โบกมือลา Osaka Expo 2025 หลังต้อนรับผู้เข้าชมทั่วโลกกว่า 25 ล้านคน สร้างผลกำไรเกือบ 7 พันล้านบาทตลอด 6 เดือน เตรียมพัฒนาพื้นที่เป็นศูนย์กลางความบันเทิงต่อ

World Expo 2025 ที่จัดขึ้นบนเกาะยูเมะชิมะ นครโอซากา มียอดผู้เข้าชมสะสมทะลุ 25 ล้านคน พร้อมด้วยผู้เข้าร่วมอย่างเป็นทางการถึง 165 ประเทศและองค์กร แซงหน้างานเอ็กซ์โปครั้งก่อนที่จังหวัดไอจิในปี 2005 และสร้างผลกำไรจากการดำเนินงานที่คาดว่าจะสูงถึง 2.8 หมื่นล้านเยน (ราว 6.8 พันล้านบาท) จากการขายตั๋วและสินค้าที่ระลึก โดยเฉพาะมาสคอตดังอย่าง ‘เมียะคุ เมียะคุ’ (Myaku-Myaku) ที่ไปร่วมมือกับตัวละครดังมากมาย เช่น ซานริโอ ทามาก็อตจิ ริลักคุมะ ฯลฯ อีกเรื่องที่น่าติดตามต่อคือ พื้นที่ขนาดใหญ่บนเกาะยูเมะชิมะ โอซากานี้ จะถูกนำไปพัฒนาต่อ โดยเก็บรักษาโครงสร้างบางส่วนไว้ ส่วนงานจัดแสดงอื่นๆ จะรื้อถอนออกไป คล้ายกับ Aichi Expo เมื่อปี 2005 ที่ปัจจุบันพื้นที่นั้นได้กลายเป็น Ghibli Park ต้อนรับนักท่องเที่ยวให้มาเยือนนาโกยาและจังหวัดใกล้เคียงอยู่เสมอ โดยของโอซากานั้นจะพัฒนาพื้นที่ให้เป็นศูนย์กลางความบันเทิงนานาชาติ โดยมีแผนการสร้างสวนน้ำ สนามแข่งรถ Formula One รีสอร์ตครบวงจรที่มีบ่อนคาสิโน พื้นที่พักอาศัย และเขตประชุมและนิทรรศการ (MICE) […]

BIGNIK 2025 in Basel ปูผ้าปิกนิกยักษ์บนเนินเขาเมืองบาเซิล โปรเจกต์ระยะยาวที่ชวนคนออกมาใช้พื้นที่สาธารณะ

สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เวลาไปปิกนิกในสวนสาธารณะใกล้บ้านคือ ผ้าปูปิกนิกสีสันสดใส ส่วนเสริมที่ทำให้การออกมาใช้ชีวิตในพื้นที่สาธารณะมีชีวิตชีวามากขึ้น เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี  BSLA (สมาคมสถาปนิกภูมิทัศน์สวิตเซอร์แลนด์ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ) จึงหยิบเอาคอนเซปต์การออกไปปิกนิกข้างนอกมาใช้สร้างสรรค์โปรเจกต์ขนาดใหญ่ในเมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ‘BIGNIK 2025 in Basel’ คือชื่อเรียกของโปรเจกต์ผ้าปูปิกนิกใหญ่ยักษ์ที่ปกคลุมไปทั้งเนินเขาเมืองบาเซิล มีจุดเริ่มต้นมาจาก Frank และ Patrik Riklin ศิลปินจากเมืองเซนต์กัลเลน ตั้งแต่ปี 2555 ที่เปิดโอกาสให้ผู้คนหยิบผ้าจากบ้านมาเย็บต่อกันไปเรื่อยๆ แบบ 1 คน 1 ผืนต่อ โดยมีการตั้งเป้าว่าจะดำเนินต่อไปจนถึงปี 2596 ในวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา ได้มีอีเวนต์ใหญ่ของโปรเจกต์นี้ที่นำผ้าที่ได้มีการดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2555 มาวางในพื้นที่สาธารณะจริง โดยมีผู้คนกว่า 200 คนมาร่วมเย็บผ้าสีแดงและสีขาวต่อกัน จนทำให้ผ้าปูปิกนิกผืนนี้เกิดขึ้นจากผ้าชิ้นเล็กๆ ขนาดประมาณ 1.4 x 1.4 เมตร กว่า 3,000 ผืน งานนี้ไม่ใช่เพียงโปรเจกต์ศิลปะทั่วไป แต่เป็นการเปลี่ยนพื้นที่ถนนให้กลายเป็นเส้นทางเดินเท้าขนาดใหญ่ และยังเปิดให้คนมาใช้เวลา […]

