WHAT’S UP
คุณเกิดมามีแต้มบุญเท่าไหร่ในประเทศนี้? เสี่ยงดวงออนไลน์และดูความเหลื่อมล้ำ กับเซียมซี “โชคดี…ที่ได้เกิดเป็นคนไทย?”
ถ้าชาติหน้ามีจริง อยากเกิดเป็นคนไทยไหม?“อยากสิ ฉันโชคดีจะตายที่ได้เกิดเป็นคนไทย”“ไม่อยาก การเกิดเป็นคนไทยคือโชคร้ายของฉัน” ไม่ต้องตอบตอนนี้ก็ได้ ลองอธิษฐาน แล้วเขย่าเซียมซีสุ่มชะตาของคุณในชาติหน้ากับ Data Story “โชคดี…ที่ได้เกิดเป็นคนไทย?” จาก Punch Up กลุ่มคนทำงานสื่อ ดีไซน์ และเทคโนโลยีที่ตั้งใจผลักดัน Data Journalism และ The Read กองบรรณาธิการที่อยากให้คุณได้อ่านปัญหาสังคมด้วยวิธีที่เข้าใจง่าย ชวนมาเสี่ยงเซียมซีทำนายอนาคตเล่นๆ ว่าชาติหน้าเราจะมีแต้มบุญเท่าไหร่ อาจจะเป็น 50/100 เกิดบ้านจน แต่ชะตาดีไม่มีอาย หรือ 30/100 รวยแน่นอน แต่ชะตากลับซวยหนัก ไม่รู้จะเลือกรวยหรือซวยดีกว่ากัน ไม่ว่าคุณจะสุ่มได้ใบไหน คุณจะเห็นความเหลื่อมล้ำเรื่องสวัสดิการชีวิตของเด็กเล็ก เพราะความเหลื่อมล้ำเริ่มตั้งแต่คุณเกิด ถ้าเป็นเด็กยากจนจะมีหนังสือเด็กที่บ้านไม่ถึง 3 เล่ม ขาดโอกาสกระตุ้นสมอง มีปัญหาพัฒนาการภาษา และการเรียนเมื่อโตขึ้น หรือถ้าเกิดเด็กรวยในครอบครัวข้าราชการไทย ผู้เป็นแม่สามารถเบิกค่าทำคลอด และได้เงินเดือนช่วงลาคลอด ก็ช่วยแบ่งเบาภาระได้พอตัว แล้วถ้าจนล่ะ? ก็ไม่ได้สักบาทและไม่มีสวัสดิการจากรัฐเลยสักอย่าง ที่สำคัญเซียมซีหนึ่งใบยังพาคุณไปดูข้อมูลสำคัญที่ชี้ว่างบต่อหัวที่รัฐลงทุนในเด็กเล็ก (0 – 3 ปี) นั้นน้อยขนาดไหน เคยมีใครสัญญาว่าจะลงทุนกับสวัสดิการเด็กเล็ก […]
‘มนูญชัย’ แป้นพิมพ์ไทยเลย์เอาต์ใหม่ สร้างจาก AI และ Big data ที่ช่วยสมดุลการพิมพ์ทั้งสองมือ
มนูญชัย แป้นพิมพ์ไทยเลย์เอาต์ใหม่ สร้างจาก AI และ Big data ที่ช่วยสมดุลการพิมพ์ทั้งสองมือ
เรียนออนไลน์ทำเด็กเครียด Meet Your Monster ชวนมาพัก สำรวจมอนสเตอร์ในใจ รู้จักตัวเองให้มากขึ้น
การเรียนออนไลน์เป็นระยะเวลานาน ก่อให้เกิดความเบื่อหน่าย และหดหู่ เรื่องราวทั้งหมดที่ต้องเผชิญล้วนก่อตัวกลายเป็นมอนสเตอร์จอมป่วน ที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจพวกเราทุกคน มอนสเตอร์เหล่านี้ไม่ได้เข้ามาก่อกวนสภาวะทางจิตใจแต่อย่างใด แต่เป็นเหมือนเพื่อนอีกคนภายในใจที่ทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น เพื่อทำความรู้จักกับมอนสเตอร์ภายในจิตใจลองแวะมาพักสำรวจจิตใจทั้งภายในและภายนอก และเรียนรู้ที่จะเป็นเพื่อนกับมอนสเตอร์ของคุณกันสักหน่อย ผ่านเครื่องมือที่มีชื่อว่า Meet Your Monster เครื่องมือ Check-up สุขภาพใจเบื้องต้นแบบเข้าใจง่ายสำหรับนักเรียนที่มีอายุตั้งแต่ 13 ปีขึ้นไป ที่ถูกพัฒนามาจากความเชี่ยวชาญของนักจิตวิทยาเด็กและวัยรุ่น จากการร่วมมือกันของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กับ Glow Story และทีมนักจิตวิทยา MASTERPEACE สร้างเครื่องมือทำให้เด็กนักเรียนสามารถได้รับการช่วยเหลือเยียวยา ปัญหาด้านสุขภาพจิตที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ในรูปแบบสอบถามที่ทำให้พวกเขาได้รู้จักตัวเองมากขึ้น ผ่านตัวการ์ตูน 4 ประเภท Flexa, Griz, Shad, Zens ซึ่งมอนสเตอร์ทั้งสี่ก็จะมีอุปนิสัยและพลังพิเศษที่แตกต่างกันออกไป ตามอุปนิสัยของผู้ทำแบบทดสอบ เพื่อที่จะได้รู้เท่าทันสภาวะจิตใจของตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม พร้อมทั้งมี How to ดูแลมอนสเตอร์ของเรา ซึ่งทำให้รู้จักวิธีการรับมือกับตัวเองได้ดียิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสำรวจมอนสเตอร์ในใจได้ที่ : meetyourmonster.paperform.co/
โควิดหลบไป ฟินแลนด์จะผลิตวัคซีนแบบพ่นจมูก
ได้ยินครั้งแรกก็รู้สึกเซอร์ไพรส์สุดๆ ว่าวัคซีนอะไร ทำไมถึงใช้พ่นทางจมูกได้นะ แต่นี่คือเรื่องจริงที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ เพราะโลกของเรากำลังจะได้ยลโฉมเจ้าวัคซีนชนิดนี้แบบเต็มตา นวัตกรรมนี้มาจากฐานการวิจัยของสองพันธมิตรอย่าง ‘มหาวิทยาลัยเฮลซิงกิ’ และ ‘มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นฟินแลนด์’ ในประเทศฟินแลนด์ และอีกไม่นานเกินรอนัก การทดสอบประสิทธิภาพวัคซีนก็จะเริ่มต้นขึ้นในปลายปีนี้แล้ว ที่น่าตื่นเต้นพอๆ กับวัคซีนแบบละออง ก็คือการที่ศูนย์วิจัยในฟินแลนด์ใช้หัวมนุษย์เทียมในห้องทดลองเพื่อให้นักวิจัยได้ตรวจสอบกลไกของการหยด และการส่งละอองวัคซีนเข้าไปในจมูก ศีรษะประดิษฐ์สุดล้ำนี้ เปิดตัวตั้งแต่เมื่อต้นปี 2564 ซึ่งหายใจ ไอ จามได้ และเหมาะกับการทดสอบละอองลอยในรูปแบบต่างๆ มาก ซึ่งนอกจากเป็นตัวช่วยของการทดลองวัคซีน ยังนำมาช่วยด้านการทดสอบประสิทธิภาพของหน้ากาก เครื่องฟอกอากาศ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจในท้องตลาดได้อีกด้วย ผู้ออกแบบสเปรย์เล่าว่าส่วนประกอบของวัคซีนพ่นจมูกสำหรับป้องกันโคโรนาไวรัสที่พัฒนาขึ้นในฟินแลนด์ตัวนี้ ได้รับการปรับปรุงแก้ไขในช่วงฤดูร้อน (ก.ค. – ก.ย.) เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะช่วยป้องกันเราจากสายพันธุ์ไวรัสโดยทั่วไปได้ดียิ่งขึ้น ผู้นำโปรเจกต์ที่เป็นศาสตราจารย์ด้านไวรัสวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเฮลซิงกิอย่าง Kalle Saksela บอกว่านอกจากจะพ่นวัคซีนทางจมูก เป้าหมายสำคัญคือการสร้างภูมิคุ้มกันโควิด-19 สายพันธ์ุต่างๆ ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ยิ่งไปกว่านั้น ทีมวิจัยก็ไม่ได้ทำงานอย่างโดดเดี่ยว เพราะในเบื้องต้น เจ้าวัคซีนที่นำเข้าสู่ร่างกายคนผ่านรูจมูกตัวนี้ยังได้เงินทุนประมาณ 9 ล้านยูโรจากนักลงทุนมาพัฒนางานวิจัยให้ดีขึ้น แถมยังได้บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการทดลองทางคลินิกเข้ามาช่วยซัปพอร์ตทีม สำหรับวัคซีนเวอร์ชันอัปเดตล่าสุดนั้น พบว่าจะช่วยเรื่องการป้องกันเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้าและสายพันธุ์ใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยัง…ยังไม่จบแค่นั้น ภูมิคุ้มกันประเภทนี้ยังมีฟังก์ชันที่ใช้งานเป็นวัคซีนเสริม […]
