เดี๋ยวนี้จะไปที่ไหนก็ต้อง “กด กด ล้าง” เพื่อความปลอดภัยของเราและคนรอบข้าง
และเมื่อไปที่ศูนย์การค้าของเซ็นทรัลพัฒนา เราก็จะเห็นมีการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือแบบออร์แกนิกจากแบรนด์ Patom Organic Living ผู้ริเริ่มโครงการสามพรานโมเดล และเป็นผู้นำด้านเกษตรอินทรีย์ โดยเริ่มนำร่องแล้ววันนี้ ที่ เซ็นทรัล ศรีราชา และ เซ็นทรัล อยุธยา และ เตรียมขยายต่อยอดให้ได้ 13 สาขาทั่วประเทศ
ไม่รอช้า เราจึงหาโอกาสเข้าพูดคุยกับ ‘คุณเลิศวิทย์ ภูมิพิทักษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบริการทรัพย์สิน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)’ “เมื่อเราคิดถึงลูกค้า คิดถึงชุมชน คิดถึงสิ่งแวดล้อม เราจึงเลือกสิ่งนี้ออกมา” ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกที่ช่วยให้ดิน น้ำ อากาศปลอดภัย ชุมชนเกษตรก็มีรายได้ เมื่อเห็นว่ามีรายได้ เขาก็จะผลิตแต่สิ่งดีๆ ออกมามากขึ้น และลูกค้าที่มาใช้บริการศูนย์การค้าก็ยังได้ใช้ผลิตภัณฑ์ดีๆ ให้กับตัวเอง
ความคิดถึงชุมชน สิ่งแวดล้อม และตัวเราที่ว่าของเซ็นทรัลพัฒนาเป็นอย่างไร ติดตามต่อในคลิปนี้เลย!
#CPN #Patom #UrbanCreature #ReinventTheWayWeLive #FYI
RELATED POSTS
‘WABU’ แพลตฟอร์มที่อยากชวนคนลงเดินเท้าสำรวจเส้นทาง ออกไปพบเจอกับเรื่องราวน่าสนใจในสถานที่ต่างๆ
เรื่อง
Urban Creature
ว่ากันว่า ‘การเดิน’ จะพาเราไปพบกับเรื่องราวน่าสนใจในพื้นที่แปลกใหม่ที่อาจนึกไม่ถึงมาก่อน เพราะสองเท้าคือเครื่องมือที่พาเราลัดเลาะเข้าไปยังพื้นที่เล็กๆ ที่รถยนต์เข้าไปไม่ถึง แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเส้นทางการเดินในพื้นที่ที่เราไม่เคยไปนั้นจะต้องเดินท่องเที่ยวแบบไหนถึงจะได้ไปเจอความน่าสนใจที่ว่า เราเลยอยากพาทุกคนไปรู้จักกับ ‘WABU’ ที่ย่อมาจาก ‘WAlking BUddy’ แพลตฟอร์มที่อาสาทำหน้าที่เป็นเพื่อนผู้สำรวจเส้นทางก่อนจะพาทุกคนออกไปเดินสำรวจชุมชนหรือย่านต่างๆ ที่อาจยังไม่เป็นที่รู้จักในแง่ของการท่องเที่ยวมากเท่าไหร่นัก เพื่อสัมผัสกับวิถีชีวิต ประสบการณ์ใหม่ๆ และเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวอีกทางหนึ่งด้วย จุดเริ่มต้นของการเป็นเพื่อนเดิน WABU นั้นเกิดขึ้นจากความชอบเดินของ ‘พี่อ๋อย-พิมพิมล คงเกรียงไกร’ และ ‘พี่เต้-ศตพร นวลละออง’ สองผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์ม ที่พี่อ๋อยเล่าให้เราฟังว่า เมื่อประมาณ 20 ปีก่อนได้มีโอกาสไปท่องเที่ยวที่เมือง Arles