Elmhurst Ballet School โรงเรียนที่สนับสนุนให้นักบัลเลต์รุ่นใหม่มั่นใจในรูปร่างของตัวเอง

จะดีไหมถ้าฉันผอมกว่านี้ แขนเล็กกว่านี้ หรือขาเล็กกว่านี้? ถ้ามีรูปร่างที่เพอร์เฟกต์จะทำให้ฉันเป็นนักเต้นที่เก่งที่สุดได้หรือเปล่า?  คำถามเหล่านี้คือสิ่งที่อยู่ในใจของนักบัลเลต์หลายคนที่ต้องแบกรับความรู้สึกกดดันกับค่านิยมการมีรูปร่างที่สมบูรณ์แบบ ต้องผอมเท่านั้นถึงจะดูเหมาะสมกับการเป็นนักบัลเลต์ การจะเป็นนักบัลเลต์มืออาชีพได้ต้องทุ่มสุดตัวทั้งร่างกายและจิตใจเพื่อให้การแสดงออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด แค่คิดว่าต้องซ้อมให้หนัก แต่กินให้น้อยเพื่อรักษาความผอมเอาไว้ให้ได้ ก็คงไม่ใช่เรื่องดีต่อสุขภาพของนักบัลเลต์เลย ค่านิยมความสมบูรณ์แบบนี้เองที่ทำให้นักบัลเลต์หลายคนต้องเจ็บปวดกับเส้นทางการตามฝันเพื่อที่จะเป็นมืออาชีพ เพราะระหว่างทางทำให้หลายคนมีปัญหาสุขภาพจิต ต้องไดเอตอยู่ตลอด จนทำให้มีพฤติกรรมการกินอาหารที่ผิดปกติ (Eating Disorder) หรือเป็นโรคกลัวอ้วน (Anorexia) ส่งผลเสียกับสุขภาพกายและสุขภาพจิตในระยะยาว ที่สำคัญกระทบกับการยืนระยะเป็นนักบัลเลต์อาชีพด้วยเช่นกัน  Elmhurst Ballet School โรงเรียนสอนบัลเลต์คลาสสิกเก่าแก่ในอังกฤษที่ตั้งมาตั้งแต่ ค.ศ. 1923 เปิดสอนสำหรับเด็กอายุ 11 – 19 ปี ที่อยากเป็นนักบัลเลต์มืออาชีพ เห็นว่าปัญหาสุขภาพจิตเป็นเรื่องสำคัญของคนรุ่นใหม่ และความกดดันเรื่องรูปร่างคือปัญหาที่เด็กในวัยนี้ไม่ควรต้องเผชิญโดยลำพัง จึงได้ก่อตั้งทีมพิเศษขึ้นมาเพื่อดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจของนักเรียนอย่างใกล้ชิด และช่วยให้พวกเขาเป็นนักบัลเลต์ที่เก่งกาจได้โดยที่ยังมั่นใจในรูปร่างของตัวเองด้วย Annelli Paevot หนึ่งในทีมผู้ดูแลด้านสุขภาพของนักเรียนเล่าว่า โรงเรียนจะมีขั้นตอนการให้การช่วยเหลือที่เป็นระบบ มีแนวทางในการปฏิบัติตัวให้กับนักเรียนที่มีพฤติกรรมการกินอาหารที่ผิดปกติอย่างละเอียด สามารถให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองและรักษา และพร้อมให้ข้อมูลกับนักเรียนและผู้ปกครองที่กำลังต้องการความช่วยเหลือในเรื่องนี้โดยเฉพาะ    เพื่อให้นโยบายนี้เกิดขึ้นจริง Elmhurst จึงใช้วิธีการประเมินสุขภาพนักเรียนทั้งหมด 6 ครั้งตลอด 1 ปี เพื่อติดตามดูพัฒนาการและปัญหาสุขภาพของนักเรียน หากทีมผู้ดูแลเริ่มสังเกตเห็นว่านักเรียนคนใดมีพฤติกรรมการกินที่เริ่มผิดปกติ จะมีการพูดคุยและให้คำแนะนำเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ รวมถึงแจ้งครอบครัวให้รับทราบเพื่อที่จะได้ช่วยดูแลอีกทาง เพราะเธอคิดว่ายิ่งรู้เร็วเท่าไรว่านักเรียนมีปัญหาจะทำให้โรงเรียนสามารถให้ความช่วยเหลือพวกเขาได้ทันท่วงที ก่อนที่สุขภาพของนักเรียนจะทรุดโทรมไปมากกว่านี้  […]

