แค่จัดการขยะในบ้านก็เป็นเรื่องยากสำหรับใครหลายคนแล้ว ลองนึกภาพการจัดการขยะปริมาณมหาศาลของศูนย์การค้าที่มีหลากหลายร้านค้าดูสิ น่าจะยากและต้องอาศัยระบบกับบุคลากรควบคู่กันไปขนาดไหน
‘กลุ่มเซ็นทรัล’ ในฐานะผู้นำธุรกิจค้าปลีกและบริการของไทย ได้เล็งเห็นถึงปัญหาขยะนี้ และมองไกลถึงการสร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืนในการจัดการปัญหาขยะตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ พร้อมผลักดันภาคธุรกิจและคู่ค้าเข้าสู่แนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน ยกระดับคุณภาพสิ่งแวดล้อม อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ด้วยการเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำองค์กรที่มีระบบจัดการขยะครบวงจร ผ่านแคมเปญ ‘Love the Earth : Zero Waste รักโลกต้องเริ่มเลย’ ในการเริ่มต้นจัดการขยะอย่างถูกวิธี ลดปริมาณขยะที่จะนำไปสู่หลุมฝังกลบ ที่ใช้เวลาย่อยสลายนานหลายสิบปีหรือถึงร้อยปี
คอลัมน์ Sgreen อยากให้ทุกคนเห็นภาพชัดขึ้น จึงขอชวนไปดูเส้นทางจัดการขยะของกลุ่มเซ็นทรัลกันว่า พวกเขาให้ความสำคัญและใส่ใจเรื่องนี้ขนาดไหน ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นช่วยลดปริมาณขยะไปได้เท่าไหร่ และเราในฐานะผู้บริโภคจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการลดขยะเพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีได้อย่างไรบ้าง
กลุ่มเซ็นทรัลตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม และพร้อมส่งต่อความรู้เรื่องการจัดการขยะให้ถูกวิธี

‘ศูนย์การค้า’ ถือว่าเป็นศูนย์รวมความสะดวกสบายหลากหลายอย่างเอาไว้ในสถานที่แห่งเดียว ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร แหล่งชอปปิ้ง พื้นที่ทำกิจกรรม หรือแหล่งพบปะสังสรรค์ ซึ่งกิจกรรมที่เกิดขึ้นเหล่านี้ล้วนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของคนส่วนใหญ่ และเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างขยะปริมาณมหาศาล
‘พิชัย จิราธิวัฒน์’ กรรมการบริหารกลุ่มเซ็นทรัล ได้ย้ำถึงจุดยืนของทางกลุ่มเซ็นทรัลที่ให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นการสร้างความตระหนักรู้และถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่คู่ค้า ลูกค้า ประชาชนทั่วไป รวมถึงชุมชนต่างๆ พร้อมย้ำถึง เป้าหมาย ‘Zero Waste to Landfill’ คือการเปลี่ยนแปลง ลงมือทำในทุกส่วน
เดินหน้าสู่ Net Zero ด้วยแคมเปญ Love the Earth : Zero Waste รักโลกต้องเริ่มเลย

ภายใต้แนวคิด “ลด–แยก–จัดการ” ที่ไม่เพียงช่วยลดปริมาณขยะจากการดำเนินงาน แต่ยังพัฒนาโมเดล Zero Waste แบบครบวงจร โดยเริ่มนำร่องที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ผ่านความร่วมมือกับร้านค้าภายในศูนย์ฯ เพื่อลดขยะตั้งแต่ต้นทาง พร้อมสร้างความตระหนักรู้และมีส่วนร่วมกับลูกค้า ก่อนขยายผลสู่ศูนย์การค้าทั่วประเทศ เพื่อก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำและเป้าหมาย Net Zero อย่างยั่งยืน
Zero Waste จะเกิดขึ้นได้ ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วน

กลุ่มเซ็นทรัลเองก็เข้าใจดีว่า แม้จะมีระบบการบริหารจัดการขยะที่ดีขนาดไหน แต่การจะเดินหน้าสู่เป้าหมายต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน พันธมิตรทางธุรกิจ และประชาชน ในการช่วยกันลดปริมาณขยะให้เหลือน้อยที่สุด พร้อมผลักดันแคมเปญนี้จนทำให้เกิด Zero Waste ขึ้นจริงได้
แนวคิด ‘ลด-แยก-จัดการ’ เพื่อลดประมาณขยะสู่หลุมฝังกลบ

