‘เรือสำราญราตรีอมตะ’ คือผลงานอีพีอัลบั้มล่าสุดของ ‘HUGO’ หรือ ‘เล็ก-จุลจักร จักรพงษ์’ ที่ออกสู่สาธารณะเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2564
อัลบั้มนี้มีไอเดียจากข่าวที่มหาเศรษฐีและผู้คนบนโลกมากมายเริ่มมองอวกาศเป็นพื้นที่สำหรับการท่องเที่ยว เรือสำราญราตรีอมตะ จึงเกิดขึ้นมาเพื่อเป็นภาพจำลองที่สะท้อนความเป็นไปของสังคม และนำเสนอในแบบ Sci-Fi จินตนาการไปสู่อนาคตที่อาจเกิดขึ้นจริงได้ในสักวัน
ภายในอัลบั้มประกอบด้วย 6 บทเพลงไทย โดยได้นักแต่งเพลงแห่งยุคอย่าง ‘ฟองเบียร์-ปฏิเวธ อุทัยเฉลิม’ กับ ‘ติ๊ก-กฤษติกร พรสาธิต’ วง Playground มาช่วยสร้างสรรค์ร้อยเรียงทำนองต่อเนื่องอย่างกลมกลืน ผสมผสานการเล่าเรื่องด้วยเนื้อหาจิกกัด เสียดสี สะท้อนสังคมอย่างมีชั้นเชิงทางภาษา และแพรวพราวไปด้วยดนตรีครบเครื่องที่ใช้วิธีการอัดดนตรีสดแทบทุกตำแหน่ง ทั้งกลอง เครื่องสาย เครื่องเป่า เพอร์คัสชัน และเสียงประสานที่จัดเต็ม รวมถึงได้นักดนตรีมากฝีมือหลายคนมาวาดลวดลาย จนออกมาเป็นหลากหลายแนวเพลงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในสไตล์แบบฮิวโก้
นอกจากนี้ การเดินทางของเพลงทั้งหมดในอัลบั้มมีจิตรกรนามว่า ‘อ๋อง-วุฒิกร เอกรัตนสมภพ’ จากทีม ‘Visionary’ มารับหน้าที่วาดภาพเรียงต่อกันเป็นแอนิเมชันเพิ่มอรรถรสในการฟังเพลงให้เข้ากับจินตนาการมากขึ้น
พูดได้ว่าอัลบั้มนี้เป็นอีกผลลัพธ์ของการทดลองและทุ่มเททำงานหนักของฮิวโก้และทีม ผ่านการออกแบบเพลงมาให้ฟังตั้งแต่เพลงแรกจนถึงเพลงสุดท้ายแล้ววนไปเริ่มต้นใหม่ได้ เราไม่แปลกใจเลยถ้าอัลบั้มนี้จะกลายเป็นอีกหนึ่งผลงานเพลงไทยที่ไพเราะเสนาะหูจนใครหลายคนยกให้เป็นอัลบั้มในดวงใจ
ในโอกาสครบรอบ 1 ปีของอีพีอัลบั้มนี้ คอลัมน์ ‘แกะเพลง’ ขอพาทุกคนขึ้นไปยังเรือสำราญราตรีอมตะ เพื่อสำรวจว่าภายใน 6 บทเพลงที่เรียงร้อยเชื่อมโยงกันนี้มีเรื่องราวใดแอบแฝงอยู่บ้างระหว่างที่กำลังล่องไปในจักรวาล
01 เรือสำราญราตรีอมตะ
‘ลืมเถิดลืมเลย จงลืมทุกสิ่ง สุขกับทุกข์มันไม่มีจริง ชีวิตก็เช่นกัน ตรงนี้ก็เช่นกัน’
เริ่มต้นท่องเที่ยวไปในจักรวาลแสนกว้างไกลกับเรือสำราญราตรีอมตะ ที่จะพาผู้โดยสารหลบลี้ช่วงเวลาจากโลกความจริงแสนวุ่นวาย หลุดพ้นจากทรัพยากรที่กำลังถูกทำลาย ไปสู่บริการระดับล้านดาวที่จะทำให้แขกสุดพิเศษทุกท่านได้เสพสุขอยู่กับทุกความสะดวกสบาย
‘เรือเรากำลังพาคุณล่องไป สุดจักรวาลเราเคลื่อนผ่านหมู่ดาวมากมาย จะได้รู้ว่าดาวอังคารมีแดดจริงไหม และได้รู้ว่าแหวนดาวเสาร์มันคมสักเท่าไร’
‘เชิญคุณชิมไข่ปลาดาวเนปจูน เสิร์ฟกับพะยูนที่กริลจากท้องภูเขาไฟ และจิบน้ำตาเทวดาที่ตกสวรรค์ ต่อจากนั้นมีความบันเทิงรออีกมากมาย แค่คุณล่องไป’
