‘วุฒากาศ’ อาจเป็นย่านที่หลายคนไม่คุ้นชินและไม่ได้นึกถึงมากเท่าไรนัก แต่พื้นที่แห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นทำเลที่พร้อมแก่การใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก
ด้วยความที่เป็นโซนอยู่ใกล้กับเมืองชั้นใน แถมยังเงียบสงบแต่ไม่เงียบเหงา ทำให้ย่านนี้กลายเป็นตัวเลือกแหล่งที่พักอาศัยระดับ A list สำหรับคนเมืองที่อยากหลีกหนีจากความวุ่นวาย แต่ก็ยังชอบความสะดวกสบายของไลฟ์สไตล์แบบเมืองๆ อยู่
แน่นอนว่าเมื่อเป็นพื้นที่สำหรับอยู่อาศัย วุฒากาศก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าย่านอื่นๆ เพราะโดยรอบบริเวณนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกและสเปซดีๆ หลากหลายแห่งที่อยู่ไม่ไกล ครบครันทุกความต้องการ สร้างความมีชีวิตชีวาให้กับย่านครบทุกมิติคอลัมน์ Neighboroot จะพาไปลัดเลาะชมย่านเมืองชั้นนอกและแหล่งใกล้เคียง ที่เดินทางง่ายๆ ด้วยรถไฟฟ้าสายสีเขียว เพื่อพาทุกคนไปทำความรู้จักกับย่านนี้ให้มากขึ้นกัน
ชุมชนเก่าแก่ที่พัฒนาย่านจนกลายเป็นโซนที่อยู่อาศัยใกล้เมือง
‘วุฒากาศ’ เมืองชั้นนอกที่เงียบสงบแห่งนี้ เดิมทีเป็นย่านชุมชนที่อยู่อาศัยมานาน มีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย เราสามารถพบร้านค้าเก่าแก่และบริการต่างๆ ที่ดำเนินกิจการมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
และในอนาคตอันใกล้นี้ วุฒากาศก็จะกลายเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยยอดฮิต เนื่องจากตอบโจทย์ชีวิตของเหล่าคนทำงาน ด้วยความเงียบสงบอันเป็นจุดเด่นของย่านนั้น ช่วยทำให้ที่นี่เป็นพื้นที่ที่ได้หลบหลีกจากความวุ่นวาย ขณะเดียวกัน แม้ว่าจะดูอยู่ไกล แต่ความจริงแล้ววุฒากาศเป็นย่านที่เดินทางง่าย เหมาะกับการใช้ชีวิตในเมือง ทั้งการขับรถยนต์ส่วนตัว หรือขนส่งสาธารณะที่มีรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีวุฒากาศ พาเราเข้าสู่สาทรได้ในเวลาเพียง 15 นาที หรือเข้าสยามโดยนั่งรถเพียงต่อเดียวเท่านั้น
‘Masonia Tree & Coffee Cafe’ คาเฟ่ที่อยากเป็นห้องรับแขกของชุมชน
ถึงจะดูเงียบสงบ แต่พื้นที่โดยรอบวุฒากาศก็มีร้านรวงที่น่าสนใจอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นคือ ‘Masonia Tree & Coffee Cafe’ คาเฟ่ลับๆ บนถนนเทอดไท ที่เราแวะเข้าไปดื่มกาแฟกัน
เพราะความโดดเด่นจากสีเขียวของต้นไม้วางเรียงรายอยู่หน้าร้าน เห็นครั้งแรกอาจดูไม่ออกว่าเป็นร้านอะไร แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้ว ภายในก็อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมกรุ่นกาแฟ อีกทั้งยังตกแต่งสวยงามสไตล์มินิมอลเหมาะกับคนชอบถ่ายรูปด้วย
