เปิดย่านพระนครตะลอนออนดราม่า ในงาน Cultural District 2023 เกาะรัตนโกสินทร์ 19 – 28 พ.ค. 66

กลับมาอีกครั้งกับงาน ‘Cultural District’ โดยมิวเซียมสยาม กับคอนเซปต์ ‘พระนคร ออน ดราม่า’ ที่จะพาทุกคนไปเปิดเกาะรัตนโกสินทร์ เสพดราม่ากับอดีต 5 อัครสถานบันเทิงแห่งย่านพระนคร และไม่ใช่แค่เดินดูสถานที่แห่งความทรงจำเท่านั้น แต่ยังเป็นการเข้าไปรับชมการแสดงที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนกับได้ย้อนเวลาไป ณ ตอนนั้นจริงๆ ภายในงานมีการจัดการแสดงทั้งหมด 5 สถานที่ ดังนี้ 1) ‘สังคีตศาลา National Museum Bangkok : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร’ ที่จะพาทุกคนไปรับชมละครใน ละครนอก รำฉุยฉาย ทริปตามรอยประวัติศาสตร์มหรสพวังหน้าและมหรสพต้นกรุง 2) ‘สวนสาธารณะป้อมมหากาฬ’ กับการแสดงลิเก ล้อมวงพูดคุย และงานแสดงภาพถ่ายจากสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย 3) ‘ลานคนเมือง ท่าพระจันทร์’ กับนิทรรศการย้อนความหลังของดนตรียุค 90 และมินิคอนเสิร์ต Inspiration from 90s โดย น้อง ท่าพระจันทร์ 4) ‘โรงภาพยนตร์ควีนส์’ โรงภาพยนตร์เก่าแห่งวังบูรพา ที่ทุกคนจะได้เข้าชมห้องฉายภาพยนตร์ ร่วมทริปตามรอยโก๋หลังวัง และนิทรรศการ […]

‘Dubai Reefs’ โครงการฟื้นฟูมหาสมุทรที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อการวิจัย ฟื้นฟู และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ

มหาสมุทรอาจดูเป็นพื้นที่ธรรมชาติที่กว้างใหญ่ จนเราไม่สามารถดูแลและปกป้องได้อย่างเต็มที่ แต่หากยังปล่อยให้การดำเนินชีวิตและการท่องเที่ยวทำร้ายแหล่งน้ำขนาดใหญ่อยู่เรื่อยๆ ก็ถือเป็นการเร่งความเสียหายให้กับธรรมชาติ และอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตต่อไปในอนาคตก็ได้ ทาง ‘URB’ ผู้พัฒนา Net Zero Sustainable Cities ได้ออกแบบ ‘Dubai Reefs’ โครงการฟื้นฟูมหาสมุทรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในเมือง Emirati ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสร้างเป็นชุมชนลอยน้ำที่ยั่งยืนสำหรับการวิจัยทางทะเล การฟื้นฟู และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ที่วางเป้าหมายว่าจะสร้างงานได้มากกว่า 30,000 ตำแหน่งในระบบเศรษฐกิจสีเขียว รวมถึงที่อยู่อาศัย การท่องเที่ยว การค้าปลีก การศึกษาและการวิจัย หลักสำคัญของโครงการ Dubai Reefs คือสถาบันทางทะเลที่ตั้งขึ้นเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง มีจุดมุ่งหมายเพื่อเร่งศักยภาพทางวิทยาศาสตร์ทางทะเลและความสามารถในการอนุรักษ์ของดูไบ ในขณะเดียวกันก็มีการสร้างแนวปะการังเทียมที่มีความยาวครอบคลุมพื้นที่ 200 ตารางกิโลเมตร และยังมีแผนสร้างบ้านของปะการังมากกว่า 1 พันล้านต้นและต้นโกงกางมากกว่า 100 ล้านต้นด้วย นอกจากงานวิจัยและการอนุรักษ์แล้ว โครงการ Dubai Reefs ยังจะเปิดเป็นพื้นที่สำหรับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทางทะเลเพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ผู้มาเยือน โดยจะมีที่พักลอยน้ำเชิงนิเวศที่ใช้พลังงานหมุนเวียนทั้งหมดจากพลังงานแสงอาทิตย์และไฟฟ้าพลังงานน้ำ เป้าหมายหลักของ Dubai Reefs คือการเปลี่ยนเมืองให้เป็นจุดหมายปลายทางเชิงนิเวศ ที่มหาสมุทรและภูมิทัศน์ต่างๆ สามารถเติบโตอย่างสมดุลไปพร้อมๆ […]

The Arc อาคารไม้ไผ่ของโรงเรียนในบาหลี แนวคิดการออกแบบด้วยวัสดุทางเลือกที่ยั่งยืน

IBUKU คือทีมนักออกแบบและผู้สร้างสถาปัตยกรรมที่ปรารถนาจะใช้ประโยชน์จาก ‘ไม้ไผ่’ และใช้ช่างฝีมือรุ่นใหม่ที่มีความสามารถในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อพัฒนาแนวคิดโบราณและแนวคิดใหม่ให้สมดุลกัน เพราะพวกเขาเชื่อว่าศักยภาพของต้นไผ่นั้นถูกประเมินค่าต่ำเกินไป และน่าจะใช้เป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนได้มากขึ้น โดยเฉพาะคนที่อยู่ในภูมิภาคเขตร้อน เช่น เอเชียใต้ เอเชียตะวันออก แปซิฟิกใต้ อเมริกากลางและใต้ เป็นต้น เนื่องจากพื้นที่เหล่านี้ต่างคุ้นเคยกับพรรณไม้ชนิดนี้มาเป็นร้อยๆ ปี เราขอยกตัวอย่างผลงานสถาปัตยกรรมแห่งหนึ่งในประเทศบาหลีที่นำวัสดุธรรมชาติอย่างไม้ไผ่มาใช้สร้างสรรค์ที่อยู่อาศัย สถาปัตยกรรมนี้ชื่อว่า ‘The Arc’ ได้รับการออกแบบโดยความร่วมมือจาก Jörg Stamm ผู้เชี่ยวชาญด้านไม้ไผ่ชาวเยอรมัน และ Atelier One บริษัทวิศวกรรมโครงสร้างในสหราชอาณาจักร โครงการนี้เรียบง่าย โดยใช้ไม้ไผ่มาสร้างเป็นหลังคาที่มีลักษณะคล้ายเปลือก ทำหน้าที่บังแดดลมฝน ครอบสนามกีฬาอเนกประสงค์ของโรงเรียน Green School ซึ่งเป็นสถาบันชื่อดังในอินโดนีเซียที่ส่งเสริมการเรียนรู้เรื่องความยั่งยืนร่วมกับผู้คนในชุมชน เมื่อมอง The Arc จากภายนอกจะพบรูปร่างเปลือกที่มีความโค้งเว้าลื่นไหลไปกับรูปทรงของธรรมชาติโดยรอบ เป็นภาพหลังคาที่มีความซับซ้อนไม่ธรรมดา สถาปนิกกล่าวว่า โครงการต้องใช้เวลาหลายเดือนในการวิจัยเพื่อกำหนดวิธีการสร้าง ตั้งแต่การเริ่มต้นสร้างแบบจำลอง ทดสอบอายุการใช้งานของไม้ไผ่ หรือวิธีการป้องกันแมลงต่างๆ ฯลฯ จนเกิดเป็นซุ้มไม้ไผ่ที่มีความสูง 14 เมตร ความยาว 19 เมตร แปลนของอาคารมีความกว้าง 23.5 เมตร […]

‘Fluus’ ผ้าอนามัยย่อยสลายในน้ำ ไม่ต้องหากระดาษห่อให้ยุ่งยาก แค่ทิ้งลงชักโครกก็หายไปในพริบตา

