‘Demon Slayer’ (Kimetsu no Yaiba) หรือ ‘ดาบพิฆาตอสูร’ เป็นหนึ่งในผลงานหนังสือการ์ตูนยอดฮิตจากญี่ปุ่น ที่เขียนโดย ‘โคโยฮารุ โกโตเกะ’ (Koyoharu Gotouge) และถูกนำไปสร้างเป็นอานิเมะและภาพยนตร์ที่หลายต่อหลายเสียงต่างบอกต่อกันมาว่า ดี! แบบตะโกน
จักรวาลของ ‘ดาบพิฆาตอสูร’ เริ่มต้นด้วย ‘คามาโดะ ทันจิโร่’ เด็กหนุ่มผู้มีจมูกดมกลิ่นเป็นเลิศ ซึ่งมีครอบครัวที่อยู่ห่างไกลในหุบเขา วันหนึ่งเขาแบกถ่านไปขายในเมืองและกลับมาถึงบ้านก็พบว่า ทั้งครอบครัวถูกอสูรฆ่าอย่างโหดร้าย เหลือเพียงน้องสาวที่รอดชีวิตมาได้ และต้องกลายร่างเป็นอสูร
จากเหตุการณ์นั้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ชีวิตของทันจิโร่ต้องเผชิญกับความหม่นหมองเศร้าตรม ทว่าในความมืดมน เขาได้พบกับนักล่าอสูรที่มองเห็นคุณค่าบางอย่างในตัวของเขา และช่วยชี้หนทางหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้ด้วยการแนะนำให้เดินทางไปพบเสาหลักอาวุโส เพื่อทำการฝึกฝนวิชาเป็นนักล่าอสูร นำไปสู่ภารกิจแก้แค้นอสูรที่ฆ่าคนในครอบครัว และทำให้น้องสาวของเขากลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง
“ถ้ามนุษย์กับอสูรอยู่ร่วมกันได้ก็คงดี แต่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ตราบใดที่อสูรยังกินมนุษย์” บทสนทนาตอนหนึ่งในเรื่องทำให้เรารู้ว่า แท้จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นฝ่ายธรรมะหรืออธรรมก็ต่างมีเหตุผลของการต้องดิ้นรนมีชีวิต
เพื่อต้อนรับการมาถึงของดาบพิฆาตอสูรภาคล่าสุด ‘หมู่บ้านช่างตีดาบ’ ที่เพิ่งเข้าฉายใน Netflix คอลัมน์ Urban Isekai จึงอยากสวมบทบาทเป็นเสาหลักเข้าไปสร้างเมืองที่ ‘มนุษย์อยู่ร่วมกับอสูรได้’ โดยนำพลังของมนุษย์และอสูรมาใช้พัฒนาให้ทุกคนและทุกตนให้เกิดความเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน นำไปสู่การพัฒนาเมืองที่มนุษย์จะอยู่ร่วมกับอสูรได้ และกระจายอำนาจไปยังเมืองต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการรวมศูนย์หรือผูกขาดอำนาจในอนาคต
พื้นที่มืดกลางแสงแดด (Outdoor Spaces)
“เราอาจจะทำอะไรได้ไม่มากนักกับความยืนยาวของชีวิต ถ้าได้ใช้มันอย่างคุ้มค่า
เวลาสั้นๆ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้มีความหมายและงดงาม”
เนื่องจากอสูรพ่ายแพ้ต่อแสงสว่าง เราจะจัดให้มีพื้นที่สาธารณะใต้ดินไว้ให้อสูรพบปะพูดคุยกัน สร้างพื้นที่ร่มเงาที่เจ้าหน้าที่สามารถดูแลขอบเขตระหว่างแสงแดดกับความมืด และหลุมหลบภัยสำหรับใช้จำศีลที่ปลอดภัยต่อทุกภาคส่วน รวมถึงออกแบบขนส่งสาธารณะให้อสูรใช้เดินทางอย่างสะดวกและปลอดภัยจากแสงแดด ไม่ต้องอยู่ในกล่องไม้ให้พี่ชายแบกอย่าง ‘คามาโดะ เนซึโกะ’ โดยเป้าหมายของนโยบายเหล่านี้คือ ต้องการทำให้อสูรใช้ชีวิตในเวลากลางวันได้
