เชื่อว่านิยามคำว่า ‘ฝั่งธนฯ’ ของแต่ละคนมีความแตกต่าง
แต่ไม่ว่าอาณาเขต ‘ธนบุรี’ ในความรู้สึกนึกคิดของคุณจะกว้างใหญ่เพียงใด เพียงแค่ฟากซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยา ไกลจรดทะเลบางขุนเทียน หรือยาวไปถึงชายแดนกรุงเทพฯ ติดปริมณฑลอย่างบางแค-หนองแขม ก็ตามที รู้หรือไม่ว่าทั้งหมดทั้งมวลนี้เริ่มที่ย่านบางกอกใหญ่ ศูนย์กลางการปกครองของกรุงธนบุรี ราชธานีเก่าของเมืองไทย
คอลัมน์ Neighboroot คราวนี้เลยขออาศัยไกด์บุ๊กนำทางติดกระเป๋า พร้อมแอปพลิเคชันเกม ‘ท่องธน’ (Game of Thon) สวมบทนักผจญภัย โดยมีสมาชิกกลุ่มยังธนและผู้พัฒนาเกมเป็นคนนำทีม เปิดแมปฝั่งธนฯ ตะลุยบางกอกใหญ่ ในชุมชนวัดนาคกลาง หาขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ทั้งโบราณสถาน ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่สัญลักษณ์เมืองไทยอย่างพระปรางค์วัดอรุณฯ แต่ยังรวมไปถึงผู้คนริมคลองมอญและร้านรวงของคนในย่านที่เป็นเสมือน Hidden Gem
หากอยากลองชิมลางร่วมตี้ แค่โหลดเกมและจัดทีมก็ออกมาร่วมสนุกได้ หรือหากอยากรู้จักฝั่งธนฯ แบบทะลุปรุโปร่ง หยิบไกด์บุ๊กท่องธนใส่กระเป๋าแล้วออกย่ำเท้าไปพร้อมกัน เมื่อจบภารกิจท่องธนครั้งนี้แล้ว ไม่แน่ว่าคำนิยามและความรู้จักของคุณที่มีต่อฝั่งธนฯ อาจเปลี่ยนไป
เรานั่งย้อนเขียนถึงเรื่องราวการผจญภัยนี้ที่ฝั่งพระนคร
มองย้อนออกไปริมแม่น้ำเจ้าพระยา เยื้องไปไม่ไกลคือ ‘วังเดิม’ ศูนย์กลางการปกครองของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช กษัตริย์เพียงพระองค์เดียวของกรุงธนบุรี ที่ปัจจุบันเป็นพื้นที่ของกองทัพเรือ ติดกับวัดอรุณราชวรารามฯ
หากอ้างอิงตามประวัติศาสตร์กระแสหลัก ภายหลังจากกรุงศรีอยุธยาสิ้นสภาพไป เกิดการสถาปนาเมืองแห่งใหม่ขึ้นมาไม่ไกลจากปากแม่น้ำเจ้าพระยา
ราชธานีแห่งนี้ตั้งอยู่ได้ประมาณ 15 ปี ก่อนเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองครั้งสำคัญที่ทำให้มีการย้ายเมืองหลวงมาตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำ สถาปนาเป็นรัฐแห่งใหม่
ในฐานะผู้สังเกตการณ์ เรารู้สึกว่าฝั่งธนฯ กับฝั่งพระนครแตกต่างกันทั้งในเชิงกายภาพและวิถีชีวิต
ในวันที่คำนำหน้าว่า ‘กรุง’ แปรเปลี่ยนเป็นเพียงคำว่า ‘ฝั่ง’ เมื่อศูนย์กลางอำนาจข้ามฟากน้ำ ความเจริญยักย้ายถ่ายเทไปอัดแน่นอยู่ในฝั่งพระนคร และขยายตัวออกไปทั้งในแนวสูงและแนวราบทุกวันแบบไม่หยุดยั้ง