‘ท่าต่อไป…ท่าเรืออโศก’ นั่งเรือไม่เลยท่าอีกต่อไป เรือคลองแสนแสบมีเสียงประกาศแล้ว แพลนติดตั้งให้ครบทุกลำในอนาคต

อาจเป็นเรื่องปกติสำหรับการนั่งรถไฟฟ้าหรือรถเมล์ ที่เราจะได้ยินเสียงประกาศก่อนถึงแต่ละสถานี เพื่อเตือนให้ผู้โดยสารเตรียมตัวลงที่สถานีหรือป้ายที่ต้องการ แต่สำหรับผู้โดยสารเรือคลองแสนแสบอาจต้องใช้ความจำ พึ่ง Google Maps หรืออาศัยเสียงของกระเป๋าเรือคอยบอกท่าเรือที่กำลังจะถึง แต่ถ้าใครมีโอกาสขึ้นเรือคลองแสนแสบในช่วงนี้ สิ่งหนึ่งที่แปลกไปคือ เราอาจจะได้ยินเสียงประกาศท่าเรือในเรือโดยสารบางลำบ้างแล้ว จากการสอบถามไปยัง ‘ครอบครัวขนส่ง’ บริษัทผู้ให้บริการเรือโดยสารคลองแสนแสบ เจ้าหน้าที่แจ้งว่า เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการทดลองนำลำโพงเสียงประกาศมาติดไว้ที่เรือบางลำ เพื่อเป็นตัวช่วยประกาศบอกท่าเรือถัดไปให้แก่ผู้โดยสาร โดยจะมีการขยายผลติดตั้งให้ครบทุกลำในอนาคต นับเป็นก้าวที่ดีของขนส่งสาธารณะทางน้ำที่พร้อมอำนวยความสะดวกให้ผู้คนมากขึ้น

ร้อนจัดและร้อนนานขึ้นจนส่งผลต่อการใช้ชีวิต เมืองใหญ่ทั่วโลกเผชิญกับความร้อนที่เพิ่มขึ้นทุกปี จำนวนวันที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 35 องศาฯ กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงระยะเวลา 30 ปี

นักวิจัยได้รวบรวมข้อมูลเมืองใหญ่ๆ ในโลก และประเมินโดย ‘สถาบันสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาระหว่างประเทศ (IIED)’ พบว่า ในระยะเวลากว่า 30 ปีนั้น วันที่อุณหภูมิสูงกว่า 35 องศาเซลเซียส ใน 43 เมืองหลวงเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ย 1,062 วัน ตั้งแต่ปี 2537 – 2546 เป็น 1,335 วัน ตั้งแต่ปี 2558 – 2567 โดยทางสถาบันฯ ได้ยกตัวอย่างเมืองหลวงอย่างโรมและปักกิ่ง ที่มีวันที่อุณหภูมิเฉลี่ยกว่า 35 องศาเซลเซียสเพิ่มขึ้นจากเดิมกว่าสองเท่า หรือลอนดอนที่ปกติมีอากาศที่ค่อนข้างเย็น แต่กลับมีวันที่อุณหภูมิสูงกว่า 30 องศาเซลเซียสเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าเลยทีเดียว บางเมืองต้องเผชิญหน้ากับความร้อนติดต่อกันอย่างน่ากังวล ยกตัวอย่างในเดือนตุลาคม ปี 2566 จาการ์ตามีวันที่อุณหภูมิสูงกว่า 35 องศาเซลเซียสยาวนานถึง 30 วัน ซึ่งเป็นจำนวนวันที่มากกว่าในช่วงระยะเวลา 10 ปี (ปี 2537 – 2546) เสียอีก ความร้อนเหล่านี้ไม่เพียงก่อความรำคาญ […]

