บางครั้งสิ่งที่เราไม่ต้องการคือความโชคดี Grains & Grams และ Kalm Village ร่วมกันนำเสนอ 24 Camels นิทรรศการเชิงทดลองที่จำลองสถานการณ์ทางโลกและสิ่งที่คุณไม่มีทางรู้ผ่านการสร้างเก้าอี้
.
ทราย-อัจฉริยา โรจนะภิรมย์ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Kalm Village เท้าความถึงที่มาของนิทรรศการครั้งนี้ให้ฟังว่า เกิดขึ้นจาก 12 Camels ซึ่งเป็นนิทรรศการทดลองของ Grains & Grams ที่ให้ศิลปินและนักออกแบบมาต่อเก้าอี้จำนวน 12 ตัว โดยให้แต่ละทีมเตรียมวัสดุมารวมกัน ก่อนจะให้โปรแกรมสุ่มให้แต่ละทีมนำวัสดุที่ได้ไปประกอบเป็นเก้าอี้หรือม้านั่งเดียวขึ้นมา ซึ่งแต่ละทีมจะไม่มีทางทราบเลยว่าตนเองจะได้วัสดุอะไรไปสร้างผลงาน
.
“ทรายเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ไปทำงานนี้ แล้วมีโอกาสได้คุยกันกับทาง Grains & Grams ว่าอยากให้เป็น Travel Exhibition ซึ่งเราดูแล Kalm Village อยู่แล้วก็เลยเสนอว่าให้มาจัดที่นี่ได้ แต่ไหนๆ มาเชียงใหม่ทั้งทีก็อยากชวนพี่ๆ นักออกแบบและศิลปินที่เชียงใหม่มาร่วมกันทำเก้าอี้เพิ่มขึ้นมาอีก 12 ตัว ก็เลยกลายเป็น 24 Camels โดยใช้เงื่อนไขเดียวกัน”
.
หลังจากเปิดตัวไปเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ทรายเผยว่าผลงานของศิลปินชาวเหนือมีอัตลักษณ์ที่แตกต่างจาก 12 Camels มาก เพราะมีอัตลักษณ์ทางวัสดุและวิธีการนำเสนอที่ชัดเจน มีกลิ่นอายของโฟล์กหรือการใช้สัตว์เข้ามาเกี่ยวข้องโดยที่แต่ละคนไม่เคยเห็นผลงานของกันและกันมาก่อน
.
สำหรับผู้ที่อยากทราบว่าเอกลักษณ์ของศิลปินและนักออกแบบชาวเหนือเป็นแบบไหน ก็สามารถเดินทางไปชมนิทรรศการ 24 Camels ได้ที่ Kalm Village ตั้งแต่วันนี้ – 11 มิถุนายน เวลา 9.30 – 18.30 น. โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
.
และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเที่ยวอย่าลืมไปเที่ยวชม Kalm Village ที่เป็นศูนย์ศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยที่รวบรวมศิลปะ วัฒนธรรม หัตถกรรมเข้าไว้ด้วยกัน มีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ห้องสมุดชุมชนที่เต็มไปด้วยหนังสือเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรม รวมถึงแกลเลอรีและโซนร้านขายของที่เป็นการร่วมงานกับช่างฝีมือในการคิดค้นโปรดักต์ให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้ง่ายขึ้นผ่านสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ด้วย
.