ช้อปช่วยเส้นด้าย อุดหนุนข้าวกล่องให้คนกักตัวและเที่ยวรถให้ผู้ป่วยโควิด-19 ที่ ‘ร้านเส้นด้าย’

รับเรื่องผู้ป่วยโควิด-19 1,692 คน วิ่งรถรับ-ส่งผู้ป่วยโควิด-19 มากกว่า 2,200 เที่ยวรับเคสเข้ารักษา 294 คนดูแลสัตว์เลี้ยงของคนไข้ 64 ตัวและ ส่งข้าวให้คนกักตัว หรือเดือดร้อนไปแล้ว 6,000 กล่อง ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ ‘เส้นด้าย’ กลุ่มอาสาสมัครเพื่อสังคม ที่มีเป้าหมายอยากเป็นบริการรถรับส่งเคสผู้ป่วยติดโควิด-19 หรือ ความเสี่ยงสูงต่อการติด ‘ฟรี’ ทำมาตลอด 2 เดือน ทว่าการลงมือลงใจของเส้นด้ายซึ่งควักกระเป๋าตัวเองมาช่วยประชาชนโดยไม่มีหน่วยงานใดช่วยเหลือนั้น ย่อมติดขัดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ เส้นด้ายจึงเปิด ‘ร้านเส้นด้าย’ ให้ประชาชนซื้อสินค้า และบริการในร้าน เพื่อเอาไปแจกและให้บริการฟรีสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 หากคุณมีเงิน 25 บาท สามารถสนับสนุนข้าวกล่องให้คนกักตัว หรือให้ทีมงานเส้นด้ายกินได้ หากคุณมีเงิน 300 บาท สามารถซื้ออุปกรณ์ป้องกันเชื้อโควิด-19 ให้เส้นด้ายทำงานอย่างปลอดภัยหรือ หากคุณซื้อเที่ยวรถ 1 เที่ยว สำหรับรับ-ส่งผู้ติดเชื้อโควิด-19 เท่ากับว่าคุณได้ช่วยพวกผู้ป่วย 1 คน ร่วมสนับสนุนองค์กรเพื่อประชาชน โดยดูรายละเอียดเมนูทั้งหมดได้ที่ เส้นด้าย – Zendai

กระเบื้องผนังเปลือกไข่ ปลายทางใหม่ของการกำจัดเศษอาหาร

แต่ละวันเรากินไข่ไก่เฉลี่ยคนละ 1 – 2 ฟอง แล้วลองคูณจำนวนคนทั้งโลกเข้าไป คิดดูว่าเปลือกไข่ถูกทิ้งต่อวันจะมีกี่พันล้านฟองกัน ซึ่งพอรวบรวมเป็นสถิติรายปีพบว่าเรามีขยะเปลือกไข่ราว 250,000 ตัน/ปี และมักใช้การฝังกลบในการกำจัดขยะ โดยพื้นที่ 1 ตร.ม. ฝังเปลือกไข่ได้ประมาณ 2,000 ฟอง และใช้ระยะเวลา 20 วันเพื่อย่อยสลาย  ดูเหมือนการกำจัดเปลือกไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่ดีไซเนอร์ชาวฮ่องกง ‘Elaine Yan Ling Ng’ อยากหาปลายทางใหม่ของเศษเปลือกไข่ที่ครีเอต เพิ่มมูลค่า และทำประโยชน์ได้มากกว่าการ ‘ทิ้ง’ จึงรีไซเคิลเปลือกไข่ให้กลายเป็น ‘CArrelé’ คอลเลกชันกระเบื้องปูผนัง โดยกระเบื้อง 1 ตร.ม. ช่วยลดจำนวนขยะได้มากถึง 20,000 ฟอง และใช้เวลาผลิตเพียง 2 วันเท่านั้น ด้วยภาพจำของคนมักมองว่าเปลือกไข่มีความเปราะบาง หารู้ไม่ว่ามันแข็งแรงกว่านั้นมหาศาล แถมยังทนต่อรังสี UV ธรรมชาติด้วย โดยขั้นตอนการทำกระเบื้อง พวกเขาจะรวบรวมเปลือกไข่ที่ถูกทิ้งจากร้านเบเกอรี ครัวโรงแรม และตามชุมชนที่ตั้งรอบโรงงานในเมืองเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ แล้วนำมาบดให้ละเอียด ก่อนจะผสมเข้ากับสารเคมี ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยให้วัสดุยึดเกาะกันได้แน่นขึ้น […]