Taisugar Circular Village หมู่บ้านที่สร้างขึ้นตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ปลูกผัก อยู่อาศัย และจัดการขยะได้ดีในที่เดียว

ประเด็นเรื่องความยั่งยืนเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับเมืองเสมอๆ ไม่ว่าจะเรื่องขยะ การใช้ชีวิตพร้อมใส่ใจสิ่งแวดล้อม หรือการอยู่อาศัยโดยมีธรรมชาติล้อมรอบ ซึ่งที่เมืองไถหนานของไต้หวันก็มีโครงการหมู่บ้านหมุนเวียนแห่งหนึ่งที่รวบรวมไว้ทั้งพื้นที่อยู่อาศัย การทำฟาร์ม การจัดการขยะ และร้านค้าอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่นี่คือ ‘Taisugar Village’ โครงการที่มีบ้านเช่าทั้งหมด 351 หลัง รายล้อมด้วยฟาร์ม บ่อน้ำ และพื้นที่จัดการขยะ ครอบคลุมความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ทั้งหมด โครงการนี้เป็นโครงการที่อยู่อาศัยแรกในไต้หวันที่ออกแบบตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือแนวคิดเชิงระบบในการออกแบบกระบวนการ ที่มุ่งเน้นการจัดการทรัพยากรให้เกิดการหมุนเวียนและลดของเสียอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมด้วยแนวคิดสำคัญที่อยากเปลี่ยนผู้อยู่อาศัยให้เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศท้องถิ่นที่ใช้ร่วมกัน เชื่อมต่อผู้คนและธรรมชาติ เชื่อมต่อการบริโภคกับการผลิต ที่นี่จึงมีบล็อกหมุนเวียนสามบล็อกเป็นพื้นที่อยู่อาศัย และมี C-House เป็นห้องนั่งเล่นของหมู่บ้าน E-House เป็นห้องครัว และ C-Farm เป็นสวนที่ใช้เพาะปลูกอาหาร ส่วนข้างๆ ทางเข้าโครงการมีอาคารขนาดเล็กที่มีร้านค้า สิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงร้านซักรีด ยิม ห้องสมุด ร้านกาแฟ บนหลังคาหน้าจั่วของอาคารมีแผงโซลาร์เซลล์ใช้ผลิตไฟฟ้า นอกจากนี้ยังใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ไม้ Cross-Laminated Timber (CLT) และบล็อกฉนวนกระจก LED รีไซเคิลสำหรับส่วนหน้าอาคารและผนังกั้นภายใน ส่วนบริเวณที่ต้องใช้ไม้ก็เลือกใช้เป็นไม้เนื้อแข็งจากอาคารหรือทางรถไฟเก่า ด้านโครงสร้างหลักเลือกใช้เหล็กแทนคอนกรีตเสริมเหล็ก เพื่อให้ถอดแยกชิ้นส่วนได้ง่ายขึ้นหลังจากใช้งาน โดยวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างจะมี ID […]

เลิศเลยล่ะ! เตรียมบอกลารถเมล์ร้อน เปลี่ยนเป็นรถระบบ EV ราคา 8 บาทตลอดสาย ช่วยลดมลพิษและลดค่าครองชีพผู้โดยสาร