ศูนย์มนุษย์เพื่ออสูร (Healing Center)
“อสูรเป็นตัวตนที่สิ้นหวัง และเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าเศร้า”
เมื่อมนุษย์เปลี่ยนเป็นอสูร สิ่งที่ช่วยเพิ่มพลังให้เหล่าอสูรคือเลือดของมนุษย์ และยิ่งคนไหนที่มีเลือดหายาก จะยิ่งมีสารอาหารที่ช่วยเพิ่มพลังให้อสูรได้มากขึ้น นอกจากนี้ หากอสูรได้กินมนุษย์ที่แข็งแกร่งเยอะเท่าไหร่ ก็จะทำให้อสูรตนนั้นมีพละกำลังที่แข็งแรงไร้เทียมทาน ดังนั้นการมีศูนย์บริจาคเลือดและศพให้เหล่าอสูรกินเพื่อประทังชีวิต จะช่วยจัดการปัญหาของการกินไม่เลือกหน้า และป้องกันอสูรที่หิวจนสติหลุดได้
สมาคมอสูรบำบัด (Healing with Demon)
“กลิ่นของความเศร้า ทำให้ได้เข้าใจความหมายของชีวิต”
ในช่วงชีวิตครั้งหนึ่งก่อนเป็นอสูร พวกเขาเหล่านั้นล้วนเคยเป็นมนุษย์มาก่อน ความเจ็บปวด เคียดแค้น ความเกรี้ยวโกรธ มุมหนึ่งถือเป็นความดำมืดที่มีอำนาจครอบงำใครสักคนจนเสียสติ แต่อีกทางหนึ่ง ความโศกเศร้าทั้งหลายก็สามารถนำมาแบ่งปันให้มนุษย์ได้ทำความเข้าใจภูมิหลังของอสูรได้ ผ่านการจัดตั้งศูนย์บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้อสูรได้เปิดเปลือยสิ่งที่อยู่ในใจกับนักบำบัดผู้เชี่ยวชาญอย่างหมดจด เพื่อช่วยให้อสูรตนนั้นได้ทบทวนความทรงจำหรือกระทั่งปมต่างๆ ที่กดทับให้เขาตัดสินใจเป็นอสูร เพื่อให้ทั้งมนุษย์และอสูรได้หาทางออกร่วมกัน นำไปสู่การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างในอนาคต
หน่วยงานออกแบบความตายด้วยตัวเอง (OK Euthanasia)
“อย่าให้คนอื่นมาควบคุมชีวิตและความตาย”
ความหมายหรือคุณค่าในตัวเองเป็นเหตุผลหนึ่งของการมีชีวิต แต่สำหรับคนบางคนหรืออสูรบางตน อาจเป็นเรื่องที่ทุกข์ตรมจนยากจะยอมรับและทำความเข้าใจ เพื่อระงับความทรมานที่ไม่อาจเยียวยาได้ เราจะออกกฎหมายการุณยฆาตเพื่อยุติชีวิตตามคำร้องขอของเหล่าอสูร ให้ได้มีสิทธิ์เลือกและออกแบบความตายด้วยตัวเอง เช่น จบชีวิตด้วยกระบวนท่าหยาดฝนแห่งความเมตตา หรือใช้พลังพิษของเสาหลักแมลงที่ทำให้จากไปอย่างไม่ทุกข์ทรมาน
องค์กรฟื้นฟูพลัง (Reborn Center)
“เฉพาะคนที่บาดเจ็บหรือป่วยเป็นโรค ที่เราจะเปลี่ยนให้เป็นอสูร”
ในกรณีที่ผู้ป่วยหรือคนพิการที่ยังมีหวังกับการมีชีวิตอยู่ เราจะจัดให้มีการใช้พลังที่เปลี่ยนมนุษย์ที่มีร่างกายหรือจิตใจไม่ครบสมบูรณ์ให้กลายเป็นอสูร เขาผู้นั้นจะได้รับพลังที่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ ร่างกายที่แข็งแรง และพลังแฝงบางอย่างที่แตกต่างจากตอนเป็นมนุษย์ เพื่อให้ได้มีชีวิตในอีกรูปแบบที่อาจทำให้ได้พบหนทางที่ดีขึ้น เหมือนที่คุณทามาโยะเคยช่วยยูชิโร่เอาไว้จากความเจ็บป่วยทุกข์ทรมาน
