อนาคตของการขนส่งทางอากาศขยับมาใกล้มากขึ้นทุกปีนับตั้งแต่ Jeff Bezos แห่ง Amazon ประกาศเปิดตัว Amazon Prime Air บริษัทขนส่งเชิงพาณิชย์ที่เน้นขนส่งสินค้าที่มีน้ำหนักเบาด้วยความรวดเร็วโดยใช้อากาศยานไร้คนขับ (UAV) บริษัทอื่นเช่น FedEx หรือ DHL ก็เริ่มทดสอบการขนส่งสินค้าของตัวเองด้วยโดรนเช่นกันก่อนจะเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นเมื่อ องค์การบริหารการบินแห่งชาติ (FAA) อนุมัติให้อากาศยานอัตโนมัติของ Flirtey ขนส่งในเขตเมืองในปี 2016
ภาพยนตร์ และนวนิยายไซไฟหลายเรื่องคือฉากแห่งอนาคตที่บรรดานักประดิษฐ์กำลังวิ่งตาม วันนี้ภาพฝันนั้นชัดเจนขึ้นอีกระดับ Elroy Air คือผู้สร้างยานพาหนะทางอากาศหรือโดรน ที่อาศัยการขึ้นลงแบบแนวตั้ง รับน้ำหนักสินค้าได้มาก บินได้ไกล และมีภารกิจที่ไม่ใช่แค่การส่งของจากที่ใดที่หนึ่งไปยังจุดหมาย แต่เป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนทั่วโลก ด้วยการเข้าถึงระบบโลจิสติกส์ที่รวดเร็วและเป็นประชาธิปไตย (Democratizing access to rapid logistics)
ย้อนกลับไปที่แคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2019 Elroy Air บริษัทผู้พัฒนาระบบขนส่งทางอากาศที่ขึ้นและลงจอดในแนวดิ่ง ประกาศความสำเร็จในการทดสอบระบบการบินเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก กับโดรนที่มีน้ำหนักถึง 550 กิโลกรัม ในการบินขึ้นไปสูง 10 ฟุต เป็นเวลากว่า 1 นาที
“วันนี้เป็นก้าวสำคัญที่เราจะเดินเข้าไปสู่อนาคตของการขนส่ง” David Merrill ซีอีโอของ Elroy Air บอกว่าตั้งแต่วันแรกที่เครื่องบินถือกำเนิดขึ้น ผู้คนก็ต้องการส่งสินค้าที่รวดเร็วไปทุกหนแห่ง ระบบขนส่งสินค้า VTOL (การขึ้นบินและลงจอดแบบแนวตั้ง) แบบอัตโนมัติ ทำให้ความฝันนี้มีความเป็นไปได้
สิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่คือการแยกการขนส่งสินค้าทางอากาศออกจากระบบที่วุ่นวายและกินเวลาของสนามบิน ซึ่งสตาร์ทอัปแดนลุงแซมมองว่าโดรนขนส่งจะกลายเป็นกระแสหลักแทนเครื่องบิน ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่มีระบบจัดการสินค้าอัตโนมัติทำให้การขนถ่ายเป็นไปด้วยความรวดเร็วมากขึ้น รวมถึงการใช้เครื่องยนต์แบบไฮบริดที่ช่วยในการขนส่งระยะไกล
แม้ธุรกิจสายการบินจะเป็นสายอาชีพในฝันมาหลายทศวรรษแต่สถานการณ์ของพวกเขากลับย่ำแย่ลงเรื่อยๆ David บอกว่า สตาร์ทอัปของเขาเป็นการแก้ปัญหาการขาดแคลนนักบินทั่วโลก และสร้างความยืดหยุ่นและรวดเร็วให้กับการขนส่งในทุกสภาพการจราจรและภูมิประเทศ กล่าวคือพวกเขาไม่ได้พูดถึงสินค้าแบรนด์เนมที่ถูกส่งออกจากปารีสเพื่อให้ทันแฟชั่นโชว์ที่มิลาน หรือแก็ดเจ็ตสุดล้ำจากแคลิฟอร์เนียถึงมือยูทูบเบอร์ในแอลเอ แต่กำลังพูดถึงอุปกรณ์การแพทย์ที่จะช่วยพยุงชีวิตในพื้นที่ห่างไกลทั้งในเวลาเจ็บป่วยฉุกเฉิน หรือช่วงเวลาแห่งภัยพิบัติ
