ในปีหน้าหากใครก็ตามที่ต้องการขับรถรุ่นเก่าที่มีมลพิษมากขึ้นเข้าไปยังเกรเทอร์ลอนดอนจะต้องเสียค่าบริการเป็นจำนวน 12.50 ปอนด์หรือประมาณ 540 บาทต่อวัน จากนโยบายของนายกเทศมนตรีซาดิก ข่าน ที่ประกาศขยายอัตราค่าธรรมเนียมการใช้รถยนต์ที่ปล่อยไอเสีย เพื่อต่อสู้กับมลพิษทางอากาศและการจราจรที่คับคั่ง
ซาดิก ข่าน นายกเทศมนตรีลอนดอนกล่าวในการประกาศขยายเขต Ultra Low Emission Zone (ULEZ) หรือเขตการปล่อยมลพิษต่ำ ซึ่งออกแบบมาเพื่อสนับสนุนให้ชาวลอนดอนลดการใช้งานรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบเก่าซึ่งมีการปล่อยมลภาวะสูง โดยจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับรถยนต์ที่ใช้แก๊สหรือรถบรรทุกขนาดเล็กที่ผลิตก่อนปี 2005 (มาตรฐานยูโร 4) และรถยนต์ดีเซลหรือรถบรรทุกขนาดเล็กที่ผลิตก่อนปี 2557 (มาตรฐานยูโร 6) ซึ่งเมืองลอนดอนคาดการณ์ว่ามีการใช้งานรถทั้งสองประเภทราว 135,000 คันต่อวัน
หลังจากเปิดตัวครั้งแรกในเดือนเมษายน 2019 เขตการปล่อยมลพิษต่ำครอบคลุมเพียงส่วนเล็กๆ ใจกลางเมือง ก่อนจะขยายพื้นที่มากขึ้นครอบคลุมเมืองชั้นในในปี 2021 และในปี 2023 จะครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของเกรเทอร์ลอนดอน ซึ่งมีเนื้อที่มากกว่า 965 ตารางกิโลเมตร
“นี่เป็นเรื่องของความยุติธรรมทางสังคม มลพิษในอากาศส่งผลกระทบต่อชุมชนที่ยากจน กว่าครึ่งหนึ่งของชาวลอนดอนไม่ได้ครอบครองรถยนต์ แต่พวกเขายังต้องอยู่กับมลพิษทางอากาศ” ข่านกล่าว
แม้ ULEZ จะมีการขยายขอบเขตด้วยความรวดเร็วแต่ก็ยังถือว่ากระทบต่อผู้ใช้งานน้อยกว่าทางเลือกอื่นที่นายกเทศมนตรีกำลังพิจารณาอยู่ เมื่อต้นปีที่ผ่านมาข่านได้เสนอการคิดค่าเดินทางแบบตามระยะ ซึ่งจะคิดค่าบริการสำหรับรถยนต์ทุกคันในเมืองโดยไม่คำนึงถึงอายุหรือมาตรฐานการปล่อยมลพิษ ซึ่งได้รับเสียงคัดค้านหนาหูและยกเลิกแนวคิดดังกล่าวไปเรียบร้อยแต่ก็ไม่ได้ปิดประตูไปโดยสิ้นเชิง
เพราะนายกเทศมนตรีลอนดอนระบุว่า การคิดค่าธรรมเนียมต่อไมล์คือ “ทางออกระยะยาวและยุติธรรมที่สุด” ในการจัดการปัญหาด้านการจราจรและคุณภาพอากาศในลอนดอน ทันทีที่เทคโนโลยีพัฒนาจนสามารถคิดค่าบริการใช้รถยนต์ตามระยะทางได้ ก็มีความเป็นไปได้ที่นโยบายดังกล่าวจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาจริงๆ