อะไรทำให้ All I Want for Christmas Is You ขึ้นชาร์ตทุกปี จนมารายห์ แครี นั่งตำแหน่งราชินีคริสต์มาส

All I Want for Christmas Is You ของมารายห์ แครี - Urban Creature

1,476

December 24, 2022December 23, 2022

I don’t want a lot for Christmas.
There is just one thing I need…

ถ้าได้ยินท่อนข้างบนแล้วไม่กด Skip ไปเสียก่อน เรามั่นใจว่าคนฟังเพลงป็อป โดยเฉพาะยิ่งถ้าเป็นคนเลิฟคริสต์มาส รักความ Festive ด้วยแล้ว ร้อยทั้งร้อยน่าจะฮัมต่อได้จนจบ

เรากำลังพูดถึง All I Want for Christmas Is You เพลงคริสต์มาสที่คล้ายจะเป็นทั้ง ‘บำนาญ’ และ ‘ตำนาน’ ของ Mariah Carey

ที่บอกว่าเป็นบำนาญเพราะเมื่อใกล้ถึงเทศกาลคริสต์มาสทีไร เพลงนี้จะวนกลับมาทวงอันดับหนึ่งบนชาร์ต Billboard Hot 100 ปั๊มเงินให้มารายห์แบบที่ถ้านั่งอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรก็มี Passive Income เข้ามาแบบสวยๆ

และไม่ได้พูดเกินจริงเลยที่บอกว่าเป็นตำนาน เพราะเพลงนี้ใช้เวลานานถึง 25 ปีกว่าจะกลับมาดังเป็นพลุแตก หลังจากปล่อยครั้งแรกเมื่อปี 1994 นู่นแน่ะ

ว่าแต่อะไรทำให้ All I Want for Christmas Is You เดินทางมาถึงจุดนี้กัน ตามเรามาแหวกใบสนต้นคริสต์มาสแกะเบื้องหลังความสำเร็จของเพลงนี้ในบรรทัดต่อไปได้เลย

All I Want for Christmas Is You ของ Mariah Carey มารายห์ แครี

All I Want For Christmas Is Simplicity

ถ้าพูดกันในแง่ดนตรี All I Want for Christmas Is You นั้นพิเศษในตัวมันเองอยู่แล้วตั้งแต่แรกเริ่ม

อาจพูดได้ว่าเป็นความพิเศษที่เกิดจากความธรรมดา เพราะมารายห์ แครีกับคนเขียนเพลงคู่ใจของเธออย่าง Walter Afanasieff ตั้งใจให้มันเป็นเพลงที่ไพเราะและเรียบง่ายที่สุด ว่ากันว่าพวกเขาแต่งเพลงนี้ในเวลาสั้นๆ เพียง 15 นาทีเท่านั้น

วอลเตอร์เล่าในบทสัมภาษณ์กับบิลบอร์ดว่า All I Want for Christmas Is You ใช้หลักการเขียนเหมือนการเขียนเพลงทั่วไป พวกเขาเริ่มจากเมโลดี้หลัก ใส่เนื้อร้องบางคำลงไป แล้วก็เขียนต่อจนจบ “ผมเริ่มจากการเล่นเปียโนแนวร็อกแอนด์โรล (…) นั่นทำให้มารายห์ได้แรงบันดาลใจจนคิดท่อน ‘I don’t want a lot for Christmas.’ ออก แล้วเราก็เริ่มร้องเริ่มเล่นจากท่อนร็อกแอนด์โรลนั้น

“มันเป็นเพลงตามสูตรแบบสุดๆ เปลี่ยนคอร์ดไม่บ่อย แต่ผมก็พยายามจะสร้างความเป็นเอกลักษณ์เล็กๆ ลงไปในคอร์ดพิเศษเหล่านั้น นั่นทำให้เพลงนี้มีเอกลักษณ์และพิเศษขึ้นมา”

นอกจากเมโลดี้เรียบง่ายแต่ติดหู และความหมายของเนื้อร้องที่จับใจใครหลายคน Insider เคยวิเคราะห์ไว้ว่า เคล็ดลับสำคัญที่ทำให้ All I Want for Christmas Is You นั้นไอคอนิกสุดๆ จนโดดเด้งออกจากเหล่าเพลงคริสต์มาสของศิลปินคนอื่นคือการที่ ‘ฟังแล้วไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเพลงคริสต์มาสที่มาจากยุคไหน’