รอบเดือนเป็นสิ่งที่ผู้มีประจำเดือนทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งยังกลายเป็นส่วนหนึ่งในปัญหาขยะจากผ้าอนามัย เพราะโดยปกติแล้วผ้าอนามัยทั่วๆ ไปประกอบด้วยพลาสติกถึง 90 เปอร์เซ็นต์ และเพียงแค่ในสหราชอาณาจักรก็มีการใช้กว่า 3,000 ล้านชิ้น สร้างขยะมากถึง 200,000 ตัน นี่ยังไม่นับรวมทั้งโลกเลย ‘Fluus’ แบรนด์ผ้าอนามัยจากสหราชอาณาจักรจึงมองหาวิธีช่วยลดขยะและลดการฝังกลบ ด้วยผ้าอนามัยชิ้นแรกที่สามารถทิ้งลงชักโครกเพื่อให้สลายตัวไปกับน้ำ ซึ่งไม่ใช่แค่ตัวผ้าอนามัยเท่านั้น แต่กระดาษห่อและกระดาษรองก็ทิ้งลงชักโครกได้ด้วยเหมือนกัน ผ้าอนามัยของ Fluus ประกอบไปด้วยวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เริ่มจากการใช้เส้นใยจากพืชเพื่อให้ผ้าด้านบนและด้านล่างนุ่มเป็นพิเศษ ระบายอากาศได้ดี ช่วยให้รู้สึกแห้งสบาย และพอลิเมอร์ชีวภาพที่ช่วยให้เลือดซึมเข้าสู่แผ่นรองได้อย่างรวดเร็ว ไม่เลอะเทอะ ส่วนกาวที่ยึดผ้าอนามัยก็ทำมาจากเยื่อไม้ที่ไม่เป็นพิษ และมีคุณสมบัติกระจายตัวในน้ำได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะทำให้ระบบน้ำอุดตัน เมื่อทิ้งผ้าอนามัยลงไปในชักโครก การเคลื่อนที่ของน้ำจะดึงชั้นต่างๆ ของผ้าอนามัยออกจากกัน จากนั้นจะนำไปบำบัดที่ศูนย์บำบัดน้ำพร้อมกระดาษชำระและสิ่งปฏิกูลที่สลายตัว เกิดเป็นน้ำสะอาด พลังงานทดแทน และปุ๋ย การฝังกลบขยะจากผ้าอนามัยอาจใช้เวลากว่า 500 ปีในการย่อยสลาย ในขณะที่ Fluus สามารถทำให้ผ้าอนามัยสลายไปได้ในพริบตา นอกจากปัญหาขยะแล้ว Fluus ยังช่วยลดปัญหาการทิ้งผ้าอนามัยหากห้องน้ำที่เราเข้าไปใช้งานไม่มีถังขยะ หรือบางคนอาจรู้สึกไม่สบายใจหากต้องทิ้งผ้าอนามัยที่บ้านคนอื่น Sources :DesignTAXI | bit.ly/42F3CezFluus | wearefluus.com

Nendo สตูดิโอออกแบบญี่ปุ่น ปิ๊งไอเดียกระป๋องเบียร์สองห่วงดึงฝา ดื่มด่ำรสชาติเบียร์ได้แบบไร้ฟองกวนใจ

ประเทศ ‘ญี่ปุ่น’ ถือเป็นอีกดินแดนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของการกินดื่ม พวกเขาใส่ใจในรายละเอียดและพิถีพิถันกับการออกแบบเครื่องดื่มที่ให้ทั้งความสวยงามน่ามอง และมีฟังก์ชันที่ตอบสนองผู้บริโภคอยู่เสมอ วันนี้เราขอพาไปดูอีกหนึ่งไอเดียอันแสนเรียบง่าย แต่มีประโยชน์มากๆ สำหรับผู้ที่ชอบดื่มเบียร์ แต่เมื่อเบียร์ต้องถูกบรรจุลงในกระป๋อง การเทลงแก้วอาจทำให้เกิดฟองเยอะเกินความต้องการ ‘กระป๋องเบียร์แบบมีสองห่วงดึงฝา’ จึงถูกคิดค้นขึ้น ผู้ที่คิดไอเดียนี้ขึ้นมาคือสตูดิโอออกแบบสัญชาติญี่ปุ่นชื่อว่า ‘Nendo’ ที่ออกแบบกระป๋องเบียร์ให้มีห่วงดึงฝาถึง 2 จุด ที่หากมองจากด้านบนกระป๋องที่ยังไม่ได้ถูกเปิด เราจะพบกับการดีไซน์ที่มีลักษณะคล้ายอีโมจิที่ให้อารมณ์วกวนชวนสงสัย การออกแบบกระป๋องที่มีสองห่วงดึงฝานี้ใช้หลักการแบบโดมิโนคือ เมื่อเปิดจุดแรกออกจะทำให้เกิดฟองจำนวนมาก ผู้ดื่มสามารถเทฟองลงในแก้วได้ตามปริมาณที่ต้องการ จากนั้นก็มาต่อที่จุดสองที่เราจะต้องดึงฝาห่วงเปิดให้สุด คราวนี้จะเป็นคิวการไหลลงมาของเบียร์ ด้วยวิธีนี้ จะทำให้นักดื่มได้พบกับอัตราส่วนเบียร์และฟองประมาณ 7:3 ซึ่งตรงตามกับสิ่งที่เรียกว่าอัตราส่วนทองคำ ทำให้เราสามารถดื่มเบียร์จากกระป๋องได้อย่างสดชื่นตามชอบใจแบบไร้ฟองกวนได้นั่นเอง เป็นอีกหนึ่งไอเดียง่ายๆ ที่ถูกคิดค้นขึ้นมาจากปัญหาเล็กๆ ที่ผู้บริโภคเจอ และนำมาต่อยอดกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่รองรับความสุนทรีย์ในการดื่มด่ำรสชาติเบียร์ที่ต้องการได้ Source :Designboom | bit.ly/42zOlM7

สร้างความหลากหลายให้ผลิตภัณฑ์ทางเพศ ด้วยถุงยางอนามัยตามสีผิวครั้งแรกของโลก แถมยังย่อยสลายได้หลังการใช้งาน

ในยุคปัจจุบันที่สังคมค่อนข้างเปิดกว้าง ผู้คนกล้าพูดคุยถึงเรื่องทางเพศกันมากขึ้น แถมผลิตภัณฑ์ทางเพศอย่าง ‘ถุงยางอนามัย’ หลากหลายประเภทยังถูกผลิตและวางจำหน่ายตามท้องตลาดทั่วไป มีตั้งแต่ถุงยางอนามัยกลิ่นสตรอว์เบอร์รี กลิ่นช็อกโกแลต หรือจะเลือกผิวสัมผัสและสีที่ต้องการก็ได้หมด ทั้งแดง ชมพู ดำ ทอง ฯลฯ แต่ทุกคนเคยสงสัยไหมว่า ทำไมถุงยางอนามัยถึงไม่มีสีที่เข้ากับสีผิวของ ‘คนผิวสี’ (People of Color) ด้วยเหตุนี้ ‘Roam’ แบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพทางเพศกำลังท้าทายแนวคิดดังกล่าวด้วยการเปิดตัว ‘ถุงยางอนามัยที่มีสีผิว’ ครั้งแรกของโลก โดยทางบริษัทได้ทำงานร่วมกับที่ปรึกษาด้านความหลากหลายทางวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ ‘Word on the Curb’ เพื่อพัฒนาถุงยางที่รองรับโทนสีผิวที่หลากหลาย โดยอธิบายว่า การออกแบบที่ครอบคลุมนี้คือการเพิ่มทางเลือกและเป็นตัวแทนของผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยผลิตภัณฑ์นี้มีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สียางธรรมชาติ สีน้ำตาลอ่อน สีน้ำตาล และสีน้ำตาลเข้ม นอกเหนือจากการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีสีผิวหลากหลายแล้ว ถุงยางอนามัยของ Roam ยังทำจากน้ำยางธรรมชาติที่สามารถย่อยสลายได้หลังการใช้งาน มาพร้อมฟอยล์กระดาษแทนบรรจุภัณฑ์พลาสติกทั่วไปเพื่อลดขยะอีกด้วย ที่สำคัญ ทุกการซื้อถุงยางอนามัย Roam จะบริจาคถุงยางอนามัยให้กับองค์กรการกุศลด้านสุขภาพทางเพศ ‘Brook’ เพื่อส่งเสริมการป้องกันทางเพศให้แก่ชุมชนที่การซื้อถุงยางอนามัยถูกตีตราและมองว่าเป็นเรื่องน่าอายด้วย Source : DesignTAXI | t.ly/Nxs43

‘ลัทธิชาตินิยามทางศาสนา’ คืออะไร ทำอย่างไรจึงจะหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง และโอบรับความแตกต่างในสังคมได้

‘ศาสนา’ คือลัทธิความเชื่อของมนุษย์ ที่อธิบายการกำเนิดและความเป็นไปของโลก หลักศีลธรรม พิธีกรรม และความเชื่อ มากไปกว่านั้น ศาสนายังเป็นดั่งเข็มทิศที่กำหนดกรอบจริยธรรมให้ผู้นับถือปฏิบัติตาม ช่วยนำทางชีวิต และเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นเรื่องปกติที่ประเทศจะมีศาสนาใดศาสนาหนึ่งที่มีคนนับถือเป็นจำนวนมากกว่าศาสนาอื่นๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการนำ ‘อัตลักษณ์ทางศาสนา’ (Religious Identity) ไปหลอมรวมกับ ‘เอกลักษณ์ประจำชาติ’ (National Identity) จนเกิดเป็น ‘ลัทธิชาตินิยมทางศาสนา’ (Religious Nationalism) สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ศาสนาอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างความแตกแยกและกีดกันผู้นับถือศาสนาอื่น จนอาจลามไปถึงความขัดแย้งรุนแรงได้ ในหน้าประวัติศาสตร์ร่วมสมัย หลายต่อหลายครั้งพวกเราได้เห็นผลพวงจากการนำศาสนามาใช้เป็นเครื่องมือ เช่น ในประเทศอินเดียที่พรรคการเมืองใช้วาทกรรมเหยียดศาสนาอิสลามเพื่อสร้างความนิยม และออกนโยบายเลือกปฏิบัติต่อชาวมุสลิม ‘กลุ่มรัฐอิสลาม’ หรือ ‘IS’ ที่ใช้ศาสนาอิสลามเป็นเครื่องมือรวบรวมกำลังพลและเป็นอุดมการณ์ในการก่อตั้งประเทศ และใช้ศาสนาเป็นข้ออ้างในการใช้ความรุนแรงอย่างสุดโต่งกับฝ่ายตรงข้ามและผู้เห็นต่าง และเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวมุสลิมโรฮิงญาในประเทศเมียนมาร์ที่กระทำโดยพลเมือง พระ และเจ้าหน้าที่รัฐ ที่มีบ่อเกิดความรุนแรงจากการโหมแนวคิดว่าชาวโรฮิงญาไม่ใช่ชาติพันธุ์ของประเทศเมียนมาร์ และเป็นภัยต่อศาสนาพุทธ ประเทศไทยเองก็เป็นดินแดนที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ถึงแม้จะไม่ได้มีความขัดแย้งระหว่างศาสนาอย่างชัดเจน และคนส่วนใหญ่ก็ให้ความเคารพในสิทธิการนับถือศาสนาที่แตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตาม ด้วยจำนวนของชาวพุทธที่มีอย่างมากในประเทศไทย และสถานะของศาสนาพุทธที่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีบทบาทอย่างมากกับสังคม ทำให้ในบางครั้งอาจเกิดการเคลื่อนไหวที่พยายามใช้ศาสนาพุทธในการขับเคลื่อนอุดมการณ์ชาตินิยมหรือทางการเมือง และมีการสร้างความหวาดระแวงต่อกลุ่มศาสนาอื่น โดยอ้างว่าเป็นภัยต่อศาสนาพุทธและประเทศ วาทกรรมเหล่านี้เป็นอันตรายต่อความตั้งใจของประเทศในการสร้างสังคมที่อยู่ร่วมกันได้ท่ามกลางความแตกต่างหลากหลาย และเราจะมีวิธีการป้องกันอย่างไรที่จะสามารถหยุดยั้งความขัดแย้งทางศาสนาก่อนที่จะปะทุไปเป็นความรุนแรง United Nations […]

