป ‘เพศทางเลือก…เลือกได้จริงหรือ’

รูปวาดที่จอมบรรจงลากร่างลายเส้นเป็นเค้าโครงของคุณใหญ่บ่งบอกความรู้สึกรักอันเปี่ยมล้นหัวใจ หากแต่เขาจำเป็นต้องครุ่นคิดหนักว่าควรเปิดเผยหรือเก็บซ่อนมันไว้ เพราะขนาดในโลกสมัยใหม่ที่เขาจากมา โลกซึ่งดูจะเปิดกว้างมีเสรีมากกว่าช่วงกาลก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองนี้ เขายังต้องเผชิญกับปัญหาโลกแตกของชายรักชาย เมื่อถูกคนรักหนุ่มบอกเลิกเพื่อไปแต่งงานกับหญิงอื่น

แม้จะดีใจที่คุณใหญ่สารภาพรักกับเขาอย่างซื่อตรง แต่จอมยังต้องตัดสินใจชั่งน้ำหนักให้ดีว่า จะปกปิดซ่อนเร้นรูปแห่งความปรารถนาของเขาไว้เพื่อรักษา ‘ภาพ’ ของครอบครัวพลาธิปอันเพียบพร้อมดีงาม รักษาหน้าตาของคุณใหญ่ที่เขารักเพื่อไม่ให้สถานะลูกชายคนโตในตระกูลข้าราชการสยามอันทรงเกียรติต้องด่างพร้อยหรือไม่

ความรักในแบบฉบับของพวกเขาไม่อาจเปิดเผย ไม่อาจป่าวประกาศให้ใครร่วมยินดี เพราะรักนี้ถูกตัดสินไปแล้วว่า ‘ไม่ปกติ’ และ ‘ไม่มีวันยั่งยืน’ จนถึงขั้นไม่มีที่ยืนในสังคม ด้วยเหตุนี้ ‘คุณหลวงเทพนิติธรรม’ (สุรศักดิ์ ชัยอรรถ) จึงเลือกหักดิบส่งลูกผู้หญิงที่รักผู้หญิงไปแต่งงานกับผู้ชาย และบังคับลูกผู้ชายที่รักผู้ชายไปแต่งงานกับผู้หญิง เพื่อชักนำทั้งคู่กลับคืนสู่ความ ‘ปกติ’ อันถูกต้องตามทำนองคลองธรรม

ละคร หอมกลิ่นความรัก เควียร์ แซฟฟิก ซีรีส์ เพศหลากหลาย

ตั้งแต่อดีต ชีวิตของกลุ่ม ‘เพศทางเลือก’ ไม่เคยเลือกอะไรได้ เพศเลือกไม่ได้ กระทั่งสิทธิในร่างกายและทรัพย์สินของตนก็ยังเลือกไม่ได้ แม้ในปัจจุบันจะมีกระแสตื่นรู้มากขึ้นจนเกิดการรณรงค์หยุดใช้คำว่า ‘เพศทางเลือก’ เปลี่ยนไปใช้คำว่า ‘เพศหลากหลาย’ หรือทับศัพท์ด้วยคำว่า ‘LGBTQIA+’ ไปเลยก็ตาม แต่ความไม่เท่าเทียมก็ยังคงอยู่

เวลาร่วมร้อยปีผ่านพ้น เพศที่ไม่เคยมีทางเลือกก็ยังคงเลือกไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการสมรสตามกฎหมาย การได้รับสิทธิ์สวัสดิการคุ้มครองสุขภาพ สิทธิ์การเป็นบิดามารดา หรือสิทธิ์การตัดสินใจเรื่องการรักษาพยาบาลของคนรัก อย่างที่คู่ชีวิตชายหญิงทำได้เป็นเรื่องธรรมดา