‘Mirrored Fabric’ ผ้าสะท้อนรังสี แฟชั่นใหม่ของมนุษย์ เพื่อการอยู่อาศัยในสภาวะโลกร้อน

หลักการง่ายๆ ของการแต่งตัวในชีวิตประจำวันคือ ถ้าคุณอยากรู้สึกเย็นสบายในวันที่ร้อนเหลือเกิน ให้เลือกใส่เสื้อผ้าสีขาวหรือเสื้อสีอ่อน เพราะสามารถช่วยสะท้อนแสงแดด ระบายความร้อน ทำให้ร่างกายเย็นสบาย ในทางกลับกันหากเลือกผ้าสีเข้มผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอาจจะตรงกันข้าม  จากหลักวิทยาศาสตร์ง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน นักวิจัยจากจีนได้พัฒนาไปอีกขั้น โดยใช้เทคโนโลยีสร้างเป็นผ้าชนิดพิเศษที่รูปลักษณ์ภายนอกดูผิวเผินเหมือนผ้าธรรมดา แต่กลับมีคุณสมบัติที่สะท้อนแสงแดดและรังสี UV หรือรังสีอินฟราเรดชนิดต่างๆ ได้มากกว่าเนื้อผ้าธรรมดาทั่วไป ผ้าชนิดพิเศษนี้มีชื่อว่า ‘Meta Fabric’ ทำจากเส้นใยสังเคราะห์ผสมกับพอลิแลกติกแอซิด เคลือบอนุภาคนาโนด้วยแร่ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่ใช้ในยานอวกาศ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงสรรพคุณนี้ นักวิจัยได้ทดลองให้คนใส่เสื้อกั๊กที่ครึ่งหนึ่งตัดเย็บจากผ้าฝ้ายสีขาวธรรมดา และอีกครึ่งทำจากเนื้อผ้า Meta Fabric ผลปรากฏว่าหลังจากนั่งตากแดดเป็นเวลา 1 ชม. ร่างกายที่หุ้มด้วยผ้าชนิดพิเศษนี้มีอุณหภูมิเย็นกว่าผ้าฝ้ายถึง 5 องศาเซลเซียส  แม้ว่าผ้าดังกล่าวจะอยู่ในช่วงพัฒนา แต่ก็ทำให้เราเห็นถึงศักยภาพในการพัฒนาของเทคโนโลยีของเสื้อผ้าในอนาคต เพราะในอนาคตอันใกล้ท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนระอุของโลก เสื้อผ้าอาจจำเป็นต้องมีนวัตกรรมที่ช่วยให้มนุษย์ใช้ชีวิตในโลกที่ร้อนขึ้นทุกวันได้ดีขึ้นก็เป็นได้ Source : https://www.freethink.com/environment/mirrored-fabric

ผู้หญิงต้องได้ใส่ชุดที่ตัวเองมั่นใจ! นักยิมนาสติกเยอรมันใส่ชุดเต็มตัวแข่งโอลิมปิกสนับสนุนทางเลือกเครื่องแต่งกาย