RE.UNIQLO เปิดรับเสื้อกันหนาวเพื่อส่งต่อ ช่วยลดขยะ ยืดเวลาการใช้เสื้อ และลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากความหนาว

แม้ว่าฤดูหนาวบ้านเราจะไม่หนาวเหน็บขนาดที่หยิบเสื้อกันหนาวมาสวมใส่ได้ตลอดเวลา แต่ก็ยังมีอีกหลายพื้นที่ในประเทศ ที่คนในพื้นที่เสียชีวิตจากความหนาวเพราะขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันความเย็นเมื่อเข้าหน้าหนาวหรืออุณหภูมิลดต่ำลง โครงการ ‘RE.UNIQLO’ ชวนทุกคนมาร่วมกันบริจาคเสื้อกันหนาวที่ใส่ไม่ได้หรือไม่ใส่แล้วให้ทางแบรนด์เสื้อผ้า UNIQLO เพื่อเป็นตัวกลางในการส่งต่อเสื้อกันหนาวจำนวน 50,000 ตัวให้กับผู้ที่ต้องการได้ใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ เป็นเวลาหลายปีที่โครงการ RE.UNIQLO มุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอดตั้งแต่ปี 2549 เพื่อรวบรวมเสื้อผ้าที่ไม่ใช้แล้วของลูกค้ามาส่งต่อให้ผู้อื่นที่ต้องการ หรือนำไปรีไซเคิลเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดขยะแฟชั่น ลดการใช้ทรัพยากร ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมไปถึงช่วยยืดอายุการใช้งานของเสื้อผ้าให้นานขึ้น สอดคล้องกับจุดยืนของ UNIQLO ที่เป็นมิตรต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและชุมชน หากใครมีเสื้อกันหนาวที่ใส่ไม่ได้หรือไม่ใช้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใดก็ตาม สามารถนำไปบริจาคกับ UNIQLO ได้ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป ที่จุดรับบริจาคและที่หน้าร้านทุกสาขา

Bronx Children’s Museum เปลี่ยนโรงไฟฟ้าเก่าเป็นพิพิธภัณฑ์เด็ก หลังจากดำเนินการโดยไม่มีอาคารมากว่า 10 ปี