‘จอม’ ในอนาคตที่ล้ำหน้ายุคของคุณใหญ่ไปเนิ่นนานก็ยังค้นพบว่ารูปวาดของเขาต้องถูกกักเก็บเอาไว้ในหีบ ไม่สามารถยกขึ้นแขวนประดับข้างฝาได้อย่างสง่าผ่าเผย และตัวเขาไม่ว่าในช่วงเวลาไหนก็ยังคงต้องรออย่างใจจดใจจ่อต่อไปว่า เมื่อไรมนุษย์ทุกคน ทุกเพศ จะมีสิทธิ์ได้เลือกตัดสินชีวิตของตน มีตัวตน มีสถานะและคำนำหน้ารองรับอย่างเท่าเทียม

สัมผัสที่ 3 : รส ‘รสชาติขมขื่นของการเกิดเป็นหญิง’

ละคร หอมกลิ่นความรัก เควียร์ แซฟฟิก ซีรีส์ เพศหลากหลาย ความไม่เท่าเทียม

เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก ความคาดหวังสูงส่งแต่ไม่เคยมีบทบาทมากไปกว่าช้างเท้าหลัง 

“ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ฉันยอมเป็นภรรยาที่นิ่งเฉย ไม่เคยก้าวก่ายการตัดสินใจของคุณเลย แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนไปแล้ว”

คำประกาศิตของ ‘คุณแขไข’ (สาวิตรี สามิภักดิ์) ก่อนเธอจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มต่อหน้าคุณหลวงเทพนิติธรรมผู้เป็นสามี บ่งบอกถึงฟางเส้นสุดท้ายที่ได้ขาดลงเช่นเดียวกับความอดทนของการเป็นหญิงงามตามขนบ

แม่คนหนึ่งหน้าชื่นอกตรม ยามได้ยินได้ฟังคำร่ำร้องจากลูกที่เธอไม่เคยกล้าลุกขึ้นมาออกหน้าปกป้อง

‘คุณเอื้องผึ้ง’ (อัฐริญญา อึ้งศิลป์ศรีกุล) ลูกสาวของเธอมีความสนใจใคร่รู้ผิดวิสัยสตรีทั่วไป อยากเรียนสูงๆ เพื่อรับราชการอย่างบิดา หากแต่ไม่สามารถทำได้เพราะ “ผู้หญิงเราถูกสอนมาให้ดูแลแต่เพียงงานเรือน” หรือต่อให้เธออยากสนับสนุนลูก ประสบการณ์ของเธอเองก็สอนให้รู้ “ระบบราชการมันไม่มีที่ทางสำหรับ ‘เรา’ ขนาดนั้น”

มันไม่สำคัญว่าเรามีความสามารถมากมายแค่ไหน โอกาสของเราไม่เคยเปิดกว้างนับตั้งแต่เกิดมาเป็นหญิงแล้ว ตลอดเวลาที่เนื้อเรื่องดำเนินไปผู้ชมจะได้ยินได้ฟังความทะเยอทะยานของคุณหลวง แต่ไม่เคยมีใครรับรู้ความฝันของคุณแขไขเลยสักครั้ง เธอเป็นเพียงสตรีคนหนึ่งซึ่งถูกจับคลุมถุงชนอย่างที่เคยทำกันมาตามประเพณีสืบทอด และยินดีอดทนอยู่ใต้กรอบกรงของค่านิยมที่กักกั้นเธอไว้เหมือนอย่างคำปลอบที่เธอบอกลูกสาวผู้กำลังจะต้องเข้าพิธีแต่งงานโดยไม่เต็มใจว่า “อยู่ๆ ไปเดี๋ยวก็รักกันเอง”

คุณแขไขเคยชินกับการอยู่ใต้เงื้อมเงาอำนาจของชายตามขนบ ‘ชายเป็นใหญ่’ ต่อให้สงสารลูกอย่างไรเธอก็ไม่กล้าทำอะไร เพราะค่านิยมสังคมหล่อหลอมฝังหัวไว้ว่าหญิงที่ดีต้องอยู่ในโอวาทสามีเสมอ แต่ในที่สุดแล้วหัวใจของแม่ก็ไม่อาจทนเห็นลูกทุกข์โศกอีกต่อไป หญิงงามตามขนบผู้ไม่เคยมีปากเสียงจึงตัดสินใจลุกขึ้นท้าทายอำนาจที่เคยกดทับข่มขี่เธอเอาไว้เพื่อปกป้องเลือดเนื้อเชื้อไข

