‘Uncommon Life’ ความสุขเรียบง่ายจากสิ่งไม่ธรรมดา - Urban Creature

ความสุขของฉันเกิดขึ้นที่ ‘เอกมัย’ ด้วยทำเลใจกลางเมืองที่แสนสะดวกสบายในการเดินทางและใช้ชีวิตได้หลากหลายประสบการณ์ เพราะอยู่ใกล้ย่านทองหล่อ แหล่งกินดื่มเที่ยวของคนกรุงเทพฯ รวมทั้งใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีเอกมัยที่เดินทางไปไหนมาไหนได้ง่ายดาย

ภายในย่านเอกมัยเต็มไปด้วยพื้นที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์มากมาย ที่เปิดโอกาสให้ทดลองทำกิจกรรมได้ไม่มีเบื่อ ไม่ว่าจะเป็นการได้ไปทำความรู้จักกับเหล่าเพื่อนใหม่สี่ขา นั่งดื่มกาแฟสุดชิลในคาเฟ่เซรามิก การลิ้มลองอาหารต้นตำรับจากญี่ปุ่น หรือพื้นที่พักผ่อนที่ทำให้เราสามารถใช้ชีวิตทั้งวัน หากได้ลองสัมผัสกับตัวเองแล้วจะรู้ว่า แต่ละที่ต่างมีความพิเศษซ่อนอยู่ภายในให้เราได้ไปทำความรู้จัก จนอยากนำมาแชร์ต่อให้ชาวเมืองมาเที่ยวแวะเวียน จะมีที่ไหนบ้างตามไปดูกัน!

| The Mud Bar by Cone No.9
คาเฟ่เซรามิก ที่เสิร์ฟความคิดสร้างสรรค์

การได้จิบเครื่องดื่มรสอร่อยในบรรยากาศที่ชื่นชอบ อย่าง ‘The Mud Bar by Cone No.9’ ร้านกาแฟที่ไม่ใช่แค่คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดี แต่ยังใส่ส่วนผสมของความคิดสร้างสรรค์เข้าไปเต็มช็อต ด้วยความที่เจ้าของร้านเคยเรียนบาริสต้ามาก่อน ทำให้แต่ละเมนูมีความแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร เสิร์ฟมาในแก้วเซรามิกสุดสวย ที่เขาเองก็เป็นคนออกแบบเองทุกขั้นตอน เพื่อเปิดประสบการณ์ให้คนรู้สึกดีเวลาดื่ม และถ่ายทอดความงดงามของลวดลายถ้วยเซรามิกสู่สายตาคนภายนอกมากกว่าเคย

หากแวะมาที่คาเฟ่ The Mud Bar by Cone No.9 ซิกเนเจอร์เด็ดที่ต้องไม่พลาด คือเมนูเครื่องดื่มที่หน้าตาชวนให้มาลิ้มลองอย่าง ‘Hot Latte’ ในแก้วเซรามิกสีสวยกินคู่กับขนมหวาน ‘The Mud Pudding Chocolate’ ที่เข้ากันอย่างลงตัว หากใครเป็นสายชอบชิมเครื่องดื่มแปลกใหม่ขอแนะนำ ‘Coffee & Cigarette’ กาแฟ Cold Brew ผสมรูตเบียร์ที่ทำให้รสชาติเข้มข้นเป็นเอกลักษณ์ และ ‘Camo Coffee’ ที่มีส่วนผสมของกาแฟกับชาเขียวผสมกลมกล่อมกำลังดี เชื่อว่าใครได้จิบกาแฟไปทีหนึ่งแล้ว
ต้องมีกลับมาซ้ำรอบสองแน่นอน


สถานที่ : ซอยเอกมัย 15
วันและเวลา : เปิดทุกวัน 9.00 – 18.00 น.
Facebook : @conenumber9

| Dog in Town Ekkamai
คาเฟ่แก๊งเพื่อนสี่ขา ที่ก่อตัวจากความรัก

ถึงแม้ว่าชีวิตจะโสดสนิท แต่ก็ไม่ใช่คนเหงา 2021 หรอกนะ เพราะฉันมีแก๊งเพื่อนซี้อยู่ที่ ‘Dog in Town’ มาช่วยสร้างรอยยิ้มและนอนเล่นอยู่ด้วยกันไม่ห่างไปไหน (ถ้ามีขนมอยู่ในมือ) สิ่งที่ฉันสัมผัสได้คือร้านนี้เหมือนเป็นแหล่งรวมตัวของคนรักสัตว์เลี้ยงมาเจอกัน ซึ่งคาเฟ่หมาในเมืองนี้ก่อตั้งด้วยความรักของเจ้าของร้าน เนื่องจากเมื่อก่อนอยากเลี้ยงสุนัขมาก แต่คอนโดฯ ห้ามเลี้ยงสัตว์ จึงสร้างพื้นที่รวมพลน้องหมาให้เหล่าเอฟซีได้มีตแอนด์กรีตจนหนำใจ

เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับแก๊งน้องหมากว่าสิบชีวิตวิ่งเข้ามาทักทาย มีทั้งสายพันธุ์ฮัสกี้ อาคิตะ คอร์กี้ อลาสกัน และเฟรนช์บูลด็อก เดินป้วนเปี้ยนอยู่ในร้าน ซึ่งเราสามารถเข้าไปสัมผัสตัว จับมือ ลูบหัว หรือกอดน้องอย่างใกล้ชิด รวมถึงวิ่งเล่นกับน้องในสนามหญ้าได้ตามช่วงเวลาที่ทางร้านจัดรอบไว้ให้ หากเหนื่อยก็พักมาเติมพลังได้ด้วย ‘Japanese Cheesecake’ ชีสเค้กเนื้อนิ่มตามด้วย ‘Dog in Town O-Dip’ ช็อกโกแลตปั่นดับกระหาย เพียงแค่นี้ก็สร้างรอยยิ้มบนหน้าให้สุขล้นใจได้ไม่น้อย


สถานที่ : ซอยเอกมัย 6
วันและเวลา : เปิดทุกวัน 11.00 – 20.00 น.
Facebook : @DogInTownCafeEkkamai

| Hyotan Kappo
ร้านโอเด้งสูตรต้นตำรับญี่ปุ่น กับส่วนผสมความพิถีพิถัน

ความสุขไม่ใช่แค่สถานที่ แต่ยังเป็นเรื่องราวของอาหารที่ทำให้อิ่มอกอิ่มใจ ด้วยเครื่องปรุงพิเศษที่ชื่อว่าความพิถีพิถันของ ‘Hyotan Kappo’ ร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นจากฝีมือเชฟชาติต้นตำรับที่ลงมือทำเองสดๆ 

เมนูเด็ดที่ไม่ควรพลาดคือ ‘โอเด้ง’ ด้วยจุดเด่นคือน้ำซุปที่ใส่ใจทุกขั้นตอนการทำ ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบ การแช่หรือหมักอาหารให้เข้าถึงรสชาติมากที่สุด รวมถึงสูตรลับของเชฟที่ทำให้น้ำซุปเบลนด์เข้ากับอาหารได้อย่างกลมกล่อม ยิ่งได้ซดโอเด้งชามร้อนๆ ท่ามกลางบรรยากาศการตกแต่งร้านสไตล์เซน ยิ่งช่วยสร้างความรู้สึกเหมือนนั่งกินอาหารอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว

แน่นอนว่าซิกเนเจอร์ของทางร้านคือโอเด้ง แต่ความเพลิดเพลินในการรับประทานอาหาร คือการได้เลือกเครื่องเคียงมาใส่ในหม้อไฟของตนเอง ที่มีหลายรายการให้เลือกละลานตา เช่น ไข่ ปลาบดปรุงรส ฟองเต้าหู้ไส้โมจิหรือแป้งบุก นอกจากนี้ยังมีเมนูที่พลาดไม่ได้อย่าง ‘Kitsune Udon’ อูด้งเส้นสดซุปร้อนแบบโฮมเมด ‘Salmon Rare Katsu’ เนื้อปลาแซลมอนชุบเกล็ดขนมปังทอด หรือจะเป็น ‘Sashimi Moriawase’ ชุดเมนูปลาดิบที่เชฟจะคัดสรรเนื้อปลาแปลกใหม่ให้ได้ลิ้มลองไม่เหมือนใคร


สถานที่ : ซอยธารารมณ์ 2
วันและเวลา : ปิดวันจันทร์ 
วันอังคาร-ศุกร์ : 17.00 – 23.00 น.
วันเสาร์-อาทิตย์ : 11.00 – 14.00 น., 17.00 – 22.30 น.
Facebook : @HyotanKappoBKK

| Maru Ekkamai 2
พื้นที่อยู่อาศัยที่ดีไซน์เข้าใจคนอยู่ และมีความสุขกับทุกสิ่งรอบตัว

เพราะความสุขเกิดขึ้นได้จากสิ่งรอบตัว ซึ่งอาจจะเริ่มต้นง่ายๆ จากสภาพแวดล้อมที่เราอยู่อาศัย ทำให้เราทดลองใช้ชีวิตได้หลากหลายรูปแบบ และค้นหาแนวทางความชอบของตัวเองได้อย่างมีความสุข เหมือนกับคอนเซปต์การดีไซน์ของ ‘Maru Ekkamai 2’ คอนโดฯ ที่ออกแบบพื้นที่อยู่อาศัยให้ทุกคนเติมเต็มชีวิตได้อย่างอิสระ