นิสชินออกโซดา 4 รสจากบะหมี่ยอดฮิต ฉลองครบรอบ 50 ปี
เรื่องไอเดียสนุกๆ ต้องยกให้นิสชิน (Nissin) บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อดังจากญี่ปุ่นที่ขยันปล่อยของ ออกสินค้าสนุกๆ มากระตุ้นต่อมอยากลองของผู้บริโภคอยู่ตลอด 2 สัปดาห์ก่อนเพิ่งจะออกส้อมที่ใช้เป็นหลอดได้ เอาไว้ให้คนรักนิสชินที่ชอบซดน้ำบะหมี่ดื่มน้ำซุปได้ง่ายขึ้น (แต่ไม่รู้จะสำลักไหม) ในวาระครบรอบ 50 ปี จากบริษัทที่ดังเรื่องบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ดีๆ วันนี้นึกอยากทำเครื่องดื่ม นิสชินออกโซดา 4 รสจากบะหมี่ยอดฮิตที่แฟนๆ นิสชินคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ได้แก่ รสออริจินัล รสซีฟู้ด รสแกงกะหรี่ และรสมะเขือเทศพริก กินได้ไม่ได้ไม่รู้ รู้แค่คอนเซปต์สนุกมาก สมกับเป็นแบรนด์ญี่ปุ่นที่คิดค้นรสชาติอาหารได้เก่งสุดๆ แต่รับรองว่ากินได้แน่ๆ เพราะโซดาทุกรสทำมาจากจินเจอร์เอล ครีมโซดา และโคล่า แต่งกลิ่นให้คล้ายกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสต่างๆ ไม่ได้เป็นแกงกะหรี่ หรือน้ำซุปข้นๆ ผสมโซดาแบบที่เราคิด แต่ระดับนิสชินแล้ว แค่ออกโซดารสบะหมี่ก็คงจะธรรมดาเกินไป นิสชินจึงจับมือกับโรงแรม Keio Plaza เพื่อทำเมนูค็อกเทลจากโซดาทั้ง 4 รส ในคอนเซปต์ ‘Four Season Cocktail’ พร้อมบอกสูตรและวิธีชง เผื่อว่าใครที่ซื้อโซดาไปแล้วจะเอาสูตรไปชงตามบ้าง เท่านั้นยังไม่พอ นิสชินยังเอาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั้ง 4 รสนี้ไปทำเป็นขนมข้าวโพดอบกรอบแบบแท่ง หรือที่เรียกว่า Umaibo […]
พรีเซนต์ไม่ได้ ขายงานไม่เป็น วัยรุ่นอังกฤษ 84 เปอร์เซ็นต์ ทักษะการทำงานหายไปเพราะล็อกดาวน์
หลังจากล็อกดาวน์กันมาอย่างยาวนาน พนักงานบริษัทวัยหนุ่มสาวในอังกฤษกลับพบว่า ทักษะในการสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานไม่เหมือนเดิม พวกเขามีปัญหากับการพรีเซนต์ในที่ประชุม หรือการพูดคุยกับลูกค้า และเป็นกังวลว่าจะส่งผลต่อความก้าวหน้าในอาชีพและเงินเดือน ผลสำรวจจาก LinkedIn โซเชียลมีเดียสำหรับธุรกิจและการจัดหางานเผยว่า 84 เปอร์เซ็นต์ ของพนักงานชาวอังกฤษที่อายุไม่ถึง 34 ปี รู้สึกไม่คุ้นเคยและทำตัวไม่ถูกเมื่อกลับมาใช้ชีวิตในออฟฟิศ โดย First Jobber หรือผู้ที่เริ่มงานระหว่างการแพร่ระบาดของโควิดคือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะพลาดโอกาสในการสร้างเครือข่าย และไม่ได้เรียนรู้จากเพื่อนร่วมงาน ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายมากสำหรับคนวัยนี้ “การหายไปของการพูดคุยถามไถ่ประจำวัน หรือจับกลุ่มสนทนากันในออฟฟิศอาจจะดูเหมือนไม่มีนัยสำคัญในตอนแรก แต่จะส่งผลเสียต่อการทำงานในระยะยาว” Anjula Mutanda นักจิตวิทยาในลอนดอนบอกว่าหลายคนที่เริ่มงานในช่วงล็อกดาวน์โดยไม่เคยพบปะกันในชีวิตจริง จะไม่สามารถพูดคุยเรื่องส่วนตัวกับเพื่อนร่วมงานได้ ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติของพนักงานออฟฟิศ อย่างไรก็ตามคนรุ่นใหม่อย่าพึ่งหมดหวัง เพราะยังมีข่าวดีอยู่บ้างเมื่อ LinkedIn พบว่า 90 เปอร์เซ็นต์ จากการสัมภาษณ์ผู้บริหาร 250 คน เข้าใจดีว่าพัฒนาการทางอาชีพพนักงานกำลังหยุดชะงัก ทำให้ผู้บริหารกว่าครึ่งวางแผนจะเพิ่มงบประมาณสำหรับกิจการทางสังคมเพื่อชดเชยเวลาที่เสียไปของคนหนุ่มสาวและกระชับความสัมพันธ์ของทุกคนเข้าด้วยกันอีกครั้ง เพราะมองว่าความสนิทสนมจะนำมาซึ่งทักษะที่ดีขึ้นในที่ทำงาน ซึ่งจะนำไปสู่การเลื่อนตำแหน่งหรือขึ้นค่าแรงในที่สุด ต่อไปนี้บริษัทต้องมีลูกล่อลูกชนมากขึ้น McKinsey & Co ที่ปรึกษาด้านการจัดการจากอังกฤษมองว่าองค์กรต้องทำให้ออฟฟิศเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยมนตร์ขลังที่จะดึงดูดพนักงานให้กลับมาและมีความสนิทสนมกันอีกครั้ง โดยยกตัวอย่างนโยบายของ PwC บริษัทตรวจสอบบัญชีที่เสนอโบนัสเป็นเงินสดให้กับพนักงานสำหรับเสื้อผ้าชุดใหม่ในการใส่มาทำงาน หรือถอยจักรยานสักคันเพื่อให้การเดินทางมาสำนักงานสะดวกขึ้น
ขออีก 1,800 รายชื่อ! เรียกร้องเกษรวิลเลจออกนโยบายปกป้อง พนง. หญิงข้ามเพศที่ถูกล่วงละเมิดในห้างฯ
หลายครั้งที่เมื่อภาพหญิงข้ามเพศถูกล่วงละเมิดทางเพศปรากฏ มักจะมีคอมเมนต์ว่า “ไปอ่อยเขาเอง” “สมยอมล่ะสิ” “อยากโดนอยู่แล้วนี่” ให้เราเห็นผ่านตาอยู่บนอินเทอร์เน็ตอยู่หลายครั้ง ทั้งที่สิ่งที่สังคมควรให้ความสำคัญคือการปกป้อง เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเหยื่อ และตั้งคำถามกับการบังคับใช้กฎหมายในการล่วงละเมิดทางเพศ โดยเฉพาะเมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับผู้หญิงข้ามเพศ แม้จะมีหลักฐานแต่แทบไม่มีการคุ้มครองเหยื่อเลย เช่นเดียวกับข่าวล่าสุด เมื่อ ‘มีมี่’ อดีตพนักงานร้านนาฬิกาที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าเกษรวิลเลจ ถูกนายจ้างซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท ล่วงละเมิดทางเพศ อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย แม้จะมีกล้องวงจรปิดชี้ชัดหลักฐาน นั่นทำให้เธอต้องตัดสินใจลาออกจากงาน เพื่อความปลอดภัย เพื่อยืนยันว่าคนในสังคมที่มองหาความเท่าเทียมของ ‘ทุกเพศ’ ยังมีอยู่ นาดา ไชยจิตต์ ตัวแทนผู้หญิงข้ามเพศจึงสร้างแคมเปญเรียกร้องผ่าน Change.org เสนอให้ห้างฯ เกษรวิลเลจ มีนโยบายป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศในสถานประกอบการและบังคับใช้อย่างเคร่งครัด ซึ่งตอนนี้เราขออีก 1,800 รายชื่อ เพื่อให้ทะลุเพดาน 7,500 รายชื่อเท่านั้น ปัจจุบันมีมี่ดำเนินคดีทางกฎหมายกับนายจ้างในทุกช่องทางที่ทำได้ และอยู่ในขั้นตอนซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมหลักฐาน ที่สำคัญห้างฯ เกษรวิลเลจจะต้องออกมารับผิดชอบเกี่ยวกับการสร้างหลักประกันในชีวิตของพนักงาน บริษัทคู่ค้า ห้างร้านที่มาเช่าที่ และลูกค้าที่มาใช้บริการ ว่าจะปราศจากการถูกคุกคามทางเพศ เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ในสังคม ที่จะสร้างความปลอดภัยให้ทุกชีวิต ทุกอัตลักษณ์ และทุกเพศวิถีในไทย ลงชื่อสนับสนุนได้ที่ : https://bit.ly/2VvnUKx
สายเนื้อต้องลอง! เนื้อสัตว์สเต็มเซลล์ เนื้อวากิวสังเคราะห์จากห้องแล็บ ที่ออกแบบรสชาติ หน้าตาได้ตามต้องการ
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอาหารทุกวันนี้ไปไกลมาก ปัจจุบันมีเทรนด์อาหารชนิดใหม่ที่เรียกว่า ‘เนื้อสัตว์สเต็มเซลล์’ นับเป็นอาหารทางเลือกใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งมีชีวิต และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นกว่าเก่า เพราะมีวิธีการผลิตที่ใช้สเต็มเซลล์จากสัตว์และเพาะเลี้ยงด้วยสารอาหารต่างๆ ทำให้ได้สารอาหารใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์ โดยไม่จำเป็นต้องฆ่าสัตว์อีกต่อไป ทว่ากรรมวิธีดังกล่าวอาจจะถูกใจบรรดาคนรักสัตว์ แต่ก็ยังคงไม่เป็นที่พอใจสำหรับคนรักเนื้อ เพราะทำให้ได้เนื้อที่ค่อนข้างหยาบ จึงนิยมนำไปบดรวมกับวัตถุดิบและเครื่องปรุงอื่นๆ อาทิ แฮมเบอร์เกอร์ เป็นต้น แต่รสชาติอาจจะยังไม่ใกล้เคียงกับที่ต้องการ แต่ก้าวสำคัญของวงการเนื้อสังเคราะห์ได้เริ่มขึ้นเมื่อนักวิจัยจาก Osaka University สามารถผลิตเนื้อวากิวสังเคราะห์ ที่มีความซับซ้อนของเนื้อ และชั้นไขมันเสมือนลายหินอ่อน ของโปรดปรานของเหล่าคนรักเนื้อทั่วโลกได้แล้ว โดยใช้โครงสร้างทางจุลกายวิภาคของเนื้อวากิว จำลองเป็นพิมพ์เขียว และใช้เทคโนโลยี 3D-printing ผลิตเส้นใยของเนื้อเยื่อ เส้นใยของไขมัน และเส้นใยของหลอดเลือดในลักษณะเป็นเส้น ก่อนจะนำมาวางเรียงกัน ซึ่งเรียกขั้นตอนนี้ว่า The Marbling Process ในลักษณะเหมือนเส้นสปาเกตตีเส้นเล็กจำนวนมากที่ถูกมัดเข้ารวมกัน ความพิเศษจึงเกิดขึ้น ด้วยกรรมวิธีการดังกล่าวที่เราสามารถที่จะเรียงลำดับเส้นใยของเนื้อและไขมันได้อย่างอิสระ ซึ่งลำดับการจัดวางที่แตกต่างระหว่างไขมันกับส่วนของเนื้อ ย่อมส่งผลต่อรสชาติที่เกิดขึ้น ทำให้เราสามารถออกแบบหน้าตาและรสชาติของเนื้อได้ตามต้องการ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เทคโนโลยีดังกล่าวจะสามารถผลิตเนื้อวากิวสังเคราะห์ได้เพียงชิ้นเล็กๆ ด้วยข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี แต่นับเป็นก้าวสำคัญของวงการอาหารโลกที่จะนำไปสู่การพัฒนาอาหารเพื่อตอบโจทย์การขาดแคลนอาหารในอนาคต และลดการเบียดเบียนสิ่งมีชีวิตอื่น บนโลกใบนี้ไปพร้อมๆ กัน Source : Freethink | https://www.freethink.com/science/lab-grown-beef
