WHAT’S UP
ชวนปิดทองฝังลูก ‘เฟมนิมิตร (Femnimitr)’ เว็บไซต์รวมความรู้เรื่องเพศที่จะบอกเล่าว่าเรื่องเพศมีแง่มุมกว่าที่เห็น
ในโลกปัจจุบัน เรื่อง ‘เพศ’ นับว่าเป็นหนึ่งในประเด็นที่คนหยิบมาพูดถึงมากที่สุด อย่างประเทศไทยเองนอกจากมูฟเมนต์ในมิติการเมืองที่เห็นได้จากแคมเปญ การรณรงค์ และม็อบแล้ว คนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยก็มักถกเถียงแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องเพศกันอย่างแพร่หลาย ทว่าขณะเดียวกันการถกเถียงเหล่านี้หลายครั้งก็เป็นการนำเรื่องเก่ามารีรันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ข้อมูลใดที่เคยอธิบายไปแล้วต้องมีคนออกมาอธิบายอีก เพราะขาดแหล่งเก็บและรวบรวมข้อมูลเรื่องเพศอย่างเป็นระบบในที่เดียว เพราะเหตุนี้จึงมีกลุ่มคนที่ขับเคลื่อนเรื่องเพศทำเว็บไซต์ที่มีชื่อว่า ‘เฟมนิมิตร คอลเลคทีฟ’ (theread.co/femnimitr) ขึ้น จุดประสงค์คือต้องการปิดช่องว่างของข้อมูลและความรู้เรื่องเพศ ด้วยการรวบรวมข้อมูลสถิติทางเพศที่กระจัดกระจาย จัดการข้อมูล และทำให้สามารถเข้าถึงได้อย่างเป็นระบบ มากไปกว่าชื่อเว็บไซต์ที่เล่นกับคำว่า ‘เฟมินิสต์-เฟมนิมิตร’ ที่ชวนให้อมยิ้มเพราะคนชอบเรียกสลับกันอยู่บ่อยๆ ความครีเอทีฟยังปรากฏให้เราเห็นในกราฟิกและลูกเล่นต่างๆ ตั้งแต่หน้าเว็บไซต์ที่ประกอบด้วยส่วน Gender Knowledge Hub, Invisible Violence และ Soon ที่คอนเทนต์จะตามมาในอนาคต หลังจากไปทัวร์จักรวาลว่าด้วยเรื่องเพศของเฟมนิมิตรมา เราพบว่า Gender Knowledge Hub เป็นส่วนที่ดีและตอบโจทย์คนต้องการศึกษาด้านนี้มากๆ เพราะมีข้อมูลและความรู้เรื่องเพศทั้งแบบพื้นฐานอย่างหัวข้อเพศหลากหลาย คำศัพท์เบื้องต้นเกี่ยวกับความเท่าเทียมทางเพศ ไปจนถึงหัวข้อเพศกับมิติทางสังคมต่างๆ ไม่ว่าจะสิทธิในที่อยู่อาศัย สุขภาพและสิทธิร่างกาย อำนาจทางการเมือง ทุนนิยม เชื้อชาติ เป็นต้น ทั้งนี้ยังมีกลุ่มข้อมูลอย่างรายชื่อหนังสือเกี่ยวกับเพศ เหล่าสื่อไทยที่สื่อสารเรื่องเฟมินิสต์ เพื่อเป็นการแนะนำแหล่งความรู้ต่อยอดสำหรับผู้ที่สนใจด้วย ส่วนเซกชัน Invisible Violence ก็ดีไม่แพ้กัน […]
มิลานสร้างทางจักรยาน 750 กม. ครอบคลุมการเดินทางทั่วเมือง ช่วยสุขภาพ ลดค่าใช้จ่ายระยะยาว
มิลานวางแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่กับโปรเจกต์ Cambio เครือข่ายทางจักรยานระยะทาง 750 กิโลเมตร ที่วางแผนว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2035 ที่จะยกระดับให้การใช้จักรยานเป็นรูปแบบการคมนาคมท้องถิ่นที่สะดวกที่สุด ครอบคลุมการใช้งานของประชากร 86 เปอร์เซ็นต์ของเมือง และเชื่อมต่อบริการต่างๆ ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน ในระยะ 1 กิโลเมตรนับจากทางจักรยานมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ เมืองเอกแห่งอิตาลีคาดว่าเมื่อเครือข่ายทางหลวงสำหรับจักรยานทั้ง 24 สายจะเปิดให้บริการ การคมนาคมในเมือง 20 เปอร์เซ็นต์จะเป็นการใช้จักรยาน ซึ่งแนวคิดนี้เป็นส่วนหนึ่งในเป้าหมายใหญ่ของมิลานที่ต้องการเข้าถึงการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 สอดคล้องกับเป้าหมายที่กำหนดไว้ในความตกลงปารีส “การปั่นจักรยานจะเป็นแรงผลักดันสำคัญในการพัฒนาเมือง เป็นส่วนผสมของการปกป้องสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และการพัฒนาเศรษฐกิจ” สภาเมืองมิลานยังหวังว่านอกจากการลดก๊าซเรือนกระจก การสร้างทางปั่นจักรยานสีเขียวที่แยกออกมาอย่างชัดเจน จะทำให้การเดินทางปลอดภัยมากขึ้นสำหรับจักรยานทุกประเภท และการเดินทางประเภทนี้ยังส่งผลดีต่อสุขภาพประชากรด้วย เครือข่าย Cambio มีลักษณะเป็นวงกลม 4 ชั้นที่ค่อยๆ ขยายตัวออกจากศูนย์กลางของเมือง และตัดด้วยเส้นรัศมีอีก 16 เส้นในลักษณะที่คล้ายกับใยแมงมุม เพื่อให้การเข้าถึงทุกส่วนของเมืองทำได้ง่ายขึ้น นอกจากนั้นสภาเมืองยังวางแผนจัดทำจุดจอดจักรยานโดยเฉพาะ มีป้ายระบุแบบชัดเจนทั้งแบบแอนะล็อกและดิจิทัลที่อาศัยการชาร์จไฟในตอนกลางวันและส่องสว่างเวลากลางคืนเพื่อประหยัดพลังงานด้วย โครงการดังกล่าวมีมูลค่า 250 ล้านยูโร แต่สภาเมืองมิลานได้คาดการณ์ออกมาแล้วว่า Cambio จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในอนาคตได้มากถึง 1,000 […]
สารคดีเทรานอส ของอลิซาเบธ โฮล์มส์ ดูฟรีที่ Doc Club & Pub
ชื่อของ ‘อลิซาเบธ โฮล์มส์’ กลับมาบนหน้าสื่ออีกครั้งพร้อมกับผลการพิจารณาคดีมหากาพย์เครื่องตรวจเลือดลวงโลก ‘เทรานอส (Theranos)’ สตาร์ทอัปอื้อฉาวแห่งซิลิคอนแวลลีย์ ที่หลอกลวงว่าเครื่องตรวจเลือด ‘Edison’ จะพลิกโฉมวงการแพทย์ด้วยการตรวจหาโรคต่างๆ ได้เพียงการเจาะเลือดที่ปลายนิ้ว เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2022 ที่ผ่านมา โฮล์มส์เพิ่งจะถูกตัดสินว่ามีความผิด 4 กระทงในข้อหาฉ้อโกงนักลงทุน จากทั้งหมด 11 ข้อกล่าวหา ซึ่งเธออาจจะต้องโทษจำคุกสูงสุดถึง 20 ปี ถูกปรับ 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ และยังต้องจ่ายเงินชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นเงินสดอีกด้วย หลายคนคงได้อ่านเรื่องราวมหากาพย์ของเครื่องตรวจเลือดลวงโลกเทรานอสกันมาหลายสื่อแล้ว แต่เราอยากชวนไปดูมหากาพย์เรื่องนี้อีกครั้ง ที่ได้อรรถรสทั้งภาพและเสียงผ่านภาพยนตร์เรื่อง ‘The Inventor: Out For Blood In Silicon Valley’ สารคดีเชิงสืบสวนเกี่ยวกับการผงาดและล่มสลายของ “เทรานอส” บริษัทด้านการแพทย์ที่เคยมีมูลค่าเหยียบหมื่นล้าน ก่อนจะร่วงหล่นหมดสภาพภายในเวลาไม่กี่ปี ผลงานของ อเล็กซ์ กิบนีย์ ผู้กำกับภาพยนตร์ผู้ชนะรางวัลออสการ์ (Enron: The Smartest Guys in the Room […]
ลงชื่อ ‘พ.ร.บ.สิทธิมนุษยชนของผู้เรียน’ ให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัย
ถูกตีจนไม้หัก ตัด-กล้อนผมจนเสียความมั่นใจ ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ไม่เปิดกว้างในการหาความรู้ ระเบียบจัดแต่ห้ามตั้งคำถาม ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นประสบการณ์ตรงของใครหลายคนที่ผ่านระบบการศึกษาของประเทศไทยมาไม่มากก็น้อย หรืออย่างน้อยๆ ก็ต้องเคยเห็นจากหน้าข่าวสารกันอยู่เรื่อยๆ โดยไม่มีการแก้ไข ไม่ว่าจะเรียนจบไปกี่ปีก็ยังชวนให้เกิดความสงสัยว่าทำไมสถานศึกษาไทยซึ่งควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยและเปิดกว้างกลับเป็นสถานที่ที่ละเมิดสิทธิของนักเรียนอยู่เสมอ จะเป็นอย่างไรถ้าอย่างน้อยๆ มีกฎหมายเพื่อรับประกันสิทธิ-เสรีภาพ และสวัสดิการขั้นพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับผู้เรียนจริงๆ – และนี่คือจุดประสงค์ของร่าง ‘พระราชบัญญัติว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของผู้เรียน’ ที่เสนอโดยกลุ่ม ‘นักเรียนเลว’ ในวันเด็ก 9 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา ร่าง พ.