กว่า 240 ปีที่ผ่านมา กลายเป็นว่าฝั่งธนฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่หลายคนมองว่าพัฒนาไม่รุดหน้าเท่า แต่กลับมีข้อดีคือการค่อยๆ เจริญเติบโตแบบเนิบช้า บรรยากาศของฝั่งธนฯ จึงยังคงรักษาชุมชนเก่าและเรือกสวนไว้ได้อย่างครบถ้วน ร่องรอยของเรื่องราวต่างๆ ในอดีตยังอยู่อย่างสมบูรณ์โดยไม่ถูกคำว่า ‘การพัฒนา’ รบกวนมากนัก โดยเฉพาะในเขตบางกอกใหญ่-ศูนย์กลางการปกครองของกรุงธนบุรี อดีตราชธานีที่รุ่มรวยด้วยเรื่องราว ผู้คน และวัฒนธรรม ตลอดจนยังคงเสน่ห์ของย่านเมืองเก่าที่ผูกพันกับสายน้ำมาตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้
‘ยังธน’ กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชวน ‘ท่องธน’ เพราะอยากให้ฝั่งธนฯ พัฒนา
‘ยังธน’ เป็นชื่อกลุ่มและเพจที่น่าจะผ่านตาหลายคนมาสักพักใหญ่ จากการนำเสนอคอนเทนต์ต่างๆ ในฝั่งธนบุรี ทั้งสถานที่อันซีนในย่านลับๆ และกิจกรรมของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ร่วมแรงใจพัฒนาให้แถบนี้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง กระทั่งไม่นานมานี้ การเปิดตัวเกม ‘ท่องธน’ (Game of Thon) เป็นแรงกระเพื่อมอีกครั้งที่ทำให้กลุ่มนี้ถูกพูดถึงในวงกว้างขึ้น
‘ท่องธน’ เป็นเกมที่รวบรวมสถานที่สำคัญ ร้านค้าน่าสนใจ สอดแทรกประวัติศาสตร์ในชุมชนผ่านมินิเกม เพื่อชวนให้ผู้เล่นได้ลองสัมผัสการท่องเที่ยวย่านรูปแบบใหม่ ผ่านการออกล่าขุมทรัพย์ในย่านบางกอกใหญ่ด้วยการลงพื้นที่จริง ที่ทีมผู้พัฒนาเนรมิตศูนย์กลางของกรุงธนบุรีให้กลายเป็นเหมือนแมปหนึ่งในเกม
“จุดเริ่มต้นของเกมคือ บางคนอยากทำเรื่องต้นไม้ อยากทำหลายเรื่อง พี่คนหนึ่งก็เลยบอกว่า เรามายุบรวมทุกอย่างเป็นเกมมั้ย ทำภารกิจด้วยกัน โดยตั้งสมมติฐานว่าอยากชวนเด็กในบางกอกใหญ่มาออกแบบเกมด้วยกัน” ‘พี่เมฆ-เมฆ สายะเสวี’ หนึ่งในทีมยังธนและผู้พัฒนาเกมท่องธน บอกเล่าถึงกระบวนการพัฒนาเกมที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จนออกมาเป็นเกมที่ไม่ได้มอบเพียงแค่ความสนุก แต่ยังเกิดการมีส่วนร่วมของทั้งคนในและนอกชุมชนด้วย
นอกจากเกมท่องธนในรูปแบบแอปพลิเคชัน ซึ่งเปิดประสบการณ์แปลกใหม่ในการเที่ยวย่านเก่าได้ไม่น้อย ยังมีโปรเจกต์อีกชิ้นหนึ่งที่กลุ่มยังธนภูมิใจเสนอ
“เราพบว่าเกมมีอุปสรรค ไปไม่ทั่วบางกอกใหญ่ กระจุกอยู่เฉพาะแถววัดอรุณฯ เลยเอาหนังสือมาช่วยเสริม” เมื่อทีมสำรวจออกทำเส้นทาง จึงพบว่าในพื้นที่ฝั่งธนบุรีมีความหลากหลายมาก นี่จึงเป็นที่มาของการทำเป็นไกด์บุ๊กที่อัดแน่นด้วยเส้นทางและสถานที่ เป็นแผนที่นำทางชั้นดีในการออกผจญภัย ทำภารกิจ ตะลุยด่านเพื่อพิชิตบรรดาเพชรเม็ดงามที่ซุกซ่อนอยู่ในชุมชนเก่าต่างๆ ของฝั่งธนบุรี สมกับคำโปรยด้านหลังของไกด์บุ๊กเล่มไม่ใหญ่นี้
‘เดินลัดเลาะฝั่งธนด้วยสองเท้า ผ่านเส้นทาง เรื่องราว และผู้คน ที่จะพาคุณไปพบประสบการณ์ใหม่ผ่านท่องธนไกด์บุ๊ก’
‘บางกอกใหญ่’ ชุมชนและชีวิตริมสายน้ำ
ไม่ผิดนักหากจะพูดว่า ถนนอิสรภาพเป็นหนึ่งในเส้นทางหลักของย่านบางกอกใหญ่ในปัจจุบัน ไม่ต่างจากคลองมอญ สายเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงชีวิตของคนในย่านนี้ตั้งแต่อดีต
ชาวธนบุเรียนพาเราเดินย้อนจากถนนไปสู่ทางเดินเลียบคลองมอญ มุ่งสู่ชุมชนวัดนาคกลาง เขาบอกว่านี่เป็นเพียงส่วนเสี้ยวเดียวของหนึ่งในรูตเส้นทางที่บรรจุอยู่ในเกม เสมือนทางลัดที่ให้เราได้ทำความรู้จักย่านนี้ในเวลาอันจำกัด
คลองมอญคือคลองขุดที่แยกมาจากแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นเขตแดนธรรมชาติที่แบ่งย่านบางกอกใหญ่กับบางกอกน้อยออกจากกัน บรรยากาศความเป็นอยู่แถวนี้ยังมีความดั้งเดิมมาก ไม่ว่าจะเป็นบ้านหลังงามหลายสมัย เป็นต้นว่าบ้านเรือนไทยจนถึงบ้านแบบขนมปังขิง ตลอดจนอารามโบราณที่ทอดตัวอยู่ริมฝั่งน้ำ เช่นเดียวกับหน่วยงานของทหารเรือด้วย
“โซนบางกอกใหญ่เป็นที่ของข้าราชบริพาร ทหาร บางที่เป็นชุมชนมอญ ชุมชนลาว ที่เกณฑ์มาเป็นกองทัพเรือ ถ้าไปตามทิศทางเกมจะเจอชุมชนมุสลิมที่มัสยิดต้นสน เป็นที่ฝังศพของพระยาจักรี ทหารเอกของพระเจ้าตาก เป็นคนแขก” เขาเล่าถึงความสำคัญของพื้นที่แถบนี้
ระหว่างทางเดินเลียบคลอง เจ้าถิ่นให้ข้อมูลว่าไกด์บุ๊กท่องธนไม่ได้มีแต่การเดินเท้าเท่านั้น แต่ยังมีการออกสำรวจทางน้ำในชื่อ ‘เส้นทางสายน้ำยามเย็น’ โดยใช้เรือของ Hidden Bangkok ทีมนำเที่ยวทางน้ำเป็นพาหนะหลัก ที่จะพาล่องเรือในคลองบางกอกใหญ่ สำรวจวัดวาเก่าแก่ริมคลอง ส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่ยังหลงเหลืออยู่
