รู้หรือไม่? ประเทศไทยมีปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์จากชุมชนสูงถึง 380,000 ตัน/ปี แต่มีเพียงร้อยละ 7 เท่านั้นที่ถูกนำกลับรีไซเคิลอย่างที่ควรจะเป็น ส่วนที่เหลือก็จะปะปนไปกับขยะมูลฝอยอื่นๆ รอการฝังกลบ และปล่อยสารเคมีอันตรายอย่างปรอท ตะกั่ว ดีบุก สะสมต่อไปในห่วงโซ่อาหาร
ดังนั้น AIS และไปรษณีย์ไทยจึงจับมือกันสร้างโครงการ ‘ฝากทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์’ ที่จะช่วยให้เราจัดการขยะได้อย่างเป็นระบบมากขึ้นผ่านบุรุษไปรษณีย์กว่า 20,000 คนทั่วประเทศ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าขยะอันตรายจะถูกนำไปกำจัดและรีไซเคิลอย่างถูกต้องตามมาตรฐานสากลแบบ ‘Zero Landfill’ หรือการรีไซเคิลแบบไม่มีการฝังกลบเลย
ส่วนขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่รับฝากทิ้ง ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต สายชาร์จ หูฟัง พาวเวอร์แบงก์ และแบตเตอรี่มือถือ สำหรับคนที่สนใจก็นำเจ้าพวกนี้ใส่กล่องพร้อมกับเขียนหน้ากล่องว่า ‘ฝากทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์’ มอบให้บุรุษไปรษณีย์ที่แวะเวียนมาส่งจดหมายแถวบ้านได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
RELATED POSTS
ส่องโครงการกรีนๆ จาก เซ็นทรัล รีเทล ศึกษากลยุทธ์ วิธีการเป็นองค์กร Green & Sustainable Retail ที่แรกของไทย
เรื่อง
Urban Creature
เป็นไปได้ไหมที่ค้าปลีกขนาดใหญ่จะเป็นองค์กรที่ Green & Sustainable ได้ หลายคนอาจรู้จัก เซ็นทรัล รีเทล ในแง่มุมของค้าปลีกที่มีทั้ง ห้างเซ็นทรัล ศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ท็อปส์ ไทวัสดุ และร้านค้าเฉพาะทางต่างๆ เรามักนึกถึงเป็นตัวเลือกแรกเวลาไปช้อปปิง แต่ความจริงแล้ว เซ็นทรัล รีเทล ยังเป็น ‘Green & Sustainable Retail’ องค์กรค้าปลีกที่แรกของไทยที่คิดถึงสังคมและสิ่งแวดล้อมตลอดกระบวนการทำงาน เพราะมีเป้าหมายที่ตั้งใจจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ให้ได้ภายในปี 2593 เซ็นทรัล รีเทล จึงคิดทำโครงการกรีนๆ และสร้างความยั่งยืนออกมามากมายทั้ง จริงใจ Farmers’ Market, Love the Earth, ขวดเปล่า ไม่สูญเปล่า และ Journey to Zero ตัวอย่างเหล่านี้คือโครงการที่เซ็นทรัล รีเทล คิดจริง ทำจริง ใช้กลยุทธ์ CRC ReNEW ที่เกิดขึ้นจากการนำเอาเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development […]
FUL โซดาจากสาหร่ายสไปรูลินา นวัตกรรมที่อุดมด้วยสารอาหาร และกระบวนการผลิตที่ช่วยลดก๊าซ CO2
เรื่อง
Urban Creature
อุตสาหกรรมเครื่องดื่มโซดาก้าวหน้าไปอีกขั้น เมื่อบริษัทสัญชาติดัตช์ผลิตโซดาจากสาหร่ายสไปรูลินา ที่อัดแน่นไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ อีกทั้งยังใช้นวัตกรรมในการผลิตที่รักษ์โลก และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศด้วย ‘Ful’ คือแบรนด์โซดาจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ต้องการ ‘ปลดล็อกพลังอันน่าทึ่งของสาหร่ายขนาดเล็ก’ เพราะส่วนผสมหลักที่ Ful ใช้คือ ‘สาหร่ายสไปรูลินา (Spirulina)’ สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่จัดอยู่ในกลุ่มสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน สีฟ้าของโซดาจึงมาจากธรรมชาติทั้งหมด ปราศจากการแต่งสี นอกจากสาหร่ายสไปรูลินาจะทำให้โซดา Ful มีสีสัน ดูสนุก และน่าดื่มยิ่งขึ้น สาหร่ายขนาดจิ๋วชนิดนี้ยังเต็มไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์ด้วย สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินจัดอยู่ในสาหร่ายสายพันธุ์ Platensis ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ดีที่สุด และยังเป็น ‘สุดยอดอาหาร’ ที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการสูง เช่น โปรตีน ธาตุเหล็ก แคลเซียม วิตามินซี วิตามินบี 2 รวมไปถึงสารต้านอนุมูลอิสระอย่างคลอโรฟิลล์ด้วย แม้ประโยชน์ของสาหร่ายสไปรูลินาจะถูกยอมรับในกลุ่มคนที่กินอาหารเสริมอยู่แล้ว ทั้งในรูปแบบผงและรูปแบบเม็ด แต่การที่ Ful นำสาหร่ายประเภทนี้มาเป็นส่วนประกอบหลักของโซดา ช่วยให้เจ้าสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น อีกจุดขายของโซดา Ful ก็คือความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะ Ful มีกระบวนการผลิตที่เรียกว่า ‘การรีไซเคิลก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 Recycling)’ เนื่องจากการเจริญเติบโตของสาหร่ายสไปรูลินาต้องดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ จึงจะผลิตสารอาหารและออกซิเจนสู่ชั้นบรรยากาศได้ ดังนั้น […]
