ก่อนจะเข้าสู่ห้วงแห่งความหวัง เราขอเกริ่นถึงภาพยนตร์สารคดี Hope Frozen คร่าวๆ เพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงเรื่องราวอย่างย่อ จุดเริ่มต้นของความหวังใน ‘ครอบครัวเนาวรัตน์พงษ์’ มาจาก ‘ไอนส์’ ลูกสาวคนเล็กที่เป็นมะเร็งสมองระดับรุนแรง แน่นอนว่าหัวอกของคนในครอบครัวนั้นแตกสลาย เมื่อทราบข่าวร้าย
แต่ ดร.สหธรณ์ ผู้ที่เป็นทั้งพ่อและนักวิทยาศาสตร์กลับไม่อยู่เฉย แต่คอยหาวิธีการเพื่อยืดเวลาชีวิตเจ้าตัวเล็กของครอบครัวเอาไว้ จนกระทั่งเวลาชีวิตของไอนส์ต้องหมดลง เส้นทางที่ครอบครัวเนาวรัตน์พงษ์เลือกเดินต่อ นั่นคือการทำกระบวนการแช่แข็งที่เรียกว่า ‘ไครออนิกส์ (Cryonics)’ คือ เทคนิคแช่แข็งมนุษย์ทั้งร่าง หรือบางส่วนด้วยอุณหภูมิต่ำ ซึ่งการตัดสินใจที่ขัดกับขนบธรรมเนียมของเมืองไทย และศาสนาพุทธ ถูกห้ามปรามจากคนในครอบครัวอยู่ไม่น้อย แต่สุดท้ายเพราะคำว่า ‘ความรัก’ จึงทุ่มเททุกสิ่งอย่างเพื่อหวังให้ลูกสาวของพวกเขาได้กลับฟื้นคืนชีพอีกครั้ง
“เรามาถึงที่สุดแล้ว …
มนุษย์ไม่สามารถข้ามขีดจำกัดนี้ไปได้แล้ว”
เมื่อสิ้นสุดประโยคของคนเป็นพ่อก็ทำให้เรารู้สึกอิมแพ็คในหัวใจทันที หลังจากดูสารคดีเรื่อง Hope Frozen: A Quest to Live ซึ่งมันทำให้เราต้องตั้งคำถามว่า ‘จะพอมีความหวังให้น้องไอนส์ได้กลับมาไหม ?’
คาดหวัง ผิดหวัง หมดหวัง สมหวัง หรือสิ้นหวัง ล้วนแล้วแต่เป็นผลลัพธ์ทางความรู้สึกจากคำว่า ‘ความหวัง’ ทั้งนั้น บางครั้งมันก็เหมือนแสงเทียนท่ามกลางความมืดบอด บางครั้งก็เป็นอะดรีนาลีนชั้นดีที่คอยอัดฉีดให้เราอยากมีชีวิตอยู่ไป
‘ความหวัง’ คืออะไร ?
เราได้ตัดสินใจค้นหาคำนิยามของมัน ปรากฎว่ามันถูกตีความได้หลายความหมาย จากอดีตกาลนักปรัชญากรีกยุคโบราณที่ต่างมองว่า “ความหวังคือสิ่งที่ทำให้เราจมอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน” บางคนอาจแปลว่าหวังลมๆ แล้งๆ ก็ไม่ผิดอะไร แต่สำหรับนักจิตวิทยา Charles Rick Snyder ผู้สร้างทฤษฎีความคาดหวัง (Theory of Hope) กลับมองว่าความหวังเป็นจุดเริ่มต้นที่จะพาเราไปคว้าความสำเร็จที่หวังเอาไว้
โดย Snyder เชื่อว่าความสำเร็จในชีวิตของคนเราต้องเริ่มจากการมี 3 สิ่ง คือ ความหวัง ความรู้ และความมุ่งมั่น เพราะความหวังจะช่วยให้เรากำหนดเป้าหมาย (Goals Thinking) ได้ชัดเจน ซึ่งเราต้องค้นหาความรู้ มาพัฒนากลยุทธ์ (Pathways Thinking) ให้ไปสู่เป้าหมาย และเมื่อเราลงมือทำ การมีความมุ่งมั่นจะช่วยให้ฝ่าฟันอุปสรรค และรักษาแรงจูงใจเอาไว้ได้ (Agency Thinking) แล้วความหวังจะถูกเปลี่ยนให้เป็น ‘ความสำเร็จ’
เช่นเดียวกับเรื่องราวที่เราได้สัมผัสผ่านครอบครัวเนาวรัตน์พงษ์ที่ใช้ชีวิตอย่างมีความหวัง โดยเอาความถนัดด้าน ‘วิทยาศาสตร์’ ของตัวเอง ศึกษากระบวนการแช่แข็ง เพื่อรอคอยให้เทคโนโลยีในอนาคตพาลูกสาวกลับคืนสู่อ้อมกอดอีกครั้ง ฟังดูเหมือนนักวิทยาศาสตร์คลั่ง (Mad Scientist) อย่างที่เมทริกซ์ลูกชายคนโตบอกเอาไว้ แต่เชื่อเถอะว่าพวกเขาสานต่อความตั้งใจนี้ด้วยความรัก และความหวังได้หนักแน่นทีเดียว
ความหวังสำคัญอย่างไรกับมนุษย์ ?
