ผู้คนมากกว่า 1,000 ล้านคนใช้แอปพลิเคชัน Google Maps เพื่อนำทางไปยังหมุดหมายต่างๆ ตามที่ผู้ใช้ต้องการ ซึ่งนอกจากกูเกิลแมปส์จะเป็นแอปฯ แผนที่ ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ เพิ่มเติมเข้าไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการแสดงเส้นทางสำหรับจักรยาน สถานที่ให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 หรือแม้กระทั่งการเพิ่มเลเยอร์แสดงผลของพื้นที่เกิดไฟป่า (Wildfire Layer) เพื่อแจ้งเตือนประชาชนบ้านใกล้เรือนเคียงรับมือกับสถานการณ์ได้ทันท่วงที
ทาง Google Maps ได้สร้างฟีเจอร์ดังกล่าวมาตั้งแต่ไฟป่ารุนแรงในรัฐแคลิฟอร์เนียและรัฐโคโลราโดเมื่อปีที่ผ่านมา โดยใช้ข้อมูลดาวเทียมจาก National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA) ที่เก็บข้อมูลด้วยเซนเซอร์อินฟราเรดสแกนหาฮอตสปอตจาก ‘Hot Pixel’ ซึ่งช่วยให้กูเกิลรู้ตำแหน่งของไฟป่าและขอบเขตของเพลิงไหม้ ก่อนจะนำไปตรวจสอบเรียบร้อยแล้วแสดงข้อมูลบน Google Maps ในการค้นหา ‘ไฟไหม้ใกล้ฉัน (Fire near me)’ หรือคำที่ใกล้เคียงกัน เพื่อค้นหาเส้นทางเดินรถสายอื่นแทน
โดยข้อเสียของเวอร์ชันเก่าคือแสดงผลแค่ไฟป่าที่มีขนาดใหญ่กว่า 7,000 – 10,000 เอเคอร์เท่านั้น ขณะที่สหรัฐอเมริกาเผชิญหน้ากับไฟป่าขนาดเล็กราว 43,000 ครั้งต่อปี ซึ่งสร้างความเสียหายและกระทบต่อชีวิตมนุษย์ไม่แพ้กับไฟป่าขนาดใหญ่เลย
โดย Google Maps เวอร์ชันใหม่นี้ จะอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับไฟป่าทุกๆ หนึ่งชั่วโมง และระบุข้อมูลละเอียดกว่าเดิม เช่น จำนวนพื้นที่ที่ถูกไฟไหม้ เวลาที่รายงานข้อมูลเข้ามา ความคืบหน้าในการควบคุมเพลิง รวมไปถึงข้อมูลอัปเดตจากหน่วยงานท้องถิ่น รายละเอียดการอพยพ เว็บไซต์และหมายเลขจำเป็น เพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน เพียงแค่กดเพิ่มเลเยอร์ ‘ไฟป่า’ ลงในแผนที่เท่านั้น
เบื้องต้นแผนที่ไฟป่าของ Google Maps จะโชว์บริเวณการเกิดไฟป่าในพื้นที่สหรัฐอเมริกาเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นพวกเขาจะเพิ่มเลเยอร์ข้อมูลไฟป่าในออสเตรเลียภายในสิ้นปีนี้ ซึ่ง Wildfire Layer พร้อมใช้งานภายในสัปดาห์นี้สำหรับระบบ Android ส่วนระบบ iOS กับเดสก์ท็อปจะเปิดให้ใช้ภายในเดือนตุลาคม
สำหรับประเทศไทยเอง เราคงต้องการ Google Maps ที่สามารถเพิ่มเลเยอร์พื้นที่น้ำท่วมมากกว่า เพื่อรับมือสถานการณ์น้ำท่วมตอนนี้
Source : Mashable SE Asia | https://bit.ly/3mfzXoI
Writer