ร.บ.นี้ประกอบด้วย 3 หมวดหลักได้แก่ สิทธิมนุษยชนของผู้เรียน สภาพแวดล้อมและสวัสดิภาพ และการมีส่วนร่วมของผู้เรียน ทั้งหมดตั้งเป้าหมายเพื่อให้ผู้เรียนมีสิทธิ-เสรีภาพทางความคิดและการแสดงออก รวมถึงด้านสุขภาพจิตที่ข้อเสนอร่างกฎหมายระบุให้มีนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์คอยให้คำปรึกษาเพียงพอต่อผู้เรียน รวมทั้งตัวกฎหมายตั้งใจเพิ่มส่วนร่วมในการตัดสินใจเวลาออกกฎระเบียบต่างๆ ของโรงเรียนได้ ประเด็นเหล่านี้อาจจะไม่ใช่แค่ปัญหาของนักเรียน-ผู้เรียนในระบบการศึกษาไทยเท่านั้น แต่ปัญหานี้เรื้อรังมานานและต้องการแรงสนับสนุนจาก ‘ผู้ใหญ่’ ที่ไม่มากก็น้อยผ่านการศึกษาในระบบของไทยกันมาทั้งนั้น ร่วมกันลงชื่อสนับสนุนและอ่านร่างกฎหมายฉบับเต็มประกอบการตัดสินใจได้ที่นี่ : https://www.badstudent.co/
หมารู้ภาษา นักวิจัยฮังการียืนยันว่าสุนัขแยกแยะได้เมื่อเราพูดภาษาอื่น
ใครๆ ก็เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า ‘หมาเป็นสัตว์ที่รู้ภาษา’ ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องเกินจริงอีกต่อไปแล้ว เพราะในปัจจุบันนี้นักวิทยาศาสตร์ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าบรรดาสุนัขมีความสามารถด้านการแยกแยะความแตกต่างระหว่างภาษาต่างๆ ได้จริงๆ ประเด็นนี้อ้างอิงมาจากรายงานของ Vice News ที่เผยว่า นี่เป็นครั้งแรกที่นักวิจัยพิสูจน์ว่าสุนัขรับรู้ความแตกต่างทางภาษาของมนุษย์ได้ ซึ่งมีการตีพิมพ์รายละเอียดของการศึกษาทางวารสาร NeuroImage เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และพบว่า “สมองของสุนัขตรวจจับ และแยกแยะความแตกต่างระหว่างรูปแบบการพูดที่มันคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยได้ ที่สำคัญยังแยกความแตกต่างระหว่างแต่ละภาษาได้อีกด้วย” ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Eötvös Loránd ในเมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ได้ทดสอบการประมวลผลทางภาษาผ่านสุนัขจำนวน 18 ตัว สุนัขกลุ่มนี้ได้รับการฝึกฝนให้นอนนิ่งๆ เพื่อถ่ายภาพด้วยคลื่นสนามแม่เหล็ก (fMRI) ลูกสุนัขเหล่านี้ถูกทดสอบด้วยเสียงข้อความที่ตัดตอนมาจากวรรณกรรมเยาวชนเรื่อง The Little Prince ในเวอร์ชันภาษาสเปนและฮังการี ซึ่งเป็นภาษาที่บรรดาสุนัขทั้งหมดเคยได้ยินมาจากเจ้าของคนเดียวกัน ทั้งนี้นักวิจัยยังเล่นเสียงแต่ละแทร็กย้อนหลัง เพื่อทดสอบความสามารถของสุนัขต่อการจดจำเสียงพูดที่เป็นธรรมชาติ และเสียงที่มีสัญญาณรบกวน นอกจากนี้ นักวิจัยยังศึกษารูปแบบสมองของสุนัขขณะกำลังฟังเพลง พวกเขาสังเกตเห็นว่าบริเวณต่างๆ ในสมองของเหล่าสุนัขสว่างขึ้นเมื่อมีการเล่นเสียงสัญญาณรบกวน และเสียงพูดปกติ และพบรูปแบบสมองที่แตกต่างกันเมื่อมีการเล่นภาษาที่มันคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยด้วย Laura Cuaya ผู้รายงานการศึกษาและนักวิจัยที่ Eötvös Loránd เผยว่าสุนัขเป็นตัวอย่างที่ดีมาก ต่อการนำมันมาทำวิจัยเพื่อหาคำตอบว่าสัตว์สายพันธุ์อื่นๆ สนใจสิ่งที่คนเรากระทำหรือแสดงออกมาหรือไม่ เพราะพวกมันอาศัยและอยู่ร่วมกับมนุษย์มานานเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว เป้าหมายของการวิจัยครั้งนี้ คือการทดสอบทักษะที่เรียกว่าการแยกแยะทางภาษา […]
โลงศพผลิตจากไมซีเลียม ย่อยสลายใน 30-45 วัน
ทุกวันนี้เทรนด์รักษ์โลกไม่ได้อยู่แค่ในชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่เราสามารถเลือกชีวิตหลังความตายให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้เช่นกัน เราจึงได้เห็นการพัฒนาทางเลือกใหม่ๆ ในการฝังศพเกิดขึ้นทุกๆ ปี โดยเฉพาะการฝังศพให้กลายเป็นปุ๋ยที่ไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไปแล้ว และก็ไม่ใช่แค่เทรนด์ที่ผ่านมาแล้วผ่านไป แต่มีหลายองค์กรทั่วโลกที่ออกมาขับเคลื่อนทางเลือกนี้ให้ทำได้จริง สอดคล้องกับความเชื่อทางศาสนา และทำให้ผู้คนเปิดรับกันมากขึ้น Living Cocoon คืออีกหนึ่งทางเลือกในการฝังศพที่ลดทั้งการใช้พื้นที่และเวลา เป็น ‘โลงศพมีชีวิต’ ชิ้นแรกของโลกที่ย่อยสลายตัวเองได้ภายใน 30 – 45 วัน จากการทดลองในเนเธอร์แลนด์ (ระยะเวลาย่อยสลายขึ้นอยู่กับดิน น้ำ และสภาพอากาศในแต่ละพื้นที่) เหตุผลที่เรียกว่า ‘โลงศพมีชีวิต’ เป็นเพราะว่าวัสดุที่ใช้ในการทำโลงทำมาจาก ‘ไมซีเลียม (Mycelium)’ หรือ ‘เส้นใยเห็ดรา’ ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดลูป (Loop) หรือวัฏจักรการย่อยสลาย ตัวโลงจะสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ทำให้ไม่เปลืองพื้นที่ในการฝังกลบ ช่วยย่อยศพให้กลายเป็นปุ๋ยและกลับคืนสู่ธรรมชาติได้เร็วขึ้น และยังมีประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตอื่นรอบๆ หลุมฝังศพอีกด้วย Living Cocoon ผลิตโดย Loop Biotech บริษัทสัญชาติเนเธอร์แลนด์ที่หาทางออกให้กับวิถีชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น คิดค้นและออกแบบโดยบ็อบ เฮนดริกซ์ (Bob Hendrikx) ซึ่งเป็นทั้งผู้ก่อตั้ง นักออกแบบ และสถาปนิก ที่สนใจและเชี่ยวชาญในนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม เฮนดริกซ์ กล่าวว่า […]
Beijing’s Sub-Center Library ห้องสมุดใหม่ในปักกิ่งที่ร่มรื่น เหมือนได้อ่านหนังสือในป่าแปะก๊วย
ในขณะที่ประเทศไทยยังต้องเรียกร้องให้รัฐบาลหันมาสนับสนุนวงการหนังสือ ร้านหนังสือ และห้องสมุดกัน ตัดภาพไปที่ประเทศอื่นๆ ที่นอกจากส่งเสริมนโยบายเกี่ยวกับสิ่งพิมพ์อย่างเข้มแข็งแล้ว ยังสร้างห้องสมุดใหม่ๆ ให้เป็นพื้นที่สาธารณะเพื่อรองรับความต้องการของประชาชนกันมากขึ้น แค่มีห้องสมุดเกิดขึ้นไม่พอ ถ้าติดตามข่าวสารแวดวงนี้บ่อยๆ จะพบว่าเหล่าห้องสมุดเกิดใหม่ในประเทศที่พัฒนาแล้วล้วนได้รับการออกแบบอย่างดี ตอบโจทย์ทั้งความสวยงามและฟังก์ชันการใช้งานของผู้คน ในระดับที่เป็นแลนด์มาร์กของประเทศได้เลย