“เส้นทางนี้เสียเงินเยอะหน่อย แต่คุ้ม นั่งเรือรอบเกาะบางกอกใหญ่เลย ไกด์โคตรเจ๋งเลย” หรือหากใครอยากสวมบทบาทนักวิ่ง มาพร้อมสกิลความเร็วและพลังไม่มีหมด ยังมี ‘เส้นทางวิ่งผจญภัยทะลุสวน’ พาออกผจญภัยสวนลับที่ซ่อนตัวอยู่กลางเมือง ตามหาบ้านเรือนเก่าแก่ วิถีชีวิตชาวสวน และเวิร์กช็อปทำว่าว ท่ามกลางบรรยากาศอันร่มรื่น ในช่วงเช้าที่อากาศยังไม่ร้อนมากนัก
ส่วนเส้นทางอื่นๆ นอกเหนือจากนี้คือ ‘รุ่งอรุณแห่งไฟ’ ที่เล่นได้ผ่านแอปพลิเคชันในสมาร์ตโฟน ‘อรุณอัสดง’ เส้นทางเต็มของรูตในวันนี้ หรือ ‘ตำรับสำรับธน’ และ ‘กับข้าวชาวฝั่งธน’ ที่บรรจุร้านเด็ดร้านดังไปจนถึงร้านอาหารที่ควรมาลองสักครั้ง ถือเป็นเส้นทางสำหรับนักชิมโดยเฉพาะ และ ‘ปอดแห่งบางกอกใหญ่’ ที่ชวนดื่มด่ำชีวิตชาวสวนฝั่งธนฯ เดินเลาะเงาครึ้มของต้นไม้นานาพรรณ พร้อมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับปราชญ์ในชุมชน
ทั้ง 7 เส้นทางนี้ รอคอยให้เหล่าเกมเมอร์ได้ลงพื้นที่ตะลุยด่านในโลกจริงให้ครบ
“ตอนแรกหวังให้คนข้างนอกเล่นนะ แต่คนข้างในก็สนุก กลายเป็นว่าเด็กบางกอกใหญ่สนุกกันเอง ตอนหาสถานที่ทำเกม เดินไปหลังบ้านตัวเองเจอบ้านสวน บ้านสวยๆ เจอ Hidden Gem เยอะ เจอคุณลุงทำหัวสิงโตไม้ไผ่ เราก็โอ้โห กลายเป็นเราที่ว้าวเอง พอพี่ๆ ในชุมชนและเจ้าของร้านไปเล่นกันเองก็เริ่มมาบอกว่ามีร้านนี้ด้วยเหรอ มีร้านไอติมด้วยเหรอ มีร้านน้ำราคาถูกด้วยเหรอ”
ทำเวิร์กช็อปไอศกรีมโฮมเมดจากผลผลิตออร์แกนิกที่ Priscilla ice cream
ออกเดินทางแบบท้าแดดร้อนของประเทศไทยไม่เท่าไร ทำเอาพลังชีวิตลดไม่น้อย เห็นทีจะต้องแวะพักที่จุดเช็กพอยต์สักครู่
“ที่นี่เป็นเหมือนโอเอซิสเลย” พี่เมฆเอ่ยระหว่างนำทางมาถึงตึกสีขาวที่ตั้งตระหง่านท่ามกลางชุมชน
Priscilla ice cream คือร้านไอศกรีมโฮมเมดประจำชุมชนวัดนาคกลาง ไม่ไกลจากหลังโรงเรียนทวีธาภิเศก มี ‘พี่ปลา-อานนท์ เดชะ’ และ ‘พี่เอ๋-ปริศนา อ่ำทิม’ เป็นเจ้าของ
“มาจากแฟนพี่ชอบกินไอติม เราก็อยากกินไอติมที่ทำด้วยตัวเอง อยากโฮมเมด ดูในยูทูบมันยาก จนสุดท้ายทดลองไปเรียน” เจ้าของร้านฝ่ายชายเผยถึงที่มาของร้านไอศกรีมฮอตฮิตของทั้งหมู่ทหารเรือ เด็กนักเรียนในละแวกนี้ รวมถึงแฟนคลับที่ติดใจตามมาตั้งแต่เริ่มทำขายโดยการออกบูทตามงานต่างๆ