สิ่งที่หลายคนรอคอยมานานกำลังจะเกิดขึ้นจริง เมื่อทาง ขสมก.เตรียมเดินหน้าโครงการ ‘รถโดยสารพลังงานไฟฟ้า (EV) เพื่อยกระดับคุณภาพการบริการ ลดมลพิษ และสร้างมาตรฐานใหม่’ ผ่านการปรับเปลี่ยนรถเมล์ร้อน 1,520 คัน ให้เป็นรถ EV โดยการปรับเปลี่ยนนี้คาดว่าจะช่วยลดค่าเชื้อเพลิงได้ 70 เปอร์เซ็นต์ และประหยัดต้นทุนรวมกว่า 1,442 ล้านบาท/ปี เลยทีเดียว โดยในระหว่างนี้ที่ยังอยู่ในขั้นตอนการเปลี่ยนผ่านก็จะยังใช้รถเมล์ร้อนไปจนกว่ารถ EV เข้ามาจนครบ เพื่อรองรับผู้โดยสารเฉลี่ย 5 – 6 แสนคนต่อวัน ซึ่งคาดว่าจะได้รับรถเฟสแรกในเดือนกันยายน 2569 ส่วนค่าโดยสารจะมีมาตรการจากรัฐบาลลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง โดยกำหนดราคาเดิมที่ 8 บาท เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชนด้วย ปัจจุบันทาง ขสมก.ได้นำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วยพัฒนาและเสริมคุณภาพการใช้บริการรถสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นระบบติดตามรถ (GPS) เชื่อมต่อแอปพลิเคชัน BMTA BUS ให้ง่ายต่อการตรวจสอบเวลารถแบบเรียลไทม์ หรือระบบชำระค่าโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัย และพร้อมที่จะพัฒนาต่อไปเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาว Sources : Facebook : BMTA องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | www.facebook.com/share/p/1CYB77p4pf/ Thairath | […]

เตรียมตัวไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่! MEA SPARK พิพิธภัณฑ์การไฟฟ้าไทย จองรอบเข้าชมกันได้ตั้งแต่วันนี้ เข้าชมจริงวันที่ 1 ตุลาคม 68 เป็นต้นไป

เราเชื่อว่าต้องมีคนเคยสงสัยถึงประวัติศาสตร์ไฟฟ้าไทยว่า มีความเป็นมาอย่างไร ไทยมีไฟฟ้าใช้ได้ยังไงกันนะ เร็วๆ นี้เตรียมไปหาคำตอบที่ ‘MEA SPARK พิพิธภัณฑ์การไฟฟ้าไทย’ กันได้เลย MEA SPARK พิพิธภัณฑ์การไฟฟ้าไทย คือแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์การไฟฟ้าไทยที่สร้างขึ้นโดย ‘การไฟฟ้านครหลวง (MEA)’ บนพื้นที่ ‘อาคาร 1’ ที่มีอายุกว่า 100 ปี ในเขตวัดเลียบ ของการไฟฟ้านครหลวง ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานสมัยใหม่แห่งแรกๆ เมื่อครั้งก่อตั้งสยามประเทศ ซึ่งก่อสร้างโดยบริษัท ไฟฟ้าสยาม จำกัด  พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะพาทุกคนไปพบเรื่องราวการเดินทางของ ‘แสงแรกแห่งสยามสู่แสงสว่างแห่งความยั่งยืน’ จากวันแรกที่คนไทยมีไฟฟ้าใช้ สู่ปัจจุบันที่ทุกวันนี้ไฟฟ้าเป็นส่วนหนึ่งของทุกชีวิต เพื่อก้าวไปยังอนาคตที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมไฟฟ้าอัจฉริยะ และความก้าวหน้าไม่สิ้นสุด จุดหมายของที่นี่คือ การเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องพลังงานไฟฟ้าเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานครในรูปแบบใหม่ ผ่านห้องนิทรรศการที่มีรูปแบบการนำเสนอด้วยเทคโนโลยีทันสมัย สนุกสนาน และน่าตื่นตาตื่นใจ บอกเล่าประวัติศาสตร์กิจการไฟฟ้าไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันบนเส้นทางภารกิจของ MEA จากการริเริ่มการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าในอดีต สมัยรัชกาลที่ 5 จนถึงยุคที่ไฟฟ้ามีบทบาทขับเคลื่อนความเจริญ เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ สู่การสร้างสรรค์นวัตกรรม ระบบพลังงานอัจฉริยะ และงานบริการ เพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร ใครที่อยากเป็นคนไทยกลุ่มแรกที่เข้าไปสัมผัสภายในตัวพิพิธภัณฑ์ฯ ทาง MEA เปิดให้จองรอบเข้าชมแล้วที่ […]

‘พิพิธภัณฑ์แร่-หิน’ ย่านราชเทวีโฉมใหม่ ที่จะเปิดโลกความรู้ด้านธรณีวิทยาให้ไปสำรวจ เปิดให้เข้าไปเยี่ยมชมอีกครั้งในปี 2569

