การเดินทางอันแสนยาวไกลกว่า 4,000 ไมล์ ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทำให้เราได้พบกับสิ่งที่เหนือความคาดหมาย
หลังจากทำงานบ้าระห่ำอย่างแทบเป็นแทบตายในช่วงชีวิตที่เราสามารถซักซ้อมในการเป็นผู้ใหญ่ได้ รู้ตัวอีกทีก็อยู่บนเรือสำราญขนาดยักษ์ที่มีทั้งหมด 12 ชั้น นำพาผู้โดยสาร 4,000 กว่าชีวิตมุ่งไปสู่จุดหมายเดียวกันในทริปนี้
ภายในห้องนอนมองเห็นวิวน้ำสีฟ้าของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ส่องประกายระยิบระยับจากแสงอาทิตย์ที่ตกกระทบ ในช่วงฤดูร้อนของยุโรปใต้ที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงถึง 40 องศาเซลเซียส
รูตนี้เริ่มเดินทางจากเมือง Corfu ประเทศกรีซ โดยล่องเรือผ่านมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ มุ่งหน้าสู่ประเทศมอลตาที่เป็นเกาะเล็กๆ สีครีม มีขนาดเพียง 316 ตร.กม. อัดแน่นไปด้วยเรือสีขาวน้อยใหญ่ที่จอดเทียบท่าเรียงกันเหมือนรูปในโปสต์การ์ด
ในคืนนั้นเอง เรือของเราได้เดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางที่เมือง Taormina แคว้น Sicily หรือที่รู้จักกันในนามเกาะมาเฟีย ประเทศอิตาลี ต่อด้วยเมือง Crotone ที่เป็นเมืองฮิตในการพักผ่อน เพราะมีทั้งโซนเมืองเก่าและโซนชายหาด ตามรายทางมีขายอาหารทะเลสดๆ บาร์ พร้อมร่มชายหาดสีเขียวสลับเหลืองเรียงเต็มอาณาบริเวณ
คืนนั้นเรือของเราแล่นออกจากท่าอีกครั้งเพื่อไปให้ทันพระอาทิตย์ขึ้นที่เมือง Olympia ประเทศกรีซ หากใครเป็นสาย Myth คงฟินน่าดูที่ได้ไปเยือน Olympia ในช่วงที่มีการจัดแข่งขัน Olympics 2024 พอดิบพอดี แหล่งรวมซากปรักหักพังเป็นเครื่องยืนยันว่า ในอดีตบริเวณนี้เคยมีอารยธรรมที่เจริญรุ่งเรืองมากขนาดไหน
ถัดมาที่เมืองสุดท้ายในวันที่ 6 ของการท่องเที่ยวคือ เมือง Argostoli น้ำทะเลสีใส หาดหินสีขาวที่ดูแปลกตา ท่าเรือ Argostoli เป็นเมืองที่สร้างขึ้นใหม่ สะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย บ้านหน้าตาสไตล์กรีซเริ่มลดน้อยถอยลง แต่กลับมีห้องพักโรงแรมหรูพร้อมคนคอยเปิดประตูให้ผุดขึ้นแทน นี่คงจะเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการท่องเที่ยวจากภาครัฐและเอกชน เพราะประเทศนี้มีธรรมชาติที่สวย รุ่มรวยอารยธรรม และยังเป็นเมืองโรแมนติกอีกด้วย
เซตภาพนี้เป็นการบันทึกเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำว่า ครั้งหนึ่งเคยไปใช้ชีวิตโลดโผนและเที่ยวอย่างบ้าคลั่งบนเรือสำราญขนาดยักษ์กับครอบครัวที่มีพ่อแม่ลูก
หากคุณมีชุดภาพถ่ายที่อยากจะร่วมแชร์ในคอลัมน์ Urban Eyes สามารถส่งมาได้ที่