เมื่อทุกอย่างไปได้สวย ความคิดเปิดร้านที่บ้านจึงเกิดขึ้นไล่เลี่ยกับช่วงโควิด-19 มาเยือน เจ้าของร้านบอกว่า ในระยะแรกเปิดร้านอยู่ใต้ต้นชมพู่ม่าเหมี่ยวหน้าบ้าน มีเก้าอี้ม้าหินไว้รองรับลูกค้า ขายให้คนในชุมชนและเด็กนักเรียน โดยลดราคาสำหรับเด็กๆ เป็นพิเศษ เพื่อให้จับต้องได้ในราคาไม่แพง ก่อนจะขยับขยายเป็นร้านโฉมปัจจุบัน
และเพื่อให้ได้รสชาติที่ถูกใจทั้งตัวเองและลูกค้า ทั้งคู่จึงพยายามปรับปรุงสูตรอยู่เสมอ รวมถึงครีเอตรสชาติใหม่ๆ ให้ได้ลิ้มลอง โดยมีวัตถุดิบคือผลผลิตปลอดสารจากสวนของคุณพ่อที่จังหวัดสระบุรีเป็นตัวชูโรง
“พ่อของพี่เป็นอาจารย์เกษียณ ก็ปลูกมะนาว เสาวรสบ้าง พอเราทำไอติมก็เอาผลผลิตจากสวนมาลองทำ กลายเป็นว่าเราได้วัตถุดิบธรรมชาติ ซึ่งที่สวนของเราไม่ใช้ยาฆ่าแมลงเลย อินทรีย์ล้วนๆ”
ในแต่ละสัปดาห์ ร้านจะมีไอศกรีมรสใหม่ที่ครีเอตออกมาอย่างน้อยหนึ่งรส รวมๆ แล้วตั้งแต่เปิดร้านมาถึงวันนี้ก็มีถึง 200 กว่ารสแล้ว
ขณะที่ในทุกวันจะลงไว้ในตู้ประมาณ 15 รส ซึ่งเจ้าของกระซิบว่า บางครั้งบางรสชาติก็อาจถูกซ่อนอยู่ใต้ตู้ ด้วยเงื่อนไขต่างๆ ที่นำขึ้นมาไม่ได้ เช่น มีแอลกอฮอล์ผสม หรือกลิ่นแรงอย่างรสทุเรียน แต่ก็จะมีติดป้ายแนะนำอยู่ หากไม่ทันได้มองก็ชวดอดกลิ่นรสชาติพิเศษนี้ไป
“รสชาติใหม่ก็ดูตามเทรนด์และผลผลิตจากไร่ ซึ่งมีผลไม้แปลกๆ เยอะ เช่น ทุเรียนเทศ ฟักข้าว แต่ตอนนี้แรร์ไอเทมคือชมพู่ม่าเหมี่ยวหน้าบ้าน ต้นนี้เก่าแก่มาก ตั้งแต่ก่อนพี่เกิด รสชาติดีมาก ดีกว่าที่สวนอีก ลูกใหญ่กลิ่นหอม รสชาติเปรี้ยวหวาน” พี่ปลานำเสนอ พร้อมฝากทิ้งท้ายว่า หากใครอยากลองชิมไอศกรีมรสชมพู่ม่าเหมี่ยว มาได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องแข่งกับกระรอกและนกที่มาชิงกินตัดหน้าด้วย
ขอบอกว่าร้านไอศกรีมแห่งนี้เป็นหนึ่งในจุดหมายของรูตที่ไม่ควรพลาด เพราะนอกจากจะสามารถมาแวะพักตากแอร์ ชิมไอศกรีมเย็นๆ และเครื่องดื่มดับร้อน หลังจากออกแรงเดินเหนื่อยๆ แล้ว ส่วนหนึ่งของเกมคือกิจกรรมเวิร์กช็อปทำไอศกรีมที่เจ้าของยินดีสอนให้อย่างไม่กั๊ก แถมในช่วงเย็นถึงค่ำยังมีไอศกรีมแอลกอฮอล์รสพิเศษสำหรับผู้ใหญ่ เช่น สาโทผลไม้ ให้ได้ลองกันด้วย
ชม ‘วัดนาคกลางฯ’ อารามโบราณกลางชุมชนดั้งเดิมริมคลองมอญ
หากสังเกตให้ดี ระหว่างเดินทางท่องย่านจะพบบ้านเรือนแนวราบมากกว่าแนวสูง ซึ่งริมคลองมอญนี้เป็นตัวอย่างได้ดีทีเดียว