อนาคตลอยอยู่บนอากาศ
ในช่วง 3 – 4 ปีให้หลังมานี้ เราเริ่มคุ้นเคยกับคอนเซปต์ของการจัดส่งพัสดุให้ถึงมือผู้รับภายในวันเดียวกันกับที่ผู้ส่งนำมาฝากไว้ที่ศูนย์บริการ แต่ก็เป็นพื้นที่บริการที่จำกัดอยู่ในวงแคบคือเมืองหลวงหรือปริมณฑลเท่านั้น สำหรับ Elroy Air มองว่าการขนส่งคือเส้นเลือดของอารยธรรม หากภารกิจคือการมอบของให้ถึงมือทุกคนบนโลกภายในวันเดียว ก็จำเป็นต้องส่งถึงมือผู้รับด้วยวิธีการที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
แต่ของที่ดีกับผลิตภัณฑ์ที่ดีเป็นคนละเรื่องกัน หากจะทำให้ Business Model นี้เป็นไปได้ก็จำเป็นต้องลดต้นทุนของการขนส่งสินค้าทางอากาศให้ลงมาต่ำที่สุด Dave ใช้ประสบการณ์ทางด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ความกระตือรือร้นในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ผนวกเข้ากับการทำงานในบริษัทโดรนขนาดเล็กที่ทำให้เริ่มซึมซับไอเดียของสิ่งประดิษฐ์แห่งอนาคต
เขานำความคิดเหล่านี้มาก่อตั้ง Elroy Air บริษัทการบินและอวกาศขึ้นจากศูนย์ร่วมกับหุ้นส่วนอย่าง Clint Cope พร้อมกับบรรดาวิศวกร นักออกแบบ และนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ที่มาจากองค์กรอย่าง Uber ผู้นำด้านเครือข่ายคมนาคมในสมัยใหม่ หรือ Northrop Grumman บริษัทแถวหน้าในอุตสาหกรรมอากาศยานทางทหาร
ในตอนเริ่มแรกพวกเขาต้องแก้ทั้งสมการวิทยาศาสตร์ ไปพร้อมกับโจทย์ธุรกิจ เพราะภารกิจในการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของโลก กับการคิดค้นวิธีทำให้การขนส่งทางอากาศมีต้นทุนต่ำสุด ไม่ได้หมายความว่าจะต้องราคาถูกกว่าเครื่องบินที่มีอยู่แล้ว แต่ต้องมีความสามารถมากกว่าด้วย
ศักยภาพในการเปลี่ยนโลก
ปัญหาทั้งหมดที่ Elroy Air ตั้งไว้ ถูกแก้ไขด้วยการพัฒนา Chaparral ระบบขนส่งทางอากาศแบบ End-to-End กับอากาศยานแบบ VTOL ที่ขึ้นและลงจอดแบบแนวตั้งที่สามารถรองรับน้ำหนักในการขนส่งได้ตั้งแต่ 100 – 225 กิโลกรัม ที่แยกออกจากตัวเครื่องและสามารถขนถ่ายสินค้าได้แบบอัตโนมัติ บินได้ไกลกว่า 500 กิโลเมตรด้วยระบบไฮบริด ทำให้ไม่จำเป็นต้องพึ่งสถานีชาร์จไฟ และเหมาะกับการขนส่งทางไกลมากกว่าการทำโดรนแบบ EV