ประเทศจีนเองก็เป็นประเทศหนึ่งในประเทศที่มีห้องสมุดขนาดใหญ่และเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของประเทศ ล่าสุดที่กรุงปักกิ่งเพิ่งจะเปิดตัวแบบของห้องสมุดชุมชนขนาดใหญ่แห่งใหม่ในเขตชานเมือง ในชื่อ Beijing’s Sub-Center Library ซึ่งออกแบบโดย Snøhetta บริษัทสถาปนิกระดับโลกจากนอร์เวย์ ห้องสมุดแห่งนี้ออกแบบเป็นโครงสร้างปิดด้วยกระจกสูง 16 เมตร และยังเป็นอาคารกระจกหลังแรกในประเทศจีนที่รองรับน้ำหนักของตัวเองได้ ภายในอาคารมีเสาคล้ายต้นไม้รองรับหลังคาให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในป่าต้นแปะก๊วย (Ginkgo biloba) ซึ่งเป็นต้นไม้อายุกว่าสามร้อยล้านปีที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน พบได้ทั่วไปทั้งริมถนนและสวนสาธารณะในประเทศจีน สตูดิโอ Snøhetta เล่าว่าพื้นที่ภูมิทัศน์ที่ออกแบบมีลักษณะเป็นขั้นบันได เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมเหมือนต้นไม้ที่เชิญชวนให้ผู้คนนั่งลงและหยุดพักระหว่างเดินผ่าน เป็นการสร้างพื้นที่เพื่อให้ผู้ใช้งานรู้สึกสบายๆ ในการอ่าน และใส่แนวคิดที่ทำให้รู้สึกเหมือนได้นั่งอ่านหนังสือเล่มโปรดใต้ต้นไม้เข้าไป เสาของอาคารแต่ละต้นยังติดตั้งเทคโนโลยีที่ช่วยเรื่องควบคุมอุณหภูมิ แสงสว่าง ประสิทธิภาพด้านเสียง และการกำจัดน้ำฝนของห้องสมุด ส่วนแถวของคอลเลกชันหนังสือ พื้นที่อ่านหนังสือ และอัฒจันทร์ขนาดใหญ่จะสร้างขึ้นด้านในและรอบๆ ช่องทางเดิน ให้ออกมาเป็นพื้นที่คล้ายหุบเขาในห้องสมุด เหมือนได้เดินอยู่ในหุบเขาที่มีต้นแปะก๊วยปกคลุม อีกความเจ๋งของห้องสมุดนี้คือ หลังคาอาคารที่ได้รับการติดตั้งด้วยระบบไฟฟ้าโซลาร์เซลล์แบบบูรณาการ ซึ่งจะให้พลังงานหมุนเวียนแก่ตัวห้องสมุดและช่วยประหยัดการใช้พลังงานภายในอาคารได้ ส่วนหลังคาใบแปะก๊วยที่ยื่นออกไปนอกตัวอาคารยังช่วยลดแสงที่ส่องเข้ามาในอาคารได้อีกด้วย ห้องสมุดใหม่ในกรุงปักกิ่งแห่งนี้ได้เริ่มดำเนินการสร้างแล้วและคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2022 นี้ ชาวนักอ่านและนักเดินทางที่ชื่นชอบห้องสมุดต้องอย่าพลาดเชียว […]
ไม่ต้องตอบ ไม่ต้องสนใจ ไม่เป็นอะไรด้วย ลูกจ้างรัฐเบลเยียม ได้รับสิทธิใหม่ ไม่ต้องตอบข้อความเจ้านายหลังเลิกงาน
Right to Disconnect หรือสิทธิในการตัดขาดการติดต่อสื่อสารนอกเวลางานกำลังเติบโตขึ้นในหลายประเทศ ล่าสุดกฎหมายของเบลเยียมบอกว่าผู้บังคับบัญชาจะไม่สามารถติดต่อพนักงานนอกเวลาทำงานได้ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป ยกเว้นในกรณีพิเศษเท่านั้น โชคดีของชาวเบลเยียมที่กรณีพิเศษดังกล่าวไม่ได้หมายถึงการแจ้งนัดประชุมด่วนรอบเช้า ทักมาแจ้งเปลี่ยนบรีฟกลางอากาศ แต่ระบุไว้ชัดเจนว่าต้องเป็น “สถานการณ์พิเศษที่คาดไม่ถึง และต้องมีการดำเนินการที่ไม่สามารถรอจนถึงเวลาทำงานของวันถัดไปได้เท่านั้น” ดังนั้นการทักมาขอเปลี่ยนสีกลางดึกถือว่าผิดกฎหมายแน่นอน ระเบียบข้อนี้ยังบอกว่าพนักงานไม่ควรเสียเปรียบในกรณีใดๆ หากไม่มีการตอบสนองเมื่อถูกติดต่อนอกเวลางาน “การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะช่วยให้พนักงานมีสมาธิดีขึ้น พักผ่อนได้มากขึ้น มีระดับพลังงานที่ยั่งยืนมากขึ้น” Petra De Sutter