เริ่มต้นด้วยทำเลใจกลางเมือง ‘เอกมัย’ ย่านที่เดินทางสะดวกสบาย ทั้งติดรถไฟฟ้า BTS สถานีเอกมัย เดินทางเพียง 5 นาทีก็เข้าถึงย่านทำงานอย่างอโศกได้ทันที หรือขับรถยนต์สายสุขุมวิทก็สามารถเชื่อมต่อย่านสำคัญมากมาย อย่างทองหล่อ พร้อมพงษ์ หรือวิ่งทะลุเข้าถนนพระรามที่ 4 ไปยังย่านสีลม-สาทรได้อีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้นในย่านเอกมัยยังเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน เพราะเป็นแหล่งกินดื่มเที่ยวของคนกรุงเทพฯ มีร้านอาหารและคาเฟ่หลากหลาย รวมทั้งใกล้กับห้างสรรพสินค้าอย่าง Gateway เอกมัย The Commons ทองหล่อ หรือ Donki Mall รับรองว่าอยู่ย่านนี้ไม่มีบ่นหิวแน่นอน

หนึ่งไฮไลต์ของ Maru Ekkamai 2 คือสามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยงน้ำหนักไม่เกิน 20 กก. ในโครงการ แถมยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทั้ง ‘Bark & Bike Wash’ โซนอาบน้ำ และ ‘Wellness Yard’ พื้นที่สวนสีเขียวที่จูงเจ้าตัวโปรดมาเดินเล่นได้อย่างเต็มที่ ยิ่งไปกว่านั้นการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางยังตอบโจทย์คนเมืองทุกรูปแบบ สำหรับชาวปาร์ตี้ต้องชอบใจ ‘Co-Creation Space’ พื้นที่ทำอาหารและจัดงานเล็กๆ สังสรรค์กับเพื่อนได้ยาวๆ หากเป็นสายรักเสียงเพลงก็มี ‘Music Rehearsal Room’ ห้องซ้อมดนตรีและ ‘Karaoke Room’ ห้องร้องคาราโอเกะตะโกนได้ไม่มีกั๊ก

หากบางครั้งอยากมีมุมดูแลสุขภาพตัวเองบ้าง ก็แวะมาโหมดเฮลตี้สักหน่อยที่ ‘Fitness Room’ ห้องฟิตเนสขนาดใหญ่ หรือจะเป็น ‘Aerial Yoga Room’ นัดเทรนเนอร์มาเปิดคลาสเรียนพิลาทิสใช้ได้ทุกเมื่อ หรืออยากออกกำลังกายชิลๆ ก็ไป ‘Infinity Edge Swimming Pool’ สระว่ายน้ำเกลือขนาดใหญ่ และ ‘Warm Water Pool’ แช่น้ำอุ่นเหมือนนั่งออนเซ็นพร้อมชมวิวสูงของเมืองสุดส่วนตัว

ให้เวลากับสิ่งรอบข้างจนจุใจแล้ว ถึงเวลาอยู่กับตัวเองบ้าง Maru Ekkamai 2 ก็จัดเตรียมพื้นที่มาให้เสร็จสรรพ อย่าง ‘Rooftop Relax Garden’ พื้นที่นั่งเล่นบนดาดฟ้าใจกลางเมือง แถมยังจัดปิกนิกกับคนใกล้ชิดให้สนิทกันมากขึ้นในโซน ‘BBQ Sunken Courtyard with Seating Box’ ได้ไม่อั้น เสร็จแล้วก็มานั่งพักสายตา ด้วยทัศนียภาพค่ำคืนใจกลางกรุงเทพฯ ที่ ‘Star Gazing Deck’ มุมพักผ่อนชั้นบนสุดกับวิวสุดพิเศษของมหานคร สำหรับใครเป็นสายชอบทำงานก็หยิบโน้ตบุ๊กคู่ใจมานั่งได้ที่ ‘Napping Hill’ ทั้งอ่านหนังสือหรือปั่นงานก็สะดวกครบครัน

อีกหนึ่งไฮไลต์ของโครงการคือ การออกแบบห้องที่คิดถึงการใช้งานครบทุกมิติ ด้วยการดีไซน์ห้องที่เป็นสัดส่วนชัดเจน เรียบง่ายแต่ครบทุกฟังก์ชัน ทั้งมุมนั่งเล่น ห้องครัว ห้องนอน และวิวใจกลางเมืองที่สร้างความสุขให้คนอยู่อาศัยเอ็นจอยการใช้ชีวิตได้มากกว่าเคย

หากอาศัยคนเดียวขอแนะนำแบบ 1 Bedroom Smart อยู่เป็นคู่ต้องแบบ 2 Bedrooms ถ้าชอบความกว้างขวางยิ่งขึ้นก็มีแบบ Duplex รองรับ แอบกระซิบบอกสำหรับคนที่สนใจว่าตอนนี้ทางโครงการมีโปรโมชัน 1 Bedroom เริ่มต้น 5 ล้านบาท แถมอยู่ฟรี 2 ปี* อีกด้วย ชวนคุณมาค้นพบความสุขในย่านเอกมัยที่ Maru Ekkamai 2 ด้วยตัวเองได้ที่ : https://bit.ly/2MUiQLx

Writer

Photographer

Graphic Designer

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.