ประเทศฝรั่งเศส ที่ภายในเมืองมีการแบ่งรูตเดินตามความสนใจในการเที่ยว โดยที่นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเดินตามเส้นทางที่กำหนดไว้บนพื้นว่าอยากจะไปเที่ยวในเส้นทางไหน ทำให้การเดินเที่ยวในครั้งที่ GPS ยังไม่เป็นที่นิยมไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด แถมยังสร้างความประทับใจให้กับพี่อ๋อย และเกิดความสงสัยว่าทำไมถึงไม่มีรูตท่องเที่ยวลักษณะนี้ในบ้านเราบ้าง จนได้มีโอกาสจัดงานแสงสีสิงห์ที่จังหวัดสิงห์บุรี เมื่อปี 2566 โดยเป็นงานที่นำเอาศิลปะและดีไซน์เข้ามานำเสนอร่วมกับการท่องเที่ยว เพื่อดึงดูดและเชิญชวนให้ผู้คนเข้ามาสัมผัสกับจังหวัดเมืองรองด้วยงานศิลปะที่จัดวางไว้ตามจุดต่างๆ ของเมือง แต่ด้วยความที่พี่อ๋อยกลัวว่านักท่องเที่ยวที่ไม่รู้จักทางจะสับสนเส้นทางการเดินและหาชิ้นงานไม่เจอ จึงได้สร้างเว็บไซต์ WABU เพื่อให้ผู้คนที่เข้าร่วมงานเปิดดูและเดินตามรูตที่วางเอาไว้สำหรับการตามหาชิ้นงานต่างๆ ได้ง่ายขึ้น แม้ว่าเว็บไซต์จะเป็นเพียงโปรเจกต์ทดลอง แต่พี่อ๋อยกลับพบว่ามีการเข้าใช้งานเพื่อเดินตามเส้นทางที่งานแนะนำเอาไว้เป็นจำนวนมาก ทำให้ในปี 2568 นี้ WABU […]
ย้อนรอยเส้นทาง เมื่อแบรนด์ไม่ได้แค่พาเราขับ แต่ชวนเราคิดถึงอนาคตที่ยั่งยืน CHANGAN ฉลอง 50 ปี ไทย–จีน เชื่อมโยงผู้คน สิ่งแวดล้อม และชุมชน บนเส้นทางแห่งการขับเคลื่อนอย่างยั่งยืน ผ่านทริป “DEEPAL withU FREEDAY”
เรื่อง
Urban Creature
จะดีแค่ไหนถ้ามีทริปหนึ่งที่รวมทั้งการขับรถไฟฟ้าระยะทางกว่า 1,200 กิโลเมตร การพูดคุยเรื่องอนาคตของพลังงาน และการลงพื้นที่ฟังเสียงของชุมชน…ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน ‘CHANGAN’ ผู้นำเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะคาร์บอนต่ำ ได้จัดกิจกรรมพาลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวจีนให้มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า ‘DEEPAL S05 REEV’ ในระยะทางกว่า 1,200 กิโลเมตร กับกิจกรรม ‘DEEPAL withU Freeday : One Heart One Journey’ เฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ไทย-จีน โดยกิจกรรมนี้ไม่ใช่แค่การชวนมาขับรถยนต์ในระยะทางไกลเท่านั้น แต่ยังเป็นการชวนให้ผู้ร่วมทริปได้ออกไปทำกิจกรรมดีๆ อย่างการช่วยเหลือชุมชนผ่านการมอบสิ่งของจำเป็นให้เด็กๆ ในพื้นที่ห่างไกล เรียนรู้การอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติที่ปางช้าง เคอร์ชอร์ อีเลเฟนต์ อีโค พาร์ค