ทำไมถึงรักกรุงเทพ? เมืองแห่งรถติดและปัญหาจุกจิกวุ่นวาย ก็จะมีเมืองไหนในโลกอีกล่ะ ที่สามารถไปไหว้พระวัดพระแก้ว แล้วเดินถัดมาอีกสองแยกไฟแดงไปแฮงค์เอ้าท์ต่อที่ข้าวสาร ความคอนทราสต์ที่ไปด้วยกันอย่างลงตัว รวมไปถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมทั้งไทย จีน แขก ฝรั่ง และการผสมสิ่งเก่าเข้ากับสิ่งใหม่โดยไม่ลืมตัวตน ทำให้กรุงเทพไม่เคยน่าเบื่อ ที่ขาดไม่ได้เลยต้องสตรีทฟู้ดที่ขายกันทั้งวันทั้งคืน!! มีคนกล่าวว่ากรุงเทพไม่เคยหลับใหล ความสนุกสนานและเป็นตัวของตัวเองแบบนี้แหละ เสน่ห์ที่ยากจะหาได้จากที่อื่น
พูดไปก็หาว่าอวย เรามาเปิดมุมมองกับ 5 แฟชั่นฟิล์มโดยคนไทยที่ทำให้รู้สึกว่า “กรุงเทพเก๋ขนาดนี้เลย!” และยังเต็มไปด้วยความคาดไม่ถึงที่จะชวนให้คุณออกไปสำรวจได้ไม่รู้จบ
1. ’Neo Siam’ by Siam Center
Location: หัวลำโพง ค่ายมวย ส.วรพิน วัดอรุณ เสาชิงช้า
Mood & Tone: MV เพลงลูกทุ่งย้อนยุคสไตล์ไฮแฟชั่น
Soundtrack: ตะลุยบางกอก – เพลิน พรหมแดน
Storyline: หนุ่มบ้านนอกเข้ากรุง ที่เดินทางมาเจอสาวชาวเมืองแต่งตัวโก้เก๋
มิวสิควิดีโอแฟชั่นที่นำเสนอความเป็นไทย โดยหยิบเอาเพลงลูกทุ่งเชยๆอย่าง ‘ตะลุยบางกอก’ มารีมิกซ์ใหม่ พาเราย้อนอดีตไปเที่ยวเมืองกรุง และแอบจิกกัดเล็กๆที่หลายอย่างในยุคนี้ยังเหมือนเดิมเป๊ะ ไม่ว่าจะเรื่องรถเมล์หรือการไปผับ แต่ก็เป็นมุมน่ารักๆที่ดูแล้วอดอมยิ้มไม่ได้ โทนภาพสไตล์เรโทรบวกกับแลนด์มาร์คเก่าแก่ในกรุงเทพ ถูกปรับโฉมให้ชิคขึ้นด้วยการสไตลิ่งทันสมัย พรีเซนต์ความสร้างสรรค์ของดีไซน์เนอร์ไทยที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคก็ยังเปรี้ยว ชวนให้ไปช้อปกับ ‘Thai Designers Hub’ ที่ Siam Center
2. ‘Gift of Bangkok’ by Siam Paragon
Location: ศาลเจ้าโรงเกือก บ้านโซวเฮงไถ่ ตลาดน้อย
Mood & Tone: ป๊อปคัลเจอร์แบบรายการทีวีญี่ปุ่น
Soundtrack: พากษ์ไทยเสียงในฟิล์ม
Storyline: แก๊งเพื่อนอินเตอร์ ชวนเที่ยวกรุงเทพส่งท้ายปี
เรื่องราวสนุกๆที่นำเสนอรูปแบบการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีสไตล์ไทยๆ ผ่านคอลเลคชั่นหน้าหนาวปลอมๆและเสื้อผ้าสีมงคล ถ่ายทอดความเก๋ของย่านเมืองเก่าชุมชนคนจีน ในแบบฉบับที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวกรุงเทพ บ่งบอกจริตแบงค็อกเคี่ยนได้อย่างอารมณ์ขัน ปนความน่ารัก แอบเสียดสีเบาๆ และเต็มไปด้วยเสน่ห์ไม่เหมือนใครจนอยากชวนเพื่อนออกไปทำอะไรแหวกๆ แล้วอัพลงไอจีอวดชาวบ้าน แต่ไม่ว่าจะปีใหม่แบบไหนห้างตัวแม่ย่านดาวน์ทาวน์อย่าง Paragon ก็อวยพรให้ขาช้อปทุกคนมีความสุข ความเจริญ โชคดี และแฮปปี้กันถ้วนหน้า
3. ’สารคดีท่องเที่ยวพาหุรัดเชิงขายตรง’ by Kloset
Location: พาหุรัด
Mood & Tone: The Darjeeling Limited ของผู้กำกับ Wes Anderson
Soundtrack: พากษ์ไทยแนว Parody
Storyline: แก๊งสาวสวยสุดซ่า บุกตลาดผ้าพาหุรัด