หลังจากที่ ‘Bronx Children’s Museum’ พิพิธภัณฑ์สำหรับเด็กบนรถบัสสีม่วงสดใส ได้เคลื่อนตัวไปทั่วนิวยอร์กโดยไม่มีอาคารจัดแสดงเป็นหลักเป็นแหล่งมานานกว่า 10 ปี ในที่สุดเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมปีที่แล้ว ทางพิพิธภัณฑ์ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวอาคารที่ตั้งอย่างเป็นทางการที่ริมแม่น้ำฮาร์เล็มในเขต South Bronx Bronx Children’s Museum แห่งนี้กินพื้นที่ขนาด 13,650 ตารางฟุตในชั้นสองของโรงไฟฟ้าเก่าที่สร้างขึ้นในปี 1925 อยู่ห่างไปเพียงไม่กี่ก้าวจาก Bronx Terminal Market, Yankee Stadium และสถานีรถไฟใต้ดินใกล้เคียง จุดมุ่งหมายของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือ ต้องการให้เด็กๆ ในเมืองมีส่วนร่วมกับวัฒนธรรมของเมืองและธรรมชาติ ผ่านการออกแบบโดยสตูดิโอ ‘O’Neill McVoy Architects’ ที่เชื่อมต่อรูปทรงเรขาคณิตเข้ากับภูมิทัศน์ริมแม่น้ำ แผ่นกั้นห้องและเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ภายใน Bronx Children’s Museum สร้างขึ้นจากผนังพาร์ติชันไม้ลามิเนต (CLT) แบบโค้งดัดได้และแผ่นอะคริลิกรีไซเคิลโปร่งแสง ให้ความรู้สึกเหมือนภายในมีความเชื่อมต่อกันระหว่างที่เราเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ นอกจากนี้ยังมีการใช้โคมไฟ LED ระบบเซนเซอร์ที่เพิ่มหรือลดแสงภายในพิพิธภัณฑ์ให้สอดคล้องไปกับแสงแดดจากภายนอกอย่างเหมาะสม หน้าต่างที่ช่วยให้ระบายอากาศได้ดีขึ้น รวมไปถึงติดตั้งเซนเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิ ที่ช่วยลดการใช้พลังงานของระบบเครื่องปรับอากาศภายในตัวอาคาร ปัจจุบัน Bronx Children’s Museum เปิดให้เข้าชมสัปดาห์ละ […]

‘Lofi.co’ เว็บไซต์ฟังเพลงพร้อมเสียงบรรยากาศ ให้เลือกแมตช์ 20 เสียง กับ 40 ภาพพื้นหลัง มีฟังก์ชันจับเวลา สมุดโน้ต และ PDF Reader

เว็บไซต์สร้างบรรยากาศระหว่างทำงาน ที่ฟังเพลงไปพร้อมๆ กับเสียงบรรยากาศอาจไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แล้วในปัจจุบัน เพราะก่อนหน้านี้ก็มีทั้งเว็บไซต์ LifeAt, Imissmycafe หรือ Noisli ให้เลือกใช้ แต่ครั้งนี้ Urban Creature ขอป้ายยาอีกครั้งกับ ‘Lofi.co’ เว็บไซต์ฟังเพลงพร้อมเสียงบรรยากาศเบาสบาย ที่อาจกลายเป็นเพื่อนคนใหม่ในวันเหงาๆ ที่คุณต้องทำงานอยู่บ้านคนเดียว ด้วยความพิเศษที่ผู้ใช้สามารถเลือกมิกซ์เสียงบรรยากาศได้ตั้งแต่เสียงฝน คีย์บอร์ด รถไฟ หรืออื่นๆ อีกมากมายกว่า 20 เสียง ให้กลายเป็นเสียงบรรยากาศประจำตัวได้ง่ายๆ แถมเอาไปจับคู่กับภาพวาดพื้นหลังที่มีให้เลือกกว่า 40 ภาพ (อัปเดตทุกเดือน) หรือเพลงสไตล์ Lofi จากเว็บไซต์เองก็สนุกไปอีกแบบ นอกจากนี้ ภาพวาดพื้นหลังสถานที่ต่างๆ ยังมีกิมมิกที่ให้ผู้ใช้งานเลือกเปลี่ยนเวลาจากกลางวันเป็นกลางคืนได้ เพิ่มความแปลกใหม่และเข้ากับช่วงเวลาที่ใช้งานอยู่ นี่ยังไม่รวมฟังก์ชันอื่นๆ อย่างนาฬิกาจับเวลาแบบ Pomodoro ที่เป็นเทคนิคการบริหารเวลาแบบหนึ่งที่ช่วยให้เรามีสมาธิกับงานที่ทำมากขึ้น สมุดโน้ตที่จดบันทึกความคิดได้ตลอดเวลา PDF Reader ที่นำเข้าไฟล์ได้ไม่สะดุด หรือแม้กระทั่งคลิป YouTube ที่เล่นภายในหน้าเว็บไซต์ได้เลยโดยไม่ต้องเปลี่ยนหน้าเว็บให้วุ่นวาย Lofi.co เปิดให้ใช้บริการฟรีในบางฟีเจอร์ และเปิดให้สมัครสมาชิกสำหรับเข้าถึงฟีเจอร์ทั้งหมดของเว็บไซต์ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นใน 3 ราคา ดังนี้ ใครสนใจอยากลองเล่นเว็บไซต์แบบฟรีๆ […]