เจ้าของ Hidden Bangkok กลุ่มเรือนำเที่ยวและที่พักที่พี่เมฆพูดถึงในตอนแรก ตั้งข้อสังเกตให้ฟังว่า ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะที่ดินของชุมชนเป็นกรรมสิทธิ์ของวัดต่างๆ ที่มีมากมายชนิดกำแพงติดกัน รวมถึงเรื่องเทศบัญญัติจากรัฐที่จำกัดความสูงของตึกด้วย ทำให้คอนโดฯ ของเอกชนไม่รุกคืบเข้ามาในแถบนี้ โดยเฉพาะที่ริมน้ำโซนบางกอกใหญ่และบางกอกน้อยที่อยู่ตรงข้ามเกาะรัตนโกสินทร์
ขณะที่พี่เมฆช่วยเสริมเรื่องราวผ่านภาพพื้นหลังของพระปรางค์วัดอรุณฯ ซึ่งหากมองจากฝั่งธนฯ ที่กำลังยืนกันอยู่ตรงนี้ เราจะเห็นภาพพื้นหลังเป็นตึกสูงระฟ้าของย่านธุรกิจใจกลางกรุงเทพฯ ขณะที่เมื่อมองจากฝั่งพระนครจะพบว่าฉากหลังของวัดอรุณฯ คือท้องฟ้าสีสดใสที่แทบไม่มีตึกสูงมารบกวน ซึ่งนี่คือสภาพของชุมชนเมืองฝั่งธนฯ
“วัดอรุณฯ เดียวกัน แต่มองจากคนละฝั่งจะเห็นมุมที่แตกต่าง” เขาว่า
“เรามองว่าฝั่งธนฯ เหมือนบ้าน เนิบๆ ช้าๆ เราจะเจอบ้านไม้ที่มีต้นไม้ใหญ่อีกเยอะ มีมัสยิด มีโบสถ์ มีความเป็นชุมชนสวน บ้านสวน ฝั่งธนฯ น่ามาหาบ้านร้างแล้วเช่าอยู่ โคตรน่าอยู่เลย และตอนนี้มีรถไฟฟ้า MRT มาละ สบายเลย” พี่เมฆ-ชาวบางกอกใหญ่ตั้งแต่เกิดเล่าเพิ่ม
“เมื่อไรที่ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามาจะรู้สึกโฮมมี่ อย่างเวลาเราไปซื้อของที่ตลาดโพธิ์สามต้น เรารู้จักแม่ค้าเกือบทุกร้านเลยนะ”
จริงดังที่คนพื้นที่ว่า อย่างชุมชนที่เรามาในวันนี้ก็คือส่วนหนึ่งของหมู่บ้านที่ปลูกบนพื้นที่ของวัดนาคกลางฯ ศูนย์กลางชุมชนริมคลองมอญ ไม่ไกลจากวังเดิม แทบทั้งหมดยังเป็นบ้านเรือนแบบเก่า บางหลังริมน้ำผุพัง หลายหลังทลายลงน้ำ และยังมีอีกหลายหลังที่เจ้าของเดิมอาศัยอยู่เหมือนวันวาน
“คนดั้งเดิมฝั่งธนฯ น่าจะมีอยู่เยอะ ก็มีความชิลพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ไม่ได้รู้สึกอะไรถ้ามีคอนโดฯ มีรถไฟฟ้าเข้ามา คนแถวนี้ปรับตัวเร็วมาก ไม่ได้มองว่าพวกนี้มาคุกคาม เราเลยรู้สึกว่าฝั่งธนฯ เหมือนหลับและยังหลับอยู่” พี่เมฆเล่าให้ฟัง พร้อมกับพาออกเดินสำรวจวัดนาคกลางฯ
วัดนาคกลางฯ มีความเป็นมายาวนานถึงสมัยอยุธยาตอนปลาย ทุกวันนี้มีศาลพระเจ้าตากสินเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้านและดึงดูดนักท่องเที่ยว เกี่ยวโยงกับทำเลที่ตั้งซึ่งไม่ไกลจากวังเดิม แต่สิ่งที่เป็นอันซีนและคนไม่ค่อยรู้คือวิหารเก่าที่เดินถัดไปจากเขตพุทธาวาสของวัดไม่ไกล ซึ่งพี่เมฆบอกว่านี่คือสิ่งที่ไม่ได้ใส่ไว้ในเกม แต่หากมีโอกาสอยากให้ลองแวะเข้ามาดูกัน