ฤดูกาลโอลิมปิกกลับมาอีกครั้งหลังจากถูกเลื่อนออกไปเพราะวิกฤตโควิด-19 และดูเหมือนว่าปีนี้จะมีเรื่องน่าสนใจนอกเหนือจากการแข่งขันกีฬา นักกีฬาจากหลายประเทศแสดงการเคลื่อนไหวทางสังคมที่หลากหลายโดยเฉพาะประเด็นเรื่องเครื่องแต่งกาย อย่างล่าสุดนี้ทีมนักยิมนาสติกหญิงจากเยอรมนีที่เลือกลงแข่งในชุดเต็มตัว แทนชุดยิมนาสติกรัดรูปและเว้าสูงอย่างที่เคยใส่กันมา ตามกฎแล้วชุดรัดรูปคือชุดมาตรฐานของกีฬายิมนาสติก ทั้งแบบแขนยาว แขนสั้น และไม่มีแขน ส่วนใหญ่เราจะเห็นนักกีฬาหญิงใส่ชุดรัดรูปขาเว้าสูงแบบบิกินี่ น้อยครั้งนักที่จะเห็นนักยิมนาสติกหญิงใส่ชุดรัดรูปขายาว-แขนยาวแบบเต็มตัว เพราะที่ผ่านมาชุดเต็มตัวถูกยกเว้นไว้สำหรับนักกีฬามีข้อกำหนดด้านศาสนา หรือมีประจำเดือนในขณะแข่งขันเท่านั้น แต่ในกรณีนี้ทางสหพันธ์ยิมนาสติกนานาชาติไม่มีปัญหา ขอแค่ชุดส่วนบนและส่วนล่างเป็นสีเดียวกัน การเรียกร้องครั้งนี้ของทีมนักยิมนาสติกหญิงเยอรมันทำเพื่อแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงควรมีเสรีภาพในการเลือกสวมใส่ชุดที่พวกเธอมั่นใจในการแข่งขันได้ และต่อต้านการทำให้นักกีฬาหญิงเป็นวัตถุทางเพศผ่านเครื่องแต่งกายที่ล่อแหลม Sarah Voss หนึ่งในทีมชาติเยอรมนีกล่าวว่า “นักกีฬาทุกคนควรรู้สึกปลอดภัยขณะแข่งขัน และการตัดสินควรดูจากผลงานการแสดงของพวกเขา ไม่ใช่ดูจากรูปร่าง” และเธอยังกล่าวว่า “ในทีมชาติเยอรมนีถ้าใครรู้สึกปลอดภัยหรือชอบชุดยิมนาสติกเว้าสูงก็สามารถใส่ได้ หรือถ้าอยากใส่แบบขายาวก็ใส่ได้เหมือนกัน ในทีมเราไม่ได้มีการบังคับ ทุกคนมีสิทธิ์เลือกชุดที่อยากใส่ เธอเองก็ไม่ได้อยากใส่ชุดรัดรูปขายาวเสมอไป ขึ้นอยู่กับว่าวันนั้นเธออยากแสดงแบบไหนแค่นั้นเอง” นอกจากทีมชาติเยอรมนีแล้ว นักยิมนาสติกหญิงทีมชาตินอร์เวย์ยังชื่นชมการตัดสินใจครั้งนี้ และสนับสนุนเพื่อนนักกีฬาทีมเยอรมนีที่กล้าแสดงจุดยืนเรื่องสำคัญของนักกีฬาอีกด้วย  การเรียกร้องเรื่องเครื่องแต่งกายของนักกีฬาหญิงในการแข่งขันโอลิมปิกที่เป็นประเด็นก่อนหน้านี้คือกรณีของทีมนักกีฬาแฮนด์บอลหญิงจากนอร์เวย์ที่ปฏิเสธการใส่ชุดบิกินี่เข้าแข่งขัน ทำให้ถูกปรับจากสหพันธ์แฮนด์บอลแห่งยุโรป นักร้องอเมริกันชื่อดังอย่าง P!nk เสนอจะจ่ายค่าปรับให้เพื่อสนับสนุนการต่อต้านการทำให้นักกีฬาหญิงเป็นวัตถุทางเพศ การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเป็นเวทีที่นานาประเทศจะได้แสดงศักยภาพผ่านการแข่งขันกีฬา แต่ในปัจจุบันโอลิมปิกเป็นพื้นที่ที่ทำให้นักกีฬาได้ตั้งคำถามและสื่อสารสิ่งที่ตนต้องการไปสู่สายตาประชาคมโลกด้วยเช่นกัน Sources : BBC Sport | https://www.bbc.com/sport/av/gymnastics/56916789Reuters | https://tinyurl.com/2ea255ep