ไวรัลสุดปังแห่งปีที่พาคุณไปเที่ยวลิตเติ้ลอินเดียย่าน ‘พาหุรัด’ แหล่งวัตถุดิบของแฟชั่นไทยมาอย่างยาวนาน เชื่อมโยงกับคอลเลกชันเสื้อผ้า ‘If you want the rainbow’ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากแดนภารตะ มาพร้อมกับความสดใสของสาวเก๋ช่างเม้าท์ ความขัดแย้งของงานภาพแบบแฟชั่นจ๋า และเสียงพากษ์ตลกโปกฮาที่ผู้หญิงสวยๆเค้าไม่ทำกัน หากดูแบบปิดเสียงนี่สวยเลยแต่พอเปิดเสียงเท่านั้นแหละฮาแตก สวยด้วย ตลกด้วย งานนี้ต้องยอมใจแบรนด์ Kloset ที่กล้าพลิกคาแรกเตอร์และขายกันตรงๆไปเลย
4. ’AFTER HOURS’ by Cheeze Magazine
Location: ถนนข้าวสาร บางลำพู
Mood & Tone: สถานที่ลับในมู้ด Mystery น่าค้นหา
Soundtrack: Justin Geer – Pandemonium
Storyline: ปาร์ตี้จบแต่คนไม่จบ ขอไปต่อย่าน Old Town แล้วกัน
ทีเซอร์สุดคูลจากแฟชั่นแม็กกาซีนอย่าง Cheeze ที่ฉบับล่าสุด No.157 ‘AFTER HOURS’ พูดถึงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ที่แม้งานเลี้ยงจะเลิกราไปแล้ว แต่ความสนุกยังไม่หมดขอไปต่อตามตรอกซอกซอยหลังเที่ยงคืน ซึ่งตั้งแต่ Cheeze รีไดเรกชั่นใหม่ในคอนเซปต์ ‘Bangkok New Gen’ ก็เลือกที่จะหยิบเอาซับคัลเจอร์หรือวัฒนธรรมแยกย่อยในกรุงเทพ รวมถึงไลฟ์สไตล์ชาวเมืองที่มีความสุขนิยมหรือทำตามใจตัวเอง มานำเสนอความเป็นกรุงเทพจัดๆให้ออกไปสู่ความเวิลด์ ดังนั้นแทนที่จะเป็นย่านทองหล่อ RCA ก็เลือกโซนที่ลึกลับมีเสน่ห์อย่างเมืองเก่าตั้งแต่ข้าวสารถึงบางลำพู คอนทราสต์ด้วยการสไตลิ่งลุคไฮสตรีท มันเลยมีความดิบเซอร์ของวิดีโอและมู้ดแอนด์โทนที่ลึกลับน่าค้นหา โดยสตอรี่ยังลิ้งค์กับฉบับที่แล้ว No.156 ‘HIDDEN BKK’ ที่เหมือนเป็นพาร์ทเริ่มต้นของค่ำคืน รวมแหล่งแฮงค์เอ้าท์ของคนรุ่นใหม่อย่างซอยนานามาไว้ในเล่ม ปักหมุดไว้ให้คนอ่านได้สแกนคิวอาร์โค้ดออกไปตามหาโลเคชั่นจากแม็กกาซีนได้เลย
5. ‘MAKE LOVE, NOT WAR’ by Everyday Karmakamet
Location: ถนนราชดำเนิน สะพานพระราม 8 สะพานพุทธ สีลม
Mood & Tone: ถ่ายกรุงเทพยังไงให้เหมือนเมืองนอก
Soundtrack: Instrumental Background Music
Storyline: Urbanista ที่เชื่อมโยงกันด้วยไลฟ์สไตล์แสนเรียบง่าย
แฟชั่นฟิล์มที่ใครได้ดูก็ต้องถามว่าถ่ายที่ไหน เพราะแสงในภาพช่างอบอุ่นราวกับไม่ใช่ประเทศไทย! ตอกย้ำความอินเตอร์ด้วยนายแบบและนางแบบหลายเชื้อชาติ ซึ่งนำเสนอการเชื่อมต่อกันด้วยความรัก ไม่ตัดสิน ไม่แบ่งแยก และอนุญาตให้โลกเป็นแบบที่โลกเป็น เพื่อจุดประสงค์ในการใช้ชีวิตด้วยพลังบวก และพบกับความสงบสุขบนความเรียบง่าย โดยคอนเซปต์ทั้งหมดเกิดจากแนวคิดสุดลึกซึ้งอย่าง I love my life ที่สะท้อนลงบนคอลเลคชั่นแรก ‘Make Love, Not War’ ของ Everyday Karmakamet ที่ไม่ว่าคุณจะเป็นใครชื่นชอบสไตล์ไหนก็มีสิทธิ์ใส่ทั้งนั้น
กรุงเทพยังมีอีกหลายมุมมองที่เราไม่เคยเห็น ดูจบแล้วก็เกิดอินสไปเรชั่นอยากจะออกไปตามรอยโลเคชั่นเจ๋งๆในวิดีโอเลย แล้วคุณล่ะชอบกรุงเทพในแบบไหน หรือมีสถานที่ในใจอยากบอกต่อคอมเม้นบอกกันได้นะ