“ตรงนี้เป็นตึกแถวเก่าของคุณยายเราที่ปล่อยให้เช่า แล้วมันโทรมมาก ด้วยความที่ตึกนี้อยู่ตรงแยกที่คนมองว่าเป็นทางสามแพร่ง เลยไม่มีคนเช่าและอยู่มาหลายสิบปีแล้ว เราอยากให้มันมีชีวิตชีวา อยากให้ดูแล้วไม่เป็นตึกแถวเก่าๆ ก็เลยเอาตึกแห่งนี้แหละมาทำเอง”
‘พี่เอ-สถาพร จิรฐาชฎายุ’ เจ้าของคาเฟ่เล่าให้เราฟังถึงที่มาคาเฟ่ที่ดูร่มรื่นแห่งนี้ว่า แรกเริ่มคือการเปลี่ยนแปลงตึกเก่าของครอบครัวด้วยการนำความชอบต้นไม้ของตัวเองมาช่วยปรับปรุงพื้นที่
ในตอนนั้นพี่เอเน้นขายต้นไม้เป็นหลัก ส่วนกาแฟเป็นเพียงการเชิญชวนคนรู้จักให้ได้ลองชิมเครื่องดื่มที่ทำขึ้นด้วยตัวเอง แต่เมื่อเทรนด์ต้นไม้เริ่มเบาลง คาเฟ่แห่งนี้ก็ปรับสัดส่วนใหม่ไปเน้นที่เครื่องดื่มแทน ส่วนต้นไม้นั้นยังมีขายอยู่บ้าง หากคนรักต้นไม้แวะไปแล้วถูกใจก็ยังอุดหนุนได้เหมือนกัน
เมื่อเปลี่ยนมาเป็นร้านกาแฟเต็มตัวและได้ใช้เวลาอยู่ในย่านนี้มานานพอสมควร พี่เอก็อยากสร้างร้านนี้ให้กลายเป็นเหมือนห้องรับแขกของชุมชน มีการหยิบเอาของเก่าของสะสมที่บ้านมาตกแต่งให้ร้านมีบรรยากาศโฮมมี่ๆ มากขึ้น ขนมที่ขายก็เป็นแบบโฮมเมด กาแฟของร้านก็คั่วเอง เนื่องจากอยากพรีเซนต์ความเป็นห้องรับแขก เพื่อให้ทั้งคนในชุมชนและนักท่องเที่ยวที่มาไหว้พระในย่านได้เข้ามาใช้บริการ พร้อมกับความรู้สึกที่เป็นเหมือนบ้านของตัวเอง
อุดมสมบูรณ์กับ ‘ตลาดพลู’ แหล่งอาหารอร่อยของย่านฝั่งธนฯ
“ลานจอดรถด้านหลังเราเปิดให้จอดฟรีนะ คนในซอย คนในชุมชน หรือใครไปใครมา นัดเพื่อนที่นี่ก็เข้ามาจอดได้ เดินไปเที่ยวตลาดพลูต่อได้ด้วย”
เมื่อพี่เอว่าอย่างนั้น หลังจากที่พูดคุยกันพอหอมปากหอมคอแล้ว เราจึงขอตัวเดินจากร้าน Masonia Tree & Coffee Cafe ไปยัง ‘ตลาดพลู’ ซึ่งใช้เวลาเดินเพียงห้านาทีก็มาถึงแหล่งอาหารอร่อยในย่านฝั่งธนบุรี ที่อยู่ห่างจากวุฒากาศเพียงหนึ่งสถานีรถไฟฟ้า
ตลาดพลูขึ้นชื่อในเรื่องของสตรีทฟู้ด ทั้งร้านใหม่ร้านเก่าต่างเชิญชวนให้ผู้คนเดินทางมาลิ้มรสความอร่อยของอาหารนานาชนิด ภาพจำของแหล่งฝากท้องแห่งนี้อาจเป็นช่วงเย็นหลังเลิกงานหรือค่ำๆ ที่เต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาผลัดเปลี่ยนกันเข้าออกร้านรวงกันตลอดเวลา
แต่ความจริงแล้ว ในช่วงกลางวันตลาดพลูนั้นก็คึกคักไม่แพ้กัน เพราะในย่านเต็มไปด้วยร้านอาหารเก่าแก่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ‘กุยช่ายสะพานหัน’ ของกินชื่อดังย่านตลาดพลูที่ไม่ควรพลาด ‘ขนมหวานตลาดพลู’ ร้านขนมหวานที่อยู่คู่กับตลาดพลูมาอย่างยาวนาน หรือแม้แต่ ‘หมี่กรอบจีนหลี (เต็กเฮง)’ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘ร้านหมี่กรอบ ร.5’ ก็ซ่อนตัวอยู่บริเวณริมท่าน้ำตลาดพลู