ด้วยรูปแบบการทำงานที่เน้นความเป็นอัตโนมัติ Chaparral ต้องการนักบินและผู้ควบคุมเพียงเล็กน้อย โดยตู้สินค้าได้ถูกพัฒนาให้มีน้ำหนักเบาและออกแบบด้วยหลักอากาศพลศาสตร์ ที่เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินบรรจุของไว้ล่วงหน้าได้ก่อนจะถูกเชื่อมต่อเข้ากับตัวอากาศยานผ่านกลไกอัตโนมัติและบินต่อไปยังจุดหมายปลายทาง แต่ถึงจะทำงานโดยอิสระก็บังคับจากระยะไกลได้เช่นกัน เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายด้านการบินพลเรือนรวมถึงกฎข้อบังคับในการใช้น่านฟ้า
ระบบนี้ช่วยให้เห็นความเป็นไปได้ในการขนส่งสินค้าทางอากาศในเชิงพาณิชย์ ที่จะขยายขอบเขตการจัดส่งไปพร้อมกับการร่นระยะเวลา ซึ่ง Elroy Air ถือเป็นบริษัทแรกในอุตสาหกรรมนี้ที่พัฒนาซอฟต์แวร์การขนส่งทางอากาศให้รวดเร็วและยืดหยุ่นมากขึ้น
Chaparral ได้รับรางวัลเหรียญทองในการออกแบบด้านการขนส่งของ Industrial Designers Society of America (IDSA) ในสาขา IDEA : International Design Excellence Awards ที่เป็นการมอบรางวัลให้กับผลิตภัณฑ์และระบบใหม่ ที่ถือว่าเป็นการออกแบบที่ล้ำสมัยที่สุด และมีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงโลกมากที่สุดในปีนี้อีกด้วย รางวัลเดียวกับที่ BMW i3 และ Boeing 787 เคยได้รับ และพวกเขาแซงองค์กรใหญ่และคว้ารางวัลนี้มาครองในฐานะสตาร์ทอัปที่ตอนนั้นมีพนักงานเพียง 20 คนเท่านั้น
และในฐานะ Runner Up ของ Core77 Design Awards 2020 ก็ได้มีการหยิบเหตุผลที่น่าสนใจมาประกอบการเข้ารอบนี้ว่า Chaparral คือผลิตภัณฑ์ที่เต็มไปด้วยความหวัง มีจุดมุ่งหมาย และมีความพยายามอย่างน่าขนลุก พวกเขาตั้งใจให้อากาศยานแห่งนี้ทำหน้าที่เป็น ‘รถกระบะ’ มากกว่า ‘เฟอร์รารี’ เพราะเป็นยานพาหนะที่ถูกผลิตออกมาเพื่อทำงานโดยเฉพาะ
การขนส่งยุคใหม่กำลังใกล้เข้ามา
“ในระยะยาวเป้าหมายของเราคือทำให้มั่นใจว่า Chaparral จะมีค่าบำรุงรักษาและการดำเนินงานที่ต่ำกว่าการขนส่งทางอากาศประเภทอื่น จนเข้าใกล้ค่าใช้จ่ายในการขนส่งด้วยรถกระบะได้” Dave อธิบายแผนในระยะยาวกับ Freethink และบอกว่าจะทำให้เป็นจริงได้ด้วยการเพิ่มกำลังผลิตให้สูงขึ้น เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองในการได้ส่วนประกอบอากาศยานที่ถูกลงตามกลไกตลาด
แต่การต่อสู้เรื่องราคาผ่านการสั่งชิ้นส่วนจำนวนมากอาจไม่เพียงพอ Elroy Air จึงพยายามสร้างระบบปฏิบัติการที่จะทำให้นักบิน 1 คน สามารถควบคุมอากาศยานจำนวนมากถึง 50 ลำ ซึ่งเป็นวิธีการที่จะก้าวให้ถึงจุดคุ้มทุนและสร้างกำไรได้ในที่สุด แม้ว่าเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ที่อยู่เบื้องหลังโดรนขนส่งแบบอัตโนมัติยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา แต่ด้วยอัตราก้าวหน้าแบบนี้ การจัดส่งยุคใหม่คงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
Sources : Elroy Air EVTOL Freethink