DailyBean แอปฯ ไดอารี่บันทึกอารมณ์และกิจกรรมรายวัน เพื่อทบทวนตัวเองว่าวันนี้เราสุขและทุกข์เพราะอะไร
วันนี้รู้สึกอย่างไร ฝนฟ้าอากาศเป็นใจไหม ทำกิจกรรมอะไรไปบ้าง กินข้าวครบทุกมื้อหรือเปล่า ได้นอนเต็มอิ่มไหม ลองมารีเช็กตัวเองก่อนเข้านอนกับน้องถั่วเขียวจากแอปพลิเคชัน ‘DailyBean’ ตัวช่วยบันทึกอารมณ์ ความรู้สึก และกิจกรรมในชีวิตประจำวันง่ายๆ ด้วยปลายนิ้ว! แอปฯ DailyBean เป็นปฏิทินรายเดือนที่มีฟังก์ชันบันทึกห้วงอารมณ์และความรู้สึกรายวันด้วยถั่ว 5 อารมณ์ ตั้งแต่ยิ้มแย้มแจ่มใส ไปจนถึงร้องไห้แงๆ แถมเรายังใส่ดีเทลอื่นๆ เพิ่มเข้าไปได้ตามหัวข้อที่ต้องการ เช่น วันนี้ได้คุยกับใครเป็นพิเศษ ความรักกับไอ้ต้าวความรักเป็นไปได้ด้วยดีไหม หรืออีเวนต์พิเศษได้ออกไปช้อปปิงหรือเปล่า พร้อมทั้งจดโน้ตสั้นๆ หรือใส่ภาพลงไปได้ด้วย น้องถั่วเขียวของเราจะวิเคราะห์อารมณ์กับกิจกรรมเหล่านั้น สรุปเป็นสถิติรายสัปดาห์และรายเดือน ดังนั้นเราสามารถย้อนกลับไปเช็กอารมณ์ของตัวเองได้ ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้รู้สึกเศร้า หรือมีความสุขเป็นพิเศษ เพื่อรู้จักตัวเองมากขึ้นและดูว่าอารมณ์ของเราผันผวนไปหรือเปล่า ซึ่งหากผลลัพธ์ออกมาเราทุกข์มากกว่าสุข อาจจะหาทางแก้ไขต่อหรือไม่ก็ได้ หากคุณเป็นคนชอบบันทึกชีวิตประจำวันแต่ไม่ชอบเขียนยาวๆ DailyBean จึงเป็นแอปฯ ที่ตอบโจทย์ เพียงแค่ Tab ไปตามหัวข้อ แถมยังใช้งานง่ายไม่ยุ่งยากอีกด้วย ซึ่งเปิดให้ดาวน์โหลดฟรีทั้งในระบบ App Store (https://apple.co/3jYeCQy) และ Google Play (https://bit.ly/3lfuBcJ) โดยให้ทดลองใช้แบบพรีเมียม 7 วันก่อนจะปรับเป็นแบบธรรมดา อีกทั้งยังสามารถซื้อพรีเมียมรายเดือนในราคา 29 […]
ปี 2025 โซลจะมีสวนวัฒนธรรมริมน้ำที่ตอบโจทย์ทุกคน
กรุงเทพฯ มี ‘โอ่งอ่าง’ คลองที่สวยที่สุดในเมืองกรุง แต่ในปี 2025 ‘โซล’ เมืองหลวงของประเทศเกาหลีใต้กำลังจะมีสวนสาธารณะวัฒนธรรมริมน้ำ ที่มีสามดีเทลสำคัญเป็นหัวใจหลักของการดีไซน์พื้นที่ หนึ่ง. ศิลปะ สอง. วัฒนธรรม สาม. สเปซที่เชื่อมต่อทั้งย่าน Seongdong เข้าด้วยกันให้เดินไปมาหาสู่กันได้แบบทะลุปรุโปร่ง ทั้งสามรายละเอียด ถูกคิดค้น ออกแบบเพื่อตอบโจทย์วิถีการใช้ชีวิตของคนเมืองให้ทุกคนเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย และได้พักผ่อนหย่อนใจ คลายเครียดทั้งร่างกายและจิตใจกันถ้วนหน้า ทั้งนี้ในปี 2025 เรากำลังจะได้ยลโฉมสเปซบริเวณลำธาร Jungnangcheon (중랑천) ซึ่งจะถูกแปลงโฉมใหม่ทั้งหมด