เพลงแรกของอีพีอัลบั้มเปิดตัวด้วยบรรยากาศดนตรีและจังหวะที่มีความหรูหราเหมือนนั่งเอนกายในเลานจ์วีไอพี ราวกับเป็นเสียงโฆษณาของเรือสำราญอมตะ ที่เชิญชวนผู้คนที่สนใจซื้อตั๋วขึ้นมารับบริการบนเรือใหญ่ลำนี้ เพื่อเตรียมตัวพบกับความเวอร์วังอลังการที่หาไม่ได้จากโลกใบเก่า
02 ดังที่สุดในจักรวาล
‘ก็คนมันดัง มันดังที่สุดในจักรวาล’
เมื่อขึ้นมาบนเรือแล้ว นอกจากการได้ชมวิวอวกาศและมีอาหารชั้นเลิศให้รับประทาน สิ่งที่จะได้เจอต่อมาคือ ‘ความบันเทิง’ บนเรือลำนี้ทุกคนจะได้ดื่มด่ำไปกับบทเพลงจากวงดนตรีที่ดังที่สุดในจักรวาล
‘ยังไม่ทันได้ออกไปไหน ก็เป็นข่าวลือให้เขียนกันทุกวัน ยังไม่ทันได้พูดอะไร ไมค์ทุกตัวก็จ่อมารวมกัน’
‘ยังไม่ทันได้ร้องอะไร คนก็กรี๊ดกร๊าดจนฮอลล์แทบจะพัง ยังไม่ทันได้ขยับอะไร คนก็เป็นลมกันจัง สลบเป็นพัน มันดังที่สุดในจักรวาล’
เพลงนี้มีเนื้อหาที่หยอกล้อไปกับวัฒนธรรมฮิปฮอปที่ต้องการประกาศความเจ๋งของตัวเองออกมา และยังสะท้อนให้เห็นถึงความลืมตัวของเหล่าดารา เซเลบริตี้ และคนมีชื่อเสียง โดยใช้ดนตรีสาดให้ผู้ฟังเคลิบเคลิ้มด้วยจังหวะสนุกแบบ Old School Funk โยกกันไปตามเสียงกลอง สะใจด้วยไลน์โซโล่กีตาร์ที่แสบสัน ผสมเครื่องเป่ากวนๆ ชวนให้นึกถึงแสงสีบนเวทีและเสียงกรี๊ดสนั่นจากแฟนคลับหลายหมื่นคนที่กำลังบ้าคลั่งกันสุดเหวี่ยงอยู่บนเรือที่มีแต่ความสำราญ
เรือลำนี้จะทำให้ทุกคนได้รับความบันเทิงอย่างสมใจ ไม่ต้องสนว่าใครจะเป็นยังไง หรือต้องมีสาระหลักสำคัญใดๆ เพราะเมื่ออยู่ตรงนี้แล้ว ‘ไม่มีฝันของใครที่เป็นไปไม่ได้’
03 ลูกเรือ
‘ฝั่งไกลลับตา เหมือนว่าเพิ่งจากมา เดี๋ยวก็ได้กลับไป ห่างจนลับตา นึกในใจขึ้นมา
เดี๋ยวมันคือเมื่อไร’
‘ลูกเรือ’ คือเพลงที่เล่าเรื่องแทนความรู้สึกของผู้คนที่จำเป็นต้องเดินทางไกล ย้ายถิ่น ฐานห่างบ้านเพื่อมาหางาน มุ่งมั่นเก็บเงินบนสายพานความฝันเพื่อไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม
เพลงที่สามนี้ให้อารมณ์แบบลูกทุ่งผสมแนวเพลงฝั่งสากล ใช้ดนตรีโฟล์กมาสร้างบรรยากาศ และมีรายละเอียดของเครื่องดนตรีพื้นบ้านที่โรยสำเนียงเมโลดี้ความเป็นไทยเข้าไป ช่วยเพิ่มความรู้สึกให้คิดถึงสถานที่ที่จากมา
‘ฉันออกเดินทางเพื่อใคร ใช้วันพรุ่งนี้ที่มีให้ใคร ตกลงชีวิตฉันเป็นของใคร ไปตามกระแสที่ลอยล่องไป ไม่เห็นปลายทางสักที’
อีกทางหนึ่ง ลูกเรือ ยังเป็นเพลงที่พูดแทนชนกลุ่มน้อย กลุ่มคนผู้ยังคงตั้งคำถามถึงสิ่งที่เลือกทำว่า มันดีจริงแล้วหรือเปล่า กับการตัดสินใจเลือกขึ้นเรือลำนี้มา
04 ห้องเครื่อง
‘หนักก็ต้องทำ เหนื่อยก็คืองาน เพื่องานอดทนทำไป หนักเป็นเครื่องยนต์ เหนื่อยก็สู้ไหว เพื่อเรือมุ่งไปข้างหน้า’
เพลง ‘ห้องเครื่อง’ เล่าเรื่องถึง ‘ช่างในห้องเครื่อง’ ที่ต้องมีการศึกษาเฉพาะวิชาชีพถึงจะเข้ามาทำงานส่วนนี้ได้ เป็นตำแหน่งสำคัญที่จะทำให้เรือมุ่งไปข้างหน้าอย่างไร้ปัญหา
‘แต่งานไม่เคยจบ ยิ่งกว่าโรงงานนรก ลงเรือไม่กี่คน ทำงานในห้องเครื่องยนต์’