ติดตามนิทรรศการ 24 Camels หรือ Kalm Village และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Kalm Village
RELATED POSTS
ส่งหนังสือที่อ่านจบแล้วกลับขึ้นชั้นวางอีกครั้ง ‘Reshelf’ เว็บไซต์ซื้อขายหนังสือมือสอง ทำหน้าที่เป็นตัวกลางแบ่งปันเล่มโปรดให้เหล่านักอ่าน
เรื่อง
Urban Creature
มีหนังสือมือสองอยากส่งต่อ แต่ไม่รู้จะขายที่ไหน ลองเอาไปขายที่เว็บไซต์ ‘Reshelf’ ดูสิ Reshelf คือแพลตฟอร์มตัวกลางซื้อขายหนังสือมือสองน้องใหม่ แม้จะเพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน แต่ได้รับผลตอบรับจากเหล่านักอ่านเป็นอย่างดี ด้วยฝีมือของ ‘จีน่า-จิระชญา เศวตวาณิชกุล’ และทีม จีน่าเล่าว่า จุดเริ่มต้นของการทำเว็บไซต์ Reshelf มาจากการที่เธอพบว่าการขายหนังสือในกองดองเพื่อซื้อหนังสือใหม่เป็นเรื่องยาก และการซื้อหนังสือมือหนึ่งโดยเฉพาะหนังสือภาษาอังกฤษมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง แต่ครั้นจะให้ซื้อหนังสือมือสองผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ ก็ไม่มั่นใจว่าจะถูกหลอกไหม สุดท้ายจีน่าเลยออกแบบเว็บไซต์ตัวกลางในการซื้อขายหนังสือด้วยตัวเอง ผ่านการหยิบเอาเพนพอยต์ที่ตัวเองเจอ ผสมรวมกับความคิดเห็นและฟีเจอร์อื่นๆ ที่เหล่าหนอนหนังสือที่รู้จักกันอยากให้มีภายในเว็บไซต์ เกิดเป็นเว็บไซต์หน้าตาสะอาดสะอ้านที่ให้เราสวมบทเป็นนักอ่านขุดคุ้ยกองดองของผู้อื่น พร้อมทั้งโละกองดองของตัวเองไปพร้อมๆ กัน แถมในหน้าเว็บยังกรองฟิลเตอร์ตามประเภทหนังสือและภาษาที่ต้องการ จากนั้นก็ซื้อขายระหว่างกันได้แล้ว ในช่วงแรกนี้ ตัวเว็บไซต์เปิดให้คนเข้ามาซื้อขายหนังสือกันได้ฟรีๆ แบบไม่เสียค่าธรรมเนียม แต่หลังจากนี้ถ้ามีอะไรอัปเดตเกี่ยวกับเว็บไซต์ เธอจะมาสอบถามความเห็นของเหล่าหนอนหนังสือก่อนแน่นอน “เพราะ Reshelf เกิดขึ้นได้เพราะคอมมูนิตี้ ทุกอย่างที่ดีไซน์เกิดจากสิ่งที่ทุกคนอยากเห็น” จีน่าบอกกับเรา นอกจากนี้ เธอมองว่าในอนาคต Reshelf อาจจะไม่ใช่แค่ชั้นวางสำหรับซื้อขายหนังสือมือสองเท่านั้น เพราะยังมีอีกหลายฟีเจอร์ที่เธอและทีมอยากทำ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มฟีเจอร์ให้คนที่สนใจในหนังสือประเภทเดียวกันได้มาจอยน์คอมมูนิตี้กัน หรือแม้กระทั่ง Book Blind Date แบบออนไลน์เองก็ตาม ใครมีหนังสืออยากปล่อยหรือมองหาหนังสือมือสองเล่มไหนอยู่ ลองเข้าไปดู และหยิบน้องออกจากชั้นวางกลับบ้านได้ที่ www.reshelf.xyz
เดินไปดูทางเท้าใหม่ ซอยเย็นอากาศ ต่อยอดจากทางเท้ารัชดาฯ 19 เดินได้ วิ่งดี สะดวก และปลอดภัย
เรื่อง
Urban Creature