องค์ประกอบของเพลงมีการหยิบยืมครรลองบางอย่างจากเพลงคริสต์มาสในปลายศตวรรษที่ 18 ไปจนถึงการหยิบยืมความร็อกแอนด์โรลในยุคปี 60 มาใส่ อย่างเสียงระฆังดังกังวานทั้ง 13 ครั้งในช่วงเริ่มเพลงที่ฟังแล้วรู้ทันทีเลยว่านี่คือเพลงอะไร โดยเสียงระฆังเหล่านั้นมาจากเซเลสตา (Celesta) เครื่องดนตรีหายากที่มีลักษณะคล้ายคีย์บอร์ด แต่ให้เสียงไพเราะราวกับเป็นเสียงจากสวรรค์ (Celestial)

อันที่จริง มันคือเครื่องดนตรีที่ใช้ในดนตรีคลาสสิกชุด The Nutcracker แต่งโดย P. Tchaikovsky ผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นคอมโพสเซอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในปลายศตวรรษที่ 18 เมโลดี้ของ The Nutcracker นั้นโด่งดังมากเพราะฟังแล้วให้ความรู้สึกตื่นเต้นกับเทศกาล อยากนับถอยหลังไปจนถึงวันพิเศษ หลายเพลงที่เกี่ยวข้องกับคริสต์มาสในยุคหลังจึงหยิบเอาเสียงเซเลสตาไปใช้บ้าง ทั้ง White Christmas ของ Bing Crosby ซึ่งถือเป็นเพลงคริสต์มาสที่ขายดีที่สุด หรือในฝั่งภาพยนตร์เองก็มีการใช้เซเลสตาในดนตรีประกอบ อย่างเรื่อง Home Alone หรือแม้แต่ Harry Potter and the Philosopher’s Stone

แน่นอนว่า All I Want for Christmas Is You ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน พิเศษขึ้นมาหน่อยตรงที่เพลงนี้หยิบเอาเสียงเซเลสตามาผสมกับเสียงสังเคราะห์อื่นๆ อย่างเสียงคีย์บอร์ด เสียงเปียโนแนวร็อกแอนด์โรล เสียงระฆังจากโบสถ์และเสียงระฆังเล็ก รวมถึงเสียงแบ็กกราวนด์ของนักร้องแบ็กอัป

ทั้งหมดทั้งมวลนี้เองที่ช่วยทำให้เพลงนี้ฟังดูร่วมสมัย ไม่ว่าจะฟังตอนไหนก็ไม่เคยตกยุค

All I Want for Christmas Is Popularity

Fun Fact ของ All I Want for Christmas Is You คือเราเกือบจะไม่ได้ฟังเพลงสุดไอคอนิกเพลงนี้กันแล้ว

ย้อนกลับไปในปี 1994 มารายห์ แครี ซึ่งตอนนั้นเป็นศิลปินดังแล้วไม่อยากทำอัลบั้มคริสต์มาส เพราะเป็นที่รู้กันดีในวงการเพลงว่า ถ้าศิลปินคนไหนคลอดอัลบั้มคริสต์มาสออกมา ช่วงนั้นคือช่วง ‘ขาลง’ ของเขาและเธอ

ตอนแรกอัลบั้ม Merry Christmas ของมารายห์วางคอนเซปต์ไว้ว่าจะเป็นอัลบั้มคัฟเวอร์เพลงคริสต์มาสเก่าๆ เหมือนที่ศิลปินคนอื่นทำ แต่สุดท้ายด้วยความอินกับเทศกาล ประกอบกับเธอคิดว่าตัวเองสามารถทำให้อัลบั้มคริสต์มาสแตกต่างจากคนอื่นได้ และถ้าทำดีๆ อาจจะได้ฟีดแบ็กที่ดีตอบกลับมา มารายห์จึงตัดสินใจเขียนเพลงของตัวเองขึ้นมาใหม่ เป็นเพลงที่ว่าด้วยคำอธิษฐานในวันคริสต์มาสที่ไม่ได้ขออะไรมากมาย ขอเพียงแค่ได้ใช้เวลาอยู่กับคนที่รักเท่านั้น