เพลงนี้ได้ ‘ใหม่-สุทธิพงศ์ แจ่มจำรัส’ แห่งวงสิบล้อ มาช่วยสร้างสรรค์เขียนเนื้อเพลงทำดนตรีสไตล์แรงงาน (อย่างที่ฮิวโก้นิยาม) ให้มีพลังล้นหลาม ในเพลงประกอบด้วยเสียงสไลด์กีตาร์และลูกโซโล่ อันเป็นเอกลักษณ์ของเพลงบลูส์ที่ก่อกำเนิดจากชนชั้นแรงงาน มีเสียงร้องประสานที่เหมือนการรำพึงรำพัน แต่ก็ต้องออกแรงขยับให้งานได้เดินหน้าต่อไป
ผู้คนเหล่านี้มักพบเจอกับงานที่อันตรายและแสนเหน็ดเหนื่อย นอกจากต้องอดทนกับงานมหาศาลที่ต้องแก้ไข พวกเขายังถูกกดทับจากการใช้แรงงานที่จำต้องทำไปตามระบบ เป็นอาชีพที่ไม่ค่อยมีคนเห็นและถูกนายจ้างมองข้าม ทั้งที่เป็นอาชีพจำเป็นเพราะทำให้เรือเคลื่อนต่อไปได้
‘แต่งานไม่เคยจบ ยิ่งกว่าโรงงานนรก ตายใครจะสน ตายไปในห้องเครื่องยนต์’
05 กัปตัน
‘ทำงานไป ไม่ทำก็ลงไปจากเรือของฉัน งานคือเงิน เงินก็คืองาน กัปตันสั่งไว้ ก้มหน้าก้ม เป็นลมหรืออดตาย แบบไหนเลือกเอา เราคือเรือ เรือก็คือเรา กัปตันเป็นใหญ่’
เพลงนี้พูดถึงปรัชญาของผู้นำที่เชื่อมั่นในตัวเองว่าสามารถพาเรือให้แล่นต่อไปได้อย่างปลอดภัย ดนตรีมีความวินเทจยุค 60 ให้อารมณ์แบบหนังคาวบอยหรือฉากเปิดตัวฮีโร่ยอดมนุษย์ จังหวะรัวกลองในวงดุริยางค์ทหาร หยอกล้อกับความเป็นเผด็จการที่ไม่ต้องการความคิดเห็นจากใคร ลูกเรือมีหน้าที่แค่ทำตามที่นายสั่งมา
‘ไม่มีเหตุผลที่คุณต้องสงสัย อย่ามัวมาถามกับคำว่าทำไม ฉันไม่ต้องการได้ยิน คำว่าทำไม่ได้จากใครสักคน’
‘ฉันไม่ต้องการได้ยิน คำว่าทนไม่ไหวจงเข้าใจ ฉันที่เป็นแรงผลักดัน เรือให้ล่องไปบนฟ้าที่มันกว้างใหญ่ เพราะทั้งสวรรค์ บนนั้นคนเดียว มีฉันเป็นกัปตัน’
06 เชื้อไฟ
‘ที่รัก เธอเบื่อโลกเดิมๆ หรือเปล่า เบื่อในที่ที่มีแต่เรื่องราวกวนหัวใจ จนลืมว่าสุดท้ายเราจูบกันเมื่อไร’
เพลงสุดท้ายเป็นดนตรีป็อปฟังง่าย เพลงรักฟังเพราะ แต่แฝงไว้ด้วยความหวัง เพลงนี้เป็นบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมด เล่าเรื่องแทนความรู้สึกของลูกค้าที่อยากขึ้นมาใช้บริการบนเรือลำนี้จากการได้เห็นโฆษณาในเพลงแรก
ชายหนุ่มคนหนึ่งซื้อตั๋วสองใบ เพื่อชวนคนรักไปเที่ยวบนเรือล่องอวกาศด้วยกัน โดยมีความฝันว่าการท่องเที่ยวในครั้งนี้จะพาให้หลุดพ้นจากความยากลำบาก ความกดดัน สิ่งที่ต้องรับผิดชอบ รวมถึงความวุ่นวายแสนน่าเบื่อหน่ายของชีวิตประจำวันบนโลกใบนี้
‘เธอไปกับฉันนะ ฉันต้องการเธอมากกว่าลมหายใจ เธอเป็นเหมือนเชื้อไฟให้เรือสำราญนี้ล่องไป จากโลกอันกว้างใหญ่ ไปในที่ที่เราไม่ต้องซ่อนใต้เงาของใคร’
การเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่อวกาศของเรือสำราญอมตะลำนี้ จะมุ่งไปในทิศทางไหนและจะเป็นอย่างไรต่อไป ฮิวโก้บอกว่ายังมีภาคต่อไปของเรือสำราญราตรีอมตะให้ได้ติดตามกันอีกแน่นอน ฟังเพลงจากอัลบั้มเรือสำราญราตรีอมตะได้ที่ bit.ly/3CsDwQm