ลด-แยก-จัดการ แนวคิดในการลดปริมาณขยะสู่หลุมฝังกลบให้เหลือน้อยที่สุด สอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน และเป็นการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่มีประสิทธิภาพ เพราะในหลายๆ ครั้ง การกำจัดขยะมักจบลงด้วยการฝังกลบขยะที่เป็นส่วนหนึ่งในการก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก สาเหตุของโลกร้อน จากการจัดการขยะมาตลอดหลายปี โดยเฉพาะในปี 2567 ที่ผ่านมานั้น กลุ่มเซ็นทรัลสามารถลดการส่งต่อขยะไปยังหลุมฝังกลบได้มากถึง 43,600 ตัน
และในปี 2568 นี้ กลุ่มเซ็นทรัลเดินหน้าสานต่อพันธกิจด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่องด้วยแคมเปญ ‘Love the Earth : Zero Waste รักโลกต้องเริ่มเลย’ พร้อมตั้งเป้าลดปริมาณขยะสู่หลุมฝังกลบให้เหลือ 30 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2573 และเดินหน้าสู่การเป็นองค์กร Net Zero ในปี 2593
‘ลด’ การใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว และ ‘ลด’ อาหารส่วนเกินไม่ให้เป็น Food Waste

การ ‘ลด’ ขยะอย่างง่ายที่ทางกลุ่มเซ็นทรัลเชิญชวนร้านค้าและลูกค้าให้ร่วมมือกันคือ การลดวัสดุที่ไม่จำเป็นหรือเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์แบบใช้ได้ครั้งเดียว
ยกตัวอย่าง การลดใช้ถุงพลาสติก ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2561 ต่อเนื่องมาจนถึงการส่งเสริมให้ลูกค้านำถุงผ้าหรือกระเป๋ามาเอง ผ่านการมอบแต้ม The 1 เพื่อส่งเสริมไลฟ์สไตล์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการมอบสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้า ซึ่งนับเวลามาจนถึงปัจจุบันนี้ ลูกค้าของเซ็นทรัลที่เข้าร่วมโครงการได้ร่วมกันปฏิเสธการรับถุงพลาสติกไปมากถึง 12 ล้านครั้ง
นอกจากถุงพลาสติกบรรจุสินค้าแล้ว ทางกลุ่มเซ็นทรัลได้เปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้างในธุรกิจอาหาร (CRG) ซึ่งช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกรวมทั้งสิ้น 16.5 ล้านชิ้น
อีกตัวอย่างคือ การส่งมอบของสดจากกลุ่มธุรกิจอาหารและโรงแรม ที่เป็นอาหารส่วนเกินที่มีคุณภาพให้แก่ชุมชนขาดแคลนและกลุ่มเปราะบาง เพื่อลดปริมาณ Food Waste ที่เป็นขยะอินทรีย์ไปสู่หลุมฝังกลบ โดยได้จัดทำโครงการต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 8 และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 1,438 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเทียบได้กับการปลูกต้นไม้ถึง 60,000 ต้นเลยทีเดียว
เตรียมพร้อม ‘แยก’ ขยะตั้งแต่ต้นทาง ด้วยถังขยะแบบแยกประเภท

ลดการใช้พลาสติก บรรจุภัณฑ์แบบใช้ได้ครั้งเดียว และลด Food Waste แล้ว ต่อมาคือการ ‘แยก’ ขยะตั้งแต่ต้นทาง เพื่อเลี่ยงการปนเปื้อนของขยะ และนำขยะบางชนิดกลับมาใช้ประโยชน์อีกครั้ง ทำให้ปริมาณขยะที่ต้องส่งไปกำจัดน้อยลงผ่านการรณรงค์ และสร้างพฤติกรรมการคัดแยกขยะ โดยเริ่มจากกลุ่มพนักงานของผู้เช่าอาคารสำนักงานเซ็นทรัลเวิลด์ ออฟฟิศเซสให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการแยกขยะรีไซเคิลด้วยการเริ่มที่ตนเอง
นอกจากโซนออฟฟิศแล้ว ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการภายในเซ็นทรัลเวิลด์ยังสามารถเรียนรู้การแยกขยะได้ด้วยเหมือนกัน เพราะทางศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์มีการจัดวางถังขยะแต่ละประเภทที่แบ่งด้วยสีสันชัดเจนเอาไว้ เพื่อรองรับลูกค้าให้มีตัวเลือกในการทิ้งขยะในมือมากขึ้น

แต่ต่อให้มีถังขยะแยกประเภทให้แล้ว หลายๆ ครั้งเราก็ยังสับสนว่าควรทิ้งขยะในมือในถังไหนดี ถ้ามาที่เซ็นทรัลเวิลด์ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะบางจุดของศูนย์การค้าฯ มีระบบเอไออัจฉริยะที่จะช่วยวิเคราะห์ประเภทของขยะ พร้อมแนะนำวิธีการทิ้งที่ถูกต้องเอาไว้ให้ด้วย ซึ่งนั่นแปลว่าเราจะได้ความรู้ติดตัวกลับไปแยกขยะที่บ้านต่อได้อีก
ห้องพักขยะที่พร้อม ‘จัดการ’ อย่างถูกวิธี ก่อนส่งต่อไปกำจัดในขั้นตอนต่อไป