ในการปล่อยเพลงครั้งแรก All I Want for Christmas Is You กับอัลบั้ม Merry Christmas ไม่ได้ปังแบบเป็นปรากฏการณ์ แต่ก็ไม่ถึงกับแป้ก ซิงเกิลนี้ไต่ขึ้นชาร์ต Billboard Hot 100 สูงสุดอันดับที่ 12 และอัลบั้มก็ได้รับความนิยมจนขึ้นอันดับ 3 หลังจากนั้นก็ร่วงโรยลงจากชาร์ตตามประสาเพลงคริสต์มาสทั่วไป และดูท่าทีว่าคงไม่มีทางได้รับความนิยมไปมากกว่านั้นได้อีกแล้ว

แต่อะไรล่ะที่ทำให้ All I Want for Christmas Is You กลับมาปัง

แฟนเพลงและสื่อหลายสำนักวิเคราะห์กันว่ามีหลายปัจจัย โดยหนึ่งในปัจจัยเหล่านั้นคือ Love Actually หนังรักปี 2003 ที่เล่าเรื่องรักในเทศกาลคริสต์มาสของคู่รักหลายคู่ ซึ่งมีฉากที่หนึ่งในตัวละครของหนังหยิบเพลง All I Want for Christmas Is You มาร้อง

แฟนคลับบางคนเชื่อว่า Love Actually มีส่วนในการชุบชีวิตเพลงนี้ให้กลับมาฮิต ทำให้เกิดกระแสไฮป์กับเพลงนี้มาได้เรื่อยๆ ประกอบกับพฤติกรรมการฟังเพลงที่เปลี่ยนไปเป็นแบบดิจิทัลมากขึ้น มีแพลตฟอร์มใหม่ๆ อย่าง Spotify, Apple Music และอีกมากมายมาขับเคลื่อนวงการ ทำให้คนรุ่นใหม่ได้ค้นพบเพลงเก่าๆ หลายเพลง และเพลงที่มีองค์ประกอบที่ไม่เคยตกยุคอย่าง All I Want for Christmas Is You ก็เป็นหนึ่งในนั้น

อีกส่วนที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ตัวมารายห์เองนั่นแหละที่สร้างกระแสจนเพลงนี้กลับมาดังและขึ้นที่หนึ่งได้อีกครั้ง เพราะเธอโพสต์คลิปผ่านอินสตาแกรมในวันแรกของเดือนพฤศจิกายน ปี 2019 ที่เล่าเรื่องการไปปาร์ตี้ฮาโลวีนมาอย่างหนักจนนอนสลบไสล แต่พอเข็มนาฬิกาตีบอกตอนเที่ยงคืน เสียงกระดิ่งตอนต้นเพลงก็ดังขึ้นพร้อมกับสายเข้าจากซานตาคลอส แล้วมารายห์ก็ตื่นขึ้นมารับสายในชุดนอนลายคริสต์มาสพร้อมบอกว่า “It’s Time! (ถึงเวลาแล้วสินะ!)”

เท่านั้นแหละ All I Want for Christmas Is You ก็กลับมาผงาดบนชาร์ตบิลบอร์ด สถาปนาตัวเพลงให้กลายเป็นเพลงในตำนานด้วยการขึ้นอันดับ 1 ได้หลังจากปล่อยเพลงมาแล้ว 25 ปี และนับตั้งแต่ขึ้นอันดับท็อปในปี 2019 เพลงนี้ก็ไม่เคยหลุดจากชาร์ต Billboard Hot 100 เลยตลอด 2 ปี 18 วัน! (ตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2019 – 8 มกราคม 2022) ส่งผลให้เพลงนี้กลายเป็นหนึ่งในเพลงที่อยู่บนชาร์ตบิลบอร์ดนานที่สุดในประวัติศาสตร์

จนถึงปี 2022 ที่เราเขียนบทความชิ้นนี้ All I Want for Christmas Is You ก็พาตัวเองขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard Hot 100 มาได้แล้ว 4 ครั้ง มียอดสตรีมบน Spotify กว่า 1 พันล้านคลิก และว่ากันว่ามันสร้างรายได้ให้มารายห์ แครีได้ถึงปีละ 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมกันแล้วก็มากกว่า 60 ล้านเหรียญสหรัฐ (แล้วจะไม่เรียกว่าเป็นบำนาญได้ยังไง)