สารคดีบอกเล่าถึงคำพูดจากคนนอกต่างๆ นาๆ บ้างก็ว่ายึดติดไม่ปล่อยวาง บ้างก็ว่านี่คือความหวังลมๆ แล้งๆ แต่สิ่งที่ทัชใจคนดูอย่างเรามากที่สุดคือการที่ ดร.สหธรณ์ พูดว่า “ผมจะยังรอเธอไม่เปลี่ยนแปลง” นั่นหมายความว่า ‘ความหวัง’ อันแรงกล้าของเขา คือการยึดมั่นในกระบวนการวิทยาศาสตร์
ซึ่งนักวิชาการหลายคนมองว่าแก่นของความหวัง คือความเชื่อที่แข็งแกร่ง และการมองเห็นความเป็นไปได้ที่ช่วยขับเคลื่อนชีวิต เพื่อก้าวไปสู่อนาคตที่ดีกว่าทั้งสำหรับตัวเรา และคนอื่นๆ รอบตัว เหมือนกับว่าถ้าชีวิตปราศจากความหวัง เราอาจทำได้เพียงแค่วาดภาพความสุขปลอมๆ บนใบหน้าก็ได้
มีข้อเท็จจริงที่ว่าความหวังเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ทุกคน มันจะช่วยให้เรากำหนดสิ่งที่ต้องการในอนาคตได้ และแน่นอนว่าเราจะเป็นตัวละครเอกสำคัญในเส้นเรื่องชีวิตที่เราสร้างขึ้นเพื่อตัวเอง ที่สำคัญความหวังของเราสามารถแบ่งออกเป็น 7 แบบ คือ
- Innate Hope – ความหวังที่มีติดตัวมาตั้งแต่เกิด
- Forced Hope – ถูกบังคับให้ทำจากการคาดหวังของคนอื่น โดยไม่เต็มใจ
- Borrowed Hope – ความหวังที่ถูกฝากฝัง เพราะเขาเชื่อว่าเราทำได้ เราจึงเชื่อว่าทำได้
- False Hope – เชื่อในสิ่งที่ไม่มีวันเป็นจริง
- Unrealistic Hope – การหวังว่าจะไปถึงจุดนั้น แต่ไม่น่าเป็นไปได้ หรือยังห่างไกลจากความสำเร็จ
- Chosen Hope – การเลือกจุดยืนของชีวิต และเชื่อมั่นในความสำเร็จ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
- Mature Hope – เป็นความหวังที่ดูจากจุดประสงค์ของการกระทำว่าคุ้มค่าหรือเปล่า
เคยมีผลวิจัยจาก American Psychology Association พบว่าเด็กที่เติบโตมาจากความยากจน และประสบความสำเร็จในชีวิต ต่างมีสิ่งที่เหมือนกันอย่างหนึ่ง คือ ความหวัง ซึ่ง ดร.Valerie Mahomes ผู้ศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้องกล่าวว่า พวกเขาล้วนแต่ใช้ความหวังเป็นแรงจูงใจและความมุ่งมั่น
ความหวังที่รอวันสรุป
ถึงแม้ไครออนิกส์ คือแสงสว่างปลายอุโมงค์ของครอบครัวเนาวรัตน์พงษ์ แต่พวกเขาไม่มีวันอยู่เฉยเพื่อรอให้เวลานั้นมาถึง เหมือนกับ ‘เมทริกซ์’ ลูกชายคนโตของบ้าน ที่รับช่วงต่อจากผู้เป็นพ่อ และอยากสานต่อความหวังให้น้องสาวคนนี้กลับคืน
สารคดีถ่ายทอดความบริสุทธิ์ ความรักผ่านแววตาเปี่ยมล้นไปด้วยความตั้งใจ มุ่งมั่น ให้ความหวังได้เป็นจริงในเร็ววัน และนี่คือสิ่งที่ภาพยนตร์สารคดี Hope Frozen อยากสื่อออกมาให้เราได้เห็น สำหรับใครที่อยากรับชมภาพยนตร์ตัวเต็ม สามารถรับชมบน Netflix ได้แล้วตั้งแต่วันนี้