ก่อนหน้านี้หลายคนอาจเคยเห็นโครงการทางเท้าเส้นเลือดฝอยที่ปรับซอยวิภาวดี 16 หรือตรงรัชดาฯ 19 ให้มีสัดส่วนของทางเท้าที่ชัดเจน ทาสีกำหนดขอบเขตทั้งทางม้าลายและทางเดินให้เห็นเด่น และไม่มีร่องระบายน้ำแบบรางวีขัดขวางการเดินเท้า ตอนนี้ทางโครงการได้ขยายมายังทางเท้าใหม่บริเวณซอยเย็นอากาศ 1 ย่านสาทรแล้ว เพราะปกติพื้นที่ตรงนี้ไม่มีทางเท้าชัดเจน แต่มีผู้อยู่อาศัยเดินไปเดินมาเยอะ โดยเฉพาะผู้สูงอายุและเด็กๆ ซึ่งนอกจากทำให้การเดินสัญจรในซอยเป็นไปได้ง่ายและปลอดภัยมากขึ้นแล้ว การแบ่งสัดส่วนด้วยเส้นสีแบบนี้ยังทำให้ภาพที่ออกมาดูเป็นระเบียบเรียบร้อย น่าใช้งานขึ้นด้วย กทม.มีเป้าหมายที่จะปรับปรุงทางเดินในย่านอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อให้ประชาชนสามารถทั้งเดินและวิ่งออกกำลังกายในซอยและเส้นทางต่างๆ ได้สะดวกขึ้น ขณะเดียวกันก็คงดีไม่น้อยเลยถ้าเราจะใช้เส้นทางเหล่านี้เดินเที่ยวและสำรวจเมืองได้ด้วย
‘ARTALE Asoke-Rama 9’ ใช้ชีวิตแบบไพรเวตเอ็กซ์คลูซีฟใน Penthouse On Ground ยกระดับชีวิตเหนือระดับกับโครงการบ้านเดี่ยวแรร์ไอเทมที่หาได้ยากในใจกลางเมือง
เรื่อง
Urban Creature
บ้านพร้อมอยู่ที่มีความเป็นส่วนตัวและครบครันไปด้วยความสะดวกสบายรอบด้าน บนทำเลที่ช่วยสนับสนุนการใช้ชีวิตให้เดินทางสะดวก รายล้อมไปด้วยสถานที่ที่ตอบโจทย์ชีวิตประจำวัน ถือว่ามีความสำคัญในฐานะการเป็นรากฐานที่จะช่วยเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อยู่อาศัยให้มีความสุนทรีย์ในการดำเนินชีวิต โครงการ ‘ARTALE’ Flagship แบรนด์บ้านเดี่ยวระดับ Luxury จากบ้านอนันดาเล็งเห็นความสำคัญของทำเลศักยภาพใจกลางเมืองซึ่งเป็นจุดแข็งของอนันดามาโดยตลอด พร้อมทั้งเข้าใจความต้องการของลูกบ้านที่อยากให้ ‘บ้าน’ เป็นพื้นที่แห่งการพักผ่อนและรีชาร์จพลัง ภายใต้ความเงียบสงบและความเป็นส่วนตัว จากความตั้งใจนั้นนำมาสู่ความไพรเวตแบบแรร์ไอเทมที่หาไม่ได้แล้วในย่าน “อโศก – พระราม 9” โครงการที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่ ‘ARTALE Asoke-Rama 9’ กับบ้านไทป์ Villa Apex ที่จะทำให้ผู้อยู่อาศัยใช้ชีวิตแบบเอ็กซ์คลูซีฟในบ้านเดี่ยวที่เงียบสงบรื่นรมย์ในย่านที่สะดวกสบาย เชื่อมต่อย่านเมืองอื่นๆ และเต็มไปด้วยโอกาสใหม่ๆ ทำเลศักยภาพที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนเมือง อย่างที่ทราบกันดีว่า พระราม 9 คือหนึ่งในย่าน CBD ที่เต็มไปด้วยศักยภาพในการพัฒนาเชิงธุรกิจและไลฟ์สไตล์ในปัจจุบัน ส่งผลให้ที่นี่เป็นหนึ่งหมุดหมายของคนเมือง มากไปกว่านั้น ความสะดวกสบายที่ว่ายังครอบคลุมไปถึงการเป็นทำเลที่เอื้อต่อการเดินทางเข้าพื้นที่ใจกลางเมืองแห่งอื่นๆ เพื่อขยายอาณาเขตการใช้ชีวิตอย่างเพลิดเพลินได้มากขึ้น เพราะใช้เวลาเพียง 7 นาทีก็เข้าถึงใจกลางสุขุมวิท แหล่งรวมไลฟ์สไตล์กลางเมืองอย่างโซนทองหล่อ พร้อมพงษ์ เอกมัยได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะออกมาพักผ่อน ชอปปิง ออกกำลังกาย หรือหาแรงบันดาลใจก็ตาม หรือหากไม่เข้าไปยังโซนสุขุมวิท ในย่านนี้ก็มีตั้งแต่ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่มีความหลากหลายและสะดวก ไหนจะความมีชีวิตชีวาของย่านที่มาจากความพลุกพล่านของคนทำงานและธุรกิจน้อยใหญ่ ไปจนถึงสถานที่ที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างโรงพยาบาล โรงเรียนนานาชาติ […]
หนึ่งวันในพิพิธภัณฑ์ใต้แม่น้ำเจ้าพระยา ‘ศูนย์การเรียนรู้ธนาคารแห่งประเทศไทย’ ท่องโลกเงินตราในอาคารที่ครั้งหนึ่งเคยใช้เป็นสถานที่พิมพ์ธนบัตรจริง
เรื่อง
มณิสร วรรณศิริกุล
‘ศูนย์การเรียนรู้ธนาคารแห่งประเทศไทย’ อาจเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะพื้นที่ห้องสมุดสุดโรแมนติกริมแม่น้ำเจ้าพระยา แต่อีกหนึ่งสิ่งที่คนอาจไม่เคยสังเกตคือ ภายในพื้นที่เดียวกันนี้ยังมี ‘พิพิธภัณฑ์’ คอยให้ความรู้เรื่องเกี่ยวกับเงินตราซ่อนตัวอยู่ด้วย แถมที่พิเศษไปกว่านั้นคือ ‘พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย’ แห่งนี้จัดแสดงอยู่ใน ‘ห้องมั่นคง’ ซึ่งเป็นที่เก็บรักษาธนบัตรเดิมเมื่อครั้งที่อาคารหลังนี้เคยเป็นโรงพิมพ์ธนบัตรทั้งหมด ตั้งแต่ชั้น 2 ไปถึงชั้น B2 ซึ่งอยู่ลึกลงไปใต้แม่น้ำเจ้าพระยากว่า 6 เมตร ใครที่อยากรู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะสื่อสารเรื่องการเงินให้น่าสนใจผ่านพิพิธภัณฑ์ที่มีส่วนหนึ่งในการจัดแสดงอยู่ใต้แม่น้ำเจ้าพระยาอย่างไร ตาม Urban Creature ไปคุยกับทีมผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ทีมงานนำชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ในซีรีส์คอนเทนต์ ‘MUSEUM-IN-SIGHT เพ่งพิศพิพิธภัณฑ์’ ตอนที่ 9 พร้อมๆ กัน เปิดประตูบ้านแบงก์ชาติ ย้อนกลับไปที่จุดประสงค์ของการก่อตั้ง ‘ศูนย์การเรียนรู้ธนาคารแห่งประเทศไทย’ พื้นที่ 12,900 ตารางเมตรที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นอาคารโรงพิมพ์ธนบัตรแห่งแรกของประเทศนี้ ‘พี่บี-โสภี สงวนดีกุล’ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายจัดซื้อจัดจ้างและบริหารอาคาร ธนาคารแห่งประเทศไทย บอกกับเราว่า หัวใจสำคัญคือการที่ธนาคารฯ ต้องการแสดงบทบาทหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทยให้สาธารณชนได้รู้จัก “แรกเดิมทีธนาคารแห่งประเทศไทยมีอาคารสำนักงานอยู่ที่สุรวงศ์ จึงได้มีการเปิดพิพิธภัณฑ์ขึ้นที่นั่นในปี 2512 โดยใช้ชื่อว่า ‘พิพิธภัณฑ์เงินตรา’ เพื่อจัดแสดงประวัติของเงินตราต่างๆ ที่มีในประเทศไทย ก่อนจะปิดไปในช่วงปี 2520 แล้วมาเปิดใหม่อีกครั้งที่วังบางขุนพรหมในชื่อ ‘พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย’ เมื่อปี […]