รัฐมนตรีว่าการกระทรวงข้าราชการพลเรือนเบลเยียม บอกว่าระเบียบนี้จะช่วยพนักงานรัฐในการต่อสู้กับความเครียดและความเบื่อหน่ายจากการทำงานหนัก แต่ก็ยังไม่ได้ระบุบทลงโทษสำหรับพนักงานที่ฝ่าฝืนกฎข้อใหม่แต่อย่างใด แม้ข้อบังคับดังกล่าวจะมีผลกับข้าราชการเท่านั้น แต่ก็ยังมีความหวังว่าจะสามารถนำมาปรับใช้กับพนักงานเอกชนได้ Thierry Bodson ประธานสหภาพแรงงานเบลเยียมบอกว่าการตัดสินใจครั้งนี้มีความสำคัญมาก และถือเป็นการให้สิทธิโดยแท้จริงต่อข้าราชการกว่า 65,000 คน ในการตัดการเชื่อมต่อหลังเวลางาน ก้าวต่อไปที่เป็นการขยายกฎหมายให้ครอบคลุมถึงพนักงานทุกคนคือเรื่องที่ท้าทายสำหรับเบลเยียม “นี่คือการเดินไปข้างหน้า สหภาพแรงงานของเราต้องการขยายกฎหรือหลักการนี้ไปยังภาคเอกชนซึ่งต้องมีการแก้ไขกฎหมายอีกหลายฉบับ และกระบวนการด้านนิติบัญญัติจะยาวและซับซ้อนกว่านี้มาก” ถือเป็นทิศทางที่ดีและน่าติดตามเมื่อประเทศในยุโรปจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ได้ออกกฎหมาย Right to Disconnect หลังจากมีพนักงานทำงานจากที่บ้านมากขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ล่าสุดโปรตุเกสได้นำกฎหมายนี้มาใช้ในวงกว้างเพื่อหวังจะปรับปรุงคุณภาพชีวิตของการทำงาน ในขณะที่ฝรั่งเศสบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2016
BOOK AND BED TOKYO โฮสเทลฮิตที่ตอบโจทย์ทั้งการนอน การอ่าน และการทำงานนอกบ้าน
BOOK AND BED TOKYO เป็นโฮสเทลที่มีแนวคิดว่า ทุกคนสามารถดื่มด่ำกับหนังสือจำนวนกว่า 4,000 เล่มที่จัดเก็บในห้องหนังสือขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย ได้นอนหลับพักผ่อนบนเตียงสบายๆ เป็นแหล่งพบปะกันของเหล่าหนอนหนังสือ และยังได้จิบเครื่องดื่มจากคาเฟ่ในที่พักระหว่างการอ่านหนังสือหรือทำงานได้อย่างรื่นรมย์ ทำให้โฮสเทลที่เต็มไปด้วยสิ่งพิมพ์มากมายแห่งนี้ เหมาะสำหรับการอ่านหนังสือในช่วงพักจากการทำงาน อย่างในสาขาชินจูกุ ก็มีชั้นหนังสือเรียงกันเป็นแถวๆ และมีเตียงซ้อนกัน ยิ่งไปกว่านั้น ที่พักสำหรับยอดนักอ่านดังกล่าว ยังเหมาะสมกับคนทำงานแบบ Telework ซึ่งทำงานอยู่ที่ไหนบนโลกก็ได้เสียด้วย ที่พักเจ้าไอเดียนี้ มีจำนวนเตียงทั้งหมด 55 เตียง แบ่งพื้นที่อ่านหนังสือด้วยผ้าม่าน ซึ่งมีให้เลือกทั้งในรูปแบบห้องเดี่ยวและห้องคู่ พร้อมวิวแสงสีช่วงตอนกลางคืนของย่าน Kabukicho ในชินจูกุ ทั้งนี้ยังมีห้องอาบน้ำ และห้องสุขาส่วนกลางที่แยกตามเพศไว้ให้บริการด้วย จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ BOOK AND BED TOKYO ถูกมองว่าเป็นร้านหนังสือที่ผู้คนมาพักค้างคืนได้ อย่างที่สาขาชินจูกุ ผู้ใช้บริการจะได้รับประสบการณ์การนอนข้างชั้นวางหนังสือประมาณ 2,500 เล่ม ซึ่งมีประเภทและสไตล์ที่หลากหลาย ตั้งแต่นวนิยาย มังงะ สมุดภาพ และตำราปรัชญา แม้ว่าจะไม่มีการจัดจำหน่ายหนังสือ แต่บรรดาแขกก็สามารถหยิบมันมาอ่านได้เท่าที่ใจต้องการ ซึ่งโฮสเทลนี้ไม่ได้มีแค่เตียงนอนรองรับคนมาทำงานรูปแบบระยะไกลเท่านั้น แต่ยังมีพื้นที่ส่วนกลางที่มีผู้คนจำนวนมากมาใช้สอยด้วย ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งคิดเป็นจำนวนถึง 70 […]