คุณแขไขอาจไม่เคยรู้ว่าการต่อสู้ของเธอจะยังคงดำเนินอยู่ต่อไปในอนาคตโดยไม่มีทีท่าว่าจะจบสิ้น แม้สังคมจะเริ่มให้ความสำคัญกับเพศหญิงมากขึ้น แต่เพราะผู้มีอำนาจส่วนมากยังผูกขาดอยู่กับเพศชาย ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเพศจึงยังไม่เคยถูกแก้ไขได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด

เงินเดือนเฉลี่ยของพนักงานหญิงยังคงน้อยกว่าพนักงานชายในตำแหน่งเท่ากัน โอกาสการรับเข้าทำงานในบางครั้งก็น้อยกว่าเนื่องจากอคติทางเพศที่ยังฝังหัวว่า “ผู้หญิงเดี๋ยวก็ต้องแต่งงานมีลูก” ถ้าไม่ลาออกก็ต้องลาคลอด แล้วบริษัทก็จะสูญเสียบุคลากรไปโดยใช่เหตุ อคติเหล่านี้ส่งผลต่ออัตราการเกิดในหลายประเทศ เมื่อผู้หญิงไม่อยากท้องในสังคมที่รังเกียจเดียดฉันท์คนท้อง นำไปสู่สภาวะรัฐชราที่อุดมไปด้วยคนแก่เฒ่ารอรับบำนาญ แต่ขาดแคลนคนหนุ่มสาวที่จะมาทำงานจ่ายภาษีขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ถึงเวลานี้ผู้มีอำนาจเพศชายกลับเดินหน้าเรียกร้องให้เพศหญิงเร่งกลับมาทำหน้าที่แม่ราวกับว่ามันเป็นเรื่องง่ายดายเหลือเกิน

บางทีถ้าผู้ชายท้องได้หรือมีเลือดออกจากองคชาตทุกเดือน สวัสดิการลาคลอดตามระยะเวลาที่สมเหตุสมผล เนิร์สเซอรีที่รองรับการเลี้ยงเด็กอ่อนระหว่างพ่อแม่ทำงานคงผ่านสภาได้ไม่ลำบากยากเข็ญ ผ้าอนามัยฟรีคงจะมีอยู่ทั่วไปเหมือนถุงยางอนามัยฟรี และรสชาติของการเกิดเป็นหญิงคงจะขมขื่นบาดคอน้อยกว่าเหล้าที่คุณแขไขกระดกเข้าไปบ้าง

สัมผัสที่ 4 : เสียง ‘ภาษา…เครื่องมือล่าอาณานิคม’

ละคร หอมกลิ่นความรัก เควียร์ แซฟฟิก ซีรีส์ เพศหลากหลาย ความไม่เท่าเทียม

“จะไปอู้จะอั้นหนา”

ประโยคสั้นๆ ที่เจ้านายชาวสยาม ‘อู้เมือง’ กับบ่าวคนลาวนั้นบ่งบอกอะไรให้เราได้ยินบ้าง

ภาษาพื้นเมืองจากปากคุณเอื้องผึ้งซ่อนนัยแสดงถึงการยอมรับนับถือเม้ยว่าเสมอภาคเท่าเทียมกันโดยไม่แบ่งแยกทั้งชนชั้นและเชื้อชาติ เพราะโดยแท้จริงแล้วความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นแสนซับซ้อน ถูกผูกโยงด้วยโครงสร้างอำนาจพัวพันในหลากหลายมิติ 

นอกจากสถานะนาย-บ่าวที่นายมีอำนาจชี้นกเป็นไม้ นายหญิงผู้นี้ยังเป็นลูกสาวข้าหลวงจากส่วนกลางที่ถูกส่งมากำกับราชการมณฑลพายัพตามนโยบายการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ของรัชกาลที่ 5 เพื่อผนวกรัฐประเทศราชล้านนาเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนควบคู่ไปกับวิถีจารีตอย่างการร้อยสัมพันธ์เครือญาติกับเจ้านายฝ่ายเหนือ (เจ้าดารารัศมี พระราชชายา)