และใครที่มี Trust Issue ว่าขยะที่อุตส่าห์แยกลงถังแต่ละประเภทจะถูกนำไปทิ้งรวมในถังเดียวกันหรือเปล่าก็ขอให้สบายใจได้ เพราะกลุ่มเซ็นทรัลมีความพร้อมในการ ‘จัดการ’ ขยะอย่างถูกวิธีด้วยการทิ้งตามประเภทในห้องพักขยะ เพื่อให้หน่วยงานผู้เชี่ยวชาญรับไปกำจัดอย่างถูกวิธี และสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
เห็นได้จากความจริงจังที่มีการปรับปรุงห้องพักขยะเพื่ออำนวยความสะดวกให้การคัดแยกและรวบรวมขยะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสร้างสภาพแวดล้อมที่สะอาด ปลอดภัย เหมาะสมกับการใช้งาน

ทำให้มั่นใจได้ว่า ต่อให้เป็นขยะจากลูกค้า พนักงานออฟฟิศ ผู้ประกอบการร้านค้า หรือร้านอาหาร ก็จะได้รับการจัดการอย่างถูกวิธีตามประเภทของขยะ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์หรือเข้าสู่กระบวนการกำจัดอย่างมีประสิทธิภาพ
เสริมทัพจัดการขยะด้วยหน่วยรีไซเคิล จูงใจลูกค้าด้วยคะแนนสะสมในแอปฯ

นอกจากนี้ยังมีการตั้ง Recycle Station ซึ่งเป็นจุดรับขยะแยกประเภทแบบไดรฟ์ทรู เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนทั่วไปที่เริ่มต้นแยกขยะด้วยตัวเองที่บ้าน แต่ไม่รู้ว่าจะนำขยะรีไซเคิลที่รวบรวมไปไว้ที่ไหนดี โดยทางกลุ่มเซ็นทรัลได้ร่วมมือกับสตาร์ทอัพ ‘Recycle Day’ ในการเปิดรับขยะเหล่านั้นมาแลกคะแนนสะสมในแอปพลิเคชัน เพื่อนำไปใช้แลกของรางวัลหรือนำไปเป็นส่วนลดในการชอปปิงภายในศูนย์การค้า
ปัจจุบัน Recycle Station มีทั้งหมด 10 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัล ลาดพร้าว, เซ็นทรัล อีสต์วิลล์, เซ็นทรัล เวสต์วิลล์, เซ็นทรัล ศรีราชา, เซ็นทรัล อยุธยา, เซ็นทรัล ระยอง, เซ็นทรัล นครสวรรค์, เซ็นทรัล สมุย และเซ็นทรัล เชียงใหม่
ใครอยู่ใกล้ที่ไหนก็เอาขยะรีไซเคิลที่แยกประเภทและเก็บสะสมไว้ไปส่งต่อสู่ปลายทางที่เหมาะสม เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสิ่งแวดล้อมได้เลย

นอกเหนือจากกิจกรรมทั้งหมดนี้ ยังมีอีกหลายสิ่งที่ทางกลุ่มเซ็นทรัลลงมือทำอย่างต่อเนื่อง เช่น การตั้งจุดรับขยะกำพร้าที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล อีสต์วิลล์ การนำขวดพลาสติกจากไปรีไซเคิล เพิ่มมูลค่าเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิ ชุด PPE ผ้าห่ม และเสื้อกันหนาว ส่งต่อให้แก่ผู้ประสบภัยหนาวพื้นที่ทุรกันดาร การนำขยะอินทรีย์ประเภทเศษอาหารมาเปลี่ยนให้เป็นก๊าซชีวภาพ เพื่อนำพลังงานที่ได้กลับมาใช้อีกครั้ง หรือกระทั่งอีเวนต์ต่างๆ ภายในศูนย์การค้าที่จัดขึ้นเพื่อเชิญชวนให้ลูกค้าที่มาใช้บริการศูนย์การค้าได้ทำความเข้าใจถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น
เซ็นทรัลเชื่อว่า ด้วยโมเดลการสร้างความเข้าใจและการตระหนักรู้ผ่านกระบวนการลด – แยก – จัดการ ที่ดำเนินภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์และเซ็นทรัลสาขาอื่นๆ นั้นจะไม่ได้แค่ช่วยลดปริมาณขยะที่เกิดจากกลุ่มเซ็นทรัลอย่างเดียว แต่ยังเป็นส่วนช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคให้ตระหนักถึงปัญหาขยะ และพร้อมลงมือทำด้วยความเข้าใจ เพื่อให้ทุกคนได้มีส่วนในการทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นได้จริงๆ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.centraltham.com/love-the-earth/zero-waste