‘ความรักอัดกระป๋อง’ ขายในตู้อัตโนมัติ บริการใหม่จากบริษัทหาคู่ในญี่ปุ่น
ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติเป็นเหมือนอีกสัญลักษณ์หนึ่งของญี่ปุ่นไปแล้ว ไม่ใช่แค่ปริมาณที่มีอยู่ทั่วเมืองเท่านั้น แต่ความล้ำของสินค้ายังพัฒนาและใส่ไอเดียไปต่อได้ไม่มีที่สิ้นสุด มีขายตั้งแต่เครื่องดื่มสารพัดชนิด ไปจนถึงขนมและอาหารหลากหลายยี่ห้อ จนล่าสุดบริษัทหาคู่ในญี่ปุ่นเกิดไอเดียสนุกๆ เอา ‘ความรัก’ มาอัดกระป๋องขายในตู้อัตโนมัติ ให้คนโสดได้แวะเลือกช้อปโปรไฟล์คนที่อยากเดตได้ เพราะอยากให้คนญี่ปุ่นมีความรักและแต่งงานกันมากขึ้น ‘ความรักอัดกระป๋อง’ คือไอเดียของบริษัทจัดหาคู่ Matching Advisor Press (MAP) ที่นำเจ้าตู้สุดแปลกนี้ไปตั้งไว้ที่เมืองคาตายามะในโตเกียว มองภายนอกดูไม่ต่างจากตู้เครื่องดื่มทั่วไปเลยสักนิด เพราะเป็นกระป๋องอะลูมิเนียมเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่ไม่มีเครื่องดื่มข้างใน และคุณจะได้โอกาสในการคุยกับบริษัทจัดหาคู่แทน (ไม่ได้คุยกับคนในกระป๋องโดยตรงอย่างที่คิด) กระป๋องสีชมพูคือโปรไฟล์ของผู้หญิง ส่วนสีครีมคือของผู้ชาย ซึ่งบริการนี้ของ MAP ไม่ได้ทำเอาสนุกเท่านั้น แต่พวกเขาหวังจะช่วยให้คนโสดในญี่ปุ่นได้เจอความสัมพันธ์ที่จริงจัง ไปจนถึงขั้นแต่งงานกันเลย ความรักกระป๋องสนนราคาอยู่ที่ 3,000 เยน (ประมาณ 900 บาท) ถือว่าราคาไม่ได้โหดร้ายเกินไป เมื่อแลกกับโอกาสที่อาจจะเจอรักแท้ แต่ถึงจะเลือกคนที่เราอยากเดตได้ บริการนี้ก็ไม่ได้การันตีว่าซื้อไปแล้วจะได้ออกเดตจริงๆ และคนที่เราได้เดตอาจจะไม่ใช่คนจากกระป๋องที่เราเลือกจริงๆ ก็ได้ ที่กระป๋องจะมีแค่โปรไฟล์สั้นๆ ที่เขียนโดยที่ปรึกษาของ MAP ซึ่งทำหน้าที่เป็นแม่สื่อแปะอยู่ และระบุอายุเอาไว้ให้จินตนาการต่อเท่านั้น ไม่ได้มีรูปหรือข้อมูลส่วนตัวแปะไว้แต่อย่างใด เช่น “ฉันคือที่ปรึกษาของอิชิกาวะ เธออายุ 27 ปี และอยากแต่งงาน ฉันสามารถแนะนำให้คุณได้นะ” […]
‘เก็บกลับ-รีไซเคิล’ ไทยเบฟ ส่งต่อไออุ่นผ่านผ้าห่มจากขวดพลาสติกรีไซเคิลแก่ผู้ประสบภัยหนาว
ในช่วงต้นปีแบบนี้พี่น้องในพื้นที่ห่างไกล โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังคงต้องเผชิญกับภัยหนาวอยู่อย่างต่อเนื่องซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ เพราะหน้าหนาวของพวกเขาคือหนาวจริงๆ เกินกว่าที่ร่างกายจะต้านทาน.บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมด้วยพันธมิตรอีกหลายภาคส่วน ดำเนินโครงการ ‘ไทยเบฟ..รวมใจต้านภัยหนาว’ เพื่อส่งมอบผ้าห่มแก่พี่น้องในพื้นที่ห่างไกล มาเป็นเวลากว่า 21 ปี พร้อมขยายเครือข่ายความร่วมมืออย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างสังคมแห่งการ “ให้” ที่ยั่งยืน.ไทยเบฟในฐานะผู้ผลิตเครื่องดื่มที่ให้ความสำคัญในเก็บกลับบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภคเพื่อนำไปรีไซเคิลจึงได้นำแนวคิดนี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับบรรจุภัณฑ์ และสร้างประโยชน์ส่งต่อให้ชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับที่องค์กรมุ่งเน้นการลดปริมาณการใช้ทรัพยากร การออกแบบและเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด.โดย “โครงการ เก็บกลับ-รีไซเคิล” ภายใต้บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ รีไซเคิล จำกัด จากแนวคิดว่าการดูแลสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องของทุกคน และเริ่มต้นได้ที่ตัวเรา ได้มีการจัดเวิร์กช็อปเกี่ยวกับการคัดแยกขยะ พร้อมตั้งจุดรับขวดพลาสติกบรรจุเครื่องดื่ม พร้อมทั้งออกบูธกิจกรรมตามโรงเรียน ชุมชน หรืองานต่างๆเพื่อรณรงค์กระตุ้นการเรียนรู้การคัดแยกบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภค ตั้งแต่ต้นทางที่มีคุณภาพ กลับคืนสู่กระบวนการรีไซเคิล เพื่อลดปริมาณของเสียในสิ่งแวดล้อมและสร้างประโยชน์แก่สังคม.ซึ่งหนึ่งในประโยชน์ที่ว่าก็คือ การเก็บกลับขวดพลาสติก PET ที่บริโภคแล้ว เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลเป็นวัตถุดิบและผลิตเป็นเส้นใย rPET และถักทอเป็น “ผ้าห่มผืนเขียวรักษ์โลก” เพื่อมอบให้แก่ผู้ประสบภัยหนาว.โดยเส้นใยจากขวด rPET จะช่วยลดพลังงานการผลิตลงได้ 60% ลดปริมาณการปล่อย co2 ได้ 32% […]
แจกฟรีฟอนต์ลายมือ จิตร ภูมิศักดิ์ ต่อยอดจากนิทานวาดหวังเล่ม ‘จ จิตร’ โดยกลุ่มวาดหวัง
ย้อนไปเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ‘วาดหวังหนังสือ’ ได้จัดทำหนังสือภาพสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ในเนื้อหาสิทธิ เสรีภาพ ความฝัน ความหวัง ประชาธิปไตย และความเป็นไปของบ้านเมือง ในรูปแบบเซตนิทานวาดหวัง 8 เรื่อง โดยหนึ่งในนั้นคือ จ จิตร ว่าด้วยชีวิตของจิตร ภูมิศักดิ์ นักคิดนักเขียนที่มีผลงานวิชาการมากมาย ทั้งยังเป็นบุคคลสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://urbancreature.co/8-children-books/) นอกจากได้รับการสนับสนุนในกลุ่มคนรักประชาธิปไตยแล้ว นิทานวาดหวังยังได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากกระทรวงศึกษาธิการและทางการไทย จนทำให้เกิดกระแสเป็นข่าวมากมาย ส่งผลให้ยอดขายพุ่งเกินความคาดหมายของทีมผู้จัดทำ ได้รับการจัดพิมพ์ครั้งที่ 2 เมื่อปลายปีที่ผ่านมา หลังจากหักค่าใช้จ่ายในการจัดทำหนังสือ กลุ่มวาดหวังได้นำเงินไปส่งมอบให้หน่วยงานและกลุ่มกิจกรรมต่างๆ ที่ทำงานเพื่อสังคม ช่วยเหลือประชาชนในช่วงโควิด รวมถึงผู้ลี้ภัยไทยในประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งยังนำไปทำโปรเจกต์ความคิดสร้างสรรค์เพื่อสังคมที่น่าสนใจด้วย โปรเจกต์ที่ว่านั้นคือการทำฟอนต์จิตร ภูมิศักดิ์ จากลายมือของจิตร โดยมีกลุ่มประชาธิปไทป์เป็นผู้จัดทำให้ฟอนต์นี้ใช้งานได้ จุดประสงค์คือต้องการให้คนไทยได้ใช้ฟอนต์จิตรในการอ่านเขียน ซึมซับรับรู้ และรู้จักจิตรในอีกแง่มุมหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นการทำให้ชื่อของเขาที่มาพร้อมความหวัง พลัง และความปรารถนาดีต่อส่วนรวมอยู่ร่วมในสังคมไทยไปอีกตราบนานเท่านาน ผู้ที่สนใจนำฟอนต์ไปใช้พิมพ์หนังสือหรือสื่อต่างๆ สามารถดาวน์โหลดฟรีที่ https://tinyurl.com/y4g2n3xm ซึ่งทางทีมผู้จัดทำขอแค่ให้ช่วยระบุเครดิตชื่อฟอนต์จิตร ภูมิศักดิ์ หรือติดแฮชแท็ก #ฟอนต์จิตร เมื่อใช้งานบนโลกออนไลน์ *หมายเหตุ ฟอนต์จิตรมีเพียงตัวอักษรไทย เลขไทย และเลขอารบิกเท่านั้น […]