ยังไม่รวมร้านอาหารริมทางรถไฟที่เปิดเรียงรายต้อนรับผู้คนที่เดินสัญจรไปมาอีก ซึ่งในช่วงเวลาใกล้เที่ยงที่เราเดินสำรวจย่าน ทำให้ได้เห็นความคึกคักและวิถีชีวิตของชาวบ้านในชุมชนที่ออกมาค้าขาย เปิดพื้นที่ภายในร้านให้ผู้คนได้แลกเปลี่ยนบทสนทนาบนโต๊ะอาหารไปพร้อมๆ การเติมพลัง รับรองเลยว่า หากได้มาอยู่แถวนี้จะมีความสุขกับการตระเวนกินอาหารอร่อยๆ แน่นอน
เติมความอบอุ่นให้ครอบครัวที่ ‘The Circle Ratchapruk’
หากใครอยากใช้เวลากับครอบครัว หรือนัดเจอเพื่อนๆ แฮงเอาต์กันในวันหยุดและหลังเลิกงาน ไม่ไกลจากย่านวุฒากาศ มีคอมมูนิตี้มอลล์ ‘The Circle Ratchapruk’ ที่เป็นแหล่งรวมร้านอาหาร ร้านขนม แหล่งช้อปปิง สถานที่เรียนพิเศษเสริมทักษะสำหรับเด็กๆ หรือแม้แต่ฟิตเนสและโรงเรียนสอนโยคะ เหมาะกับการที่สมาชิกในครอบครัวมาที่นี่ที่เดียวแล้วแยกย้ายไปใช้เวลาส่วนตัวทำกิจกรรมและพบปะสังคมใหม่ๆ ก่อนจะกลับมาเจอกันอีกครั้ง
ด้วยขนาดพื้นที่อันกว้างขวาง ทำให้มีร้านค้าและร้านอาหารให้เลือกมากมาย รวมถึงพื้นที่ให้เด็กๆ มาปล่อยพลังกับสนามเด็กเล่นขนาดย่อม แถมสถานที่แห่งนี้ยังเป็นคอมมูนิตี้ Pet-friendly ทำให้บางร้านจัดโซน Open-air ต้อนรับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกของครอบครัว หรือหากใครไม่สะดวกเลี้ยงสัตว์เอง การมาใช้เวลาที่คอมมูนิตี้แห่งนี้พร้อมๆ กับได้เห็นเหล่าน้องหมาน้องแมวก็ช่วยฮีลใจได้เยอะเลยทีเดียว
โดยสารรถไฟออกไป One Day Trip แบบสโลว์ไลฟ์ที่สมุทรสาคร
นอกจากการใช้เวลาที่คอมมูนิตี้มอลล์ในวันหยุดแล้ว ย่านวุฒากาศยังมีสถานีรถไฟให้บริการในเส้นทาง วงเวียนใหญ่-มหาชัย อีกด้วย หลายคนอาจมองว่าการโดยสารรถไฟต้องเป็นการเดินทางไกลเท่านั้น แต่ความจริงแล้วเป็นการเดินทางที่ไม่ต่างจากรถไฟฟ้าเลย แถมราคายังย่อมเยาสุดๆ เพราะเราสามารถเดินทางในระยะทางหนึ่งสถานีด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 3 บาทเท่านั้น
ไม่ใช่แค่เส้นทางในเมือง แต่เรายังเดินทางไปยังจังหวัดสมุทรสาครได้ด้วยการนั่งรถไฟไปยังสถานีปลายทางมหาชัย ใช้เวลาในวันว่างไปกับ One Day Trip เพื่อหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ หรือกระทั่งเตร็ดเตร่กับคนที่รักแบบไม่เร่งรีบ
ใครอยากลองสัมผัสประสบการณ์การเดินทางด้วยรถไฟแบบไม่ไกลมาก เริ่มจากเที่ยวใกล้ๆ กรุงเทพฯ กันก่อนได้ โดยสถานีรถไฟวุฒากาศนั้นอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าวุฒากาศด้วย ก่อนวางแพลนเดินทาง ติดตามตารางเวลารถไฟได้ที่ : ttsview.railway.co.th/SRT_Schedule2022.php?ln=th&line=5&trip=1
ใช้ชีวิตในย่านวุฒากาศที่ ‘Elio Sathorn-Wutthakat’