คืนอรรถรสในการเดินริมหาดด้วย BeachBot หุ่นยนต์เก็บก้นบุหรี่ ที่เก็บบุหรี่ 20 ชิ้นใน 30 นาที

อรรถรสในการเดินบนหาดทรายขาวต้องหยุดชะงัก เมื่อสองเท้าเผลอไปเหยียบขยะก้นบุหรี่ของใครก็ไม่รู้ โอ๊ย! ทำไมทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทาง  ทว่าการเปลี่ยนพฤติกรรมคนมันแก้ยากซะเหลือเกิน Edwin Bos และ Martijn Lukaart สองผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีจาก TechTics ร่วมกับนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเดลฟท์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ จึงสร้างหุ่นยนต์เอไอทำความสะอาดก้นบุหรี่บนชายหาดขึ้นมาในชื่อ ‘BeachBot’ ซึ่งสามารถเก็บก้นบุหรี่ 20 ชิ้นใน 30 นาที! BeachBot หรือเรียกสั้นๆ ว่า BB เป็นหุ่นยนต์ขนาด 80 เซนติเมตรที่พัฒนาอัลกอริทึมการตรวจจับด้วยเอไอ เชื่อมต่อกับ Microsoft Trove แอปฯ ที่เชื่อมต่อกับนักพัฒนาเอไอและผู้ถ่ายภาพบุหรี่ทั่วโลก เพื่อให้เจ้าหุ่นยนต์จดจำบุหรี่ได้หลากหลายแบบ กริปเปอร์หรือมือจับของหุ่นยนต์เคลื่อนที่ด้วยระบบการเคลื่อนที่แบบคาร์ทีเซียน โดยมีมอเตอร์สองตัวช่วยประมวลผลในการเดินขึ้น-ลง หรือเดินขวา-ซ้าย นอกจากนี้หุ่นยนต์ยังเรียนรู้การหยิบจับก้นบุหรี่เพื่อไม่ให้สร้างความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติบนชายหาดอย่างเปลือกหอยอีกด้วย Source : Designboom | https://bit.ly/3f3Bg7c

เกิดไม่ทันเห็น ก็ได้เห็น เมื่อเชียงใหม่คืนชีพเจดีย์หลวง 600 ปีด้วยเทคนิค Projection

เวลาไปท่องเที่ยวสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เราต่างวาดฝันถึงความงดงาม ความสมบูรณ์ ของโบราณสถานที่แตกหัก เราเห็นเพียงเศษซากของอารยธรรมที่เคยรุ่งเรือง จนในบางครั้งเราก็คงอยากเห็นว่ายามรุ่งเรืองของโบราณสถานนั้นหน้าตาจะเป็นอย่างไร แตกต่างจากภาพวาดมากน้อยแค่ไหน  แต่เราอาจจะไม่ต้องจินตนาการคิดไปไกลอีกต่อไป เพราะล่าสุดสมาคมสถาปนิกล้านนาฯ ร่วมกับศูนย์นวัตกรรมล้านนาสร้างสรรค์ ได้ทดลอง Installation Art ครั้งสำคัญ ส่องแสงเลเซอร์ไปยังองค์เจดีย์หลวงวรวิหาร โบราณสถานที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้เทคนิค “Projection” หรือ “ภาพฉาย” สร้างเส้นรอบรูปขององค์เจดีย์ในลักษณะภาพฉายสองมิติ แต่งเติมลงไปบนตัวเจดีย์ที่เป็นสามมิติ การทดลองนี้จึงเป็นการลองใช้ “มิติความแบน” จากโลกกราฟิกสองมิติด้วยขนาดความน่าจะเป็น 1 ต่อ 1 ของตัวโบราณสถาน เพื่อกระตุ้นการรับรู้ใหม่ให้ “มิติความลึก” ในโลกกายภาพสามมิติ เพื่อเติมเต็มซากปรักหักพังด้วยจินตนาการ ศิลปะ และวิทยาศาสตร์ แต่งแต้มความสมบูรณ์ขององค์เจดีย์ ให้เราได้ชื่นชมความงดงาม ความยิ่งใหญ่ ด้วยตาเปล่า โดยไม่กระทบโครงสร้างของโบราณสถานเดิม ตามการอ้างอิงรูปทรง ความสูง จากการศึกษาเทียบเคียงหลักฐานทางประวัติศาสตร์ โดยนักวิชาการ นักประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมล้านนาหลายท่าน นับเป็นก้าวที่สำคัญของวงการศิลปะและวัฒนธรรม ในอนาคตเราคงจะได้เห็นภาพ Visual ของโบราณสถานอีกหลายแห่งในประเทศไทยในรูปแบบงานศิลปะร่วมสมัยมากขึ้นและอาจจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นกระตุ้นการท่องเที่ยวโบราณสถานให้กลับมาครึกครื้นอีกครั้ง 