หากแต่การรวมชาติไม่ราบรื่นง่ายดายนักเพราะปัญหาความแตกต่างทางเชื้อชาติระหว่าง ‘คนไทย’ และ ‘คนลาว’ (คำเรียกขานถึงชาวล้านนาซึ่งแฝงนัยดูถูกเหยียดหยาม) ต่อให้ในสมัยรัชกาลที่ 6 จะพยายามส่งเสริมความเป็นไทยลบความเป็นลาวออกจากชาวล้านนา คนไทยด้วยกันก็ยังมิวายแบ่งแยกเป็นฝักฝ่าย ‘ไทยใต้’ กับ ‘ไทยเหนือ’ อยู่ดี

ข้าราชการคนไทยใต้มักยกตนข่มว่า ‘ศิวิไลซ์’ กว่าคนไทยเหนือ ทั้งวางอำนาจขูดรีดภาษี จึงก่อให้เกิดความไม่พอใจจนกระทบกระทั่งกันอยู่เสมอ และเมื่อนโยบายครอบงำจากบนลงล่างที่เน้นปรับเปลี่ยนชนชั้นปกครองไม่ได้ผล นโยบายชาตินิยมจึงถูกริเริ่มนำมาใช้เพื่อการผนวกดินแดนแบบเบ็ดเสร็จ ศาสนาและภาษาซึ่งมีความเกี่ยวพันใกล้ชิดกับวิถีชีวิตของชาวบ้านถูกควบคุม หลักสูตรการศึกษาถูกปรับเปลี่ยน อักษรล้านนากลายเป็นสิ่งต้องห้าม ตัวตนของคนพื้นเมืองกำลังถูกลบเลือน

มันฟังดูตลกดีที่สยามกลัวลัทธิล่าอาณานิคมตะวันตกหัวหด แต่ในขณะเดียวกันกลับเรียนรู้เอาวิธีการ ‘กลืน’ แบบเดียวกันมาใช้ ด้วยการพยายามป่าวประกาศอวดอ้างว่าเข้าไปช่วยพัฒนาบ้านป่าเมืองเถื่อนให้เจริญรุ่งเรือง แต่แน่ใจแล้วหรือว่าจุดประสงค์ของการพัฒนาระบบสื่อสารคมนาคมอย่างเช่นโทรเลขหรือการก่อสร้างทางรถไฟสายเหนือนั้นไม่ได้ถูกใช้ประโยชน์เพื่อการรวมศูนย์อำนาจ

น่าสนใจอยู่เหมือนกันว่า ถ้ามองผ่านสายตาของชาวล้านนาจะเห็นสยามเป็นอะไร เทพเทวาที่เข้ามาปกปักรักษาบ้านเมืองให้ หรือแท้จริงก็คือปีศาจไม่ต่างจากพวกคนขาวที่ตั้งใจเข้ามาลิดรอนสิทธิเสรีภาพและเบียดบังทรัพยากรเศรษฐกิจไปจากเจ้าของเดิมอย่างหน้าด้านๆ แล้วยังกล้ามาพูดพล่ามทวงบุญคุณ

เราคนไทยเหมือนกัน…อย่างนั้นหรือ ถ้าเหมือน…แล้วทำไมถึงไม่เคยเท่าเทียมกัน

แม้กระทั่งปัจจุบันที่สยามและล้านนาผนวกรวมเป็นประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว คนบางจำพวกก็ยังไม่ยอมหยุดใช้เชื้อชาติในเชิงเหยียดหยาม เมื่อเราได้ยินคำว่า “หน้าลาว” กับ “หน้าไทย” นั้นเราสามารถรับรู้ได้ทันทีว่าเจตนาคนพูดไม่เหมือนกัน เฉกเช่นเดียวกับเวลาที่คนชาติอื่นใช้เชื้อชาติของเราเปรียบเปรยกับความล้าหลังด้อยพัฒนาหรือหน้าตาอัปลักษณ์นั่นเอง