เพื่อให้ประชาชนเกาหลีได้มีพื้นที่ทางวัฒนธรรมริมน้ำแห่งใหม่ ซึ่งผสมผสานระหว่างศิลปะและการพักผ่อนหย่อนใจเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว คลองหรือลำธารจุงนังเป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำฮัน มีต้นกำเนิดมาจากหุบเขา Dorak ใน Yangju จังหวัด Gyeonggi ซึ่ง Cheonggyecheon ก็เป็นลำน้ำสาขาของ Jungnangcheon ลุ่มน้ำทั้งหมดมีพื้นที่ 299.9 ตารางกิโลเมตร ลำธารส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองอึยจองบูและกรุงโซล อภิมหาโปรเจกต์ของรัฐบาลโซล (The Seoul Metropolitan Government) ครั้งนี้จะมีการสร้างถนนใต้ดินระหว่างสะพาน Changdonggyo และสะพาน Sanggyegyo ภายใต้ลำธาร […]
ฝึกอาชีพกับ ‘Young ออนไลน์’ โครงการช่วยเด็กไทยไม่ให้หลุดจากระบบการศึกษา
การระบาดของ COVID-19 เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เด็กไทยมีโอกาสที่จะหลุดจากระบบการศึกษามากที่สุดในประวัติศาสตร์ มีเด็กจำนวนไม่น้อยที่อยากเรียนต่อแต่ต้องออกจากโรงเรียนเพราะขาดแคลนทุนทรัพย์ในสถานการณ์นี้ หลายคนจึงต้องออกจากโรงเรียนเพื่อมาทำงานเต็มเวลา ทั้งๆ ที่การศึกษาควรเป็นเครื่องมือที่พาชีวิตของเด็กไทยไปได้ไกลกว่านี้ หากคุณมีนักเรียน เพื่อน และคนรอบตัวที่มีความเสี่ยงต้องออกจากโรงเรียนเพราะขาดแคลนทุนการศึกษาอยู่ เราอยากแนะนำให้รู้จักกับโครงการ ‘Young ออนไลน์’ โครงการที่ให้น้องๆ ที่เสี่ยงหลุดออกจากระบบการศึกษาได้ฝึกทักษะอาชีพที่นำไปใช้ได้จริง และไม่มีสอนในหลักสูตรของโรงเรียน เช่น ทักษะการสื่อสาร ทักษะการตลาดออนไลน์ และทักษะการผลิตสื่อ รวมไปถึงทักษะชีวิต เช่น การตระหนักรู้ในตนเอง การแก้ปัญหา และการทำงานร่วมกับผู้อื่น โดยมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อให้เยาวชนสามารถสร้างรายได้แก่ตนเอง ลดความเสี่ยงที่จะหลุดออกจากระบบการศึกษา และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีทักษะพร้อมใช้ชีวิตในศตวรรษที่ 21 คุณสมบัติผู้สมัคร1. เป็นนักเรียนชั้น ม.3 – 6 ที่เสี่ยงหรือมีความเสี่ยงหลุดจากระบบการศึกษาด้วยปัญหาด้านทุนทรัพย์2. มีความตั้งใจ และต้องการจะอยู่ในระบบการศึกษาต่อ3. มีความมุ่งมั่นและตั้งใจทำงานที่มีคนมอบหมายให้4. ถ้ามีความสนใจเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์และสินค้าในชุมชน ยิ่งดี! เมื่อฝึกทักษะจบแล้ว เยาวชนจะเข้าทำงานกับผู้ประกอบการในพื้นที่ในการยกระดับช่องทางการขายสู่ช่องทางออนไลน์ ทั้งการวิเคราะห์ลูกค้า ออกแบบสื่อ และช่วยสื่อสารในการขาย ซึ่งรายได้จากการขายสินค้าจากการประชาสัมพันธ์และช่วยงานของเยาวชน จะกลายเป็นรายได้และทุนทรัพย์ทางการศึกษาของเยาวชนต่อไป ระยะเวลาโครงการจะเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน-ต้นเดือนธันวาคม 2564 สมัครได้แล้ววันนี้ – 18 กันยายน 2564 ลงทะเบียนได้ที่นี่ https://bit.ly/3jT0qbHป.ล. […]