หลังจากที่ออกไปสำรวจมิวเซียมมาทั่วกรุงเทพฯ ก็ทำให้เราพบว่ายังมีพิพิธภัณฑ์อีกหลายแห่งที่น่าไปเยือน หนึ่งในนั้นคือ ‘พิพิธภัณฑ์แร่-หิน’ บนถนนพระราม 6 ที่กำลังรีโนเวตโครงสร้างและนิทรรศการให้ร่วมสมัยและดีขึ้น ในระหว่างนี้ Urban Creature จึงอยากชวนทุกคนไปรู้จักที่นี่ก่อน พิพิธภัณฑ์แร่-หิน เป็นพิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยาแห่งแรกของประเทศไทยที่มีมานานกว่า 100 ปี โดยปัจจุบันอยู่ในความดูแลของกรมทรัพยากรธรณีที่ปรับปรุงและอัปเดตเนื้อหาความรู้ให้ทันสมัยอยู่เสมอ รวมถึงรวบรวมตัวอย่างแร่และหินจำนวนมากที่สั่งซื้อจากต่างประเทศมาจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์ฯ เพื่อให้คนไทยมีโอกาสศึกษาแร่และหินชนิดต่างๆ ในอดีต ภายในพิพิธภัณฑ์ฯ ประกอบไปด้วยนิทรรศการถาวรทั้งหมด 8 โซน ได้แก่ ความเป็นมาของพิพิธภัณฑ์ ธรณีประวัติ ทรัพยากรแร่ หินและน้ำบาดาล เชื้อเพลิงธรรมชาติ วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ทรัพยากรธรณีต่างประเทศ และธรณีวิทยาประเทศไทยและธรณีพิบัติภัย ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้เรารู้จักและเรียนรู้เรื่องราวระดับพื้นดินของธรรมชาติได้อย่างครบถ้วน ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์แร่-หินยังอยู่ในช่วงปรับปรุง คาดว่าจะเสร็จพร้อมให้บริการในช่วงปี 2569 ที่จะถึงนี้ ติดตามความคืบหน้าในการรีโนเวตและรอไปเรียนรู้เรื่องราวสนุกๆ กับพิพิธภัณฑ์ฯ โฉมใหม่ได้ทาง Facebook : พิพิธภัณฑ์ แร่-หิน

Food Waste Crayons โดย LUKYANG Studio เปลี่ยนขยะเศษพริกป่น กระเจี๊ยบ ใบเตย ให้กลายเป็นสีเทียนรูปทรงน่ารัก ใช้งานได้จริง

จากการประกาศรางวัล DEmark หรือ Design Excellence Award 2025 สิ่งหนึ่งที่เราสะดุดตามากคือ Food Waste Crayons หรือสีที่ทำมาจากขยะอาหาร ของ LUKYANG Studio เพราะอย่างที่เรารู้กันดีว่า เมืองของเรากำลังประสบปัญหาขยะอาหารล้นเมือง โดยจากผลสำรวจของ Food Waste Index คนไทยสร้างขยะอาหารเฉลี่ยคนละ 86 กิโลกรัมต่อปี LUKYANG Studio Co., Ltd. สตูดิโอออกแบบผลิตภัณฑ์รักษ์โลก (Eco Product Design Studio) จึงคิดไอเดียการทำสีเทียนจากเศษอาหาร หรือ Food Waste Crayons ที่เปลี่ยนขยะให้กลายเป็นโปรดักต์ดีๆ ใช้งานได้จริง เริ่มต้นจากการทดลองทำสีจากของในบ้าน เช่น กาแฟ ดอกไม้แห้งต่างๆ ก่อนนำมาผลิตเป็นสีเทียนจากเศษอาหารและสมุนไพรไทย พอได้กรรมวิธีการผลิตที่พอใจแล้วก็นำวัตถุดิบต่างๆ มาผ่านกระบวนการแปรรูปผสมกับขี้ผึ้งแล้วขึ้นเป็นสีเทียนแท่ง โดยมีสีสันต่างกันไปตามวัตถุดิบที่น่าสนใจในช่วงเวลานั้นๆ ยกตัวอย่าง พริกป่น ให้โทนสีแดงและส้ม ใบเตย ให้โทนสีเขียว ฟักทอง ให้โทนสีเหลือง […]