หรือแม้แต่การไปสัมผัสกับศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นไทยอย่างใกล้ชิดในสถานที่มงคลต่างๆ แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน รวมไปถึงการไปเยี่ยมชมโรงงานแห่งแรกของฉางอานที่จังหวัดระยองอีกด้วย กิจกรรมครั้งนี้พาผู้ร่วมทริปที่ขับขี่ DEEPAL S05 REEV เดินทางไปพบกับประสบการณ์ดีๆ ที่ไหนกันบ้าง เราจะพาทุกคนออกเดินทางไปด้วยกัน การเชื่อมต่อความสัมพันธ์และสร้างคอมมูนิตี้ของผู้ใช้งานภายในแบรนด์ กลายเป็นเทรนด์ที่มาแรงมากในช่วงหลังมานี้ เพราะนอกจากเป็นวิธีคิดที่ทำให้แบรนด์เข้มแข็งขึ้นแล้ว ร้านค้าต่างๆ หรือคนในท้องถิ่นก็ได้รับผลประโยชน์ไปด้วยจากการที่คนที่มีความสนใจคล้ายๆ กันออกมาพบปะ ท่องเที่ยว สร้างสรรค์สิ่งดีๆ ไปจนถึงกระตุ้นเศรษฐกิจ […]
‘Loopme’ เทคโนโลยีจากกลุ่มบริษัทนันยางเท็กซ์ไทล์กรุ๊ป ที่นำเศษฝ้ายจากการผลิตมารีไซเคิล ช่วยลดขยะ ส่งเสริมความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
เรื่อง
Urban Creature
การผลิตเส้นด้ายแต่ละครั้ง นอกจากจะได้วัตถุดิบหลักนำไปถักทอเสื้อผ้าแล้ว ระหว่างทางยังเกิดขยะจากเศษด้ายขึ้นอีกด้วย ซึ่งขยะที่ได้มานั้นสามารถนำไปสร้างมูลค่า รวมถึงนำกลับไปทำเสื้อผ้าได้อีกครั้งจากการรีไซเคิล ผ่านกระบวนการย้อนกลับจากการนำเศษด้ายมาเปลี่ยนให้เป็นเส้นใยฝ้ายแทน ทีม Urban Creature ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมกระบวนการผลิตเส้นด้ายของ ‘กลุ่มบริษัทนันยางเท็กซ์ไทล์’ และทำความรู้จักเทคโนโลยี ‘Loopme’ ที่เป็นการนำเศษผ้าฝ้ายที่เหลือจากกระบวนการผลิตมารีไซเคิล เพื่อนำกลับมาใช้ผลิตเป็นผ้าใหม่อีกครั้ง นับเป็นวิธีการลดขยะจากอุตสาหกรรมสิ่งทอที่เป็นส่วนหนึ่งในการทำให้เกิดภาวะโลกร้อนด้วย เปลี่ยนขยะให้กลับมาเป็นเส้นใย Loopme เริ่มต้นจากโครงการที่ทางบริษัทสนับสนุนให้พนักงานสร้างสรรค์นวัตกรรมของตนเอง โดย ‘อี๋-พิชัย สุวรรณทอง’ Technical Center Division Manager ‘หนึ่ง-ภัคพงศ์ ท้าวเพชร’ Technical Center Department Manager และทีม Technical Center ได้ร่วมกันคิดค้นเทคโนโลยีนี้ขึ้นมาจากการเห็น Yarn Waste หรือเศษด้ายที่เกิดจากการผลิตเส้นด้าย ทำให้เกิดการตั้งคำถามว่า จะทำอย่างไรให้ของเหลือทิ้งเหล่านี้กลับมาเป็นเส้นใยฝ้ายเพื่อนำไปใช้ใหม่ได้ ในเส้นทางการผลิตเส้นด้าย วัตถุดิบที่ใช้คือฝ้ายดิบที่จะผ่านกระบวนการปั่นด้ายประมาณ 8 – 13 ขั้นตอน กว่าจะได้เป็นเส้นด้ายที่ส่งต่อไปยังกระบวนการทอผ้าต่อไป