สิงคโปร์เลิกแจ้งยอดติดเชื้อโควิด-19 บอกเฉพาะเตียงว่างและวิธีรับมือ แม้มีผู้ติดเชื้อใหม่สูงสุดในรอบปี
สิงคโปร์เปลี่ยนท่าทีในการรายงานประจำวันของสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยไม่ได้ชูจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นหัวใจสำคัญ และจะกล่าวถึงความพร้อมและขีดความสามารถในการดูแลผู้ป่วยแทน แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะพุ่งขึ้นสูงที่สุดในรอบปีที่ผ่านมา ในปัจจุบันสิงคโปร์ได้ทำการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนไปแล้วถึง 81 เปอร์เซ็นต์ มากที่สุดในบรรดาประเทศที่มีประชากรสูงกว่า 1 ล้านคน แต่จำนวนเคสของผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการ หรืออาการไม่รุนแรงกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 2 เท่าเมื่อเทียบกับเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็น 349 ราย ในขณะที่ผู้ป่วยอาการรุนแรงมีจำนวนใกล้เคียงกับก่อนหน้านี้ กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์บอกว่าต่อไปนี้การอัปเดตจะมีเพียงวันละหนึ่งครั้ง แทนที่จะเป็นสองครั้งเหมือนเมื่อก่อน รวมถึงจะไม่รายงานเกี่ยวกับเคส หรือคลัสเตอร์ที่มีความเชื่อมโยงกันอีกต่อไปยกเว้นในกรณีที่สื่อให้เห็นถึงความรุนแรงของการแพร่ระบาด “ตอนนี้เราอยู่ในสถานการณ์ที่แตกต่างออกไปมากในการต่อสู้กับโควิด-19” กระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่าต่อไปนี้จะรายงานเฉพาะขีดความสามารถของโรงพยาบาลในการรับมือกับผู้ป่วย เช่น จำนวนเตียงหรือห้องไอซียูที่ยังว่างอยู่ โดยดำเนินการควบคู่ไปกับแผนการควบคุมไวรัสกลายพันธุ์ อย่างไรก็ตามถึงจำนวนผู้ป่วยมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้น แต่สิงคโปร์ยังมีความพร้อมหากสถานการณ์เลวร้ายลง Ong Ye Kung รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเคยให้สัมภาษณ์ว่า สิงคโปร์สามารถให้บริการเตียงไอซียูแก่ผู้ป่วยโควิดได้มากถึง 1,000 เตียง ซึ่งปัจจุบันมีคนไข้อยู่ในไอซียูแค่ 6 คนเท่านั้น และเคยมีผู้ป่วยโควิดที่อาการรุนแรงจนต้องเข้าไอซียูพร้อมกันสูงสุดเพียง 32 คน ในเดือนเมษายนปี 2020 รัฐบาลสิงคโปร์ยังคงมองหาช่องทางที่จะเพิ่มขอบเขตและความสามารถในการรักษาประชาชน โดยจัดพื้นที่ในสถานบริการชุมชนสำหรับผู้ติดเชื้อโควิดที่มีอาการไม่รุนแรง หรือไม่แสดงอาการ 5,500 ราย ซึ่งหากนำผู้ป่วยทั้งหมดในเดือนที่ผ่านมาเข้ามาใช้บริการ ก็ยังมีพื้นที่ว่างเหลือมากกว่า 2,000 เตียง นอกจากนี้รัฐบาลยังเตรียมให้ผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรงกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้อีกด้วย