Bosco Verticale และย่าน Isola ป่าแนวตั้งและพื้นที่สาธารณะของเมือง ที่ตั้งใจออกแบบให้คนออกมาใช้เวลานอกบ้านมากขึ้น

ช่วงนี้งานออกแบบตึกหรือโครงการใหม่ๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศมักมีพื้นที่สีเขียว หรือต้นไม้ประดับไว้ เพื่อเติมธรรมชาติให้กับเมืองอยู่เสมอ ย่านอีโซลา (Isola) ในมิลาน ประเทศอิตาลีก็เช่นกัน ด้วยการผสมผสานระหว่างความเป็นเมืองและพื้นที่สีเขียวร่วมสมัย ด้วยป่าแนวตั้งหรือ ‘Bosco Verticale’ ตึกสูงที่มีต้นไม้และพุ่มไม้เติบโตบนระเบียง โดยไม่ใช่เพียงเถาวัลย์หรือกิ่งไม้เกาะไว้เพื่อความสวยงามเฉยๆ แต่เป็นต้นไม้กว่า 800 ต้น พืช 15,000 ต้น และพุ่มไม้อีก 5,000 ต้น ที่สีและการเจริญเติบโตจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล อาคารนี้อยู่ใกล้กับหอคอยและแบรนด์ดังมากมายในย่านปอร์ตา นูโอวา (Porta Nuova) และสวนสาธารณะ BAM (Library of Trees) หรือห้องสมุดต้นไม้ที่ช่วยเชื่อมย่านวัฒนธรรม การค้า และพื้นที่สาธารณะสีเขียวเข้าไว้ด้วยกัน ย่านอีโซลามักเป็นที่นิยมของหนุ่มสาวและคู่รักที่มาใช้เวลาดื่มกาแฟ ค็อกเทล หรือลิ้มรสพิซซาแบบดั้งเดิม ทำให้บรรยากาศของย่านนี้คึกคักตั้งแต่เช้าจรดค่ำ แต่นอกจากจะเป็นสถานที่ฮิตของวัยรุ่นแล้ว ที่นี่ยังเป็นย่านวัฒนธรรม มีร้านหนังสือ โรงละคร รวมถึงเป็นพื้นที่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพราะมีสมาคมสิ่งแวดล้อม สวนชุมชนอย่าง Isola Pepe Verde และสถานที่ซ่อมจักรยานที่คนในเมืองเรียนรู้การซ่อมได้ด้วยตัวเอง อีกหนึ่งความพิเศษของย่านนี้คือ ถนน Via Borsieri […]

ส่งหนังสือที่อ่านจบแล้วกลับขึ้นชั้นวางอีกครั้ง ‘Reshelf’ เว็บไซต์ซื้อขายหนังสือมือสอง ทำหน้าที่เป็นตัวกลางแบ่งปันเล่มโปรดให้เหล่านักอ่าน