หน่วยข่าวทันใจ (The Communicate Hub)
“ถ้าคุณทำได้เพียงสิ่งเดียว จงฝึกฝนมันให้สมบูรณ์แบบ”
การต่อสู้กันระหว่างอสูรและมนุษย์ยังคงเกิดขึ้นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่ใช่เพียงในตัวเมืองเท่านั้น เพื่อเป็นหูเป็นตาสอดส่องไปยังท้องถิ่นแดนไกล เราจึงต้องจัดตั้งให้มีหน่วยข่าวล่ามาไวที่จะแจ้งทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยการให้อีกาส่งสารที่ทำหน้าที่สื่อสารให้เสาหลักและนักล่าอสูรมาอย่างยาวนานรับตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วย รวมถึงชวนนกกับสัตว์ชนิดอื่นๆ เข้าร่วมในหน่วยงานนี้ด้วย เพื่อจะได้ร่วมป้องกันเหตุร้าย และทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ
นโยบายคุ้มครองผองเพื่อน (Law Friendly)
“ประเทศนี้มันกว้างใหญ่ มีคนมีฝีมือเดินกันขวักไขว่ มีคนประหลาดที่เต็มไปด้วยปริศนา”
เด็กหลายคนต้องกำพร้าพ่อแม่และคนในครอบครัวจากการกระทำของเหล่าอสูร ส่งผลให้พวกเขาต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว หลายคนพยายามไต่เต้าไปเป็นนักล่าอสูร แต่ก็มีอีกหลายคนที่หลงทางกับชีวิตจนอาจทำให้เลือกทางที่ไม่เหมาะควร เราจึงอยากส่งเสริมให้มีนโยบายที่ช่วยคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็กๆ กฎหมายการใช้แรงงานที่เป็นไปตามความเหมาะสมของทุกช่วงวัย สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสถาบันครอบครัว รวมถึงผลักดันให้คนด้อยโอกาสและคนชายขอบได้แสดงศักยภาพของตนเองมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กเหล่านี้เลือกเส้นทางอสูรเหมือนอย่างที่คู่พี่น้องอสูรข้างขึ้นลำดับที่ 6 ‘กิวทาโร่และดาคิ’ เคยประสบพบเจอ
ศูนย์วิจัยก้าวหน้า (Research Institute)
“ต่อให้เราต้องสูญเสียไปมากแค่ไหน แต่เราก็ต้องเดินหน้าต่อไป”
มีหลายครอบครัวที่ต้องพลัดพรากจากการโดนอสูรเข้าโจมตี หลายคนโกรธเกลียดและไม่มีวันอภัยให้กับความโหดร้ายที่ต้องเผชิญ ส่งผลให้การแก้แค้นยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางเราจึงจับมือกับคุณทามาโยะและกลุ่มปราสาทผีเสื้อในการทำวิจัย ค้นหาเลือดอสูร และหาพลังต่างๆ ที่จะมาพัฒนาให้เกิดเป็นยารักษาอสูรโหดร้าย ให้พบเจอจิตใจที่อ่อนโยน มีเมตตา ได้สติและความนึกคิดกลับคืนมา จนสามารถใช้ชีวิตร่วมกับผู้คนได้ รวมถึงหาทางทำเซรุ่มสำหรับรักษามนุษย์ที่ติดเชื้อ และขยายผลงานวิจัยให้ก้าวหน้าต่อไป เพื่อหวังว่าจะทำให้อสูรกลับกลายมาเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์ เพื่อความสงบสุขของปวงชนทั้งผอง
รับชมแอนิเมชัน Demon Slayer ได้ทาง Netflix