สถาปัตยกรรมเก่าที่ช่างฝีมือรุ่นเก่าฝากภาพปูนปั้นหน้าบันเป็นเครื่องบูชาผสานกับศิลปกรรมแบบจีนที่นิยมในสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งมีความพิเศษคือการเจาะช่องแสงไว้บนหลังคาทั่วอาคาร ทำให้แม้ประตูหน้าต่างปิดชิดสนิท แต่เมื่อมองเข้าไปด้านในกลับสว่างเหมือนเปิดไฟ หากอยากรู้ถึงความอัศจรรย์นี้ เจ้าถิ่นแนะว่าให้ลองส่องตาผ่านช่องประตูด้านหน้า
ศาลาท่าน้ำวัดนาคกลางฯ ไม่ใช่ฉากจบของเกมหรือเส้นทางในไกด์บุ๊ก แต่คือสถานที่ปิดของการเดินทางในวันนี้ บริเวณพื้นที่ส่วนกลางของชาวชุมชน ที่ยามแดดร่มลมเย็นจะพบภาพของชาวบ้านที่พากันมานั่งเล่นจับเข่าคุย ร่วมทำกิจกรรมหรรษา ทอดอารมณ์ดื่มด่ำบรรยากาศริมคลองมอญ พร้อมบอกลาพระอาทิตย์ก่อนจะตกพ้นทิวไม้ เป็นบรรยากาศที่หายากแล้วในเมืองหลวง
ย้อนกลับไปในตอนแรก เราโยนคำถามหนึ่งไปหาพี่เมฆ ในฐานะคนที่อยากพัฒนาบ้านเกิดให้ดีขึ้นว่า ‘ฝั่งธนฯ ที่เขาอยากเห็นเป็นอย่างไร’
“เราอยากให้คนฝั่งธนฯ รู้จักกันเยอะขึ้น” เขาตอบ “มีเหตุการณ์หนึ่งตอนทำ ‘ยังธนคัพ’ (ทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลในชุมชน โปรเจกต์แรกๆ ของกลุ่มยังธน) มีเด็กตัวเล็กๆ มาสมัครเตะบอล พอแข่งเรียบร้อยแล้ว มีวันหนึ่งเรากำลังเดินกลับมาที่บ้าน มีเด็กกลุ่มหนึ่งเดินตามหลังมาโดยที่ไม่รู้ตัวเลย แล้วน้องก็ตะโกนว่าเจอแล้ว บ้านพี่อยู่ตรงนี้ น้องบอกว่าเห็นตั้งแต่เดินอยู่ในตลาด น้องเล่นเกมในร้านเกม น้องจำได้ว่าพี่ที่จัดงานบอล ก็เลยเดินตาม
“หรือไปเซเว่นแล้วน้องพนักงานเป็นน้องที่เคยเข้าร่วมกิจกรรมกับเรา แล้วเขาจำได้ ความรู้สึกเรานะ อยากให้คนฝั่งธนฯ รู้จักกัน จะผ่านกิจกรรมอะไรก็ได้ แต่มีความเป็นเพื่อนบ้าน เดินถนนทักทายกัน
“รู้สึกว่าเราได้ผลประโยชน์จากการทำยังธน ได้เพื่อนเยอะมาก เลยอยากให้ฝั่งธนฯ เป็นแบบนั้น”
นอกเหนือจากความสนุกของคนทำเกม สิ่งพลอยได้อันล้ำค่าเสมือนอีกหนึ่งขุมทรัพย์ที่เขาได้เจอ และพาเราไปพบเห็นคือ มิตรภาพจากชาวบ้านในชุมชน ที่ทักทายต้อนรับขับสู้อย่างจริงใจอยู่ตลอดการเดินทางในวันนี้
Writer
พณิช ตั้งวิชิตฤกษ์
Photographer
เจนวิทย์ สุธนะสิริชัย
Graphic Designer
