วิวัฒนาการของ Deepfake กำลังก้าวล้ำขึ้นมาทุกขณะ ผู้คนทั่วโลกต่างจับตามองเทคโนโลยีที่ลอกเลียนแบบใบหน้าหรือน้ำเสียงผ่านปัญญาประดิษฐ์ว่าจะก้าวไปได้ถึงจุดไหน ก่อนหน้านี้วงการภาพยนตร์กำลังตื่นเต้นที่จะชุบชีวิตตัวละครในตำนานให้มาโลดแล่นบนจอเงินอีกครั้งแบบที่ไม่ต้องใช้ทุนสร้างมหาศาล จนโฉมหน้าของฮอลลีวูดอาจจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง แต่โลกความจริงไม่ได้สวยงามแบบนั้น
เพราะ Deepfake มักจะถูกนำมาใช้ในการเล่นตลกด้วยการตัดต่อหน้าคนดังไปใส่คำพูดที่ไม่น่าเชื่อถือ หรือนำไปใช้ในหนังผู้ใหญ่จนเกิดความฮือฮามาแล้ว แต่ล่าสุดโจรปล้นธนาคารได้ขโมยเงิน 35 ล้านเหรียญ โดยใช้เทคโนโลยีดังกล่าวเลียนเสียงผู้บริหารจนธนาคารหลงเชื่อ
ธนาคารสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ถูกอาชญากรใช้เสียงของผู้บริหารองค์กรในการหลอกให้ผู้จัดการธนาคารทำธุรกรรมจำนวนหลายล้านโดยอ้างว่ากำลังจะเข้าซื้อกิจการของอีกบริษัทหนึ่ง ซึ่งผู้จัดการธนาคารที่เคยร่วมงานกับเจ้าของเสียงและมีความคุ้นเคยกันอย่างดี จึงไม่คาดคิดว่าทุกอย่างจะเป็นเรื่องหลอกลวงและทำการโอนเงินเข้าบัญชีของอาชญากรโดยตรง
ขณะนี้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากนักสืบอเมริกัน ในการติดตามเงินจำนวน 400,000 ดอลลาร์ที่ถูกโอนเข้าบัญชีของธนาคารในสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่ามีอาชญากรอย่างน้อย 17 คนที่ใช้เทคโนโลยี Deepfake ปล้นธนาคารทั่วโลก อย่างไรก็ตามคดีนี้ถือเป็นคดีการเลียนเสียงครั้งที่ 2 เนื่องจากก่อนหน้านี้ในปี 2019 อาชญากรเคยพยายามใช้ปัญญาประดิษฐ์ปลอมเสียงผู้บริหารเพื่อปล้นบริษัทพลังงานจากอังกฤษมาแล้ว