หากเราไม่ชอบยามถูกคนต่างชาติกล่าวอ้างอย่างเสียดสีว่า “หน้าเหมือนคนไทย” ก็สมควรลดละการใช้ชื่อประเทศเพื่อนบ้านมาเป็นคำคุณศัพท์เพื่อบรรยายความ ‘ไม่ศิวิไลซ์’ กันเสียที

ละคร หอมกลิ่นความรัก เควียร์ แซฟฟิก ซีรีส์ เพศหลากหลาย ความไม่เท่าเทียม เกย์

สัมผัสที่ 5 : กลิ่น ‘กลิ่นความรักอันเท่าเทียม’

หอม…เอยหอมใด ยากจะหักห้ามใจหวน

กลิ่น…รักแสนรัญจวน ยวนอยากให้ใฝ่ฝันหา

ความ…เอยความฝัน  สุขแสนสั้นเพียงลืมตา

รัก…เราไม่ควรค่า เพราะแตกต่างถ่างธรรมเนียม

“กลิ่นนี้มันหอมนุ่มนวลชวนเป็นอิสระ แถมยังเย้ายวนชวนหลงใหล ฉันว่ามันคล้ายกับกลิ่นพ่อจอมเลยนะ”

กลิ่นลั่นทมที่คุณใหญ่โปรดปรานถูกหยิบมาใช้ปลอบประโลมพ่อจอมขวัญ เมื่อต้องเผชิญกับความขุ่นข้องหมองหมางเพราะไม่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรผิดจึงโดนลงโทษ จอมแค่อยากจะช่วยให้ ‘ป้าปริก’ (ดวงใจ หิรัญศรี) พี่เลี้ยงของคุณใหญ่ได้มีโอกาสไปดูใจแม่ที่กำลังจะสิ้นลม หากแต่เหตุผลนี้กลับไม่ดีพอสำหรับเจ้านายในเรือนที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จในตัวบ่าว ในยามวิกาลบ่าวจะออกไปไหนโดยพลการไม่ได้ ต่อให้มีเหตุผลอย่างไรก็ต้องโดนกำราบไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง…

ในยุคสมัยของจอม การปกครองแบบนี้ถือว่าเผด็จการเกินไป แต่สำหรับคุณใหญ่ เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติตามจารีตที่ปฏิบัติกันมาช้านาน และเขาไม่คิดว่าจะเปลี่ยนแปลงมันได้ในเร็ววัน ใครเลยจะรู้ว่าอีกไม่ช้า คำพูดนั้นจะย้อนกลับเข้ามาฟาดฟันตัวเขาเองเมื่อความรักอัน ‘ผิดจารีต’ ของเขาถูกเปิดเผยต่อผู้เป็นพ่อ

จริงอย่างพ่อจอมขวัญเคยบอก หากเรามัวแต่คิดว่าเปลี่ยนอะไรไม่ได้ และไม่ลงมือทำอะไรเลย แล้วเมื่อไรถึงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นเล่า สิทธิทุกอย่างล้วนได้มาจากการเรียกร้อง หาใช่มีใครยินดีมอบให้โดยง่าย จารีตโบราณที่ลิดรอนความเป็นคนสมควรหมดไป เราจึงต้องร่วมมือร่วมใจ ช่วยกันส่งเสียงให้ดังพอ เพื่อรอวันที่ดอกลั่นทมซึ่งไม่ได้มาจากคำว่า ‘ระทม’ แต่มาจาก ‘สรันธม’ อันหมายถึง ‘ความรักอันยิ่งใหญ่’ เบ่งบาน

เมื่อวันนั้นมาถึง เราทุกคนคงจะได้ดมดอมหอมกลิ่นความรักอันนุ่มนวลอวลไอ โดยไม่มีใครถูกกีดกัน


Sources :

รัฐสยามกับล้านนา พ.ศ. 2417 – 2476 | ejournals.swu.ac.th/index.php/swurd/article/download/4573/4419/14973
ศิลปวัฒนธรรม | www.silpa-mag.com/culture/article_48780#google_vignette

Writer

Graphic Designer

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.