ซึ่งในกระบวนการทำเส้นด้ายที่มีความซับซ้อนแบบนี้ย่อมตามมาด้วยการเกิดของเสียจากกระบวนการผลิตอยู่แล้ว เหตุผลเพราะกว่าจะได้ด้ายแต่ละหลอดที่จะนำไปใช้งานจริงนั้น ต้องผ่านกระบวนการตัดต่อจากเทคโนโลยีที่ใช้ตรวจสอบคุณภาพเส้นด้ายในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งหากเจอส่วนของเส้นด้ายที่ไม่ได้คุณภาพก็จะตัดส่วนเหล่านั้นออก เพื่อให้ได้เส้นด้ายคุณภาพดีที่สุด และแม้ว่าในการตัดทิ้งแต่ละครั้งจะได้เศษด้ายความยาวเพียงหนึ่งคืบ ทว่าเมื่อรวมกันก็ทำให้เกิดเป็นขยะปริมาณมหาศาล […]
ออกแบบเมืองให้เป็นมิตรกับผึ้งและผองเพื่อน เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพให้ดีต่อผึ้งและดีต่อใจเรา
เรื่อง
พนิดา มีเดช
เวลาที่ไปสวนแล้วเห็นต้นไม้หรือดอกไม้สวยๆ เรารู้สึกอย่างไรบ้าง แล้วเคยสังเกตกันไหมว่า ในชีวิตประจำวันเราพบเห็นแมลงชนิดไหนบ้าง พบเห็นผึ้งหรือผีเสื้อบ้างไหม และเพื่อนตัวน้อยเหล่านั้นทำอะไรอยู่ ผึ้งเป็นเพื่อนตัวเล็กๆ ที่มีอิทธิพลมากต่อระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพของพืชและต้นไม้ ซึ่งให้อากาศบริสุทธิ์ น้ำสะอาด และอาหารที่เรากิน จากภาวะโลกเดือด ภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้จำนวนประชากรผึ้งและแมลงผสมเกสรลดลง และการทำเกษตรกรรมเชิงเดี่ยวส่งผลให้ถิ่นที่อยู่ของแมลงและสัตว์ต่างๆ ลดน้อยลง ส่งผลต่อความหลากหลายทางชีวภาพ จำนวนและชนิดของแมลงก็ลดลงตามไปอีก อีกทั้งยังทำให้ความหลากหลายทางอาหารลดลงอีกเช่นกัน เป็นวงจรที่กำลังดำเนินไป และเรากำลังเผชิญกับผลกระทบเหล่านั้น จากคำกล่าวที่ว่า ‘ถ้าไม่มีผึ้งจะไม่มีเราอีกต่อไป’ ดูจะไม่ไกลเกินจริงซะแล้ว ในโอกาสวันผึ้งโลกที่เพิ่งผ่านพ้นไป และวันนี้เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก คอลัมน์ Urban Sketch อยากชวนเพื่อนๆ มาดูกันว่า เราจะสามารถออกแบบเมืองและสิ่งแวดล้อมใกล้ๆ ตัวเราอย่างไร ให้เอื้อต่อความเป็นอยู่ที่ดีของเพื่อนตัวน้อยนักผสมเกสรของเรา และยังสร้างความเพลิดเพลินใจให้เราด้วย มาเปิดใจให้เหล่าผองผึ้งและแมลงตัวนั้นตัวนี้ ให้เราได้รักรักมันทุกตัวกัน ปลูกดอกไม้และต้นไม้ที่หลากหลายให้ผองผึ้ง ดอกไม้และต้นไม้บางชนิดเป็นแหล่งอาหารที่โปรดปรานของผึ้ง การออกแบบสวนที่มีดอกไม้ ผัก และต้นไม้ที่ให้เรณูเกสรและน้ำหวานแก่ผึ้ง ผีเสื้อ และแมลงจึงเป็นสิ่งสำคัญ ยกตัวอย่าง สวนสาธารณะ สวนในบ้าน สวนริมทางเท้า หรือ Pocket Park ลองเพิ่มต้นไม้ผลไม้เข้ามา สลับกับไม้พุ่มให้ดอก ผักที่กินผล และดอกไม้หอมที่ล่อแมลงและผึ้งอย่างต้นไม้วงศ์ส้ม […]