นักวิทย์ฯ สร้างต้นไม้ประดิษฐ์ดักจับ CO2 ไม่เปลืองพลังงาน คาดเป็นทางออกที่ยั่งยืน
เรื่อง
Urban Creature
หลังการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิลมานานหลายร้อยปี คาร์บอนไดออกไซด์ได้สะสมในชั้นบรรยากาศเป็นจำนวนมาก ลำพังการลดการปล่อยมลพิษอาจไม่เพียงพอที่จะช่วยแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน นักวิทยาศาสตร์หลายคนจึงมองว่าการดูดคาร์บอนออกจากชั้นบรรยากาศจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เทคโนโลยีการดักจับคาร์บอนที่เป็นโรงงานขนาดใหญ่ มีศักยภาพในการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างรวดเร็ว และสามารถลดการสะสมในชั้นบรรยากาศได้ แต่ก็มีข้อเสียที่เห็นได้ชัดคือประสิทธิภาพยังไม่มากพอที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจน และกินพลังงานมากอย่างเหลือเชื่อในการดูดซับมลพิษเพียงเล็กน้อย ในทางกลับกัน ต้นไม้ก็ต้องการเวลามหาศาลที่จะเติบโตและดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ แต่ก็สามารถหล่อเลี้ยงตัวเองได้ด้วยพลังงานจากดวงอาทิตย์ ซึ่งความสามารถในการดูดซับก็อาจไม่เพียงพอ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแอริโซนา (ASU) จึงเสนอให้ใช้ ‘Mechanical Tree’ หรือต้นไม้กล ในการดูดซับคาร์บอนออกจากชั้นบรรยากาศโดยตรง Klaus Lackner ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมของ ASU และผู้อำนวยการของ Center for Negative Carbon Emissions จึงวางแผนที่จะสร้างเครื่องดักจับคาร์บอนที่ยั่งยืนมากขึ้น โดยต้นไม้ที่ว่านี้จะดูเหมือนกองแผ่นเสียงขนาดยักษ์ ซึ่งไม่ได้ทำหน้าที่บรรจุตัวโน้ตและเสียงเพลง แต่เคลือบด้วยวัสดุดักจับคาร์บอน เมื่ออากาศหมุนเวียนผ่านแผ่นเสียงเหล่านั้นก็จะเก็บคาร์บอน ลงไปจนเต็ม ก่อนจะจุ่มลงในถังซึ่งใช้ไอน้ำในการปล่อยคาร์บอนที่บรรจุไว้ออกมาแล้วเก็บไว้ในถังอีกต่อหนึ่ง “การใช้ความชื้นทำให้เราสามารถลดการใช้พลังงานได้ถึงครึ่งหนึ่งของการดักจับอากาศโดยตรง และส่วนที่เหลือเราก็เลือกที่จะใช้พลังงานหมุนเวียน” Klaus ยังมองว่าการดักจับอากาศโดยตรงเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหา แต่เราไม่ควรพึ่งพาวิธีการนี้เพียงอย่างเดียว และมองว่าการที่บริษัทดักจับคาร์บอน จำหน่าย Carbon Offset หรือการชดเชยคาร์บอนในราคา 500 – 1,000 เหรียญฯ ต่อตัน เป็นราคาที่สูงเกินไป หลังจากนี้ Klaus […]
เข้าใจเรื่องสิ่งแวดล้อมฟรีๆ ผ่าน WaterBear เว็บสตรีมมิงฉายหนัง-สารคดีสิ่งแวดล้อม พร้อมชี้ช่องทางสนับสนุนแคมเปญดูแลโลก
เรื่อง
Urban Creature
ถ้าอยากเข้าใจปัญหาและวิกฤติสิ่งแวดล้อมที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นที่ไหน เราจะพาทุกคนมารู้จักกับ WaterBear แพลตฟอร์มออนไลน์ที่รวบรวมสื่อและเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับประเด็นสิ่งแวดล้อมเอาไว้อย่างรอบด้าน WaterBear คือบริการสตรีมมิงอินเตอร์แอ็กทีฟน้องใหม่ที่รวบรวมภาพยนตร์ สารคดี และคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับโลกใบนี้ ตั้งแต่เรื่องภาวะโลกร้อน สิ่งแวดล้อม สิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพ ความยั่งยืน วัฒนธรรม ไปจนถึงชุมชนต่างๆ เนื้อหาที่อยู่บน WaterBear ถูกแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ ได้แก่ ภาพยนตร์และสารคดีที่ได้รับรางวัล หนังนอกกระแส หนังสั้น และ ‘WaterBear Originals’ ซีรีส์ที่ทาง WaterBear ลงทุนและผลิตเอง ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ‘แผนการพัฒนาโลกเพื่อความยั่งยืน’ (SDGs) ของสหประชาชาติ ที่ให้ความสำคัญเรื่อง ‘ความหลากหลายทางชีวภาพ’ ‘ภูมิอากาศ’ ‘วัฏจักร’ และ ‘ชุมชน’ ผู้ชมสามารถเลือกรูปแบบและประเภทของเนื้อหาได้ตามความสนใจ ที่สำคัญ หนังและสารคดีทั้งหมดบน WaterBear กว่า 800 เรื่องยังเปิดให้รับชมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ หลังจากดูภาพยนตร์จบ ผู้ชมสามารถกดแถบ ‘Connect’ เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเด็นนั้นๆ ได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น หรือจะกดแชร์ภาพยนตร์และสารคดีไปยังโซเชียลมีเดียของตัวเอง เพื่อให้คนรอบตัวตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้ก็ได้เช่นกัน WaterBear […]