วุฒากาศอาจเป็นย่านนอกสายตาใครหลายคน แต่ถ้าได้ลองมาสำรวจแบบเรา จะพบว่ามันเป็นย่านที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตด้วยพื้นที่และความสะดวกสบายที่อยู่รอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเดินทาง ที่ใช้ได้ทั้งรถยนต์ส่วนตัวและขนส่งสาธารณะ เรื่องความเป็นอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงที่เต็มไปด้วยอาหารการกิน ชวนให้เราอยากออกจากบ้านไปลิ้มรสความอร่อย หรือกระทั่งความเงียบสงบ ที่ทำให้เราได้ผ่อนคลายจากความยุ่งเหยิงในการทำงาน
ยิ่งคนที่กำลังมองหาพื้นที่สำหรับเริ่มต้นครอบครัวและยังสะดวกสบายต่อการทำงาน Elio Sathorn-Wutthakat เป็นอีกหนึ่งโครงการคอนโดมิเนียมที่ตอบรับทุกความต้องการ เพราะอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าวุฒากาศเพียง 450 เมตร แถมห้องยังเป็นขนาด 2 ห้องนอน กว้างขวาง ตกแต่งครบครันน่าอยู่
นอกจากความสะดวกสบายรอบนอก ภายใน Elio Sathorn-Wutthakat ยังมีส่วนกลางที่เข้าใจไลฟ์สไตล์ลูกบ้านทุกคน ไม่ว่าจะเป็น Co-working Space ในหลายๆ จุดที่กระจายตัวอยู่ทั้งโครงการ เพื่อเป็นพื้นที่สำหรับ Work from Home เรียน หรืออ่านหนังสืออย่างมีประสิทธิภาพ
รวมทั้งพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นฟิตเนสที่มาพร้อมอุปกรณ์สำหรับออกกำลังกายครบชุด และสระว่ายน้ำที่แบ่งพื้นที่ออกเป็นสามระดับ ให้เลือกใช้เวลาพักผ่อนตามสไตล์ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ได้แก่ Sky Jacuzzi, Lap Pool และ Cave Jacuzzi ที่ไม่ว่าจะอยู่สระไหนก็มองเห็นวิวรถไฟฟ้าได้อย่างไม่ต้องกลัวว่าจะมีอะไรมาบดบัง
ยังไม่นับความบันเทิงอื่นๆ อย่าง Karaoke Studio ที่ปลุกพลังการเป็นนักร้อง ให้สังสรรค์ได้อย่างสุดเหวี่ยง หรือจะ Entertainment Cave กับชุดโฮมเธียเตอร์ที่ดูหนังหรือซีรีส์ได้อย่างจุใจ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวที่มีไลฟ์สไตล์แบบไหน คอนโดมิเนียมแห่งนี้ก็ตระเตรียมทุกอย่างให้ครบทุกความสนุกที่จะทำให้ลูกบ้าน Joyful กับย่านวุฒากาศทุกโมเมนต์ในการใช้ชีวิตที่ Elio Sathorn-Wutthakat
ให้คอนโดฯ แห่งนี้ได้เป็นพื้นที่หลีกหนีจากความวุ่นวาย พร้อมทั้งใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายกันทั้งครอบครัว ในพื้นที่ที่รองรับการใช้ชีวิตทุกสไตล์ที่ Elio Sathorn-Wutthakat
โครงการ Elio Sathorn-Wutthakat เป็นโครงการที่จะทำให้ทุกวันของทุกคนเป็นเหมือนกับวันพักผ่อน ทั้งสนุกและสบายกับทุกการใช้ชีวิต ตอบโจทย์คนเมืองยุคใหม่อย่างแน่นอน
ลงทะเบียนรับข้อเสนอพิเศษจากโครงการได้ทาง anan.ly/40RKAny