มีหนังสือมือสองอยากส่งต่อ แต่ไม่รู้จะขายที่ไหน ลองเอาไปขายที่เว็บไซต์ ‘Reshelf’ ดูสิ Reshelf คือแพลตฟอร์มตัวกลางซื้อขายหนังสือมือสองน้องใหม่ แม้จะเพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน แต่ได้รับผลตอบรับจากเหล่านักอ่านเป็นอย่างดี ด้วยฝีมือของ ‘จีน่า-จิระชญา เศวตวาณิชกุล’ และทีม จีน่าเล่าว่า จุดเริ่มต้นของการทำเว็บไซต์ Reshelf มาจากการที่เธอพบว่าการขายหนังสือในกองดองเพื่อซื้อหนังสือใหม่เป็นเรื่องยาก และการซื้อหนังสือมือหนึ่งโดยเฉพาะหนังสือภาษาอังกฤษมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง แต่ครั้นจะให้ซื้อหนังสือมือสองผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ ก็ไม่มั่นใจว่าจะถูกหลอกไหม สุดท้ายจีน่าเลยออกแบบเว็บไซต์ตัวกลางในการซื้อขายหนังสือด้วยตัวเอง ผ่านการหยิบเอาเพนพอยต์ที่ตัวเองเจอ ผสมรวมกับความคิดเห็นและฟีเจอร์อื่นๆ ที่เหล่าหนอนหนังสือที่รู้จักกันอยากให้มีภายในเว็บไซต์  เกิดเป็นเว็บไซต์หน้าตาสะอาดสะอ้านที่ให้เราสวมบทเป็นนักอ่านขุดคุ้ยกองดองของผู้อื่น พร้อมทั้งโละกองดองของตัวเองไปพร้อมๆ กัน แถมในหน้าเว็บยังกรองฟิลเตอร์ตามประเภทหนังสือและภาษาที่ต้องการ จากนั้นก็ซื้อขายระหว่างกันได้แล้ว ในช่วงแรกนี้ ตัวเว็บไซต์เปิดให้คนเข้ามาซื้อขายหนังสือกันได้ฟรีๆ แบบไม่เสียค่าธรรมเนียม แต่หลังจากนี้ถ้ามีอะไรอัปเดตเกี่ยวกับเว็บไซต์ เธอจะมาสอบถามความเห็นของเหล่าหนอนหนังสือก่อนแน่นอน “เพราะ Reshelf เกิดขึ้นได้เพราะคอมมูนิตี้ ทุกอย่างที่ดีไซน์เกิดจากสิ่งที่ทุกคนอยากเห็น” จีน่าบอกกับเรา นอกจากนี้ เธอมองว่าในอนาคต Reshelf อาจจะไม่ใช่แค่ชั้นวางสำหรับซื้อขายหนังสือมือสองเท่านั้น เพราะยังมีอีกหลายฟีเจอร์ที่เธอและทีมอยากทำ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มฟีเจอร์ให้คนที่สนใจในหนังสือประเภทเดียวกันได้มาจอยน์คอมมูนิตี้กัน หรือแม้กระทั่ง Book Blind Date แบบออนไลน์เองก็ตาม ใครมีหนังสืออยากปล่อยหรือมองหาหนังสือมือสองเล่มไหนอยู่ ลองเข้าไปดู และหยิบน้องออกจากชั้นวางกลับบ้านได้ที่ www.reshelf.xyz 

เดินไปดูทางเท้าใหม่ ซอยเย็นอากาศ ต่อยอดจากทางเท้ารัชดาฯ 19 เดินได้ วิ่งดี สะดวก และปลอดภัย

ก่อนหน้านี้หลายคนอาจเคยเห็นโครงการทางเท้าเส้นเลือดฝอยที่ปรับซอยวิภาวดี 16 หรือตรงรัชดาฯ 19 ให้มีสัดส่วนของทางเท้าที่ชัดเจน ทาสีกำหนดขอบเขตทั้งทางม้าลายและทางเดินให้เห็นเด่น และไม่มีร่องระบายน้ำแบบรางวีขัดขวางการเดินเท้า ตอนนี้ทางโครงการได้ขยายมายังทางเท้าใหม่บริเวณซอยเย็นอากาศ 1 ย่านสาทรแล้ว เพราะปกติพื้นที่ตรงนี้ไม่มีทางเท้าชัดเจน แต่มีผู้อยู่อาศัยเดินไปเดินมาเยอะ โดยเฉพาะผู้สูงอายุและเด็กๆ ซึ่งนอกจากทำให้การเดินสัญจรในซอยเป็นไปได้ง่ายและปลอดภัยมากขึ้นแล้ว การแบ่งสัดส่วนด้วยเส้นสีแบบนี้ยังทำให้ภาพที่ออกมาดูเป็นระเบียบเรียบร้อย น่าใช้งานขึ้นด้วย กทม.มีเป้าหมายที่จะปรับปรุงทางเดินในย่านอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อให้ประชาชนสามารถทั้งเดินและวิ่งออกกำลังกายในซอยและเส้นทางต่างๆ ได้สะดวกขึ้น ขณะเดียวกันก็คงดีไม่น้อยเลยถ้าเราจะใช้เส้นทางเหล่านี้เดินเที่ยวและสำรวจเมืองได้ด้วย

1 2 3 147

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.