CoCare Plus เปิดให้คำปรึกษาและแนะนำการ Home Isolation บน LINE OA ฟรี!

หากใครมีผลโควิด-19 ออกมาเป็น ‘บวก’ ทั้งแบบไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยมาก และถือว่าเป็นผู้ป่วยสีเขียวที่สามารถ Home Isolation หรือกักตัวแยกที่บ้านได้ แล้วไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องทำอย่างไรทาง ‘Thai CoCare’ องค์กรที่รวบรวมเหล่าบุคลากรทางแพทย์อาสา ตั้งแต่หมอ พยาบาล เภสัชกร นักจิตวิทยา ไปจนถึงเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ได้เปิดบริการ LINE OA เพื่อดูแล ติดตามอาการ และให้คำแนะนำในเรื่องการปฏิบัติตนที่ถูกต้องในการแยกกักตัวที่บ้านโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย โดยขั้นตอนการเข้ารับคำปรึกษามี 2 วิธีด้วยกัน 1. สำหรับคนที่มีผลตรวจว่าติดเชื้อ ให้แอดไลน์ @CoCarePlus หรือกดลิงก์ https://bit.ly/3zGMIxw เพื่อ Add Friend หลังจากนั้นกดส่งข้อความถึงบุคลากรทางการแพทย์อาสาในช่องแชต เพื่อแจ้งว่ามีผลตรวจโควิดเป็นบวก และระหว่างรอเจ้าหน้าที่ตอบกลับให้กดลงทะเบียนกรอกชื่อ-นามสกุล เบอร์ติดต่อ โรคประจำตัว และวันที่ตรวจ PCR แล้วกดบันทึกข้อมูลเอาไว้ เพื่อรอประเมินอาการในขั้นถัดไป และ 2. สำหรับคนที่ยังไม่มีผลติดเชื้อสามารถแอดไลน์ไอดี @CoCare หรือกดลิงก์ http://bit.ly/line-CoCare เพื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ถึงข้อสงสัยเกี่ยวกับโควิด-19 ซึ่งช่องทางดังกล่าวเปิดให้คำปรึกษาฟรี ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 – […]