ถ้าจะยกเครดิตให้ใคร ก็ต้องยกเครดิตให้ตัวมารายห์อีกนั่นแหละที่สร้างกระแสให้เพลงนี้ได้ทุกปี ไม่ว่าจะเป็นการขยันไปโชว์ Live Performance ในรายการดังมากมาย การปล่อยเวอร์ชันใหม่ (Extra Festive Version) ของเพลงนี้ออกมา ที่มีทั้งเวอร์ชั่นร้องเองและไป Feat. กับชาวบ้าน เช่น Shazam Version กับจัสติน บีเบอร์ ไปจนถึงการมีสารคดีขนาดสั้นบนช่อง Amazon Music ชื่อ Mariah Carey is Christmas ที่เล่าเรื่องราวของเพลงนี้โดยเฉพาะ

หรือแม้แต่การที่ศิลปินสาวรู้อยู่แก่ใจว่าชาวเน็ตหลายคนชอบล้อเลียนเธอและเพลง All I Want for Christmas Is You ผ่านมีมมากมาย (การเป็นบำนาญประจำปีก็รวมอยู่ในนั้น) มารายห์ก็โอบรับกระแสเหล่านั้นอย่างเต็มกอดและทำคลิปมีมของตัวเองออกมาบ้าง คล้ายประกาศต่อโลกว่า ‘ใช่จ้ะ ที่เธอพูดมาน่ะถูกทั้งหมด นี่แหละคือเทศกาลของฉัน (Mariah SZN) ฉันนี่แหละราชินีคริสต์มาส’

All I Want For Christmas Is Hope

ไม่รู้ว่านับเป็นปาฏิหาริย์วันคริสต์มาสได้ไหมที่เพลงซึ่งใช้เวลาเขียนแค่ 15 นาทีอย่าง All I Want for Christmas Is You มาไกลได้ขนาดนี้

แต่สิ่งที่เรารู้แน่ชัดจากเรื่องนี้คือ ผลงานมาสเตอร์พีซทุกๆ ชิ้นล้วนประกอบสร้างขึ้นจากความอิน ในทุกๆ ความสำเร็จมีความรักในสิ่งนั้นอยู่เบื้องหลัง

มารายห์เองก็เช่นกัน เธอเขียน All I Want for Christmas Is You ขึ้นจากความทรงจำคริสต์มาสในวัยเด็กที่เติบโตขึ้นท่ามกลางครอบครัวที่ยากลำบาก พ่อแม่ของเธอเลิกกันตั้งแต่เธออายุ 3 ขวบ และเธอมีประสบการณ์การอยู่กับแม่ที่ไม่ดีนัก บางครั้งที่อยากเฉลิมฉลองคริสต์มาส เธอก็ไม่สามารถฉลองได้อย่างสมบูรณ์แบบเหมือนครอบครัวอื่นๆ

สำหรับมารายห์ คริสต์มาสจึงเป็นสัญลักษณ์ของความหวังที่ติดตัวเธอมาตั้งแต่เด็ก

“ฉันเคยมีคริสต์มาสที่พังทลายเสมอ เมื่อมาถึงจุดที่สามารถเนรมิตวันคริสต์มาสของตัวเองได้ว่าควรจะเป็นยังไง ฉันก็อยากทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด (…) ฉันกดดันตัวเองอย่างหนัก แต่ฉันก็เรียนรู้ที่จะบาลานซ์มัน กับ All I Want for Christmas Is You ก็เหมือนกัน ฉันเขียนมันขึ้นมาจากความคิดที่ว่า ‘ถ้าตัวฉันในวัยเด็กเขียนเพลงนี้ มันจะออกมาเป็นยังไงนะ’”

ความปรารถนาใหญ่ที่สุดของมารายห์ในวัยนั้นคือ เธอหวังให้มีพื้นที่ปลอดภัยซึ่งเต็มไปด้วยความสุขสันต์ ซึ่งเดาจากเนื้อเพลงแล้ว เราขอทึกทักเอาเองว่าพื้นที่ตรงนั้นอาจไม่ใช่ ‘พื้นที่’ ตามความหมายของคำ

แต่อาจหมายถึงใครสักคน