‘Cultural Pavilion’ ฮอลล์คอนเสิร์ตเคลื่อนที่ในออสเตรีย ที่รื้อถอน ประกอบใหม่ และขยายได้ตามต้องการ

คอนเสิร์ตและงานเทศกาลต่างๆ มักถูกเพ่งเล็งว่าเป็นส่วนหนึ่งในการทำลายสิ่งแวดล้อม แต่ที่ประเทศออสเตรีย มีฮอลล์คอนเสิร์ตที่เน้นเรื่องความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอยู่ด้วย ‘Cultural Pavilion’ คือฮอลล์คอนเสิร์ตเคลื่อนที่แห่งใหม่ในเมือง Semmering ที่สร้างโดยบริษัทสถาปนิก ‘Vienna-based Mostlikely Architecture’ โดยออกแบบมาเพื่อให้มีความผสมผสานและกลมกลืนกับธรรมชาติโดยรอบที่เป็นทิวทัศน์ของภูเขา Semmering เพื่อความกลมกลืนกับป่าด้านข้าง การก่อสร้าง Pavilion เลือกใช้ไม้สนที่ผ่านการรับรองในท้องถิ่นเท่านั้น โดยมีการแปรรูปต้นสนทั้งหมดประมาณ 75 ตันในการสร้าง ส่วนระบบปรับอากาศก็ใช้การระบายอากาศโดยธรรมชาติอย่างเหมาะสม และซัปพอร์ตด้วยหลักการ ‘ชิมนีย์เอฟเฟกต์’ (Chimney Effect) เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้พลังงานสูงของระบบทางเทคนิคที่อาจส่งผลต่อกระทบสิ่งแวดล้อมรอบด้าน นอกจากนี้ Cultural Pavilion ยังใช้วิธีการออกแบบกึ่งสำเร็จรูป ที่ถอดและประกอบตัวสิ่งก่อสร้างใหม่ได้ในเวลาไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น และหากในอนาคตจะมีเทศกาลขนาดใหญ่มาใช้พื้นที่แห่งนี้ ตัว Pavilion ก็สามารถดัดแปลงและขยายพื้นที่เพื่อตอบสนองความต้องการของแต่ละงานได้เช่นกัน Cultural Pavilion ถูกออกแบบมาอย่างเรียบง่าย แต่โดดเด่นด้วยเส้นและความลาดเอียงในการตกแต่งภายใน ทั้งม่าน องค์ประกอบทางเทคนิค และแสงที่ส่องเข้ามา รวมถึงตัวอาคารที่มีหน้าต่างแบบพาโนรามาขนาดใหญ่ มองเห็นทิวทัศน์ของป่าได้ไกลเกือบถึงเวียนนา ทำให้ผู้เข้าร่วมงานในเทศกาลต่างๆ ได้ชมวิวโดยรอบในระหว่างที่ดื่มด่ำกับงานแสดงภายในไปพร้อมๆ กัน Sources :Designboom | bit.ly/3Vy5RxZMostlikely | bit.ly/44w0gwj

1 25 26 27 28 29 124

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.