ตลาดปิดก็ไม่เป็นไรพสุธาราอาสาจ่ายตลาดส่งกล่องสุ่มผักไปถึงหน้าบ้านคุณ

แม้ว่า กทม. จะถูกล็อกดาวน์ ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และตลาดสดบางแห่งอาจจะปิด หรือการเดินทางออกไปจับจ่ายซื้อของข้างนอกจะไม่สะดวกเท่าเมื่อก่อน ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะวันนี้ ‘พสุธารา’ อาสาออกไปจ่ายตลาดแทนคุณเอง กับ ‘โครงการจ่ายตลาดให้เพื่อน กทม.’ ที่เพจ ‘Pasutara พสุธารา’ จัดทำขึ้นเพื่อส่งผักผลไม้ไปให้ชาวกรุงเทพฯ ถึงหน้าบ้านในรูปแบบกล่องสุ่ม!  กล่องสุ่มของเล่น กล่องสุ่มเสื้อผ้า ก็มีไปแล้ว เราลองมาลุ้นกล่องสุ่มผักกันบ้างดีกว่าว่าจะได้ผักชนิดไหนบ้าง เพราะผักและผลไม้ในแต่ละกล่องจะถูกคละกันมาหลากชนิด ทั้งหัวไชเท้า หน่อไม้ มะเขือเทศ สับปะรด ฟักทอง และอีกเยอะแยะมากมาย จะเอาไปแบ่งเพื่อนบ้านด้วยก็ได้ ไม่ว่ากัน ชุดสุ่มผักและผลไม้ในแต่ละวันมีตั้งแต่ชุดเล็กไปจนถึงชุดใหญ่ ราคาตั้งแต่ 100 บาทรวมส่ง เมื่อผักไปถึงมือแล้วค่อยโอนชำระเงินก็ได้นะ  ถ้าใครสนใจเข้าไปติดตามรายละเอียดและสั่งซื้อในเพจ Pasutara พสุธารา ได้เลย  ป.ล. ตอนนี้ขอส่งแค่ในบริเวณกรุงเทพฯ ก่อนนะ เพราะเดี๋ยวน้องผักจะเสียไปซะก่อน

หรือจะถึงยุคของศิลปินดิจิทัล เมื่อตลาด NFT มียอดขายสูงถึง 2.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

หรือนี่จะเป็นยุคของศิลปินดิจิทัล เมื่อตลาด NFT มียอดซื้อขายสูงถึง 2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาสที่ 2 ของปี NFT คือเหรียญดิจิทัล Cryptocurrency ประเภทหนึ่งที่ผูกไว้กับผลงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผลงานศิลปะ ไอเทมในเกมในลักษณะสินทรัพย์ดิจิทัล โดยนำเอาเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ให้สามารถแสดงความเป็นเจ้าของทรัพย์สินได้ ไม่ต่างอะไรจากของสะสมชนิดอื่น ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา โดยมีสถิติการซื้อขายสูงสุดคือผลงานดิจิทัลของ Mike Winkelmann ที่ถูกขายไปในราคาสูงถึง 69.3 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ความร้อนแรงของ NFT ยังไม่หยุดแค่นั้น รายงานล่าสุดจาก DappRadar รายงานว่าในไตรมาสที่สองของปี NFT มีการซื้อขายสูงถึงกว่า 2.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมียอดขายเพิ่มขึ้นสูงกว่าไตรมาสแรกถึง 111.46%  เป็นที่น่าจับตามองว่าท่ามกลางตลาดที่เฟื่องฟูของ NFT นี้จะไปในทิศทางไหน จะเป็นเหมือนสภาวะฟองสบู่ที่รอวันแตกหรือไม่ แต่สิ่งที่น่าสนใจของการเกิด NFT คือผู้คนทั่วโลกต่างตระหนักและให้ความสำคัญกับเรื่องมูลค่าในงานศิลปะ มากขึ้นอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน 

ผู้ป่วยเบาหวานเตรียมเลิกเจาะนิ้ว ออสเตรเลียคิดแผ่นเซนเซอร์ แค่เลียก็รู้ระดับน้ำตาลในเลือด

ผู้ป่วยเบาหวานต้องรักษาด้วยวิธีการฉีดอินซูลินเข้าไปในร่างกายเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินปกติ แต่ก่อนที่จะฉีดอินซูลิน ต้องรู้ก่อนว่าระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ที่เท่าไหร่โดยการ ‘เจาะปลายนิ้ว’ อยู่หลายครั้ง จากการศึกษาพบว่ากว่า 30% ของผู้ป่วยมักเกิดอาการกลัวการเจาะปลายนิ้วพลอยไม่อยากตรวจระดับน้ำตาลไปด้วย ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล ประเทศออสเตรเลีย จึงคิดค้นที่ตรวจเบาหวานแบบไม่ต้องเจาะเลือด แต่ใช้การ ‘เลีย’ แถบไบโอเซนเซอร์ที่มีขนาดเล็กเท่าแผ่นหมากฝรั่งแทน เมื่อผู้ป่วยเลียแผ่นตรวจ น้ำลายจะทำปฏิกิริยากับเซนเซอร์แล้วจะส่งกระแสไฟฟ้าไปยังแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนเพื่อวัดระดับน้ำตาลในเลือด  ถึงแม้ว่าระดับน้ำตาลที่มีในน้ำลายจะเข้มข้นน้อยกว่าที่มีในเลือด แต่เจ้าแผ่นตรวจจิ๋วนี้ก็ตรวจได้อย่างแม่นยำ เพราะว่าไบโอเซนเซอร์นี้ไวต่อระดับน้ำตาลมาก นี่จึงเป็นครั้งแรกของโลกที่ตรวจเบาหวานจากน้ำลายได้ ทีมนักวิจัยและพันธมิตรทางธุรกิจอย่าง GBS Inc. จึงของบประมาณจากรัฐบาลออสเตรเลียจำนวน 4.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 150 ล้านบาท เพื่อดำเนินการผลิตก่อนสิ้นปี 2021 และวางจำหน่ายเจ้าแผ่นเซนเซอร์ตรวจเบาหวานนี้ภายในปี 2023

ผลิตโคมไฟจากเปลือกส้ม ด้วย 3D Printing ชิ้นแรกของโลก!

เห็นชื่อครั้งแรกถึงกับหันมามองส้มในมือ ‘มันทำยังไงวะ’ แต่ก่อนสมองจะเผลอจินตนาการถึงวิธีการร้อยแปดพันเก้า เจ้าของไอเดีย ‘Ohmie’ (โอมี่) โคมไฟเปลือกส้มอย่าง ‘Krill Design’ สตาร์ทอัปจากแคว้นซิซิลี ประเทศอิตาลี ก็อธิบายโพรเซสทั้งหมดลงใน Kickstarter เหมือนกวักมือเรียกชวนล้อมวงว่าเดินมานี่ เดี๋ยวพี่จะเล่าให้ฟัง Krill Design ตั้งต้นความคิดว่าอยากทำโคมไฟที่ดูปัง ทันสมัย และยั่งยืน แต่ดีไซน์หรือวัสดุแบบไหนล่ะ ที่ตอบโจทย์ ทำให้พวกเขาย้อนกลับมามอง ‘ส้ม’ ซึ่งเป็นพืชพื้นถิ่นในแคว้นซิซิลี และยังครองสัดส่วนการผลิตส้มทั่วโลกอยู่ที่ 3% มีการนำไปแปรรูปเป็นโปรดักต์ต่างๆ และมีเปลือกส้มเหลือทิ้งชนิดที่ว่าใช้ได้ไม่มีวันหมดเลยทีเดียว แน่นอนว่ากระบวนการทำโคมไฟ Ohmie ไม่ได้จบที่ปอกเปลือกส้มแล้วแปะไปกับโครงโคมไฟ เพราะเขาใช้เทคนิค 3D Printing ในการขึ้นรูป โดยนำเปลือกส้มแห้งมาบดเป็นผงละเอียด จากนั้นร่อนซ้ำอีกครั้ง ก่อนนำไปผสมกับผงไบโอโพลิเมอร์ที่มาจากผัก และผลิตอัดให้รูปแบบเม็ด เพื่อนำมาใช้เป็นเนื้อวัสดุ ซึ่งตัวโคมไฟที่ได้จะมีน้ำหนักเบาเพียง 150 กรัมเท่านั้น โดยดีไซน์ของโคมไฟขนาด 23 ซม. ตั้งแต่ลวดลายพื้นผิว กลิ่นส้ม และสีสันสดใส ล้วนสะท้อนถึงต้นกำเนิดว่ามาจากไหน ซึ่งนอกจากทุกอย่างล้วนเป็นส้มแล้ว เหล่าดีไซเนอร์อยากโชว์ศักยภาพของ ‘เศษอาหาร’ ว่านำกลับมาใช้ใหม่เป็นโปรดักต์ […]

1 96 97 98 99 100 119

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.